…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

มู่หวางหยิงเองก็ได้ชะงักไปทันทีขณะที่เธอมองไปที่ถังซิ่ว เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะกล้าพูดแบบนี้ยิ่งไปกว่านั้นคือนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินผู้ชายมาพูดแบบนี้กับเธอ

แปลกใหม่!

และเขินอาย

ใบหน้ารูปไข่ของเธอค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนที่เธอจะรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ทางออกทันที เธอกลัวว่าเธอจะแสดงท่าทางเขินอายของเธอนั้นจะถูกถังซิ่วเห็นเข้า

“ไม่เอารูปไปงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้มองไปที่มู่หวางหยิงที่กำลังวิ่งออกไปขณะที่พูดออกมาเบาๆ

เธอเองก็ได้หยุดเท้าลงก่อนที่จะรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มร้อนผ่าว เธอรีบหันกลับมาในพริบตาพร้อมกับพุ่งไปทางรูปภาพที่อยู่ตรงมุมห้อง เธอหยิบมันมากอดไว้แล้วพุ่งออกไปนอกประตูอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เธอกลับมาถึงห้องของตัวเองแล้วนั้นเธอก็ได้ล๊อคประตูแล้วกุมใบหน้าที่เขินอายของเธอ

ทำไมก็ไม่รู้! หัวใจของเธอเต้นถี่ขึ้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดว่า ผู้หญิงซิง มันทำให้เธอเขินเป็นอย่างมาก หัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้ของเธอนั้นเป็นอะไรที่เกินขอบเขตที่เธอจะรับไว้ หลังจากผ่านไปนานเธอก็ค่อยๆสงบสติของเธอ

“ไอ้เจ้านี่มันเป็นคนตรงๆจริงๆ !”

มู่หวางหยิงได้พูดออกมาด้วยท่าทางอับอาย

ในห้องพักของโรงแรม

ถังซิ่วได้เปิดผ้าคลุมสีเหลืองออกช้าๆและหลังจากที่เอาโลงนั้นออกมาก็ได้ถือมันไว้อยู่ชั่วครู่หนึ่งและเห็นรอยปิดของมัน หากว่าเขาไม่ได้ใช้จิตสัมผัสนั้นก็ยากที่จะพบเจอได้อย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นคือหินปีศาจนี้มีคุณสมบัติในการปิดกั้นจิตสัมผัสทั้งหมด แม้ว่าเขาจะอยากรู้มากๆว่าข้างในมันเก็บอะไรเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถทำได้

ในที่สุดถังซิ่วก็เลิกสังเกตมันพร้อมกับค่อยๆอัดพลังแห่งดวงดาราเข้าไปช้าๆ

“เปรี้ย……”

ฝาของมันก็ได้กระเด็ดออกไปอย่างรวดเร็ว

“นี่มัน……”

นัยน์ตาของถังซิ่วหดเล็กลงก่อนที่จะปรากฏสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ จริงๆแล้วแทบจะไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่จะทำให้เขารู้สึกช๊อคได้แต่สิ่งที่ถูกเก็บเอาไว้นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาช๊อคเท่านั้นแต่ก็ยังทำให้เขาเสียขวัญด้วยเช่นกัน

กระดูกอักขระปีศาจ!

ในโลงนี้มันมีกระดูกอักขระปีศาจ!

ถังซิ่วนั้นรู้ดีว่านี่คือกระดูกของเทพปีศาจ นอกจากเทพปีศาจฮาซิโระแล้วเขาก็ไม่ได้เจอปีศาจตนอื่นเลยในรอบหลายหมื่นปี

แต่กระดูกนี่เป็นของเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างแน่นอน

“มันจะเป็นไปได้งั้นหรอ ? กระดูกอักขระปีศาจของฮาซิโระ?ไอ้เจ้านั่นมันเป็นคนที่หัวจำมีแต่ความมืดมิดและในรอบ2หมื่นปีมานี้ก็ไม่ได้รับศิษย์มาแม้แต่คนเดียว แล้วกระดูกอักขระปีศาจจะมาอยู่ที่โลกนี้ได้ไงกัน ? อย่าบอกนะ…….ว่าเขาตายแล้ว ? ”

“แต่!”

“ถ้าเขาตายจริงๆแล้วใครเอากระดูกอักขระปีศาจนี่มาที่โลกนี้กัน ? หยานเอ๋อ ?”

ท่าทางของถังซิ่วนั้นสับสนเป็นอย่างมากก่อนที่เขาจะระงับความรู้สึกหวาดผวาและขวัญเสียอย่างรุนแรงไว้ในใจพร้อมกลับมามีสติเหมือนเดิม

ไม่ว่ากระดูกอักขระปีศาจนี้จะเป็นของเทพปีศาจฮาซิโระหรือไม่นั้นก็ไม่สำคัญเพราะยังไงสิ่งที่ก็มีค่ามาก ถังซิ่วคิดว่าหากว่าเขามีกระดูกอักขระปีศาจนี้ตัวเองจะต้องสามารถกลับไปเป็นนิรันด์ขั้นต้นได้ภายในไม่กี่ปีอย่างแน่นอน

“น่าเสียดายที่ระดับการบ่มเพาะของฉันมันอ่อนแอเกินไป มันไม่สามารถแบกรับพลังของกระดูกอักขระปีศาจนี้ได้ มันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อฉันตัดผ่านไปถึงจุดสูงสุดของเขตแดนแรก”

ถังซิ่วนั้นได้หยิบเอาฝาของมันออกมาปิดก่อนที่จะเริ่มดูดซับพลังปีศาจจากโลงศพปีศาจนั้น

ตอนนี้เขายังไม่มีพลังพอที่จะดูดกลืนพลังจากกระดูกอักขระปีศาจได้และเขาเองก็ไม่มีวิธีที่จะนำมันมาเก็บไว้กับตัวเช่นกันแต่ก็ยังดีที่ยังมีโลงศพนี้ เขาสามารถดูดกลืนพลังจากโลงนั่นเพื่อเพิ่มระดับของตัวเองได้

จากการที่ถังซิ่วได้บ่มเพาะวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์นั้นก็ทำให้พลังแห่งดวงดาราในร่างของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากดวงดาวที่กำลังสว่างไสวก็ได้มืดลงทันทีพร้อมกับพลังแห่งดวงดาราที่ทะลักเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง ตอนนี้พลังปีศาจได้โหมกระหน่ำเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง

พลังแห่งดวงดาราและพลังแห่งปีศาจนั้นไม่ได้มีผลแย้งกันแต่กลับให้ผลดีเพราะพวกมันได้รวมตัวกันแล้วเปลี่ยนเป็นของเหลวสีใสเหมือนกันน้ำสะอาดกำลังพัดไปมาอยู่ในร่างกายของเขา

ถังซิ่วสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าจิตสัมผัสของเขาได้เพิ่งระดับขึ้นอย่างมหาศาล ของเหลวเหล่านั้นเปรียบเสมือนน้ำที่ชำระร้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายของเขา มันค่อยๆขัดเกลาและหล่อหลอมร่างกายของเขาพร้อมๆกัน

ของเหลวสีใสนี้เองก็ได้เพิ่มพลังแห่งดวงดาราให้เขาอย่างมากและทำให้ระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ปวด !

สบาย!

ถังซิ่วรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ขัดแย้งกันนี้อย่างชัดเจน เขาเข้าสู่สภาวะไร้ตัวตนพร้อมกับนั่งนิ่งเหมือนดั่งรูปปั้นหิน

เวลาได้ผ่านไปถังซิ่วก็ยังคงอยู่ในท่านั่งนี้ แสงแรกแห่งรุ่งอรุณได้สาดส่องพร้อมกับดวงตาทั้งสองข้างที่ค่อยๆเปิดออกมา ความรู้สึกมีความสุขที่ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากดวงตาของเขา

เขารู้สึกได้ทันทีว่าแต่ละชั้นของผิวหนังนั้นได้มีชั้นพลังงานแห่งดวงดาราห่อหุ้มเอาไว้เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนังเขา ตอนนี้เขารู้ได้ทันทีว่าต่อให้ใครเอาปืนมายิงเขาก็ไม่เป็นผลอะไรแล้ว

“ในที่สุดก็ได้ตัดผ่านไปถึงระดับสูงสุดของขั้นเสริมสร้างผิวหนังแล้วและยิ่งไปกว่านั้นคือจิตสัมผัสของฉันได้ตัดผ่านระดับเสริมสร้างกล้ามเนื้อไปแล้วด้วย จิตสัมผัสของฉันจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่กันหากว่าฉันตัดผ่านไปถึงขั้นนั้นได้”

ถังซิ่วได้คาดการณ์ออกมา

ทันใดนั้นคิ้วของถังซิ่วก็ขมวดเข้าหากันเพราะเขาได้กลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก เขาได้มองไปที่ของเหลวสีขุ่นๆตามตัวของเขาพร้อมกับส่ายศีรษะ ขั้นตอนการกำจัดของเสียนั้นเยอะกว่าครั้งก่อนหน้านี้อีก

อาบน้ำ !

ถังซิ่วรู้สึกผ่อนคลายอย่างมากขณะที่เขาได้อาบน้ำพร้อมกับลบกลิ่นพวกนั้นออกไปจนหมด เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดพร้อมกับเดินออกไปนอกห้องทันที เพราะว่าเขาไม่รู้ว่ามู่หวางหยิงและเหล่ใบยี่พักอยู่ที่ห้องไหนและเขาเองก็ไม่มีวิธีติดต่อพวกเขา ถังซิ่วจึงได้ตัดสินใจว่าจะจากไปโดยที่ไม่บอกลาพร้อมกับการที่เขาโบกรถแท๊คซี่ไปที่สนามบินทันที

สิ่งที่ทำให้เขาต้องรู้สึกแปลกใจนั่นคือโปรเฟสเซอร์ฮูที่ได้มารอเขาอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว

“มาเช้าเกินไปไหม ? ”

ถังซิ่วได้เดินไปถามเขา

โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“เมื่อวานนี้เราได้นัดกันไว้แค่ว่าจะมาเจอกันที่นี่แต่เรายังไม่ได้นัดเวลากันเลย จริงๆแล้วฉันก็ต้องการที่จะไปหาเธอที่โรงแรมแต่ก็เกรงว่าเธอจะรีบออกมาแต่เช้าดังนั้นฉันถึงได้รีบมาที่นี่โดยทันที”

ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ไปกันเถอะ ! ฉันยังไม่ได้ซื้อตั๋วเลย เราไปซื้อกันก่อนแล้วค่อยไปหาที่นั่งทานอาหารกัน”

“ตกลง !”

โรงแรมในเมืองจินซิตี้

มู่หวางหยิงที่สวมกระโปรงยาวพร้อมกับปล่อยผมของเธอนั้นได้เคาะห้องของถังซิ่วอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับดังนั้นเธอจึงได้ลงมาสอบถามพนักงานต้อนรับข้างล่างและได้รู้ว่าถังซิ่วได้จากไปแล้ว

“เป็นอะไรงั้นหรอ ? เขาไปแล้ว ?”

เหล่ใบยี่เองก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

มู่หวางหยิงได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ฝืนๆก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เขาออกไปก่อนหน้านี้ราวหนึ่งชั่วโมง”

เหล่ใบยี่เองก็ได้พูดขึ้นว่า

“เรายังไม่ได้แลกเปลี่ยนวิธีติดต่อกับเขาเลย เขาเองก็ไม่รู้ว่าเราพักอยู่ห้องไหน การที่เขาจากไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก ฉันจะโทรไปหาเพื่อนฮูแล้วถามหาวิธีติดต่อถังซิ่ว”

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เหล่ใบยี่ได้โทรไปหาเขานั้นก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“เด็กหนุ่มคนนี้มันเป็นเด็กชั้นยอดจริงๆ ถังซิ่วได้ไปถึงที่สนามบินตั้งแต่เช้า ฉันได้กำชับกับเพื่อนฮูไว้แล้วว่าจะต้องไม่ลืมขอวิธีติดต่อถังซิ่วมาด้วย หลังจากที่เรากลับไปที่เซี่ยงไฮ้แล้วฉันจะรีบส่งแร่เหล่านั้นไปให้เขาทันที”

มู่หวางหยิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“อาจารย์ ดูเหมือนว่าคุณจะให้ความสำคัญกับเขามากๆแล้ว ? ”

เหล่ใบยี่เองก็ได้ถอนหายใจออกมาพร้อมพูดว่า

“มันยิ่งกว่าให้ความสำคัญด้วยซ้ำ ! ฉันรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากแม้ว่าเราจะได้คลุกคลีกับเขาในเวลาสั้นๆแต่อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้สึกว่าเขาดูลึกลับ ? อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้สึกสงสัยในตัวเขา ? ”

มู่หวางหยิงเองก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“ใช่แล้ว เขาดูลึกลับมากและหนูเองก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน”

เหล่ใบยี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่เป็นไร หลังจากนี้เรายังมีเวลาอีกมากมายที่จะคลุกคลีและเข้าใจเขาคนที่สามารถวาดภาพนั่น เขียนตัวอักษรที่สวยงามและยังมีความสามารถด้านดนตรีถึงขนาดที่เรียกได้ว่าโปรเฟสเซอร์ ฉันรู้สึกสงสัยในตัวตนของเขาจริงๆ ”

มู่หวางหยิงเองก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“วันนี้อาจารย์เองก็ลืมพูดไปอีกสองเรื่อง”

เหล่ใบยี่เองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“ฉันลืมอะไรไปงั้นหรอ ? ”

มู่หวางหยิงเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“เขาเองก็ยังมีทักษะด้านการแพทย์และยังเป็นอาจารย์ของเฉินซีซ่งที่เป็นนายใหญ่ของบริษัทร้อยคุณธรรมเภสัช”

เหล่ใบยี่ได้ตบหน้าผากของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันพลาดเอง ใช่ ! ฉันล่ะอยากจะเข้าใจถึงตัวตนของเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความลับมากมายเหล่านี้ หากพูดกันตรงๆนั้นตั้งแต่ที่ฉันได้ศึกษาเรื่องภูมิศาสตร์และทำการวิจัยเกี่ยวกับด้านโบราณคดีพร้อมทั้งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มาหลายปี ฉันก็ได้เจอเด็กหนุ่มที่มีความสามารถมากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่มีใครสามารถเทียบกับเขาได้สักคน”

มู่หวางหยิงเองก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“แน่นอนว่าเขานั้นโดดเด่นแต่ก็………น่ามหัศจรรย์มากๆ”

เหล่ใบยี่เองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“หมายความว่าอย่างไร ? ”

ใบหน้าที่สวยงามของมู่หวางหยิงเองก็ได้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำในขณะที่เหตุการณ์ของเมื่อวานได้ปรากฏในห้วงความคิดเธอก่อนที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อาจารย์เราเองก็ได้เสร็จเรื่องที่เมืองนี้แล้วคุณจะกลับไปที่เซี่ยงไฮ้เลย ? คุณจะไปที่เมืองหลวงกับหนูไหม ? ปู่ของหนูเองก็อยากพบคุณมากๆ ”

เหล่ใบยี่ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า

“ฉันจะกลับไปส่งแร่ให้ถังซิ่วที่เซี่ยงไฮ้ก่อนและหลังจากนั้นฉันจะตามเธอไปที่เมืองหลวงทันที”

มู่หวางหยิงเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยเสียงเบาๆว่า

“งั้นหนูจะรออาจารย์อยู่ที่เมืองหลวงแล้วกัน”

เหล่ใบยี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ดี บอกปู่ของเธอด้วยนะว่าให้เตรียมไวน์ชั้นยอดไว้ให้ฉันด้วย เมื่อถึงเวลาแล้วเราจะได้ดื่มกัน!”

“อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงเลย หนูจะบอกเรื่องนี้ให้คุณปู่ฟังอย่างแน่นอน”

มู่หวางหยิงได้ปิดปากของเธอพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม