“ ซวบ ——”

 

ในช่วงทันใดนั้นเอง ก็ได้เกิดลมพายุม้วนอยู่ใจกลางหุบใจแผ่พุ่งออกมา เพียงพริบตานั้นเอง ก็ได้พัดพาเหล่ากลุ่มเมฆหมอกที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาออกไปอย่างหมดจด หลังจากนั้น ทั้งหมดก็มองเห็นด้านในของหุบเขาลึกแล้ว อีกทั้งยังเห็นแผ่นศิลาโบราณห้าชิ้นปรากฏออกมา

 

แผ่นศิลาที่ปรากฏมีลักษณะคล้ายกับที่อยู่ในมือของซ่งเซ้าเฉิงอย่างกับถอนแบบออกมา เพียงแต่มีลักษณะที่ใหญ่กว่ามากมายนัก อีกทั้งบนศิลาชิ้นนี้ ได้มีการแกะสลักตัวอักษรโบราณที่ดูลี้ลับไว้อยู่ด้วย

 

“ โอ ——”

 

“ อารามก่อฟ้า ปรากฏออกมาแล้ว “

 

สายตาของผู้คนมากมายต่างมองไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างประหลาด อีกทั้งยังทำให้แต่ละคนมีปฏิกิริยากลับมา จากนั้นจิตใจของพวกเขาก็ราวกับจะกระโดดกระดอนออกมา ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ต่างก็ไม่มีผู้ใดคาดเดาได้ อารามก่อฟ้าแห่งนี้นั้นความจริงมิใช่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาชิงเซวียน เทือกเขาชิงเซวียนเพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของการเข้าสู่อารามก่อฟ้าเพียงเท่านั้นเอง อีกทั้งการมีอยู่ของอารามก่อฟ้านั้น ราวกับอยู่ในโลกของตัวมันเอง

 

แต่ว่า หากว่าฉากเบื้องหน้า สายตาของทุกผู้คนต่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยความอิจฉาตาร้อนอย่างลึกซึ้ง สิ่งลี้ลับที่อยู่ภายในอารามก่อฟ้า สิ่งของที่อยู่ด้านในเหล่านั้น สามารถเข้าไปแสวงหาแล้ว

 

“ ไป “

 

ทันใดนั้น ผู้คนต่างก็ส่งเสียงออกมา อีกทั้งบริเวณทางด้านหลังก็มีการเคลื่อนไหวที่ชุนมุนก็มิปาน มีคนไม่น้อยที่พุ่งตรงเข้าไปอย่างไม่รีรอ ดูเหมือนราวกับแม่งหวี่บินเข้าหาโถขนาดใหญ่ก็มิปาน

 

จากที่เยี่ยจงมองไปยังฉากเบื้องหน้า สายตาในครั้งแรกที่เขามองเข้าไปก็ได้เต็มไปด้วยความร้อนระอุออกมา ความจริงเขานั้นไม่ว่ายังไงก็มิได้มองอารามก่อฟ้าอยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่ว่าตอนนี้เอง ดูเหมือนเขาเริ่มที่จะมีความสนใจอยู่หลายส่วนแล้ว นั้นก็เพราะว่า อารามก่อฟ้าแห่งนี้มีการมีอยู่ของโลกของมันเอง ด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้ ก็บ่งบอกได้แล้วว่าอารามก่อฟ้าที่เล่าลือกันเกรงว่าจะมิใช่อะไรที่ง่ายดายนัก สถานที่เช่นนี้ เกรงว่าด้านในคงจะมีสมบัติมากมายที่ตนเองก็ยังคาดไม่ถึงอยู่ก็เป็นได้

 

เยี่ยจงเริ่มที่จะเรียงลำดับความสำคัญของเรื่องราวต่างๆใหม่หมด การทำเช่นนี้จะเป็นการเพิ่มโอกาส ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เขาจะไม่ให้ผิดพลาดอีกแล้ว

 

“ ซู๊ด ——”

 

หลังจากที่สูดลมหายใจยาวๆเขาไปคำหนึ่ง เยี่ยจงก็ยิ้มออกมา กล่าวเสียงเบาๆ “ ศิษย์พี่หญิง พวกเราก็ไปกันเถอะ “

 

ซูหยี่ก็ได้แต่พยักหน้า หมวดคิ้วตอบ “ ดูเหมือนว่าตอนนี้ อารามก่อฟ้าแห่งนี้เป็นที่แน่นอนว่าต้องมีสมบัติมากเกินกว่าที่ผู้คนจะคาดเดาได้ ไม่แน่ว่าด้านในจะเป็นดั่งถ้ำเสือแดนมังกร ถ้าหากต้องการสมบัติมากมายก็คงจะไม่ง่ายอย่างที่คิด อย่างน้อยก็ควรจะเพิ่มความระมัดระวัง “

 

หลังกล่าวจบ ซูหยี่ก็โบกมือคราหนึ่ง จากนั้นร่างของทั้งสองก็หายเข้าไปในเวลาเดียวกัน มุ่งไปยังกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่มากมายเข้าสู่ใจกลางของหุบเขาที่ส่องสว่างหมุนวนออกมา

 

“ สวบ ——”

 

ในระหว่างที่กลับตัวอยู่ รอบด้านก็แปรเปลี่ยนเป็นดั่งห้องขาวสากที่ว่างเปล่าห้องหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆกลับกลายเป็นปกติ

 

ในตอนที่ดวงตาของเยี่ยจงเริ่มลืมตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาก็ได้ทอประกายแข็งกล้าดุดันขึ้นมาโดยทันที

 

ตอนนี้ เบื้องหน้าของเขานั้นเป็นทะเลสาบน้ำแข็งสายหนึ่ง

 

ทะเลสาบน้ำแข็งแห่งนี้กว้างใหญ่ไร้สิ้นขอบเขต แต่ทว่าตอนที่อยู่ด้านบนทะเลสาบนั้น สถานนี้โดยรอบนั้นได้มีสายรุ้งสวยงามขนาดใหญ่ปกคลุมเป็นวงหลายสิบสาย อีกทั้งในบริเวณที่เขายืนอยู่ก็ยังเป็นน้ำแข็งเช่นเดียวกัน และในตอนนี้ ทั่วทุกที่ต่างก็เป็นน้ำแข็งโดยทั้งสิ้น แต่ก็ยังมีแสงคอยสะท้อนออกมาบริเวณพื้นผิว และทุกครั้งที่แสงสะท้อนออกมา ก็จะมองเห็นร่างของคนออกมาทีละคน

 

เยี่ยจงกวาดสายตาสำรวจมองไปโดยรอบ จากนั้นก็ค่อยๆขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่า มิตินี้ดูเหมือนจะมีการใช้วิธีการบางอย่างเพื่อเพิ่มโอกาสนำพวกเขาสามารถเข้ามายังสถานที่เช่นนี้ได้ และในตอนนี้ ซูหยี่ก็มิได้อยู่ข้างกายเยี่ยจงแล้ว มีความเป็นไปได้อยู่หลายส่วนว่าถูกส่งไปยังสถานที่อื่นท่ามกลางอารามก่อฟ้าแห่งนี้ก็เป็นได้

 

แต่ว่าในตอนนี้ เยี่ยจงก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมากนัก ฝีมือของซูหยี่ก็มิได้แตกต่างจากตนเองมากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไรก็ตาม ยอดฝีมือที่มีกำลังภายในถึงขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่มาในที่แห่งนี้ การจะปกป้องตนเองก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไรมากนัก

 

ต่อมา เยี่ยจงก็ค่อยๆสำรวจทะเลสาบน้ำแข็งอันกว้างใหญ่แห่งนี้ จากนั้นก็พบว่า บนน้ำแข็งส่วนอื่นของตอนนี้ ก็ปรากฏร่องรอยของผู้คนไม่น้อย เป็นที่ชัดเจนว่า หลังจากที่เข้ามาอารามก่อฟ้าแห่งนี้แล้วก็ดูเหมือนจะมีการรวมตัวกันขึ้นมาโดยทันที

 

“ ดูเหมือนว่า คงต้องหาวิธีหาแผนที่เข้าสู่อารามซักชิ้นแล้วสิ….”

 

เยี่ยจงกวาดสายตามองไปยังที่อันกว้างไกล ก็พบว่าบนพื้นที่ห่างไกลนั้นมีอาคารโบราณอยู่หลังหนึ่ง บริเวณนั้น น่าจะเป็นจุดศูนย์กลางของมิติอารามก่อฟ้าแห่งนี้ แต่ทว่า เยี่ยจงมองเพียงแวบเดียวก็เข้าใจได้โดยทันที หากว่ามิได้ครอบครองแผนที่ทางเข้าแล้วละก็ ตนเองก็อย่าหวังที่จะเข้าสู่สถานที่ที่เรียกว่าอารามก่อฟ้าแห่งนี้เลย หากคิดกันตามตรงก็คงจะเป็นแบบนั้น

 

หลังจากครุ่นคิดเสร็จแล้ว เยี่ยจงก็ค่อยๆกวาดตามองไปยังเงาร่างของบุคคลรอบด้าน ตอนนี้พวกเขาก็ได้ถือแผนที่อารามแบบเดียวกับซูหยี่อยู่ในมือ ดังนั้น ตอนนี้เรื่องที่พวกเขาจะทำต่อไป ก็คงจะต้องเข้าไปแย่งชิงแผนที่มาซักแผ่นแล้วละ

 

“ เอ๊ะ ? นั้นคือของสิ่งใดกัน ? “

 

และแล้ว ในตอนที่เยี่ยจงเตรียมพร้อมที่จะลงมือนั้นเอง ทันใดนั้น ในบริเวณไม่ห่างไกลมากนักก็ได้มีเสียงตกใจดังออกมา

 

หลังจากเงียบงันไป เยี่ยจงหลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว ร่างกายเพียงขยับคราหนึ่ง ก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พบว่า บริเวณท่ามกลางน้ำแข็ง มีก้อนศิลาโบราณวางอยู่ในบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งยังสามารถเห็นดอกบัวที่ดั่งน้ำแข็งออกดอกอยู่ ใบบัวของดอกบัวนั้นก็เป็นน้ำแข็งสีฟ้าใส อีกทั้งยังมีบางส่วนที่เป็นสีม่วงด้วยเช่นเดียวกัน

 

บนดอกบัวน้ำแข็งสีฟ้าเหล่านี้ เหมือนกับมีพลังความเย็นอันแน่นหนาปกคลุมอยู่และแผ่ออกมาอย่างช้าๆ อีกทั้งในเวลานี้ แม้กระทั่งอากาศก็กลับกลายเป็นหนาวเย็นกว่าเดิม

 

“ นี้คือ….. “

 

เยี่ยจงมองไปยังกลุ่มดอกบัวน้ำแข็งสีฟ้าเหล่านี้ ก็ได้พลิ้วไหวไปมา จากนั้นใบหน้าก็ได้แปรเปลี่ยนอย่างเป็นปั้นยากอย่างไม่เชื่อสายตา “ บัวหิมะวิญญาณม่วงหรือ ? “

 

 

บัวหิมะวิญญาณม่วง เป็นโอสถวิเศษชนิดหนึ่งที่หาได้ยาก ส่วนมากจะเติบโตอยู่ในบริเวณที่หนาวเหน็บหรือร้อนระอุดังนั้นจึงมีทั้งประเภทที่ร้อนแรงและหนาวเย็นสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการสร้างโอสถวิเศษได้ โอสถวิเศษชนิดนี้ เมื่อใช้กับผู้ที่เป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่เก้า จะสามารถเสริมและหนุนในการใช้พลังได้ หรือกล่าวอีกนัยก็คือ มันคือการผลัดแปรของพลังธาตุหยินและหยางในตัวเอง หรือก็คือเป็นโอสถที่เหมาะสำหรับการฝึกปรือมากที่สุด

 

สิ่งนี้เปรียบเหมือนสิ่งล้ำค่า หรือต่อให้อยู่ในงานประมูลราคาก็จัดว่าสูงไม่ใช่เล่น หรือต่อให้เป็นเยี่ยจงเมื่อชาติที่แล้ว หากได้พบพานของชนิดนี้จิตใจก็คงเต้นระรัวเช่นเดียวกัน แต่คิดไม่ถึงว่า จะได้พบกับบัวหิมะวิญญาณม่วงที่งอกเงยบนทะเลสาบน้ำแข็งมากมายเช่นนี้ ฉากเบื้องหน้า เป็นเหมือนดั่งสิ่งที่ยากจะเชื่อได้

 

“ นั้นคือบัวหิมะวิญญาณหรือ ? “

 

ทันใดนั้น นอกจากเยี่ยจงแล้ว ยังมีคนอีกไม่น้อยเลยที่ส่งเสียงด้วยอาการตื่นตกใจออกมา เห็นได้ชัดว่า นอกจากเยี่ยจงแล้ว ยังมีคนอีกไม่น้อยที่ทราบว่าสิ่งนี้คือบัวหิมะวิญญาณม่วง

 

ถึงแม้จะมีบางคนที่ไม่ทราบว่าบัวหิมะวิญญาณม่วงคือสิ่งใด แต่ในตอนที่ได้ยินชื่อนั้น ก็ได้เกิดอาการแตกตื่นเล็กน้อย หลังจากนั้นสายตาก็ปกคลุมไปด้วยความยากที่จะเชื่อ ต่อมา สายตาที่สาดส่องออกมาของแต่ละคนก็แปรเปลี่ยนเป็นร้อนระอุด้วยความโลภ เห็นได้ชัดว่า นามของบัวหิมะวิญญาณม่วงนี้ มีคนไม่น้อยเลยที่เคยได้ยินมา หากว่าเป็นถึงสิ่งนั้นแล้วละก็ เมื่อฝึกปรือถึงกำลังภายในขั้นก่อเกิดขั้นที่เก้า ช้าเร็วยังไงก็ต้องได้ก้าวเข้าสู่พลังยุทธขั้นชั้นฟ้า คุณประโยชน์นั้นช่างมหาศาล นามของอารามก่อฟ้า ดูเหมือนจะมิใช่เล่นๆแล้วสินะ

 

จากนั้นเยี่ยจงก็ได้เลียริมฝีปากไปมา ดวงตาของเขากวาดไปยังกลุ่มบัวหิมะวิญญาณม่วง นัยน์ตาร้อนระอุในเวลาเดียวกัน อีกเพียงนิดเดียวหัวใจของเขาก็แทบจะกระดอนออกมา

 

บัวหิมะวิญญาณม่วงแท้จริงนั้นสามารถนำมาทำอันใดได้ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ใช้ไว้สำหรับฝึกปรือ แต่ทว่า ถ้านำมาเกี่ยวโยงกับวิชากระบี่หกสุสานของเขาแล้วละก็ ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่ามากมาย แต่ว่า สิ่งนั้นเป็นของอีกอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเขาเป็นอย่างยิ่ง นั้นก็คือ มีความเป็นไปได้ว่าสิ่งที่อยู่ในตัวของบัวหิมะวิญญาณม่วงที่ฟ้าประทานมาให้เหล่านี้ โอสถมีคุณค่าต่อตัวเองมากที่สุดก็คือ—ก้านของไม้วิญญาณม่วง

 

เท่าที่เยี่ยจงทราบ โอสถชนิดนี้เช่นก้านของไม้วิญญาณม่วงความจริงมักจะเกิดมาพร้อมกับเหล่าบัวหิมะวิญญาณม่วง นั้นก็เพราะ ส่วนกลางของบัวหิมะวิญญาณม่วงได้แบ่งแยกพลังบริสุทธิ์ให้แก่ก้านไม้วิญญาณม่วงนี้ออกมาเป็นโอสถวิเศษอีกชิ้นหนึ่ง ถึงแม้ว่าเยี่ยจงจะทราบ เท่าที่ได้ข่าวลือว่าไม้วิญญาณม่วงนี้จะมีในแดนหนานเจียงนี้ แต่ว่าจากที่ดูมา การเกิดของก้านไม้วิญญาณม่วงนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดอยู่ในอาณาบริเวณของอารามก่อฟ้านี้

 

ครุ่นคิดอยู่ซักพัก เยี่ยจงก็กวาดสายตามองไปยังบริเวณที่วางแท่นหินศิลา ก้านไม้วิญญาณม่วงน่าเกาะรวมอยู่ในกลุ่มของบัวหิมะวิญญาณม่วง เกรงว่า แม้ว่าพบบัวหิมะวิญญาณม่วงจำนวนมากมายขนาดนี้แต่ก็ยากที่จะได้ก้านไม้วิญญาณม่วงซักก้านมา

 

แต่ว่า แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังถือว่าเพียงพอแล้ว ขอเพียงแค่ตนเองได้รับก้านไม้วิญญาณม่วงแล้วละก็ สิ่งนั้นคือสิ่งที่เยี่ยจงคาดหวังไว้อย่างมากที่สุด สิ่งนี้คือสิ่งที่เขาจะสามารถพลังของตนเองก้าวเข้าสู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ได้

 

หลังจากได้ก้าวเข้าสู่พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่แล้ว การที่จะอยู่ท่ามกลางอารามก่อฟ้าแห่งนี้ เยี่ยจงอย่างน้อยก็มีไพ่ตายเพิ่มมาอีกใบ ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้จะมีวิชามากมายของสำนักตนเอง(วิชาเมื่อชาติที่แล้ว) แต่ก็จำเปิดต้องฝึกฝนพลังให้ถึงขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้าถึงจะสามารถฝึกฝนได้ แต่ว่าหากสามารถได้รับบัวหิมะวิญญาณม่วงในจำนวนที่เพียงพอแล้วละก็ ตนเองอาจจะสามารถฝืนฝึกฝนวิชาประจำสำนักเหล่านี้ การที่เข้าร่วมการแก่งแย่งในอารามก่อฟ้าในครั้งนี้ คงจะได้พบกับเรื่องราวมากมายอีกไม่น้อย

 

การมายังอารามก่อฟ้าในครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้มาเสียเที่ยวแล้ว

 

ในขณะที่จิตใจของเยี่ยจงเริ่มเต้นอีกครั้ง ในยามที่กำลังจะแสดงอาการตื่นเต้น ทันใดนั้น ที่ด้านหลังก็ได้ปรากฏเสียงๆหนึ่งดังออกมา ที่ด้านก็ได้ปรากฏคนผู้หนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางด้านนี้

 

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า บัวหิมะวิญญาณม่วง บัวหิมะวิญญาณม่วงที่มากมายเช่นนี้ โชคช่างเข้าข้างข้าผู้เฒ่ายิ่งนัก “

 

“ ซวบ ——”

 

เงาร่างของคนผู้นั้น น่าจะมีพลังอยู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่สาม ใบหน้าของเขาในเวลานี้ดูเหมือนกับผู้ที่กำลังน้ำลายไหลอยู่ มือนั้นพยายามบดบังสายตาของเหล่าผู้คนที่กำลังมองเข้ามา เขาวิ่งเข้าไปคว้าบัวหิมะวิญญาณม่วงชิ้นหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นเขาก็คิดที่จะกระโดดขั้นไปบนแท่นศิลา แต่ทว่า ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถทำสำเร็จแล้วก็ตาม ท่ามกลางทะเลสาบน้ำแข็งนี้ ก็มิอาจที่จะหลบรอดสายตาที่มองมามากมายได้

 

“ อา ——”

 

เสียงร้องอุทานออกมาด้วยความสลด เงาร่างของคนผู้นั้นอยู่ๆก็ถูกลากลงสู่ใจกลางทะเลสาบน้ำแข็ง ความจริงมีหลายคนที่คิดที่จะลงมือแต่แรกแล้ว แต่ก็ได้เปลี่ยนใจกันอย่างรวดเร็วโดยทันที

 

ใบหน้าของเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนไปมา อารามก่อฟ้าแห่งนี้ เป็นเหมือนดั่งถ้ำเสือแดนมังกร อันตรายมากมายนานัปการ