…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
หัวใจของถังซิ่วสั่นเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดเลยว่าซางเฟิงเซี่ยนจะซ่อนเงินไว้มากขนาดนี้ หลังจากที่เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ได้มองไปที่หลงเจิ้งหยูแล้วพูดว่า
“เอาเงินมาแล้วปล่อยพวกเขาไปซะ”
หลงเจิ้งหยูจ้องมองอยู่อย่างลังเลแล้วถามออกมาว่า
“จะปล่อยพวกเขาไปจริงๆงั้นหรอ ? ”
“ปล่อยไป !”
ถังซิ่วตอบกลับอย่างแน่วแน่
หลงเจิ้งหยูพูดขัดออกมาว่า
“นายไม่กลัวว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาให้นายในอนาคตงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้พ่นลมหายใจออกมาพร้อมพูดว่า
“พวกเขากล้า ? หากว่ายังกล้าล่วงเกินฉันอีกอย่าว่าแต่หนีไปนอกประเทศเลย ฉันจะตามไปฆ่าพวกเขาได้”
หัวใจของคนตระกูลซางถึงกับสั่นด้วยความกลัว พวกเขาก้มหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตอนนี้ถังซิ่วก็ได้โบกมือให้กับหลงเจิ้งหยูพร้อมเดินออกไปจากห้อง
เมื่อมาถึงห้องน้ำชา ถังซิ่วก็มองไปที่คนอื่นๆพร้อมกับพูดออกมาว่า
“เก็บเกี่ยวมาได้ดี เราได้มาอีก3พันล้านจากการที่ซางเฟิงเซี่ยนขอซื้อชีวิตพวกเขา”
หลงฮานเหวินได้ถามออกมาว่า
“เธอตอบตกลงหรือเปล่า ?”
ถังซิ่วได้หัวเราะออกมาพร้อมกับพูดว่า
“จะไปตอบตกลงได้อย่างไรกัน เมื่อได้เงินมาแล้วเราจะจัดการกับพวกเขา คุณพอมีวิธีที่จะทำให้คนตระกูลซางตายแต่ไม่ฆ่าคนระดับสูงของบริษัทเขาไหม ? ”
เซ่าหมิงเจิ้งได้พูดออกมาว่า
“ฉันพอมีวิธีอยู่”
ถังซิ่วได้หันกลับไปถามเขาว่า
“ทำอย่างไรงั้นหรอ ? ”
เซ่าหมิงเจิ้งได้พ่นลมหายใจออกมาก่อนที่จะพูดว่า
“เราก็ให้พวกเขาเป็นคนฆ่าคนในตระกูลซางด้วยตัวเองแล้วก็อัดวีดีโอไว้ก่อนที่จะส่งพวกเขาและครอบครัวออกนอกประเทศ ! ถึงแม้ว่าเราจะบังคับให้พวกเขาทำแต่พวกเขาก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี ฉันเชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าปริปากอย่างแน่นอน เรื่องนี้นายปล่อยให้ฉันจัดการ”
“ฝากนายด้วยแล้วกัน!”
ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมา
วันต่อมา
ถังซิ่วได้ออกจากวิลล่าและมุ่งหน้าไปที่โรงเรียนโดยรถแท๊กซี่เพราะวันนี้เป็นวันที่จะต้องเลือกว่าเขาจะเข้าเรียนที่ไหนซึ่งเขาจะขาดเรียนไม่ได้ เขาได้ทำข้อตกลงไว้กับโรงเรียนแล้วว่าหลังจากที่เขากรอกแบบฟอร์มเสร็จแล้วก็สามารถกลับได้เลย
“ตามข้อมูลที่ได้รับ ซางกรุ๊ปได้พังทลายลงพร้อมกับการหายตัวไปของผู้นำระดับสูงของบริษัท ได้รับรายงานมาว่าพวกเขาได้หายตัวไปเพราะเกรงความผิดจากการยักยองเงินของโครงการ “สวรรค์บนโลก”ของการร่วมมือกันระหว่างหลงกรุ๊ป บริษัทถังผู้สูงส่งและโอหยางกรุ๊ป ”
เสียงประกาศข่าวได้ดังก้องอยู่ในรถแท๊คซี่
คนขับรหนุ่มได้หันหน้าไปมองถังซิ่วที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมกับถอนหายใจออกมาว่า
“นี่มันเหมือนดั่งคำพูดที่ว่ามนุษย์จะตายเพราะความโลภ นกที่ตายเพราะความอยากอาหาร ซางกรุ๊ปที่มีมูลค่าทรัพย์สินตั้งมากมายแต่กลับโลภมากจนถึงกับต้องยักยอกเงินโครงการ ความโลภของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ อ๊า ! พวกเขาคงจะหนีไปด้วยกันสินะ ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ถ้ารังใหญ่พอเราก็จะสามารถพบกับนกทุกชนิด”
ชายคนขับก็ได้ตอบกลับมาอย่างเห็นด้วยว่า
“ใช่แล้ว นั่นเป็นความจริง ซางกรุ๊ปนั้นจบแล้ว คนที่ทำงานร่วมกับเขาเองก็คงจะดวงซวยเป็นอย่างมาก ”
ดวงซวย ?
ถังซิ่วแอบหัวเราะอยู่ภายในใจ
เขาไม่ได้ดวงซวยเลยแม้แต่น้อย เขาได้เอาทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซางมาแบ่งกันเรียบร้อย ตรงไหนที่เรียกว่าดวงซวยกัน ?
คนขับรถหนุ่มเองก็ได้ถามออกมาว่า
“หนุ่มน้อย ฉันคิดว่าเธอก็น่าจะได้ยินถึงเรื่องอื้อฉาวของตระกูลซางที่เพิ่งถูกเปิดเผยไปเมื่อไม่นานนี้ใช่ไหม ? ก่อนหน้านี้พวกเขาได้จ้างอันธพาลเพื่อที่จะไปยึดโครงการมาจากคนอื่น อ๊าแค่เรื่องนี้ก็เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายแล้ว วันที่ซางกรุ๊ปยกเลิกกิจการนั้นเป็นเหมือนกับวันที่ผู้คนอย่างเราได้ฉลองกัน”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“ชื่อเสียงของซางกรุ๊ปไม่ค่อยจะดีงั้นหรอ ? ”
คนขับรถได้แสดงสีหน้าป่วยๆออกมาก่อนที่จะโอดโอยออกมาว่า
“มันยิ่งกว่าไม่ค่อยดีเสียอีก มันเรียกว่าเละยังได้ มีแผนการมากมายที่พวกเขาได้ชักใยอยู่เบื้องหลังไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ ทีวี อินเตอร์เน็ตก็มีแต่คนที่สาปแช่งพวกเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังซิ่วเองก็แอบชื่นชมหลงฮานเหวิน เฉินซีซ่งและคนอื่นๆ แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหอกของปฏิบัติการและแผนการครั้งนี้แต่คนดำเนินการก็เป็นพวกเขาและผลลัพธ์ที่ได้มานั้นก็ถือว่าเกินกว่าที่เขาคาดหวังไว้มาก
ในวันนั้นเองที่สื่อต่างๆก็ได้พาดหัวข่าวกันอย่างเมามันส์เกี่ยวกับเรื่องของซางกรุ๊ป แม้กระทั่งทางภาครัฐเองก็เริ่มเข้ามาตรวจสอบแล้วและหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงซางกรุ๊ปก็คงจะหายไปจากโลกนี้อย่างแน่นอน
และนี่คือสิ่งย้ำเตือนที่แสดงให้เห็นว่าคำพูดที่ว่า เมื่อต้นไม้ถูกโค่นลิงก็จะกระจัดกระจายนั้นเป็นจริง ตอนนี้ซางกรุ๊ปเองก็ถึงจุดตกอับที่สุดแล้ว มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่พวกเขาจะเลิกกิจการ
ถังซิ่วได้มาถึงที่โรงเรียนพร้อมกับเข้าไปที่ห้องสิบโดยทันทีเพราะว่านี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่พวกเขาจะได้เจอเพื่อนของตัวเองดังนั้นพวกเขาจึงให้คุณค่าแก่ช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก ตอนนี้เด็กนักเรียนเหล่านี้ก็ไม่ได้มองถังซิ่วเป็นปฏิปักษ์อีกแล้ว
หยวนชูหลิง เฉิงเยี่ยนหนาน เซี่ยหวานเฟิงและหลี่เสี่ยวเขวียนเองก็กำลังคุยกันด้วยเสียงกระสิบแต่แล้วเมื่อเห็นว่าถังซิ่วกำลังเดินมาหยวนชูหลิงก็รีบวิ่งไปลากเขาทันที
“พี่ชาย นายคิดว่าจะเข้าเรียนที่ไหนกัน ? ”
ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
“เซี่ยงไฮ้”
หยวนชูหลิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันรู้ผลลัพธ์ของฉันดีต่อให้นายได้ทบทวนให้ฉันแล้วก็คงไม่สามารถสอบเข้าที่นั่นได้แต่ฉันเองก็เตรียมที่จะไปที่นั่นเพื่อหามหาวิทยาลัยดีๆเหมือนกัน”
เฉิงเยี่ยนหนานได้พูดออกมาว่า
“ฉันตั้งใจว่าจะไปเรียนที่เมืองหลวงเพราะพี่สาวของฉันต้องกลับไปประจำการที่นั่น เขวียนเองก็ดีนะที่เลือกเรียนที่โรงเรียนสอนดนตรีบลูซิตี้ ฉันไมคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะมีทักษะด้านการร้องขนาดนี้และได้รับเป็นลูกศิษย์หลักของอาจารย์ฮ่วงจี่ได้ ”
ถังซิ่วได้มองไปที่หลี่เสี่ยวเขวียนก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ยินดีด้วย ! ”
หลี่เสี่ยวเขวียนเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“จริงๆแล้วฉันเองก็ได้รับผลประโยชน์มาจากนายนั้นแหละ อาจารย์เองก็อยากจะให้นายไปไปโปรเฟสเซอร์ที่โรงเรียนเป็นอย่างมากแต่กลับถูกนายปฏิเสธและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้นจนถึงขั้นที่เธอให้โควต้าฉันมา”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องดนตรีและไม่คิดแม้แต่นิดเดียวว่าจะเดินบนเส้นทางนั้นแล้วเธอจะให้ฉันไปที่นั่นทำไมกันล่ะ ? เซี่ยหวานเฟิงล่ะ ?เธอเลือกเรียนที่ไหนกัน ?”
เซี่ยหวานเฟิงได้ตอบกลับไปว่า
“ฉันต้องการจะเข้าที่มหาวิทยาลัยจิงหนานแต่ไม่รู้ว่าจะเข้าได้ไหม ฉันจะเลือกที่นั่นเป็นตัวเลือกแรกและตัวเลือกที่สองคือคณะวิทยาศาสตร์ในบลูซิตี้”
ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันหวังว่าพวกเธอทุกคนจะสามารถเข้าเรียนในที่ที่ตัวเองใฝ่ฝันไว้ได้ เอาล่ะ เรากลับไปนั่งที่กันเถอะอาจารย์ฮั่นมาแล้ว ”
ฮั่นชิงหวูที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มหลังจากนั้นสายตาของเธอก็กวาดไปรอบๆห้องก่อนที่จะตกลงมาที่ถังซิ่วอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินขึ้นไปบนโพเดี้ยมพร้อมพูดว่า
“วันนี้เป็นวันเลือกมหาวิทยาลัยและคิดว่าทุกคนก็น่าจะพอเดาคะแนนของตัวเองเอาไว้ได้และหวังว่าพวกเธอจะเลือกมันอย่างตั้งใจ เอาล่ะมากรอกแบบฟอร์มกันได้แล้ว ”
หลังจากที่ถังซิ่วได้รับแบบฟอร์มแล้วก็กรอกชื่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไปที่ช่องแรกส่วนช่องที่สองและสามนั้นเขาเว้นว่างเอาไว้เพราะมันไม่จำเป็น
ฮั่นชิงหวูที่ได้มาข้างๆถังซิ่วและมองไปที่แบบฟอร์มของเขาขณะที่ถามออกมาด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันว่า
“แล้วทำไมเธอถึงได้ไม่กรอกช่องสองและช่องสามกัน ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยความมั่นใจว่า
“ผมมีความมั่นใจในตัวเอง”
ฮั่นชิงหวูพูดอย่างหงุดหงิดว่า
“ฉันรู้ว่าเธอมั่นใจในตัวเองแต่เธอไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่าอุบัติเหตุมันมักจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เสมองั้นหรอ ? หากว่าเธอไม่ได้รับเข้าเรียนล่ะ ? ดังนั้นเธอจะต้องเชื่อฟังฉันแล้วกรอกมันลงไปซะ หากว่าเธอได้รับเลือกจากตัวเลือกแรกก็ไม่เป็นไร”
ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นเพราะเขารู้ว่าเธอไม่เชื่อใจเขา อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะโต้เถียงกับเธอก่อนที่จะยื่นแบบฟอร์มให้เธอแล้วพูดว่า
“ครูฮั่น ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำดังนั้นผมขอตัวเลย ? ”
ฮั่นชิงหวูรีบไปหยุดถังซิ่วไว้ทันทีพร้อมกับพูดว่า
“ฉันยังมีเรื่องที่ต้องคุยกับเธอ เดี๋ยวพอฉันเสร็จเรื่องในห้องแล้วจะไปคุยกับเธออีกครั้ง ”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“มีเรื่องอะไรงั้นหรอ ? ”
ฮั่นชิงหวูก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เดี๋ยวฉันค่อยบอกเอง !!!!”
ถังซิ่วเองก็ได้แต่รู้สึกหมดหนทาง อารมณ์ของเขาเองก็ค่อนข้างปั่นป่วนเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอเพราะรูปลักษณ์ของเธอนั้นคล้ายกับภรรยาของเขาที่ดินแดนแห่งนิรันด์อย่างมาก มันทำให้เขารู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อเธอทว่าเธอกลับยอมแลกตัวเองเพื่อไม่ให้เขาโดนไล่ออกแล้วย้ายเขามาที่ห้องของเธอ
เขาไม่ได้แคร์เรื่องการเรียนแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาแคร์คือแม่ของเขาและหากว่าเธอรู้ว่าโรงเรียนไล่เขาออกก็จะต้องเสียใจมากอย่างแน่นอน
“เอาเถอะ หลังจากนี้ก็คงไม่ต้องเจอเธออีกแล้ว ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย”
เมื่อถังซิ่วคิดได้ถึงตรงนี้เขาก็นั่งรออยู่เงียบๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
นักเรียนในห้องทั้งหมดก็เริ่มทยอยกันกลับไปรวมทั้งหยวนชูหลิง เฉินเยี่ยนหนานและคนอื่นๆ หลังจากที่ในห้องเหลือเพียงแค่ถังซิ่วกับฮั่นชิงหวูแล้วนั้นเขาก็ถามขึ้นมาว่า
“ครูฮั่นจะบอกได้หรือยัง? ให้ผมรอเพราะมีเรื่องอะไร ? ”
ฮั่นชิงหวูคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“จริงๆแล้วฉันอยากจะขอความช่วยเหลือจากเธอ ! ไม่รู้ว่า….ฉันจะช่วยฉันได้ไหม ?”
ถังซิ่วได้ถามกลับไปด้วยความสับสนว่า
“เรื่องอะไรงั้นหรอ ?”
ฮั่นชิงหวูได้พูดออกมาว่า
“หากว่าฉันพุดเธอก็จะต้องช่วยฉันนะ ! ”
ถังซิ่วก็ได้พูดออกมาว่า
“ไม่พูดก็ไม่เป็นไร งั้นผมกลับล่ะ ”
ฮั่นชิงหวูได้เดินมาขวางถังซิ่วไว้ทันทีก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ก็ได้ ฉันจะบอกก็ได้ ! จริงๆแล้วเพื่อนรักของฉันจะต้องมาที่นี่แต่ฉันต้องไปที่เซี่ยงไฮ้พอดีเป็นเวลาถึง2วัน ฉันคิดว่าเธอน่าจะมีเวลาว่างที่จะอยู่เป็นเพื่อนหล่อนสัก2วันนะ ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับอย่างหงุดหงิดว่า
“เรื่องนี้จำเป็นต้องให้ผมช่วยด้วยงั้นหรอ ? คุณก็แค่บอกให้เธอไปนอนโรงแรมและหาอะไรทำฆ่าเวลาก็จบแล้ว คุณกลับมาเมื่อไหร่ก็ค่อยไปกับเธอ!!!”