ฮองเฮานั่งอยู่บนพระที่นั่งในตำหนัก บนศรีษะสวมมงกุฎหงส์สีทอง ใส่ชุดคลุมด้วยเสื้อคลุมหงส์ ดูแล้วอายุประมาณ 28 หรือ 29 ปี พระพักตร์สวยงาม ไม่ได้ดูแก่เหมือนกับที่จางลั่วเฉินคิดไว้ แล้วยังมีรัศมีสูงศักดิ์เปล่งประกายออกมา

 

ฮองเฮากล่าว

 

“องค์ชายใหญ่กำลังปิดตัวฝึกฝนอยู่ในตำหนักเป็นตาย พิธีบูชายันต์ครั้งนี้ ข้าจะเป็นผู้จัดการเอง ท่านราชครูได้ตรวจดูหรือยังว่า อักษรสวรรค์ขององค์ชายเก้าปลดผนึกแล้วอยู่ระดับไหน”

 

ราชครูส่ายหัว ในมือของราชครูได้ถือม้วนหนังสือเล่มหนึ่งไว้ แล้วกล่าวว่า

 

“ในตำราอักษรสวรรค์ ทั้งหมดได้ถูกบันทึกอักษรสวรรค์ที่เคยปรากฏมาทั้งหมดของโลกคุนหลุน ตั้งแต่ระดับที่ 1 จนถึงระดับที่ 9 แต่ว่า กลับไม่มีอักษรสวรรค์ไหนที่เหมือนกับอักษรสวรรค์ขององค์ชายเก้าเลยแม้แต่อันเดียว”

 

ฮองเฮาปรายตามองไปที่จางลั่วเฉิน แล้วกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้ายว่า

 

“ในเมื่อไม่สามารถวัดระดับได้ ก็คงจะเป็นอักษรสวรรค์ที่ไม่ได้มีระดับอะไร ในเขตอื่นของประเทศก็เคยมีอักษรสวรรค์ของจอมยุทธที่ปลดผนึกแล้วไม่สามารถรู้ระดับของอักษรได้มาก่อน ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จได้นั้นมีน้อยมาก”

 

องค์ชายแปดที่ยืนอยู่ในกระโจมเอง ก็รีบกล่าวขึ้นมาว่า

 

“ฮองเฮาตรัสได้ถูกต้องแล้ว ตอนนี้น้องเก้าอายุ 16 ปีแล้ว ถ้าพลาดช่วงที่ดีที่สุดในการฝึกไป สำหรับน้องเก้า ถึงจะปลดผนึกได้อักษรสวรรค์ระดับ 4  หรือ ระดับ 5 ก็คงไม่ได้มีผลอะไร”

 

ฮองเฮาพยักหน้า เห็นด้วยกับองค์ชายแปด แล้วกล่าวว่า

 

“ถึงแม้องค์ชายเก้าจะปลดผนึกอักษรออกมาได้แบบไม่มีระดับขั้น ซ้ำยัง อายุ16ปีแล้ว เพื่อช่วยประหยัดของสำหรับการฝึกของราชวงศ์ คงจะให้น้ำล้างกระดูกแก่องค์ชายเก้าได้แค่ชุดเดียว”

 

สนมหลินมีใบหน้าเสีย แล้วกล่าวว่า

 

“ฮองเฮา ปีแรกที่ปลดผนึกอักษรสวรรค์นั้น คือปีที่สำคัญที่สุด ปีที่องค์เจ็ดปลดผนึกอักษรนั้น ได้รับน้ำล้างกระดูกถึง 12 ชุด ทุกเดือนสามารถอาบได้ 1 ครั้ง ทำไม ลูกเฉินถึงได้รับเพียงแค่ชุดเดียว”

 

ฮองเฮาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า

 

“ตอนที่องค์ชายเจ็ดอายุได้ 3 ปี ก็สามารถปลดผนึกอักษรระดับ 7 ได้แล้ว หรือว่าองค์ได้เก้าสามารถทำได้เหมือนกันกับองค์ชายเจ็ด”

 

องค์ชายแปดรีบพูดอย่างประจบว่า  

 

“พี่เจ็ดเป็นโอรสของฮองเฮา ได้รับสายเลือดที่เก่งกาจมาจากฮองเฮา แล้วยังครอบครองอักษรสวรรค์ระดับเจ็ด ทั้งประเทศหยุนอู่จวินใครจะสามารถเทียบกับพี่เจ็ดได้”

 

องค์ชายแปดกล่าวต่ออีกว่า

 

‘’องค์ชายใหญ่เคยกล่าวคำที่ไม่ค่อยน่าฟังออกมาว่า เพียงแค่นิ้วหนึ่งนิ้วของพี่เจ็ดนั้นยังมีค่ามากกว่าชีวิตน้องเก้า นับ สิบเท่า ร้อยเท่า แต่เดิมก็ไม่ควรเอาพี่เจ็ดมาเทียบด้วยซ้ำ’’

 

สนมหลินกัดฟัน แล้วรีบช่วยพูดให้กับจางลั่วเฉินต่อว่า

 

“ตอนที่องค์ชายแปดปลดผนึกอักษรสวรรค์เอง ก็ยังได้รับน้ำล้างกระดูกถึง 4 ชุดเชี่ยวนะ’’

 

ฮองเฮาตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ว่า ‘’คนที่มีพรสวรรค์มาก ก็ยิ่งได้รับของเยอะ องค์ชายเก้ามีพรสวรรค์ต่ำสุด ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าของที่ได้รับก็ต้องต่ำตามไปด้วย“

 

สนมหลินยังกล่าวต่อ

 

“แต่ว่า…”

 

ฮองเฮารู้สึกรำคาญเป็นอย่างมากก่อนจะกล่าวออกมาว่า

 

“ข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว สนมหลิน ถ้าเจ้ายังกล้าพูดอีกล่ะก็ ข้าจะให้คนลากเจ้าออกไปโบยทำโทษอีกครั้ง ! ”

 

“อีกครั้ง…”

 

จางลั่วเฉินได้ยินที่ฮองเฮาทรงรับสั่ง เขารีบเงยหน้าขึ้นทันที

 

…หรือว่าฮองเฮาเคยทำโทษโบยท่านแม่มาก่อน !

 

พอสนมหลินได้ยินที่ฮองเฮาตรัส เนื้อตัวพลันสั่นขึ้นมา เหมือนจะนึกถึงเรื่องที่น่ากลัวขึ้นมาได้ ก่อนจะรีบปิดปากทันที

 

ในขณะนั้น ได้มีคนนำน้ำล้างกระดูกเข้ามาหนึ่งชุด แล้วส่งให้กับจางลั่วเฉิน

 

เมื่อจางลั่วเฉินรับน้ำล้างกระดูกมา เขาเดินไปข้างๆสนมหลิน พร้อมหันกลับไปมองฮองเฮาที่นั่งอยู่พระที่นั่ง แล้วกล่าวว่า

 

“ท่านแม่ พวกเรากลับกันเถอะ”

 

“อืม” สนมหลินเม้มปาก แล้วพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย

 

ฮองเฮามองตามหลังจางลั่วเฉินและสนมหลินที่เดินออกไป แล้วกล่าวว่า

 

“สามเดือนนับจากนี้ คือการสอบครั้งสุดท้ายของตระกูลฮวาง องค์ชายเก้าต้องพยายามฝึกฝน ให้สามารถ ผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ภายในสามเดือน แล้วกลายเป็นจอมยุทธที่แท้จริง เมื่อถึงตอนนั้น องค์ชายใหญ่คงฝึกสำเร็จแล้ว หวังว่าเธอจะทำให้เขาประหลาดใจได้นะ”

 

ได้ดังนั้น องค์ชายแปดพูดอย่างดูถูกและกลั้วหัวเราะพร้อมกล่าวว่า

 

“ต่อให้มีน้ำล้างกระดูกสามชุด ก็ไม่สามารถผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นได้สำเร็จภายในสามเดือนหรอก ขนาดข้ายังต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีถึงจะทำได้ และดูจากความสามารถของน้องเก้า คงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี ถึงจะมีโอกาส ฮ่าฮ่า ๆ ”

 

จางลั่วเฉินไม่ได้หันกลับไป เขากำหมัดแน่น แล้วนึกในใจว่า

 

“เราก็มาลองดูแล้วกัน ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวังแน่!”

 

เมื่อกลับมาถึงตำหนักจื่ออี๋เพี่ยน จางลั่วเฉินรีบปิดประตู แล้วเริ่มฝึกฝนทันที

 

ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าอักษรสวรรค์ที่ปลดผนึกออกมานั้นเป็นระดับไหน     แต่ว่าในเมื่อมีอักษรสวรรค์แล้ว ก็หมายความว่าสามารถฝึกฝนลมปราณได้

 

ก่อนอื่น ขั้นแรก ต้องเปิด“บ่อกำเนิดลมปราณ” ด้านล่างของรอยผนึกบนอักษรสวรรค์

 

“บ่อกำเนิดลมปราณ”ก็คือจุดที่ใช้กักเก็บลมปราณ

 

บ่อลมปราณยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งสามารถเก็บลมปราณได้มาก ซึ่งยิ่งฝึกฝนมากขึ้นเท่าไหร่ “บ่อลมปราณ”ก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น

 

ตามปกติแล้ว การเปิด“บ่อลมปราณ” ต้องทำโดยมีผู้อาวุโสแนะนำ

 

แต่สำหรับจางลั่วเฉินที่มีประสบการณ์ในการฝึกฝนมามากแล้วนั้น การเปิด“บ่อลมปราน”ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ก็สามารถเปิด“บ่อลมปราณได้สำเร็จ”แล้ว

 

แต่สำหรับผู้ฝึกฝนคนอื่น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเป็นวันในการทดลอง ถึงจะสามารถเปิด“บ่อลมปราณ”ได้

 

แต่จางลั่วเฉินกลับใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม

 

“ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป ถึงเปิดบ่อลมปราณได้แต่ขนาดเท่าไข่ไก่ กักเก็บลมปรานได้น้อยเกินไป!”

 

จะเปิด“บ่อลมปราณ” ยังไงก็ไม่พอ

 

บ่อลมปราณ เก็บได้แค่ลมปราณเท่านั้น

 

และลมปราณจะต้องโคจรไปทั่งร่างกาย จึงจำเป็นต้องเปิดจุดชีพจรที่เหมาะสมกับการฝึกของตัวเอง

 

มีแต่ต้องทำสำเร็จในขั้นนี้เท่านั้น ถึงจะมีลมปราณกำเนิดขึ้น แล้วกลายเป็นจอมยุทธที่แท้จริง

 

ต่อมาคือขั้นที่สอง ผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น

 

จางลั่วเฉินหยิบขวดหยกที่ใส่น้ำล้างกระดูกออกมา แล้วลองดมกลิ่นดู พอแน่ใจว่าเป็นน้ำล้างกระดูกจริง ๆ ก็เทน้ำในขวดทั้งหมดลงปากทันที

 

พอน้ำผ่านลงคอไป พลันเยือกเย็นไปทั้งตัว แต่เพียงแค่พริบตาเดียว ความเยือกเย็นนั้นก็หายไป กลับแทนที่ด้วยความร้อน เหมือนกับมีเปลวไฟ กำลังเผาไหม้อยู่ในร่างกาย!

 

เปลวไฟแต่ละสาย แทรกซึมเข้าไปในทุกจุดชีพจรของจางลั่วเฉิน แล้วหลอมรวมเข้าด้วยกัน

 

และในตอนนั้นเอง!

 

‘’เก้าวิถีจักรพรรดิหมิง  ขั้นที่หนึ่ง จักพรรดิอเวจีมหานรก’’

 

การฝึกฝนวิถีนี้ไม่เหมือนกับวิถีอื่น

การเปิดจุดชีพนั้นก็ไม่เหมือนกัน

 

ยิ่งเป็นวิถีที่ล้ำลึกมากเท่าไหร่  จุดชีพจรก็ยิ่งเยอะมากเท่านั้น ทั้งซับซ้อน และน่าแปลกใจ

 

จุดชีพจรของเก้าวิถีจักพรรดิหมิงนั้น มีทั้งหมดสามสิบหกจุด

 

ซึ่งแน่นอนว่า จางลั่วเฉินในตอนนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดจุดชีพจรทั้งหมดออกมา เปิดออกมาเพียงแค่หนึ่งจุด ก็ถือว่าผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นสำเร็จแล้ว

 

“พวกเขาพูดกันว่า ถึงข้าจะใช้เวลาถึงสามเดือนก็ไม่สามารถที่จะผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ แต่ว่า ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นเอง เพียงแค่คืนเดียวข้าก็สามารถผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นได้สำเร็จ และกลายเป็นจอมยุทธ์อย่างแท้จริง!”

 

จางลั่วเฉินใช้ประสบการณ์การฝึกจากชีวิตที่แล้ว ใช้ลมปราณที่มีทั้งหมด ทะลวงจุดชีพจร ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถทะลวงจุดชีพจรไปได้มากกว่าครึ่ง

 

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทะลักออกมาจากในร่างกาย เหมือนกับชีพจรถูกตัดขาด ทำให้ทั่วทั้งร่างของจางลั่วเฉินสั่นสะท้าน

 

ถ้าหากว่าเป็นคนอื่น เจอเข้ากับสถานการณอย่างนี้ แน่นอนว่าคงทะลวงจุดชีพจรไม่สำเร็จแน่นอน

 

แต่ว่า จางลั่วเฉินกลับกัดฟันทน ใช้ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าประคองตัวเองเอาไว้ ถึงแม้เหงื่อไหลออกมาไม่ขาดสาย แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมตัดใจ

 

“อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น…..”

 

ความหวังอยู่แค่ตรงหน้า ยังไงก็ต้องทะลวงจุดให้สำเร็จ!

 

ต้องทำให้สำเร็จให้ได้!

 

จางลั่วเฉินรวบรวมลมปราณ แล้วส่งลมปราณที่มีเหลือทั้งหมดทะลวงเข้าไป  

 

“ตูม!”

 

เสียงดังกึกก้องออกมาจากภายในร่างกาย จนแทบจะทำให้จางลั่วเฉินสิ้นสติไป

 

เมื่อความเจ็บปวดค่อย ๆ หายไป ก็รู้สึกถึงลมปราณเย็นที่ไหลวนอยู่ภายในชีพจร ทั่วทั้งร่างก็รู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

“ฮาฮา!  สำเร็จแล้ว!ผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นสำเร็จแล้ว กลายเป็นจอมยุทธ์จริง ๆ แล้ว!”

 

ตอนที่องค์ชายแปดสำเร็จขั้นนี้ ใช้น้ำล้างกระดูกไปถึง 4 ขวด แล้วยังใช้เวลาไปถึงครึ่งปี“

 

แต่จางลั่วเฉินกลับใช้เวลาเพียงแค่คืนเดียว ซ้ำยังใช้น้ำล้างกระดูกไปเพียงแค่ขวดเดียว

 

เมื่อผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นสำเร็จ ก็เป็นผู้ฝึกฝน “ขั้นอเวจีในระดับต้น”

 

การฝึกฝนของจอมยุทธ์ จะแบ่งเป็น 4 ขั้น “อเวจี, ลึกลับ , ปฐพี ,สวรรค์ ”ก็คือ ขั้นพลังอเวจี , ขั้นพลังลึกลับ, ขั้นพลังปฐพี, ขั้นพลังสวรรค์ ,

 

ในทุกๆขั้นก็จะแบ่งเป็น ระดับย่อย ๆ อีก 7 ระดับ คือ ระดับต้น ระดับกลาง ระดับปลาย  ระดับสูงต้น ระดับสูงกลาง ระดับสูงปลาย ระดับสูงสุด

 

ขั้นใหญ่ 4  ขั้น ระดับย่อย 8 ขั้น

 

จางลั่วเฉินในตอนนี้คือผู้ฝึกฝนขั้นพลังอเวจีระดับต้น

 

ขั้นระดับต้น ระดับกลาง ระดับปลาย จำเป็นทะลวงชีพจรและเส้นลมปราณ ทำให้ร่างกายมีพละกำลังและแข็งแรงยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่ผ่านระดับย่อย พละกำลังก็จะมากขึ้น

 

องค์ชายแปดคือผู้ฝึกฝนขั้นอเวจีระดับปลาย สามารถใช้มือเปล่ายกหินหนักได้ถึง 300 ชั่ง แล้วยังสามารถโยนไปได้ไกลถึง 10 จ้าง กำลังหมัดของเขา เทียบได้กับวัว 1 ตัว

 

จอมยุทธ์ที่อยู่ในขั้นอเวจีระดับปลาย ส่วนมากจะสามารถฝึกฝน และ“แรงเทียบเท่ากับวัว” ออกมาได้

 

ขั้นที่สูงกว่าระดับปลายอีก 4 ระดับคือ คือระดับสูงต้น ระดับสูงกลาง ระดับสูงปลาย และระดับสุดยอด สี่ขั้นพลัง

 

เมื่อทะลุผ่านระดับปลายไปได้ ก็จะไปถึงระดับอเวจีสูงต้น และจะมีพละกำลังเทียบเท่ากับ“วันสี่ตัว” หรืกำลังเพิ่มขึ้นอีก 4  เท่า

 

ดังนั้น เมื่อจอมยุทธ์ขั้นพลังอเวจีระดับสูงต้น มาสู้กับจอมยุทธ์ขั้นพลังอเวจีระดับปลาย ก็เหมือนกับเอาผู้ใหญ่มาสู้กับเด็ก เอาหนึ่งคนปล่อยหมัดออกมาสิบหมัดก็ไม่สะทกสะท้านอะไร

 

ระดับที่สูงขึ้นไปอีกคือ ระดับสูงกลาง ระดับสูงปลาย ระดับสูงสุด ยิ่งทวีความน่ากลัวขึ้นไป พละกำลังที่มีนั้นยากที่คนทั่วไปจะจินตนาการถึงได้

 

ระดับขั้นพลังพวกนั้นยังคงห่างไกลกับจางลั่วเฉินมากนัก ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องไปคิดถึงมัน จุดสำคัญคือต้องมุ่งไปข้างหน้า ค่อย ๆ ฝึกฝนไปเรื่อย ๆ ถึงจะสามารถไปได้ไกล

 

องค์ชายแปดฝึกฝนมา 8  ปี ก็พึ่งจะบรรลุถึงขึ้นอเวจีระดับปลาย ก็นับได้ว่ามีพรสวรรค์ธรรมดา

 

“องค์ชายแปดใช้เวลาครึ่งปี ถึงจะผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ แต่ข้าใช้เวลาแค่คืนเดียว”

 

“องค์ชายแปดใช้เวลาแปดปี ถึงจะฝึกฝนได้ถึงขั้นอเวจีระดับปลาย ข้าจะต้องใช้เวลาภายในสามเดือนนี้ ทำจุดมุ่งหมายนี้ให้สำเร็จ หากเทียบกับคนอื่นคงไม่มีโอกาสที่จะทำมันได้”

 

สามเดือนหลังจากนี้ คือการสอบครั้งสุดท้ายของตระกูลฮวาง ดังนั้นจอมยุทธ์หนุ่มทั้งหลายของตระกูลฮวาง รวมทั้งองค์ชายทุกพระองค์ องค์หญิง ฮองเต้ และญาติทั้งหลาย ก็ต้องมาเข้าร่วมการสอบนี้ เพื่อดูผลการฝึกฝนตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

 

ในตระกูลฮวาง ถ้าอยากจะมีฐานะที่ดี อยากได้รับความเคารพ อยากได้ของมาใช้ฝึกฝนมากขึ้น ก็ต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง

 

สามเดือน!

 

ภายในสามเดือน จะต้องฝึกฝนให้ถึงขั้นอเวจีระดับปลายให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง ต้องทำเพื่อท่านแม่ที่คอยรักและเป็นห่วงตนเองมาตลอด เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีที่ท่านแม่สมควรจะได้

 

(จบแล้วครับ)

สามาอ่านก่อนใครได้ที่เพจ BOXKINGS หรือเพจ WGSD  เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย  ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ