…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

รวยงั้นหรอ ?

ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดมากที่สุดคือเงิน เขาต้องการจะแปลงโฉมเกาะเก้ามังกรแห่งนี้และเงินทุนที่ต้องใช้นั้นก็มหาศาลจนน่ากลัว สำหรับเขาแล้วเงินในบัตรพวกนี้มันยังไม่พอดังนั้นช่วงที่กำลังคุยกับหลงเจิ้งหยูอยู่เขาก็กำลังคิดอยู่ว่าจะไปหาเงินมาจากที่ไหนดี

อย่างไรก็ตาม

การจะปรับเปลี่ยนที่แห่งนี้ก็ไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น หากว่าให้เวลาบริษัทของเขาได้เติบโตขึ้นอีกหน่อยก็จะไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนเลยแม้แต่น้อย

“เธอเรียกฉันมาเพราะเรื่องอะไรงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

หยีเหลียนหยานเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“จะมาเรียกนายเพื่อไปทานอาหารกัน เมื่อเช้านี้ฉันก็พยายามหาตัวนายแล้วแต่ก็ไม่เจอถึงได้ลองมาเสี่ยงโชคดูที่แห่งนี้ ไม่คิดเลยว่านายจะอยู่ที่นี่จริงๆ ”

ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“ไปกันเถอะ เรากลับไปทานข้าวกัน ”

ณ ตอนนี้ ศพทั้งหมดในคฤหาสน์เองก็ได้ถูกกำจัดโดยการเผาไปหมดแล้ว คนที่ถูกจับมาเป็นตัวประกันก็ได้ถูกนำส่งพร้อมกับศพของเหล่าตัวประกัน ส่วนเรื่องจะเอาอย่างไรกับศพเหล่านั้นก็เป็นหน้าที่ของพวกเขา

และ

ช่วงเช้าวันนี้หลันเถาและคนอื่นๆเองก็เก็บกวาดซากหายนะจากการปะทะกันซึ่งตอนนี้ดูสะอาดเรียบร้อยขึ้นมาก

หลังจากที่ทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว

ถังซิ่วได้มองไปที่ดวงตาของหยีเหลียนหยานที่กำลังเก็บโต๊ะอยู่พร้อมกับโบกมือไปทางหลันเถาให้เดินออกไปคุยกับเขาด้านนอก

“บอสครับ มีอะไรงั้นหรอครับ ? ”

ถังซิ่วได้พูดขึ้นว่า

“ฉันกำลังจะกลับไปยังเกาะไซปันดังนั้นต้องฝากที่นี่ให้นายดูแลนะ ”

หลันเถาเองก็ได้พูดขึ้นว่า

“หายห่วงได้เลยครับ ”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ส่วนเด็กสาวคนนั้นเองหากว่าเธอต้องการจะอยู่ที่นี่ก็ให้เธออยู่ไป เรื่องซักผ้าและอาหารก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอแล้วกันยิ่งไปกว่านั้นช่วงที่ฉันจากไปนายก็ต้องจัดการสำรวจให้ทั่วเกาะแห่งนี้ว่ายังมีคนเหลือรอดอยู่หรือเปล่า หากว่ายังมีก็จับตัวมันมาไว้ซะแล้วรอฉันกลับมาจัดการ หากว่าไม่มีก็ประจำการอยู่ที่นี่และรอทีมก่อสร้าง”

หลันเถาเองก็ได้พูดขึ้นว่า

“เราจะประจำการอยู่ที่นี่ครับอย่างไรก็ตามกำลังพลของเรามีน้อยเกินไปและไม่สามารถดูแลได้ทั่วทั้งเกาะ”

ถังซิ่วได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะพูดว่า

“เห้อออ…. ลูกน้องของฉันช่างน้อยนิดจนน่าเศร้า”

หลันเถาเองก็ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปก่อนที่จะพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“บอสต้องการให้ผมกลับไปบ้านเกิดเพื่อคัดเลือกคนกลับมาที่นี่ไหมครับ ? ผมรู้จักคนที่แข็งแกร่งอยู่บ้างซึ่งเพิ่งปลดประจำการมาไม่นานนี้ นานสุดก็ยังไม่เกิน2ปียิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเป็นหนึ่งในหน่วยรบพิเศษซึ่งหากว่าเราฝึกพวกเขาดีๆก็จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นได้ไม่ยาก”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“พวกเขาเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับนาย”

หลันเถาเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“มีอยู่บางคนที่มีความสามารถไม่น้อยไปกว่าผมเลย ! คนอื่นๆเองก็สามารถเทียบได้กับลูกน้องของผม ”

ถังซิ่วได้ตัดสินใจออกมาว่า

“ไม่มีปัญหา นายไปจัดการเรื่องนี้แล้วกันส่วนเรื่องการปกป้องเกาะก็ยกให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นไปก่อน จำไว้ว่าฉันไม่ได้ต้องการให้นายนำคนที่แข็งแกร่งมาแต่เป็นคนที่ภักดีต่อฉันเท่านั้น”

หลันเถาเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“เรื่องนี้ผมสามารถรับประกันได้แต่ว่าเรื่องค่าจ้าง……..”

ถังซิ่วเองก็ได้จ้องมองไปที่หลันเถาก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า

“ใช่แล้ว ตั้งแต่ที่ฉันรับสมัครนายมาก็ยังไม่ได้ให้เงินแม้แต่หยวนเดียวเลยนี่นา เอางี้เป็นไง พวกนายทั้ง12คนจะได้เงินเดือนปีละ5แสนส่วนคนอื่นๆที่นายนำมานั้นจะได้3แสน หากว่าผลงานของพวกเขาดีก็จะขึ้นเงินเดือนให้เท่ากับพวกนาย”

หลันเถาเองก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“รับทราบ !”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“หลังจากที่ฉันกลับไปยังเกาะไซปันแล้วฉันจะโอนเงินไปให้นาย20ล้าน นายจัดการบริหารเงินเอาแล้วกันและหากว่าหมดแล้วก็สามารถติดต่อมาหาฉันได้ ส่วนเรื่องอุปกรณ์ที่ต้องการเองก็เหมือนกัน ตราบใดที่มันจำเป็นเราก็ไม่ต้องประหยัด”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลันเถาเองก็หนาขึ้นเรื่อยๆ เขาเพิ่งจะพบว่าการที่เลือกติดตามถังซิ่วนั้นเป็นทางเลือกที่ฉลาดมากๆ การติดตามเขาไม่ใช่แค่ทำให้ชีวิตของเขากลับไปผลิบานเหมือนแต่ก่อน เขาสามารถฆ่าคนร้ายและโจรสลัด ใช้ชีวิตอยู่ในห่ากระสุนซึ่งทำให้เลือดของเขากลับมาเดือดพล่านอีกครั้งแถมยังมีสวัสดิการที่มากมาย

“บอสครับ คุณสามารถวางใจได้เลยว่าผมจะช่วยคุณหาผู้เชี่ยวชาญมาอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วได้โบกมือของเขาพร้อมกับพูดว่า

“เกี่ยวกับเรื่องการทหารนั้นฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวแต่ห้ามสอนพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องวิทยายุทธโดยเด็ดขาด พวกนายต้องรับฟังคำสั่งของโม่อาเหวินเพราะเขาแข็งแกร่งและยังมีไหวพริบ ฉันจะให้เขาจัดการบริหารที่นี่ชั่วคราว ”

“ครับผม ”

หลันเถาไม่ได้มีข้อโต้แย้งใดๆเกี่ยวกับคำสั่งของถังซิ่วแม้แต่น้อยเพราะเขาได้สัมผัสถึงความแข็งแกร่งของโม่อาเหวินมาแล้วซึ่งการที่จะให้เขาเดินตามหลังโม่อาเหวินนั้นก็เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“เรือที่โจรสลัดมันทิ้งไว้อยู่ที่ไหนกัน ? เมื่อเช้านี้ฉันได้เดินเที่ยวไปทั่วเกาะแต่กลับไม่เห็นแม้แต่ลำเดียว ”

หลันเถาเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เรือของพวกมันไม่ได้จอดอยู่ที่ฝั่งแต่จอดไว้กลางทะเลครับ ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะกลัวว่าบนเกาะอาจจะมีอันตรายจึงได้ทิ้งเรือเอาไว้ที่นั่นและตรวจสอบที่แห่งนี้ดูก่อน เราได้ตรวจสอบแล้วว่ามีเรือรบเก่าทั้งหมด3ลำและบนเรือเองก็มีอาวุธอยู่เช่นกัน”

ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“ดูเหมือนว่าการเป็นโจรสลัดหลายปีนี้ก็คงจะไม่ได้โง่งมซะทีเดียว หากว่าเราไปเจอพวกมันในน่านน้ำก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะฆ่ามันหรืออาจจะถูกอาวุธบนเรือของพวกมันจมเรือเราเสียเอง”

หลันเถาเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“ใช่แล้วครับ โจรสลัดมันเป็นใหญ่ในน่านน้ำ เรือที่บอสนั่งมาเองก็ได้ถูกใช้นำไปส่งตัวประกันที่เกาะหนานเหนียวแล้วครับและมันคงจะลำบากเล็กน้อยหากคุณจะใช้เรือโจรสลัดกลับไปยังเกาะไซปันเพราะสัญลักษณ์ของพวกมันเป็นที่รู้จักกันดีและคุณอาจจะโดนถล่มจากยามชายฝั่งก่อนที่จะถึงเกาะด้วยซ้ำ ”

คิ้วของถังซิ่วได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“นายพอจะดัดแปลกมันแบบชั่วคราวได้ไหม ? ”

หลันเถาเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดว่า

“มันไม่ง่ายเท่าไหร่เลยครับ อาวุธที่อยู่บนดาดฟ้าเรือนั้นมีมากเกินไปและมันต้องใช้เวลาขนย้ายและดัดแปลงอีกหลายวันครับ”

ถังซิ่วเองก็ได้ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า

“งั้นช่างมันเถอะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นฉันจะรอให้เรือกลับมาแล้วค่อยกลับไปเกาะไซปันแล้วกัน”

ช่วงเวลากลางคืน

ถังซิ่วกำลังนั่งบ่มเพาะพลังของเขาของที่จุดสูงสุดของคฤหาสน์ พลังแห่งดวงดาราภายในร่างกายเริ่มแน่นหนาขึ้นเรื่อยๆและสามารถตัดผ่านไปยังขั้นเสริมสร้างเลือดเนื้อได้ทุกเมื่ออย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถตัดผ่านไปได้

จนถึงช่วงตี4ตอนเช้าเขาได้ออกจากยอดบนสุดของคฤหาสน์พร้อมกับมาถึงที่อ่าวตรงที่มีบ่อน้ำพุวิญญาณก่อนที่จะนั่งสมาธิอยู่ตรงนั้น

เมื่อวานนี้เขาพบว่ามันมีพลังวิญญาณจักรพรรดิม่วงอยู่และเขาเองก็ต้องการที่จะลองมันว่าวันนี้มันจะมีไหมเพราะเขาสามารถดูดกลืนมันได้อย่างแน่นอน

เมื่อเวลาผ่านไป

แสงรุ่งอรุณได้สาดส่องพร้อมกับพลังวิญญาณจักรพรรดิม่วงที่แผดพุ่งลงมาจากสุดขอบฟ้าได้ตกกระทบกับหน้าผากของถังซิ่วที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น

“เปรี้ยง……”

ถังซิ่วที่กำลังนั่งบ่มเพาะพลังอยู่นั้นถึงกับกระสับกระส่าย เขารู้สึกเหมือนกับว่าจิตใต้สำนึกของเขากำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆโดยพลังที่ยิ่งใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานพลังวิญญาณจักรพรรดิม่วงก็ได้ไหลเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเขาพร้อมกับไหลเวียนไปตามเส้นพลังทั่วร่างกายของเขาทันที

“ดูดกลืน !!!”

ถังซิ่วได้ใช้พลังแห่งดวงดาราทั้งหมดเพื่อบีบอัดพลังวิญญาณจักรพรรดิม่วงในร่างกายของเขาและพยายามที่จะดูดกลืนมัน

อย่างไรก็ตาม

พลังวิญญาณจักรพรรดิม่วงนั้นมีพลังต่อต้านที่รุนแรงและขัดขืนอยู่หลายครั้ง เมื่อมันเริ่มปรับตัวเข้ากับพลังแห่งดวงดาราที่กำลังห้อมล้อมมันได้นั้นพลังวิญญาณจักรพรรดิม่วงเองก็เริ่มขัดขืนน้อยลงก่อนที่จะควบแน่นเป็นก้อนพลังขนาดเท่านิ้วโป้ง

“ละลายไปซะ!!!”

ถังซิ่วได้กัดฟันตัวเองพร้อมกับใช้พลังแห่งดวงดาราทั้งหมดเพื่อดูดกลืนพลังวิญญาณจักรพรรดิม่วง เขาได้ใช้เวลาไปกว่าหลายสิบนาทีและสุดท้ายมันก็ยอมผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน

“บึ้สสส!!!~~~”

ชั่วพริบตานี้เองที่ถังซิ่วรู้สึกเหมือนกำลังถูกเผาทั้งเป็น อวัยวะภายในทั้งห้าเองก็กำลังถูกขัดเกลาและหล่อหลอมเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น เส้นเลือด กระดูกและข้อต่อของเขาก็กระชับขึ้นก่อนที่กล้ามเนื้อของเขาเริ่มปริออก

เซลล์ทั้งหมดของเขาเริ่มแบ่งตัวเป็นสองก่อนที่จะแบ่งเป็นสี่ เซลล์ที่อ่อนแอในร่างกายทั้งหมดได้ถูกขับออกไปอย่างไร้ความปราณีเหลือไว้เพียงเซลล์ที่แข็งแกร่งเท่านั้น แม้กระทั่งเซลล์ของกล้ามเนื้อของก็เริ่มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

ทุกๆเซลล์ในร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น หนาขึ้นและเพิ่มขึ้นหลายเท่าภายในไม่กี่ชั่วโมง

แม้ว่าหากมองจากภายนอกแล้วถังซิ่วจะไม่ได้ดูเปลี่ยนไปแม้แต่น้อยแต่ว่าภายในร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัว ต่อให้มีคนเอาปืนมาจ่อยิงหัวเขาในตอนนี้ก็จะไม่ทำให้กระดูกเขาได้รับความเสียหายแม้แต่น้อยทว่าอาจจะมีรอยฟกช้ำอยู่บ้าง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..”

เสียงหัวเราะได้ดังออกมาจากปากของเขาทันทีเพื่อดวงตาของเขาได้เปิดขึ้นก่อนที่เขาจะเหยียบไปบนผิวน้ำทะเล

ความสุขที่สามารถตัดผ่านได้นั้นทำให้เขาถึงกับดีใจจนเนื้อเต้นอยู่หลายนาที เขาค้นพบว่าการที่นั่งบ่มเพาะอยู่ที่บ่อน้ำพุวิญญาณนั้นมันมีความสามารถในการทำให้ร่างกายดูดซึมพลังวิญญาณจากตัวน้ำพุได้ทันที สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจไปมากกว่านั้นคือความเร็วในการดูดกลืนพลังแห่งดวงดาราและดวงอาทิตย์ของเขารวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก