…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ซูเปิ่นเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“เขามีชื่อว่าฮงชางหยิงเป็นนายใหญ่ของบริษัทอสังหาฯจักรพรรดิน้ำซึ่งมาจากเมืองบลูซิตี้เพื่อมาสร้างโครงการที่นี่ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเขาใช้วิธีอะไรทำให้รัฐบาลยอมเซ็นสัญญาถึงขั้นที่ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเราเองก็ได้รับเอกสารแจ้งเตือนจากพวกเขา”

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า

“ฮงชางหยิงมีพื้นหลังเป็นอย่างไร ? ”

ซูเปิ่นเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“เอาเป็นหลายชายแท้ๆของหัวหน้าตระกูลฮง”

ถังซิ่วเข้าใจแล้วว่าฟื้นหลังของฝ่ายตรงข้ามนั้นก็ไม่เล็กอย่างแน่นอนเพราะเขาสามารถมีอิทธิพลได้แม้กระทั่งหมอในโรงพยาบาลอย่างไรก็ตามไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามเขาจะใหญ่มากจากไหนแต่กล้าทำร้ายยายของเขานั้นพวกมันจะต้องจ่ายด้วยราคาที่สาสมอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่ฮงชางหยิงเท่านั้นแต่รวมไปถึงปู่ของเขาและพวกหมอที่เกี่ยวข้องด้วย พวกเขาจะต้องชดใช้

ถังซิ่วได้หยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับเปิดอินเตอร์เน็ตแล้วหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจักรพรรดิน้ำและหาข้อมูลส่วนตัวของฮงชางหยิงทันที

“พี่ชายเปิ่นไปนอนเถอะ เอย่าลืมว่าพรุ่งนี้ให้เอาหญ้ามังกรเงินมาให้ฉันด้วย”

ซูเปิ่นเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับหันหลังเดินจากไป

ถังซิ่วเองก็ได้ไปเอาผ้าห่มออกมาจากรถพร้อมกับเดินเข้าไปในบ้านฝ่ายแม่ของเขาและพบว่าแม่ของเขากำลังนั่งเหม่อลอยขณะที่ยายของเขาก็ยังคงหลับอยู่เหมือนเดิม

“คุณแม่ก็นอนได้แล้ว ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงกระซิบ

ซูหลิงหยุนเองก็ได้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มของเธอจากนั้นก็ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“แม่ได้จัดที่นอนเอาไว้ให้ลูกแล้วและลูกก็ควรไปนอนได้แล้วเพราะตอนนี้มันก็ค่ำแล้ว เมื่อถึงเวลาทานข้าวแล้วแม่จะไปเรียกลูกเอง ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“คุณแม่ ผมเองก็ยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่แต่ดูเหมือนว่าแม่จะกังวลอะไรบางอย่างนะ แม่เชื่อผมเถอะว่าคุณยายจะต้องไม่เป็นอะไร ผมสัญญา”

ซูหลิงหยุนเองก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพยักหน้าแล้วพูดว่า

“โอเค เราไปพักผ่อนกันเถอะ ”

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีเมื่อถังซิ่วเห็นว่าแม่ของเขาได้ไปนอนที่โซฟาและส่งเสียงกรนออกมานั้นเขาก็ได้แอบย่องออกไปที่สวนด้านนอกพร้อมกับขับเข้าไปในเมืองชิงเหอทันทีเพราะเขาได้ตรวจสอบข้อมูลของฮงชางหยิงและจดจำใบหน้าของเขาไว้แล้วดังนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องจ่ายหนี้แล้ว

โรงพยาพาลเมืองชิงเหอ

จากการที่เขาใช้อำนาจไม่ให้หมอรักษาคนตระกูลซูนั้นและเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บตอนที่ปะทะกันด้วยก็แสดงให้เห็นว่าเขาจะต้องพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ถังซิ่วไม่ได้ขับเข้าไปที่โรงพยาบาลตรงๆแต่จอดอยู่รอบนอกพร้อมกับย่องเข้าไปอย่างเงียบๆ หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีนั้นเขาก็ได้เข้ามาในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

ถังซิ่วได้แอบอยู่ในมุมมืดด้านใต้ของโรงพยาบาลพร้อมกับปลดปล่อยจิตสัมผัสของเขาออกไปแล้วพบว่าฮงชางหยิงกำลังหลับฝันดีอยู่ที่ชั้นสามและข้างๆเตียงยังมีหญิงสาวคนหนึ่งนอนเฝ้าอยู่

ถังซิ่วไม่ได้เดินขึ้นไปทางบันใดเพราะมันมีกล้องวงจรปิดติดไว้ทั่วดังนั้นเขาจึงได้ปีนตึกโดยเกาะไปตามท่อด้านนอกโรงพยาบาลพร้อมกับไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างห้องของฮงชางหยิงแล้วเปิดมันออกอย่างระมัดระวังก่อนที่จะเข้าไปในห้อง

“พุฟฟฟ…..”

ถังซิ่วได้กดไปที่จุดหลับของผู้หญิงทันทีพร้อมกับต่อยฮงชางหยิงจนสลบแล้วลากเขาออกไปเหมือนหมาตาย เขากระโดดออกมาทางหน้าต่างเหมือนเดิมและใช้เส้นทางเดิมกลับไปที่รถของเขา หลังจากนั้นเขาก็ยัดฮงชางหยิงเข้าไปในท้ายรถแล้วขับไปที่ภูเขาที่อยู่ใกล้ๆกับบ้านตระกูลซูทันที

“โคร๊ม…..”

เมื่อถึงในที่รกร้างนั้นถังซิ่วก็ได้หยุดรถพร้อมกับโยนฮงชางหยูลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง

“อั๊ก…….”

ความเจ็บปวดนี้ได้คืนสติให้แก่ฮงชางหยิงและพบว่าตัวเองอยู่ภายนอกโรงพยาบาล เขาถูไปที่แผลของเขาแล้วพูดออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า

“นี่มันฝันบ้าบออะไรเนี้ย ? ไหนใครว่าฝันแล้วจะไม่รู้สึกเจ็บปวดไง ? ทำไมถึงไม่ได้ฝันว่ามีหญิงสาวสวยๆยอมพลีกายให้ฉัน…….”

ถังซิ่วที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้นได้จับไปที่ไหล่ของเขาพร้อมกับชกไปที่หน้าของเขาอย่างรุนแรงขนทำให้เขาลอยออกไปไกล5-6เมตร หลังจากที่กระอักเลือดและฟันออกมาแล้วนั้นก็ได้ล้มกลับลงไปอยู่ที่พื้น

“ตอนนี้ยังคิดว่าเป็นฝันอยู่หรือเปล่าล่ะ ? ที่นี่ไม่มีผู้หญิงสวยหรอกนะแต่มีสัตว์ป่าอยู่มากมายเชียวล่ะ ยกตัวอย่างเช่นหมี หมาป่าหรือให้ฉันไปเรียกพวกมันมาให้นายปลดปล่อยความเงี่ยนดีล่ะ ? ”

ถังซิ่วได้เดินกอดอกเข้ามาพร้อมกับพูดจาหยอกล้อ

เสียงที่ถูกส่งผ่านเข้ามาในบ่องหูพร้อมกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายบวกกับกลิ่นเลือดนี้ได้ทำให้ฮงชางหยิงตื่นขึ้นทันที เขาไม่ได้กำลังอยู่ในฝัน เขานอนอยู่ในโรงพยาบาลแต่กลับมีคนลักพาตัวเขามาที่นี่

ในพริบตานั้นฮงชางหยิงเองก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่างกาย เขาพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาพร้อมจ้องมองไปที่ถังซิ่วอย่างดุร้ายและตะโกนออกมาว่า

“แกเป็นใคร ?ทำไมถึงได้พาฉันมาที่ห่างไกลแบบนี้ ? แล้วนายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ?”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดหยอกล้อออกไปว่า

“ฮงชางหยิงในเมื่อฉันลงมือกับนายมันก็แสดงให้เห็นว่าฉันรู้จักนายดีและแน่นอนว่าฉันไม่ได้พานายออกมาดื่มชาอย่างแน่นอนแต่เพื่อพานายมาฆ่า จำไม้ว่าความดีมักได้รับการตอบแทนแต่ความชั่วนั้นต้องชดใช้กรรม เรื่องชั่วๆของนายนั้นได้เวลาที่จะต้องชดใช้แล้ว มีอะไรจะสั่งเสียก่อนที่จะลาโลกนี้ไปไหม ? ”

ฮงชางหยิงเองก็ได้รู้สึกหวาดผวาอย่างมาก เขาถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมกับจ้องมองไปที่ถังซิ่วแล้วพูดว่า

“น้อยชาย เรารู้จักกันด้วยงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“เราไม่เคยเจอกันมาก่อนอย่างแน่นอน !”

ฮงชางหยิงเองก็นึกบางสิ่งได้ทันทีพร้อมกับถามออกมาว่า

“นายสกุลอะไร ? สกุลซูงั้นหรอ ? เป็นคนของบ้านตระกูลซู ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฮงชางหยิงในเมื่อนายสามารถเดาสถานะของฉันได้ก็คงจะเหลือผู้รู้เห็นไว้ไม่ได้ สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดก็คือปัญหาดังนั้นก็ตายซะ !”

เมื่อพูดจบถังซิ่วก็ได้พุ่งทะยานไปทางฮงชางหยิงด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า หลังจากที่ฮงชางหยิงได้หันหลังและวิ่งหนีไปนั้นก็ได้ถูกกระแทกโดยหมัดของถังซิ่วพร้อมกับสำลักเลือดออกมาก้อนโตทันที ก่อนที่เขาจะทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น หมัดนี้ของถังซิ่วไม่ได้หมายปองชีวิตของเขาเพราะตอนนี้เขายังไม่ต้องการทำเช่นนั้น

เพราะว่าเขาคิดว่ามันยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถทำให้เขาหายโกรธได้โดยไม่ต้องฆ่าฮงชางหยิง

“ลุกขึ้นมา นี่มันน่าเบื่อจริงๆ นายต้องต่อต้าน ต้องกระเสือกกระสน ต้องโห่ร้องออกมา หากว่านายไม่ทำอย่างงั้นฉันก็จะให้นายได้รู้จักรสชาติของความรู้สึกที่ตายทั้งเป็นอย่างช้าๆซ้ำไปซ้ำมา”

ถังซิ่วได้เตะไปที่หน้าอกของฮงชางหยิงพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างดัง

เสียงสะท้อนได้ดังก้องอยู่ในป่าทึบนี้มันทำให้ฮงชางหยิงถึงกับหมดท่า เขาเสียใจมากๆที่ไปล่วงเกินคนของตระกูลซู ไปล่วงเกินไอ้คนเสียสติแบบนี้

ใช่แล้ว ถังซิ่วในความคิดของเขานั้นคือคนบ้า ! เพราะมีเพียงคนบ้าเท่านั้นที่จะฆ่าคนด้วยวิธีที่โหดร้ายโดยการยืนดูเหยื่อต่อต้าน กระเสือกกระสนและโห่ร้องก่อนที่จะตาย

“พี่ชาย ……..พี่ชายเรามาทำข้อตกลงกันไหม ? ”

ฮงชางหยิงเองก็ได้ตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้นและเห็นว่าถังซิ่วไม่ได้เริ่มลงมือต่อจึงได้พูดออกมาด้วยความรวดเร็วอย่างกระวนกระวาย

ถังซิ่วเองก็กำลังทำท่าเหมือนจะลงมือต่อแต่ก็หยุดมือทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฮงชางหยิงเพราะว่ามันน่าสนใจ

“ทำข้อตกลง ? นายที่กำลังจะตายแล้วจะมาขายอะไรให้ฉัน ? อย่าบอกนะว่าจะเอาเงินให้ฉันเพื่อที่จะให้ยกโทษให้ ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า…… มันเป็นไปไม่ได้ วันนี้ในปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของนาย ฉันจะฆ่านายอยู่ดีต่อให้เทพเจ้าองค์ไหนลงมาช่วยก็ตาม”

ฮงชางหยิงรู้สึกได้ถึงหายนะทันที เขารวบรวมพลังทั้งหมดแล้วตะโกนออกมาว่า

“ไม่ ไม่ ไม่ หากว่านายไม่ต้องการเงินแล้วฉันเองก็ยังสามารถให้อย่างอื่นได้ ทำงานให้ฉันเป็นไง ? นายเองก็จะได้รับทุกๆอย่างเหมือนที่ฉันได้รับ ฉันจะทำให้นายร่ำรวยและมีชื่อเสียงไม่ว่านายจะต้องการให้ฝนตกหรือแดดออกก็ทำได้ ”

“เพรี้ย เพรี้ย เพรี้ย ……”

ถังซิ่วได้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของฮงชางหยิงพร้อมกับตบหน้าเขาไปหลายครั้งจนเลือดกลบปากพร้อมกับแสยะออกมาว่า

“นายคิดว่าสมองฉันมีปัญหาหรอ ? คิดว่าฉันเป็นไอ้โง่ ? เฮ้……หากว่าฉันปล่อยนายไปวันนี้มันจะไม่ใช่แค่ฉันได้อยู่ดีกินดีหรอกนะ หลังจากนี้นายก็คงส่งคนมาฆ่าฉันไม่ใช่หรอ ? ”

ฮงชางหยิงเองก็ได้คิดแบบนี้เหมือนกันแต่เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วแล้วนั้นเขาก็รู้สึกสิ้นหวังมากกว่าเดิม หน้าอกของเขานั้นได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วและมันกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขาจนเกือบทำให้ร้องไห้ออกมา

“พี่ชาย…….ว่ามาสิว่านายต้องการอะไร ? ตราบใดที่พูดมาฉันจะหามาให้อย่างแน่นอน”

ถังซิ่วเองก็ได้ต่อยเขาจนทรุดลงไปอีกครั้งพร้อมกับเหยียบหัวของเขาจนจมดินแล้วพูดออกมาว่า

“บอกฉันมาว่าใครกันที่เป็นคนทำตามคำสั่งนายให้ไม่รักษาอาการของคนจากตระกูลซูที่โรงพยาบาล ”

ฮงชางหยิงเองก็เข้าใจดีแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นน่าจะเป็นคนของตระกูลซูแต่เขาก็ต้องยอมก้มหน้าต่อไปเพราะเขากลัวว่าถังซิ่วจะฆ่าเขาในป่าทึบนี้แล้วปล่อยเขาให้เป็นอาหารของสัตว์ป่า

“เป็นซ่งเต่า เขาเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลซ่งเต่า เหตุผลที่เขาสามารถอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ก็เพราะอิทธิพลของปู่ฉัน นายอยากจะรู้อะไรอีกฉัน……ฉันจะบอกนายทั้งหมดเลย”

ซ่งเต่า ?

ถังซิ่วได้จับชื่อนี้ไว้ในใจก่อนที่จะยกเท้าออกจากหัวของฮงชางหยิงพร้อมแสยะออกมาว่า

“จริงๆแล้วไม่ฆ่านายก็ดีเหมือนกันแต่ฉันเองก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้นายจดจำไปชั่วชีวิต อ่อ ก่อนหน้านี้นายพูดเรื่องผู้หญิงใช่ไหม ? โอเคฉันจะตัดจู๋นายแล้วปล่อยให้นายเป็นขันทีไปตลอดชีวิต ”

นัยน์ตาของฮงชางหยิงนั้นหดตัวอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะห่อต่อเองแล้วพูดออกมาว่า

“อย่าทำนะพี่ชาย ฉันเพิ่งจะอายุ32ปีเท่านั้น ลูกก็ยังไม่มีพี่ชายช่วยอย่าทำรุนแรงด้วย หากว่าปู่รู้ว่าฉันกลายเป็นขันทีไปเขาจะต้องตายโดยไม่มีผู้สืบทอดสกุลนะ !”

ถังซิ่วเองก็ได้แสยะออกมาแล้วพูดว่า

“ไม่มีนายสักคนแล้วจะเป็นอะไรไป ในครอบครัวก็น่าจะมีลูกชายอยู่บ้าง !”

“ไม่มี !! มีแต่ลูกสาว !!!”

ฮงชางหยิงได้โหร้องออกมาโดยทันที