…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วไม่ได้มีความสนใจในเรื่องรถสปอร์ตอยู่แล้วและกำลังจะปฏิเสธแต่ยังไม่ทันได้พูดก็ได้ยินเสียงสัญญาณขาดซึ่งทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ฝืนๆ

สายสัมพันธ์แห่งเครือญาติ

เหมือนกับไฟที่แผดเผาหัวใจที่ถูกแช่เข็งของถังซิ่ว

ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน

คนจากตระกูลถังเองไม่แม้แต่จะแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกต่อต้านเขาแม้แต่น้อยแต่กลับแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเขาถึงที่สุด

พระอาทิตย์ขึ้นและตก

เวลา3วันผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับหลงเจิ้งหยู ทอมเรกกี้และคนอื่นๆเองก็ได้ไปถึงเกาะเก้ามังกร พวกเขาถูกดึงดูดโดยบรรยากาศโดยรอบที่สวยงามทันที

“เป็นที่ที่ดีจริงๆ เหมาะสำหรับไว้พักผ่อนหย่อนใจยามแก่เฒ่า ”

หลงเจิ้งหยูเองก็ได้รู้สึกว่าตัวของเขาผ่อนคลายเป็นอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะชื่นชมออกมา

ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะที่แห่งนี้จะเป็นที่เอาไว้บ่มเพาะพลังแล้วจะให้คนอื่นมาใช้เป็นที่พักผ่อนยามแก่ได้อย่างไร ? แม้ว่าหลงเจิ้งหยูจะเป็นเพื่อนกับเขาก็จริงแต่มันก็เป็นเพราะเขามีความสามารถพอ ลองให้เขาไม่มีความสามารถสิแล้วหลงเจิ้งหยูจะยังเป็นเพื่อนเขางั้นหรอ ?

เพื่อนก็คือเพื่อน เพื่อนตายก็คือเพื่อนตาย

มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

เพื่อนคือคนที่ยอมเสียเงินก้อนใหญ่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนแต่เพื่อนตายคือคนที่ยอมเสียทุกอย่างเพื่อจัดการปัญหาของเขา

“ไปกันเถอะ ฉันจะพาขึ้นไปดูด้านบน”

ถังซิ่วได้ยืนอยู่บนบ่อน้ำพุวิญญาณพร้อมกับรับรู้ได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ทั่วทุกพื้นที่ก่อนที่จะยิ้มออกมา

ไม่นานหลังจากนั้น

พวกเขาก็ได้ไปถึงลานตรงหน้าคฤหาสน์พร้อมพบกับชายรูปร่างกำยำสองคน หลังจากที่พวกเขาทำความเคารพแล้วก็ได้หลีกทางให้ซึ่งโม่อาหวูเองก็ได้รีบออกจากคฤหาสน์มาต้อนรับทันที

“สวัสดีครับบอส ยินดีต้อนรับกลับครับ”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“พวกเขาเป็นเพื่อนของฉันและจะอยู่ที่นี่เป็นเวลาสองวัน นายไปจัดเตรียมที่พักให้พวกเขาแล้วกัน ! อ่อ ยิ่งไปกว่านั้นหยีเหลียนหยานไปไหนแล้ว ? ให้เธอนำคนไปที่เรือของเราด้วย ฉันได้นำวัตถุดิบมามากมายและมันน่าจะพอสำหรับช่วงนี้ ”

โม่อาหวูเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับเดินนำทางพวกเขาเข้าไปในคฤหาสน์ หลังจากที่หลงเจิ้งหยูและทอมเรกกี้ได้สำรวจที่แห่งนี้แล้วก็รู้สึกพอใจอย่างมาก

“หากว่าฉันรวยฉันก็อยากจะซื้อเกาะแบบนี้เหมือนกัน ”

หลงเจิ้งหยูเองก็ได้พูดออกมา

ทอมเรกกี้เองก็ได้ถอนหายใจพร้อมพูดว่า

“มูลค่าของเกาะแห่งนี้ต้องไม่ใช่น้อยๆอย่างแน่นอน แม้ว่าในมือฉันจะพอยังมีเงินอยู่บ้างแต่การที่จะซื้อเกาะแห่งนี้และแต่งเติมคงจะต้องใช้เงินทั้งหมดหรือบางทีมันอาจจะยังไม่พอด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นฉันเองก็คงจะซื้อเช่นกัน ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“โชคฉันค่อยข้างดีน่ะ ฉันซื้อมันมาแค่ในราคา2.5พันล้านเท่านั้น ”

“? ”

หลงเจิ้งหยูและทอมเรกกี้เองก็ได้มองไปที่กันและกันพร้อมกับส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มฝืนๆ พวกเขารู้ว่าถังซิ่วแม่งโครตรวย คิดว่าเงิน2.5พันล้านนั้นเป็นเหมือนกระดาษหรือไง

อย่างไรก็ตาม

เมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่าถังซิ่วต้องการจะทุ่มเงินไปกับเกาะนี้ถึง2หมื่นล้านนั้นก็ทำให้อารมณ์ของพวกเขาพังทลายลงทันที อย่าว่าแต่2หมื่นล้านเลย แค่เอาเงินออกมาใช้2พันล้านพวกเขาก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยแล้ว แม้ว่าตระกูลหลงจะร่ำรวยแต่มันก็ไม่ใช่เงินของหลงเจิ้งหยู

หลงเจิ้งหยูได้หันกลับไปมองที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“อย่าเพิ่งพักผ่อนเลย พวกเราไปดูที่ที่นายต้องการจะต่อเติมหน่อยสิ วันนี้เราจะอยู่ที่นี่และกลับไปจัดเตรียมเรื่องต่างๆในวันพรุ่งนี้ เราจะจัดการเฟสแรกให้เร็วที่สุดภายในสองเดือน ”

ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับยื่นพิมพ์เขียวไปให้พร้อมกับพูดว่า

“ดูตรงที่ถูกระบายสีแดงเอาไว้ มันคือสิ่งที่ห้ามแตะต้องหรือเคลื่อนย้าย เมื่อถึงเวลาแล้วฉันจะส่งคนมาจัดการเอง มันรวมไปถึงคนงานเองก็ห้ามเข้าใกล้ที่แห่งนั้นโดยเด็ดขาด ส่วนเรื่องอื่นๆคือให้พวกนายโค่นต้มไม้ลงให้มากที่สุดและหลังจากเฟสสุดท้ายฉันอาจจะให้นายนำเข้าต้นไม้ล้ำค่ามาปลูกในที่แห่งนี้ ”

“สบายใจได้ !”

หลงเจิ้งหยูเองก็ได้พยักหน้าตกลง

ช่วงค่ำ

หลังจากที่ถังซิ่วได้พาคนอื่นไปที่บ่อน้ำพุวิญญาณพร้อมกับเห็นเรือที่จอดเทียบท่าอยู่นั้น ทอมเรกกี้เองก็ได้มองไปที่เรือรบแบบเก่าก่อนที่จะโห่ร้องออกมาว่า

“คุณถัง ที่นี่มีเรือรบด้วยงั้นหรอ ? ดูเหมือนว่ามันจะยังคงสามารถใช้ได้อยู่นะ ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ก่อนหน้านี้ที่นี่ได้ถูกยึดไปโดยกลุ่มโจรสลัด ฉันและลูกน้องจึงได้ฆ่าพวกมันแล้วแย่งเรือนี่มา”

ทอมเรกกี้เองก็ได้ถามออกมาว่า

“โจรสลัด ? รอบๆทะเลแถบนี้เองก็มีโจรสลัดอยู่มากมายแต่พวกมันแข็งแกร่งมากๆ กองกำลังจากญี่ปุ่นและสหรัฐฯเองก็ร่วมมือกันเพื่อต้อนพวกมันหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่สามารถกำจัดมันได้เสียทีแต่กลับทำให้จำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ภายในเวลาไม่กี่ปีก็มีมากกว่า200คน ที่มากที่สุดคือพลังในการรบซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งทะเลเลยก็ว่าได้ อ่อใช่ คุณถัง กลุ่มที่คุณกำจัดไปนั้นชื่อว่ากลุ่มอะไรงั้นหรอ ? ”

“ปลากระหายเลือด !”

ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างสงบ

“อะไรนะ ? ”

ท่าทางของทอมเรกกี้เองก็เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมกับโห่ร้องออกมาอย่างดังว่า

“คุณกำจัดกลุ่มโจรสลัดปลากระหายเลือดไป ? กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในทะเลแถบนี้ ? สวรรค์ ! ดอฟกี้ที่เป็นหัวหน้าของพวกมันนั้นโหดเหี้ยมและไร้ความปราณีอย่างมากแต่เจ้าหัวหน้าอันดับที่2 อินเกรนนั้นบ้ายิ่งกว่า ฉันเองเคยได้สู้กับมันในป่าแถบแอฟริกาซึ่งคอนนั้นมันเป็นหน่วยรบพิเศษทางน้ำของทางสหรัฐฯ”

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“นายรู้จักกับพวกมันดีงั้นหรอ ? ”

แววตาของทอมเรกกี้ได้เป็นประกายกระหายเลือดออกมาพร้อมกับพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ยิ่งกว่ารู้จักกันดีเสียอีก ฉันเคียดแค้นมันมาก ผู้หญิงที่ฉันชอบและอยู่กินกันมาหลายปีได้ตายในเงื้อมมือของดอฟกี้ส่วนแผลที่หน้าอกนี้อินเกรนมันเป็นคนทิ้งเอาไว้ให้ หากว่ามันเคลื่อนมาอีกครึ่งเซนติเมตรก็คงจะเจาะทะลุหัวใจของฉันไปแล้ว ”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“พวกมันตายหมดแล้ว ตอนแรกดอฟกี้ได้ถูกเราจับไว้เป็นตัวประกันแต่กลับถูกอินเกรนยิงตายไป ทว่าฉันเป็นคนฆ่าอินเกรนด้วยตัวเอง ”

ทอมเรกกี้เองก็ได้โค้งคำนับให้ถังซิ่วพร้อมกับพูดว่า

“คุณถัง ในเมื่อคุณเป็นคนฆ่าพวกมันก็ถือว่าคุณได้ช่วยฉันล้างแค้น คิดเสียว่าฉันติดหนี้บุญคุณแล้วกัน ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เอากำไรจากการเติมแต่งเกาะนี้แม้แต่หยวนเดียว”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เงินเป็นสิ่งที่นายสมควรได้รับ เราเป็นนักธุรกิจส่วนเรื่องเพื่อนกันก็อีกเรื่อง แม้ว่าที่นี่จะไกลจากไซปันแต่ก็ไม่ได้ไกลกันมากนัก หากว่าหลังจากนี้คนของฉันต้องการความช่วยเหลือก็อย่าได้ปฏิเสธแล้วกัน ”

ทอมเรกกี้เองก็ได้พยักหน้าทันที

“ไม่ต้องเป็นห่วง เพียงแค่นายเป็นบอสของโม่อาเหวินนั้นก็ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้ว หากว่ามีเรื่องอะไรก็สามารถติดต่อฉันมาได้ทุกเมื่อ ”

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาพร้อมกับมองไปที่หลงเจิ้งหยูที่กำลังตกตะลึงแล้วถามว่า

“คิดว่าที่ฉันฆ่าคนไปมันไม่เหมาะสมงั้นหรอ ? ”

หลงเจิ้งหยูเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“หากพูดกันตามตรงฉันก็ไม่เคยรู้เลยว่าการฆ่าคนมันรู้สึกอย่างไร ฉันเติบโตขึ้นในสังคมที่แตกต่าง ฉันเป็นเพียงเพลย์บอยที่อย่างมากก็ทำได้แค่สั่งสอนนักเลงไปวันๆ หลังจากที่มาเทียบกับนายแล้วฉันรู้สึกเหมือนเป็นดอกไม้ประดับบ้านไปเลย”

ทอมเรกกี้ที่ได้ยินว่ากลุ่มโจรสลัดปลากระหายเลือดได้ถูกกำจัดไปแล้วนั้นอารมณ์ดีเป็นอย่างมากจึงได้พูดหยอกล้อออกมาว่า

“ดอกไม้มันไม่ค่อยเหมาะเสียเท่าไหร่ ฉันคิดว่านายน่าจะเป็นเจ้าหญิงน้อยมากกว่า คนที่ยังไม่เคยได้ลิ้มรสการฆ่าฟันที่โหดร้ายหรือสัมผัสด้านมืดของโลกใบนี้ ”

เจ้าหญิงน้อย ?

หลงเจิ้งหยูเองก็ได้ถูจมูกของเขาเล็กน้อยพร้อมกับแสดงสีหน้าที่อึดอัดและหมดหนทาง

ถังซิ่วได้หัวเราะออกมาพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องทันที เขาได้ชี้ไปที่ห่างไกลพร้อมกับพูดว่า

“นายคิดว่าหากฉันสร้างลานบินแถวๆนั้นเป็นอย่างไร นายคิดว่าราคามันจะประมาณไหน ? ”

หลงเจิ้งหยูเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ยังไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ เพราะงั้นไม่รู้ ”

ทอมเรกกี้เองก็ได้ลูบคางของเขาพร้อมกับคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาช้าๆว่า

“หากว่าโครงสร้างทำจากเหล็กและพื้นที่กว่าหลายร้อยเมตรก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นลานบินขนาดใหญ่ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มเงินไปหลายพันล้าน ฉันคิดว่าราคาโดยรวมน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ3พันล้าน ที่ราคาขึ้นเยอะเพราะเงินส่วนใหญ่จะไปลงอยู่ที่ค่าแรงเสียมากกว่า”

ถังซิ่วเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆว่า

“งั้นเราแต่งเติมเกาะก่อนแล้วกัน ! ส่วนเรื่องลานบินค่อยว่ากันอีกครั้ง”

ทอมเรกกี้ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“คุณถัง จริงๆแล้วฉันอยากจะบอกว่าสิ่งที่ควรสร้างเป็นอย่างแรกนั้นคือลานบิน”

ถังซิ่วได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“เพราะอะไร ? ”

ทอมเรกกี้ได้พูดออกมาว่า

“เมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องแต่งเติมเกาะแห่งนี้ก็จำเป็นจะต้องขนส่งวัตถุดิบต่างๆมาทางเรือและจำนวนของพวกมันก็คงไม่ใช่น้อยๆ หากว่าเรายังคงขนส่งทางเรืออยู่แบบนี้ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลายเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือระยะเวลาเองก็ยาวนานกว่าที่สิ่งของจะมาถึงแต่หากว่าเราส่งสิ่งของเหล่านี้ทางอากาศก็จะสามารถทำเวลาได้ดีแถมยังลดราคาค่าขนส่งไปในตัว”

ถังซิ่วเองก็ได้นิ่งไปก่อนที่จะปรบมือแล้วพูดว่า

“นายพูดถูก ดูเหมือนว่าการขนส่งทางอากาศจะเหมาะกว่าทางน้ำนะ หากว่าออกเรือจากเกาะไซปันมานี่ต้องใช้เวลาเท่าไหร่กัน ? ถ้าใช้เครื่องบินก็คงไปกลับได้หลายเที่ยวแล้ว ”

ทันใดนั้นถังซิ่วก็ได้หันหน้าไปทางโม่อาเหวินก่อนที่จะถามว่า

“มีเครื่องบินขนส่งที่เราสามารถสั่งได้บ้าง ? ฉันต้องการลำที่เสริมความแข็งแกร่งพร้อมกับสภาพที่ดีมันมีบ้างไหม ? ”

โม่อาเหวินเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“บริษัทเทคโนโลยีการบิ่นเบี่ยนนั้นทำเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าทางอากาศอยู่ครับ ผมมีความสัมพันธ์อยู่กับรองผู้จัดการ โบเหลี่ยนดุนอยู่ ผมมีเบอร์ติดต่อของเขาอยู่ ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“ราคาของเครื่องบินขนส่งสินค้านั้นอยู่ราวๆเท่าไหร่กัน ? ”

โม่อาเหวินเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับตอบกลับไปว่า

“ผมเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกันครับเพราะพวกเราเองก็ไม่เคยซื้อเครื่องบินขนส่งสินค้าเช่นกัน หรือจะให้ผมลองโทรหาเขาดูไหมครับ”

(ที่เงียบๆไม่ใช่อะไรครับ ไปแอบอ่านมา ตอนนี้พระเอกมีเมียที่นับได้อยู่ 12-13 คนนี่แหละ 5555+)