…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ในตอนเช้าที่แสงรุ่งอรุณได้สาดส่องมาจากทางทิศตระวันออก ถังซิ่ว กู่เสี่ยวเสวี่ยและกู่หยินได้กลับออกมาจากก้นทะเลไปที่ฝั่งโดยใช้เรือ
เมื่อกลับไปที่ชายฝั่ง
จี่ฉีเหม่ยเองก็ได้รออยู่ที่นี่ก่อนแล้วพร้อมกับทำความเคารพถังซิ่วอยู่ที่ชายฝั่ง
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่ถามออกมาว่า
“การกลั่นยารวมพลังดั่นเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
จี่ฉีเหม่ยเองก็ได้ส่งขวด7ขวดไปให้ถังซิ่วพร้อมกับพูดว่า
“สมุนไพรได้ถูกใช้ไปทั้งหมดแล้วและสามารถกลั่นออกมาได้7ขวด”
ถังซิ่วได้หยิบมาสามขวดก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เก็บไว้ให้หยานเอ๋อเสี่ยวเสวี่ยและตัวเจ้าเองคนละขวดและขวดที่เหลือนั้นให้เสี่ยวเสวี่ยเก็บเอาไว้เผื่อมีเรื่องฉุกเฉินในอนาคต”
“ค่ะ ”
จี่ฉีเหม่ยเองก็ได้เอาไปให้กู่เสี่ยวเสวี่ย3ขวดและเก็บไว้ที่ตัวเอง1ขวดก่อนที่จะพูดว่า
“ท่านลอร์ด ข้าน้อยได้รับข่าวมาเมื่อวานว่าที่ฮ่องกงนั้นได้มีงานประมูลขึ้นและข้าน้อยพบว่าในรายการสิ่งของที่ประมูลนั้นมีของชิ้นหนึ่งที่เหมือนกับหินยับยั้งวิญญาณมากๆดังนั้นจึงตั้งใจที่จะไปยังเกาะฮ่องกงเพื่อเข้ารวมการประมูลนั้นด้วยตัวเอง”
หินยับยั้งวิญญาณ ?
ท่าทางของถังซิ่วเปลี่ยนไปทันที เขาได้พูดออกมาอย่างไม่ลังเลว่า
“เรื่องหินนี้สำคัญมากๆหากว่าเราสามารถหามาได้เยอะก็จะช่วยยืดชีวิตของหยานเอ๋อออกไป ข้าจะไปกับเจ้าเอง”
จี่ฉีเหม่ยเองก็ได้พยักหน้าของเธอ
ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่กู่หยินก่อนที่จะคิดอยู่สักครู่แล้วพูดว่า
“เสี่ยวเสวี่ยก่อนหน้านี้ข้าวางแผนว่าจะไปที่เกาะส่วนตัวเพื่อพาหยินหยินไปเที่ยวเล่นและข้าไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ดังนั้นข้าจะให้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนเล่นของเธอที่นี่แล้วส่งเธอกลับเมืองสตาร์ซิตี้”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่มีปัญหาค่ะ ”
กู่หยินเองก็ได้ยิ้มออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอต้องการอยู่กับถังซิ่วแต่ก็นึกได้ว่าตัวเองยังต้องเรียนพิเศษอีกดังนั้นเธอจึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว
ถังซิ่วเองก็ได้ให้กู่เสี่ยวเสวี่ยพากู่หยินไปพักพร้อมกับตัวเองที่กลับไปยังก้นทะเลและอยู่เป็นเพื่อนกับกู่หยานเอ๋อเพราะมันทำให้จิตใจของเขาผ่อนคลาย เขาได้นั่งบ่มเพาะพลังไปจนถึงช่วงเช้าโดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าแม้แต่น้อยทว่ากับเต็มไปด้วยพลังใจที่เต็มเปี่ยม
หลักจากที่ได้รับผลกระทบของเทคนิคสังเวยเลือดแล้วนั้นถังซิ่วเองก็ได้พักสมองแค่1-2วันเท่านั้นพลังแห่งดวงดาราทั้งหมดก็ได้กลับมา
ที่มาเกาะจิงเหมินครั้งนี้นั้นก็เพื่อจะสร้างแหวนมิติเพราะอย่างไรก็ตามการที่จะต้องออกเดินทางโดยแบกกระเป๋าไปทั่วนั้นไม่ค่อยจะสะดวกเสียเท่าไหร่
หลังจากทานอาหารเที่ยง
ถังซิ่วเองก็ได้ไปพบกับหลันเถาและคนอื่นๆที่ลานจอดรถพร้อมกับมองไปที่พวกเขาด้วยหน้าตาที่จริงจัง ถังซิ่วรู้สึกว่าท่าทางของหลันเถานั้นเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับประสบการณ์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปเมื่อไม่นานมานี้ที่ต้องพบเจอกับผู้เชี่ยวชาญมากมายของห้องอาหารร้อยงานฉลอง
“มีอะไรก็พูดมาสิ ”
ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่พวกเขาทั้ง12คนก่อนที่จะถามออกมา
หลังเถาเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“บอส เรารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก”
“ว่ามาสิ !”
หลังเถาเองก็ได้พูดออกมาว่า
“บอส ผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณเองก็มีมากมายเหมือนเมฆบนท้องฟ้าแล้วทำไมถึงต้องการใช้เรา ? ทุกๆคนที่อยู่ที่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้หรือไม่ว่าจะเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของที่นี่เองก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผมแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ที่เรามาถึงก็ได้ประลองกับหน่วยรักษาความปลอดภัยของที่นี่และผลลัพธ์คือแพ้อย่างน่าอนาถ”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“นายคิดว่าผู้เชี่ยวชาญในมือของฉันมีมากเหมือนเมฆบนฟ้าจริงๆงั้นหรอ ? ”
หลันเถาเองก็ได้ถามออกมาว่า
“หรือว่าไม่ ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้แสยะออกมา
“มันเป็นเพราะนายยังไม่มีประสบการณ์จริงว่าคำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร มากมายจนนับไม่ถ้วนและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั้นแหละคือความหมายของคำว่ามีมากเหมือนเมฆบนทองฟ้า หน่วยรักษาความปลอดภัยของห้องอาหารนี้มีมากก็จริงแต่มันยังไม่พอ คนที่ฉันฝึกคือผู้เชี่ยวชาญในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ ผู้แข็งแกร่งในหมู่ผู้แข็งแกร่ง อย่าว่าแต่นายเลยในสายตาของฉันหน่วยรักษาความปลอดภัยพวกนี้ไม่ได้ต่างไปจากมดแม้แต่น้อย”
หลันเถาเองก็เคยได้มีประสบการณ์จากการวัดความแข็งแกร่งของถังซิ่วแล้วแต่เมื่อได้ยินคำพูดที่บอกว่าเหมือนมดนั้นก็ทำให้เขารู้สึกขัดแย้งเพราะเขาคิดว่าถังซิ่วนั้นประเมินตัวเองสูงไป คนอื่นๆอีก11คนเองก็มองถังซิ่วด้วยท่าทางที่เปลี่ยนไปเหมือนกัน
คิ้วของถังซิ่วยกตัวขึ้นก่อนที่จะถามออกมาว่า
“ไม่เชื่องั้นหรอ ? ”
หลันเถาเองก็ได้พูดออกมาว่า
“บอส แน่นอนว่าคุณนั้นแข็งแกร่งมากแต่ก็ไม่น่าจะต่างกับหน่วยรักษาความปลอดภัยเหล่านี้มากนัก หากว่าพวกเขาเป็นเหมือนหมดแล้วผมก็คิดว่าในโลกนี้คงไม่มีผู้แข็งแกร่งแล้วล่ะ ”
คิ้วของถังซิ่วได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะมองไปที่หญิงชราที่ถือไม้เท้าสลักลายมังกรแล้วชี้ไปที่เธอพร้อมพูดออกมาว่า
“คิดว่าเธอเป็นอย่างไร ? ”
หลันเถาเองก็ได้จ้องมองก่อนที่จะหัวเราะออกมาว่า
“บอส ผู้อาวุโสคงนี้ก็เป็นผู้ฝึกวิทยายุทธด้วยหรอครับ ? ดูเหมือนว่าเธอไม่น่าจะเอาชนะพวกเราได้ด้วยซ้ำ ?”
ถังซิ่วเองก็ได้แสยะออกมาแล้วพูดว่า
“ฉีเหม่ย ฉันรู้สึกว่าตรงไม้ที่อยู่ห่างออกไป100เมตรนั้นขวางตามาก ”
จี่ฉีเหม่นเองก็ได้กรอกตามองไปที่หลันเถาและคนอื่นๆอย่างเย็นชาก่อนที่ตะโบกไม้เท้าในมือเบาๆไปทางต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปเหล่านั้น ขณะที่กลิ่นอายของเธอได้ปลดปล่อยออกมานั้นก็ปรากฏมีดสายลมที่โค่นต้นไม้แถบนั้นลงทั้งหมด
“โคร๊ม โคร๊ม โคร๊ม…..”
ต้นไม้ต้นใหญ่หลายต้นได้พังทลายทันที
“อะไรกัน ? ”
หลันเถาและคนอื่นๆถึงกับนิ่งค้างขณะที่มองไปยังต้นไม้หลายต้นที่อยู่ห่างออกไปกว่า100เมตรกำลังพังทลาย ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านและรู้สึกตกตะลึงอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาได้หันกลับมามองไปที่จี่ฉีเหม่ยเหมือนกับกำลังมองไปที่ปีศาจร้าย
จี่ฉีเหม่ยเองก็ได้ยับยั้งกลิ่นอายของเธอเอาไว้ก่อนที่จะมองไปที่พูดเขาแล้วพูดออกมาว่า
“พลังของท่านลอร์ดนั้นเป็นอะไรที่คนธรรมดาจะเขาใจได้อย่างไรกัน ? แม้ว่าฉันจะสามารถระเบิดเกาะนี้ได้ด้วยการชกเพียงแค่ครั้งเดียวแต่หากเทียบกับท่านลอร์ดในช่วงก่อนหน้านี้นั้นฉันเองก็เป็นได้แค่มดในสายตาของเขา พวกเจ้าได้เจอกับท่านลอร์ดและได้รับความไว้วางใจจากเขานั้นถือเป็นโชคอันสูงส่ง จำไว้ว่าหลังจากนี้หากใครกล้าสงสัยในตัวของท่านลอร์ดอีกครั้งฉันก็จะฆ่ามันทันที”
ทันใดนั้นจิตสังหารได้พวยพุ่งออกมาจากจี่ฉีเหม่ยซึ่งทำให้ท่าทางของหลันเถาและคนอื่นๆนั้นรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว พวกเขาเองก็ต้องการที่จะก้าวถอยหลังแต่ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
น่ากลัว!
ผู้อาวุโสคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว !
นี่….
นี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ?
ดวงตาของหลันเถาและคนอื่นๆเองก็กลิ้งไปมาและมองไปที่ถังซิ่วพร้อมกับทิ้งความคิดก่อนหน้านี้ของพวกเขาไปทันที ถังซิ่วแค่โบกมือเท่านั้นและพวกเขาก็ได้ความสามารถในการควบคุมร่างกายกลับมาอีกครั้ง
“คุณ …..เมื่อกี้คุณบอกว่าหมัดเดียวก็สามารถทำลายเกาะนี้ได้งั้นหรอ ? ”
หลันเถาเองก็ได้ถามออกมาด้วยความหวาดกลัว
จี่ฉีเหม่ยเองก็ได้หยอกล้อออกมาว่า
“เกาะจิงเหมิน ? ฉันเองก็ไม่อยากจะพูดให้กลัวหรอกนะอย่าว่าแต่เกาะจิงเหมินเลย หมัดนี้หมัดเดียวก็สามารถระเบิดดาวดวงนี้ได้สบายๆแล้ว ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ”
หลันเถาเองก็ได้โห่ร้องออกมาด้วยความตระหนกตกใจ
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบอย่างราบเรียบว่า
“เธอพูดถูกแล้ว แค่ดาวดวงเดียวเท่านั้นไม่ได้มีอะไรมากเลย คนมากมายสามารถทำลายมันได้ในพริบตาแต่เพราะพวกนายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้นจึงยังมีอะไรที่ไม่สามารถเข้าใจได้ในตอนนี้ จำไว้แค่ว่าหากว่าพวกนายทำให้ฉันพึงพอใจแล้วฉันจะสามารถทำให้นายเหยียบไปบนอากาศและท่องไปทั่วจักรวาลนี้”
หลันเถาและคนอื่นๆเองก็กลืนน้ำลายทันที หากว่าเมื่อกี้พวกเขาไม่ได้เห็นสิ่งที่จี่ฉีเหม่ยเพิ่งทำไปนั้นพวกเขาคงไม่เชื่อคำพูดของถังซิ่ว สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นดูเหมือนว่าสำหรับถังซิ่วและจีฉีเหม่ยแล้วพวกเขาไม่ต่างไปจากมดเลยจริงๆ
ซื่อสัตย์ !
ผลงาน!
พวกเขาได้เข้าใจคำพูดของถังซิ่วดี ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้ยินว่าเขาจะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งแต่ก็ยังไม่ได้เห็นถังซิ่วแสดงพลังเหนือมนุษย์มาแม้แต่น้อยทว่าในตอนนี้พวกเขาได้เห็นมันจากจี่ฉีเหม่ยแล้ว
พวกเขาต้องการจะเรียนวิชาเหล่านั้นจากถังซิ่ว พลังที่คนธรรมดาไม่สามารถครอบครองได้ดังนั้นพวกเขาจะต้องภักดีแต่ซื่อสัตย์ต่อถังซิ่ว
“เอาล่ะ ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้กับพวกนายอีกแล้วและหวังว่าพวกนายจะฝังเรื่องในวันนี้เอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจโดยที่ไม่แพร่งพรายออกไป”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“อ่อ ยิ่งไปกว่านั้นคือฉันจำเป็นต้องไปที่ฮ่องกงดันนั้นพวกนายไปรอฉันที่เกาะส่วนตัวก่อนได้เลย ! ส่วนเรื่องที่อยู่นั้นฉันจะส่งไปให้ทางข้อความโทรศัพท์ของหลันเถาแล้วกัน จำไว้ว่าก่อนที่ฉันจะไปถึงนั้นพวกนายต้องรอฉันและเมื่อไปถึงแล้วจะติดต่อไปอีกที”
“ครับ !”
ทุกคนได้ตอบด้วยความเคารพอย่างพร้อมเพรียง
ขณะที่คนทั้ง12กำลังเดินจากไปนั้นถังซิ่วก็มองไปที่โม่อาเหวินและโม่อาหวูก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“พวกนายไปเข้าร่วมงานประมูลที่ฮ่องกงและเกาะส่วนตัวกับฉัน หลังจานี้พวกนายต้องไปดูแลเกาะนั่นซักพักและหนักจากที่ผ่านวันที่1กันยายนไปแล้วฉันจะหาคนไปรับหน้าที่แทนพวกนาย”
“ครับ”
โม่อาเหวินและโม่อาหวูเองก็ได้ตอบกลับด้วยความเคารพ
ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่จี่ฉีเหม่ยก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เราไปกันเถอะ ! เราไม่อาจเสียเวลาได้ อ่อใช่มีเงินไหม ? ฉันไม่มีเลย”
จี่ฉีเหม่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“บอสน้อยได้ให้ข้าน้อยมาหมื่นล้าน หากว่าเราแน่ใจว่ามันเป็นหินยับยั้งวิญญาณจริงและเงินไม่พอบอสน้อยก็จะส่งเงินมาเพิ่มค่ะ”
หมื่นล้าน?
ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาขณะที่คิ้วของเขายกตัวขึ้นว่า
“ตอนนี้ห้องอาหารร้อยงานฉลองของเรามีเงินเท่าไหร่ ? ”
จี่ฉีเหม่ยเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดว่า
“ข้าน้อยเองก็มิทราบเพราะข้าน้อยไม่เคยเข้าไปยุ่งเรื่องธุรกิจแม้แต่น้อย”
ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะนั่งไปบนรถ
รถสองทันพร้อมกับผู้โดยสารสี่คนได้ขับไปที่ท่าเรือเกาะจิงเหมินอย่างรวดเร็ว หากว่าจะไปฮ่องกงนั้นจำเป็นที่จะต้องไปทางทะเลเพราะสองที่นั้นไม่ได้ไกลกันมากนักสิ่งที่ทำให้ถังซิ่วต้องประหลาดใจนั้นคือแม้ห้องอาหารร้อยงานฉลองของเขาจะไม่มีเครื่องบินส่วนตัวแต่กลับมีเรือสำราญที่หรูหรา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดูใหญ่มากนักแต่ก็จุคนเป็นร้อยได้อย่างสบายๆ
“บอส เรือนี้เป็นสิ่งที่บอสน้อยเป็นคนซื้อเอาไว้ ทุกๆสองปีเธอมักจะไปสำรวจเกาะต่างๆตามเส้นทางน้ำ”
โม่อาเหวินที่เดินตามถังซิ่วและเห็นท่าทางประหลาดใจของเขานั้นจึงได้พูดออกมาด้วยเสียงกระซิบ
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า
“เรือนี่ดีหนิ ! ไปกันเถอะจะได้ไปถึงฮ่องกงเร็วๆเสียที”
“ครับผม !”
โม่อาเหวินได้เป็นคนนำทางพวกเขาขึ้นไปบนเรือ
(*บางทีแอดก็งงเรื่องนี้นะ ถ้าพระเอกให้ไอฉีเหม่ยครองโลกเลยก็ได้ปะงะหรือไม่เวลาไปไหนไกลๆก็แทบจะวาปไปได้เลยแล้วจะนั่งยานพาหนะเพื่อ ? – -* แอดอ่านไปตอนหลังๆนี่มียันยานอวกาศ )