…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วได้หยิบเอกสารขึ้นมาและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีรูปอยู่ในนั้นมากมาย เขาไม่ได้รีบอ่านมันอย่างรวดเร็วแต่เริ่มหยิบรูปเหล่านั้นขึ้นมาดูช้าๆ

ในรูปภาพแสดงให้เห็นท้องทะเลกว้างใหญ่และเกาะที่มีพื้นที่มโหฬาร ภูเขา ต้นไม้สีเขียวชอุ่มมันช่างงดงามเหลือเกิน จุดกึ่งกลางสูงสุดของเกาะนั้นมีปราสาทอยู่ มันเป็นปราสาทสไตล์ตะวันตก บนถนนที่ราบเรียบนั้นมีกิ่งก้านของถนนไปถึงยอดปราสาท ลานจอดรถและลานจอดเครื่องบิน

ภูเขา9ลูกที่แผ่ขยายลงไปในทะเลกว่าหลายกิโลเมตร ทุกๆจุดสิ้นสุดนั้นจะมีศาลาและท่าสำหรับจอดเรือ

“เกาะเก้ามังกร!”

“ไข่มุกเก้ามังกร!”

ยิ่งถังซิ่วมองไปที่รูปเหล่านี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจมากเท่านั้น สถานที่บ่มเพาะสมัยที่เขายังอยู่ในดินแดนแห่งนิรันด์นั้นมีชื่อว่าเกาะไข่มุกเก้ามังกร สิ่งที่แตกต่างระหว่างสองเกาะนี้คือสถานที่สมัยที่เขาอยู่ที่ดินแดนแห่งนิรันด์นั้นใหญ่กว่าพันเท่า

“ในเมื่อได้ที่แห่งนี้มาแล้วก็ต้องรีบติดต่อบริษัทอสังหาฯเพื่อเริ่มการก่อสร้างและใช้มันเร็วๆ น่าเสียดายที่ตระกูลหลงเองก็ยุ่งๆอยู่ด้วยไม่เช่นนั้นคงจะหมดปัญหา”

ถังซิ่วได้ถอนหายใจออกมาขณะที่กำลังอ่านเอกสารในมืออย่างไรก็ตามเขาเองก็คิดว่ามันยังอธิบายเพียงเปลือกนอกเท่านั้น

“ก๊อก ก๊อก….”

ขณะที่ถังซิ่วกำลังอ่านเอกสารอยู่นั้นก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เข้ามาสิ !”

ถังซิ่วได้วางเอกสารในมือก่อนที่จะพูดออกมา

จี่ฉีเหม่ยได้เดินเข้ามาพร้อมกับพูดด้วยความเคารพว่า

“ท่านลอร์ด ถึงเวลาแล้ว”

ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“ออกไปก่อนแล้วเดี๋ยวฉันเดินตามไป”

“ค่ะ !”

ขณะที่จีฉีเหม่ยออกไปนั้นถังซิ่วก็ได้เก็บเอกสารในมือพร้อมกับเดินไปล้างหน้าและออกไปที่ลานกว้าง สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจนั้นคือรถยนต์ที่มารอรับนั้นไม่ใช่คันเดียวกับที่เทียนหลี่นำมาแต่เป็น Rolls-Royce ซึ่งเป็นรุ่นที่หรูหรา

“ไปเอารถมาจากไหน ? ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาอย่างประหลาดใจ

โม่อาเหวินที่อยู่ข้างๆรถเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ในโรงจอดรถครับ ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีบอสน้อยนั้นชอบสะสมรถเป็นอย่างมากและผมเองก็เป็นคนสั่งมันมาจากต่างประเทศ”

ถังซิ่วได้ถามต่อว่า

“ในโรงจอดรถยังมีคันอื่นอีกไหม ? ”

โม่อาหวินเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“มีทั้งหมดสี่คันครับ นอกจากสองคันนี้แล้วก็ยังมีรถสปอร์ตอีก2คัน”

ถังซิ่วได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“เรานั่งรถพวกนี้ไปแล้วจะไม่เด่นเกินไป ?”

โม่อาเหวินได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“บอส ที่นี่คือฮ่องกงครับ รถหรูที่นี้มีมากมาย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มที่ฝืนอยู่ก็ได้หายไปทันที เมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่าที่ตรงนี้เป็นทำเลทองนั้นก็ไม่แปลกที่จะมีคนรวยอยู่มากมาย ตามข่าวในอินเตอร์บนหรือทีวีเองก็มีให้เห็นกันบ่อยๆว่าคนรวยก็มักจะชอบซื้อรถที่หรูหรา

“ดูเหมือนว่าเจ้าหลีจูเหลินจะเป็นตระกูลที่รวยที่สุดที่นี่”

ถังซิ่วได้มีความคิดเหล่านี้ก่อนที่จะเปิดประตูรถออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้นั่งรถ Rolls-Royceและมันให้ความรู้สึกที่หรูหรามากๆ ด้านในมีโซฟา โต๊ะเล็กๆและรวมไปถึงทีวีกับตู้เย็น

“ยิ่งรวยยิ่งหรูหรา !”

ถังซิ่วได้ถอนหายใจออกมา

หลังจากผ่านไป20นาที

ขณะที่ถังซิ่วกำลังหลับอยู่นั้นก็รู้สึกได้ว่ารถกำลังเหวี่ยงไปกระแทกกับขอบถนน

“เกิดอะไรขึ้น ? ”

ถังซิ่วได้เปิดตาขึ้นมาทันทีพร้อมกับถามออกมา

โม่อาเหวินที่เป็นคนขับนั้นได้หันหน้ากับมาฝืนยิ้มแล้วพูดว่า

“มันมีรถสปอร์ตที่ฝ่าไฟแดงมาชนเราครับ”

ถังซิ่วเองก็ได้มองออกไปนอกหน้าต่างและพบว่ารถสปอร์ตเองก็ได้ไปชนเข้ากับถนนเหมือนกัน ชายและหญิงได้เดินออกมาซึ่งพวกเขาอายุน้อยมาก ชายหนุ่มคนนั้นสวมต้นหูและผมสีดำอออกม่วง หน้าตาของเขาหล่อเหลาแต่กำลังมีใบหน้าที่บูดเบี้ยวส่วนหญิงสาวเองก็สวมเสื้อผ้าที่ดูเป็นชาวต่างชาติและหน้าตาที่สวยงาม ท่าทางของเธอในตอนนี้นั้นกำลังซีดเผือด

“เอี้ยด…….”

ณ ตอนนี้

รถสปอร์ตสามคันก็ได้หยุดลงแม้ว่าจะไม่มีใครเดินออกมาก็ตามแต่พวกเขาก็ได้บีบแตรอย่างดัง

คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันก่อนที่จะมองไปที่โม่อาเหวินแล้วพูดว่า

“ไปดูสิ เวลาของเรามีจำกัดและไม่สามารถไปสายได้”

“ครับ”

หลังจากที่โม่อาเหวินเดินออกมาจากรถแล้วนั้นชายหนุ่มเองก็ได้โกรธเป็นอย่างมากพร้อมกับตะโกนออกมาว่า

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ขับ Rolls-Royce แล้วยิ่งใหญ่มาจากไหน ? กล้าที่จะขวางทางรถฉัน ? ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นใคร ? ”

“นายเป็นใคร ? ”

ท่าทางของโม่อาเหวินนั้นก็เคร่งขรึมก่อนที่จะถามออกมา

เด็กหนุ่มคนนั้นได้ทุบไปที่ฝากระโปรงของรถถังซิ่วพร้อมกับพูดออกมาว่า

“เคยได้ยินเจียงหยูไหม ? ”

โม่อาเหวินเองก็ได้ตอบกลับอย่างไม่แยแสว่า

“ไม่เคยได้ยินและยิ่งไปกว่านั้นคือนายที่ขับมาชนเรา ฉันจะให้โอกาสนายได้ชดใช้ส่วนเรื่องที่จะชดใช้ยังไงนั้นก็ไปคิดกันเอาเอง”

เมื่อพูดจบ

โม่อาเหวินได้โทรไปหาเทียนหลี่ทันที

เจียงหยูเองก็ได้พูดตลกออกมาว่า

“ให้ฉันชดใช้ ? พูดเรื่องตลกงั้นหรอ ? นายเป็นใคร ? ข้างในรถนั้นมีเทพองค์ไหนนั่งอยู่งั้นหรอ ? ไหนออกมาให้ฉันดูหน้าหน่อยสิ ”

รถที่ตามมาข้างหลังเองก็คือโม่อาหวูและจี่ฉีเหม่ย คนที่อารมณ์ร้อนอย่างโม่อาหวูเองก็ได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะพูดว่า

“ฉันจะให้โอกาสนายให้รีบไสหัวอกไปซะ ไม่ว่านายจะเป็นใครเดี๋ยวจะมีคนไปสืบเพื่อให้นายชดใช้เอง ไสหัวออกไปได้แล้ว”

คิ้วของเจียงหยูเองก็ขมวดเข้าหากันโดยทันที เขาเข้าใจดีว่าผู้ชายที่ฉลาดนั้นจะต่อสู้เมื่อตัวเองมีไพ่เหนือกว่าเท่านั้นแต่ความรู้สึกถูกเหยียดหยามจากฝ่ายตรงข้ามนั้นทำให้เขาไม่สามารถทนได้ ทันใดนั้นเขาก็ได้โบกมือไปให้รถสปอร์ตทันอื่นๆที่จอดอยู่

“หยู ยังไม่เสร็จเรื่องนี้อีกหรอ ? ”

ชายหนุ่มสามคนที่กำลังกอดหญิงสาวอยู่นั้นได้เดินมาหาเจียงหยูด้วยรอยยิ้ม พวกเขามองไปที่โม่อาเหวินและโม่อาหวูก่อนที่จะหยุดลงที่จี่ฉีเหม่ยแล้วพูดติดตลกออกมาว่า

“ฉันบอกได้เลยนะหยูว่านายน่ะไม่ระมัดระวังเกินไป เราขับรถเร็วมากไหม ? นายกำลังกอดจูบอยู่กับสาวน้อยคนนั้นอยู่หรือไงตอนที่นายกำลังขับรถ ท ฮ่า ฮ่า ฮ่า… นายดูไปที่หญิงชราคนนั้นสิหากว่าเราทำให้เธอตกใจจนหัวใจวายตายขึ้นมาจะเป็นความผิดของนายนะ”

เจียงหยูเองก็ได้แสยะออกมาแล้วชี้ไปที่โม่อาหวูและโม่อาเหวินก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ไอ้เจ้าสองคนนี้มันล่วงเกินฉัน ฉันกำลังอารมณ์ดีอยู่ใครจะช่วยฉันจัดการสั่งสอนพวกมันบ้าง ? ”

ชายหนุ่มคนนั้นเองก็ได้กรอกตาไปมาพร้อมกับพูดออกมาอย่างอับอายว่า

“นายมันโง่หรือไง นายเองก็เห็นอยู่ด้วยตาตัวเองไม่ใช่หรอ? พวกเขาตั้งสูงทั้งกำยำขนาดนี้เราสู้เขาไปก็ไม่ได้อะไร เอาล่ะเรื่องนี้เราจะให้คนอื่นไปจัดการสั่งสอนพวกเขาทีหลัง เรารีบไปได้แล้ว ! ถ้าตำรวจจราจรมามันจะเสียเวลา”

เจียงหยูเองก็ได้ชี้ไปที่โม่อาเหวินและโม่อาหวูก่อนที่จะถอยหลังออกไปแล้วตะโกนออกมาว่า

“จำไว้ให้ดี ! รอพ่อของแกคนนี้ที่จะทำให้แกต้องคุกเข่าเพื่อขอโทษ”

“ปากดีหนิ !”

ถังซิ่วที่อยู่ในรถนั้นได้มองไปที่ชายหนุ่มเหล่านั้นพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขา ? แล้วจะยืนนิ่งกันอยู่ทำไม ? ”

โม่อาเหวินและโม่อาหวูเองก็ได้จ้องมองก่อนที่จะยิ้มออกมาพร้อมเคลื่อนไหวโดยทันที พวกเขาไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเจียงหยูพร้อมตบไปที่หน้าของเขาอย่างรุนแรง

แต่การตบเบาๆนี้ก็สามารถส่งเจียงหยูลอยไปได้4-5เมตร

โม่อาเหวินเองก็ได้กระโดดเตะใส่ชายหนุ่มอีกคนที่เป็นคนพูดเยาะเย้อเมื่อครู่

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเขาก่อนที่จะเดินกลับไปที่รถคันข้างหลัง เขาไม่ต้องการที่จะเสียเวลากับพวกเพลย์บอยไร้สาระพวกนี้

“แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ !”

ชายหนุ่มอีกสองคนเองก็ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปก่อนที่จะดุด่าออกมาอย่างดัง

โม่อาเหวินเองก็ได้ชกไปที่หน้าของชายคนนั้นขณะที่กระชากคอเสื้อของเขาที่มีท่าทางซีดเผือดแล้วถามออกไปอย่างดุร้ายว่า

“บอกฉันมาสิว่าแกเป็นสวะของตระกูลไหน ?”

ชายหนุ่มคนนั้นเองก็กลัวจนตัวสั่นแต่ก็ยังพูดออกมาว่า

“แกมันโชคร้ายแล้ว เจียงหยูนั้นเป็นถึงนายน้อยคนโตของเจียงกรุ๊ป เฉินเฟย์เป็นถึงผู้สืบถอดบริษัทอสังหาฯหวางหยวนส่วนดูหยางนั้นเป็นนายน้อยของโรงบ่มไวน์ดูคัง ไม่ว่าแกจะเป็นใครแต่กล้าทำร้ายพวกเขาทั้งสามคนนั้นจะต้องได้ชดใช้”

โม่อาเหวินเองก็ได้แสยะออกมาแล้วพูดว่า

“แล้วแกเป็นนายน้อยของตระกูลไหน ? ”

ชายหนุ่มเองก็ได้เดินถอยหลังออกไปพร้อมกับพูดว่า

“ฉันยังไม่ได้ล่วงเกินแกดังนั้นไม่จำเป็นต้องลงมือกับฉัน ฉันมีชื่อว่า ฉีชางซิง”

โม่อาเหวินเองก็ได้มองไปที่เขาอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“งั้นฉันจะถือว่าแกรู้ถึงขีดจำกัด รีบๆพาพวกมันไปได้แล้วไม่เช่นนั้นหากว่ายังกล้ามาเสนอหน้าต่อฉันอีกรับรองได้ว่าจะไม่ยั้งมืออีกแล้วยิ่งไปกว่านั้นบอกไอ้แก่ของตระกูลเจียงด้วยว่าพวกแกได้มาชนรถของบอสเราและจะต้องชดใช้”

เมื่อพูดจบ เขา โม่อาเหวินและจี่ฉีเหม่ยเองก็ได้ไปขึ้นรถจี๊ปคันที่ตามมา

ไม่นานรถจี๊ปก็ได้ขับออกไปและทิ้งรถRolls-Royceเอาไว้ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นเทียนหลี่จะเป็นคนจัดการเอง

ฮีชางซิงเองก็ได้มองไปที่สาวทั้งสี่คนพร้อมกับเดินไปพยุงเพื่อนๆของเขาเอาไว้ก่อนที่จะส่ายหัวแล้วพูดว่า

“เจียงหยู เฉินเฟย์พวกนายนั้นไม่มีสมองกันเลย นายรู้ไหมว่ารถคันนั้นมันราคาอย่างต่ำก็หลายล้านแล้ว คนที่นั่งอยู่ด้านในนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตามฉันยังไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นที่ฮ่องกงนี่เลยซักครั้ง ฉันคิดว่าเขาน่าจะมาจากที่อื่น”

เจียงหยูได้เอามือไปกุมไว้ที่แก้มอันร้อนผ่าวของเขาพร้อมกับเลือดที่กลบปากก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความเกลียดชังว่า

“ไม่ว่ามันจะเป็นใครแต่กล้ามาทุบตีฉันนั้นจะต้องล้างแค้น หากว่าฉันไม่สามารถทำให้มันคุกเข่าขอโทษได้ฉันจะเปลี่ยนไปใช้สกุลเดียวกับมัน”

เฉินเฟย์เองก็ได้มีความเกลียดชังอยู่เต็มใบหน้าและตะโกนออกมาว่า

“ฮ่องกงเองก็ยังมีบางตระกูลที่เราไม่สามารถไปล่วงเกินได้ก็จริงแต่มันคงไม่รวมอยู่ในนั้นแน่ๆ ฉันจะส่งคนไปหาแล้วฆ่ามันซะ ”