ตอนที่ 2 กู่ไฮ่

*** ขอเปลี่ยนจากกู่ไฮ้ เป็น กู่ไฮ่ นะครับ ***

ในวันที่ 14 เดือนที่ 6 ค่ายกลเสือ เมืองโบราณ ราชอาณาจักรเฉิน ภายในเมืองที่มีคฤหาสน์หลังใหญ่ สลักคำว่า ที่พักกู่(กู่แมนชั่น)

การตกแต่งภายในสำหรับที่พักกู่ มันมีถนนรอบๆ และเต็มไปด้วยโต๊ะจัดงานเลี้ยงสำหรับแขกที่มาเยือนไม่รู้จบสิ้น ที่นี่นับว่าค่อนข้างคึกคักยิ่งนัก!

อย่างไรก็ตามแต่ ในขณะที่คนบางกลุ่มสวมเสื้อผ้าที่ไว้ทุกข์ รีบวิ่งเข้าไปเพื่อหยุดงานสำหรับงานฉลองสิริราชสมบัติของกษัตริย์ในตอนแรก มันมีกองกำลังทหารจำนวนมากประจำการยืนอยู่เอาไว้ทั้งสี่มุม ทำให้ฉากแห่งความสนุกสนาน เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด

“วันนี้ ใช่วันเกิดครบรอบ 70 ปีของผู้เฒ่ากู่ใช่หรือไม่? การต่อสู้ที่อยู่โดยรอบนี้ มันน่าจะจางหายไปบ้างแล้วสิ เหตุใดทหารถึงได้มีจำนวนมากเช่นนี้กันรึ?”

“จะว่าเช่นนั้นก็ไม่ถูกเสมอไปนัก แม้ว่า นายท่านกู่จะไม่มีส่วนได้เสียในการเมืองเท่าไหร่ แต่ในที่นี้ไม่มีใครหน้าไหนกล้ารุกรานกับเขาหรอกนะ”

“คนที่สวมควรสวมเสื้อผ้าไว้ทุกข์ ควรจะเป็นองค์ชายบุตรแห่งอ๋องแคว้นฉินสิ เหตุใดพวกทหารในพำนักนี่ ถึงได้สวมใส่ก่อนได้กัน?!”

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?!”

“นี่เป็นเรื่องจริงงั้นรึ องค์ชาย องค์ชายสมควรสวมเสื้อไว้ทุกข์? หรือว่านี่มัน…!!”

…….

…….

…….

แขกทุกคนที่ได้ฟัง และได้ยินเรื่องราวพวกนี้ ทุกคนต่างมีอาหารตื่นตกใจกันเต็มไปหมด

คนๆเดียวที่สมควรสวมเสื้อไว้ทุกข์นั้นคือ องค์ชาย หรือ รัชทายาทแห่งแคว้นฉิน สิ่งที่ได้ยินมานั้น แสดงว่า อ๋องฉินได้สเด็จสู่สวรรค์คาลัยเป็นที่เรียบร้อย

กษัตริย์ไม่ได้ออกไปนำทัพในการสู้รบยังงั้นเหรอ? หรือว่า เขาไม่ได้เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะกัน?

ฝูงชนต่างตื่นตกใจกับการได้ยินสิ่งเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่า ข่าวพวกนี้เดินทางมาช้าจนเกินไป

…………

ที่พักกู่!

ในลานด้านหน้าและถนนรอบๆ มีแขกทุกคนที่มาเยี่ยมเยือนกำลังเฉลิมฉองกันใหญ่โต แต่ในสนามหลังบ้านของที่พักกู่นั้น กลับเงียบสงบ

ในสนามหลังบ้านมีเจดีย์ 7 ชั้น เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในที่พักกู่ รวมทั้งเมือง เรียบร้อยแล้วนั้น ที่นี่นับว่าเป็นที่ที่สูงที่สุด และ สามารถมองเห็นกว้างไกลได้รอบเมือง

เจดีย์หอคอยนี่ ถูกเรียกว่า เจดีย์ก้าวถึงสวรรค์!

ภายใต้เจดีย์ก้าวถึงสวรรค์ มีฝูงชนจำนวนมากต่างอยู่ในสภาพเคร่มขรึม และทำความเคารพแก่ที่พักกู่ พวกเขากำลังมองเหล่าทหารที่สวมเสื้อผ้าไว้ทุกข์และคุกเข่าร่วมกันกับองค์ชายแห่งราชอาณาจักรฉิน

ใบหน้าของพวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่แสดงออกถึงความโศกเศร้า

มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ยอมคุกเขา เขาคือ ปู่สามของเฉินไท้จี่ ชายผู้นี้สวมเสื้อสีขาวที่มาจากนิกาย

“หลานชายผู้นี้ตามหาท่านลุงกู่ เพื่อต้องการขอกำลังในการแก้แค้นให้พระบิดา!” เสียงของรัชทายาทแห่งแคว้นฉิน ฉิน เหลียงอี้ กล่าวด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อยที่แฝงไปด้วยแววตาดุดัน

อาณาจักรเฉินกำลังจะถูกทำลาย ใน รัชสมัยของ องค์รัชทายาทเป็นแน่ เขาไม่อาจถือครองมันไว้ได้นาน เมื่อราชวงค์เฉินถูกทำลายลงไปแล้วล่ะก็ เขาคงจะต้องทุกข์ทรมาณกับความโกรธแค้นกับนิกายนั้น ไม่ว่าจะยามมีชีวิต หรือความตาย เขาก็จะจำฝังใจ แต่ว่า สิ่งที่พระบิดาของเขาได้กล่าวเอาไว้ ว่าบุคคลผู้นี้ มีความสามารถในการพลิกสถานการณ์ แถมเขายังมีศักดิ์เป็นพี่ของพระบิดาเขา

หากเขาสามารถพลิกสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในยามนี้ได้แล้วล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึง 3 วัน 3 คืน เฉินเหลียงอี้พร้อมที่จะคุกเข่าขอคารวะโดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย

เมื่อ คนของ ที่พักกู่ ได้ยินพวกข้าราชการหลายคนต่างพูดเรื่องพวกนี้ พวกเขาก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด

นี่หน่ะหรือรัชทายาท! แถมพวกกองกำลังทหารพวกนี้อีก นี่มันเรื่องอะไรกัน? เพียงแค่อยากพบนายท่านเพียงแค่นี้ยังงั้นรึ?

“กู่ไฮ่เอ๋ย ข้าคือ เฉินเทียนชาน แห่งนิกายชำระวารี เจ้ายังจำข้าได้รึไม่? องค์ชายเฉิน ได้พาเหล่าทหารทั้งหมด คุกเข่าต่อหน้าเจ้าแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีกหรือ?” ชายที่แต่งตัวในชุดสีขาวยืนและกล่าวออกไปอย่างโต้งๆ

คนของกู่เมื่อได้ยินถึงกับจ้องมองไปยังที่พวกเขา ไม่ทันใดนักในหมู่พวกเขามีชายแก่วัย 30 ปี แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีเขียวและมีใบหน้าที่กว้างดูเป็นเอกลักษณ์รูปร่างที่โปร่งตามคนทั่วไป อย่างไรก็ตามแต่ ในเจดีย์ก้าวถึงสวรรค์นั้น ผู้คนของที่พักกู่ ต่างก็เกรงใจเขาผู้นี้ไม่น้อย

“นั้นหน่ะหรือ นายน้อยคนโต? เราควรจะ…!” เหล่าข้ารับใช้ต่างเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

ชายชราวัยกลางคนที่สวมเสื้อสีเขียวมองด้วยหางตาเพียงเล็กน้อย เหล่าข้ารับใช้ต่างก็เงียบกริบในทันที

ด้วยชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตระกูลกู่ พวกเขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาก่อกวน

ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อสีเขียว มิได้สนใจในคำพูดที่ขอร้องให้ไปพบแต่อย่างใด แต่เขาทำด้วยการอดทนรออยู่ข้างนอกเจดีย์ก้าวถึงสวรรค์นี่

“ท่านลุงกู่ ก่อนที่พระบิดาของข้าจะจากไป เขาได้ส่งหลายชายผู้นี้มาขอร้องแก่ท่านลุงกู่ และบอกกับท่านลุงว่า เขาเสียใจ เขาเสียใจจริงๆที่ทำในปีนั้น!” เฉินเหลียงอี้ตัวสั่นพร้อมกับร้องไห้

“เฮ้อ…!”

“พวกที่อยู่ด้านในเจดีย์ก้าวถึงสวรรค์ได้แต่ถอนหายใจจากระยะไกล”

การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที

ด้านในเจดีย์ก้าวถึงสวรรค์ มีเสียงของผู้สูงอายุออกมา : “ฉายาผู้เชี่ยวชาญด้านอมตะเฉิน เจ้าได้รับเกียรติให้มาพบกับข้าได้เป็นการส่วนตัว ชายชราผู้นึงส่งเสียงออกมา” กู่ฉินเอ๋ย เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านอมตะเฉิน ขึ้นมาบนเจดีย์ และให้ เฉินเหลียงอี้ตามเข้ามาด้วย

นายน้อยกู่ฉิน ผู้เฝ้าเจดีย์ได้แสดงออกด้วยสีหน้าและท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมาทันที และกล่าวว่า “ได้ครับ นายท่านใหญ่!”

“ครืนน!”

กู่ฉินผลักประตูเพื่อเปิดเจดีย์และกล่าวกับเฉินเทียนชานว่า “ผู้เชี่ยวชาญด้านอมตะเฉิน นายท่านใหญ่ของข้าไม่ได้รับแขกมานานมากแล้ว วันนี้หากเรากระทำผิดต่อท่านเรื่องอะไรไป ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ!”

เฉินเทียนซานพยักหน้า

“องค์รัชทายาทเฉินเข้ามาได้!” กู่ฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม

เฉินเหลียงอี้ก้าวขึ้นไปด้วยความตื่นเต้น

กู่ฉินนำเฉินเทียนซานและเฉินเหลียงอี้เข้าสู่เจดีย์ก้าวถึงสวรรค์เรียบร้อย!

“ครืนน”

ประตูได้ถูกปิดลง

เหล่าทหารทุกคนต่างมองเข้าไปในเจดีย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ชายสองคนพบว่า บนชั้น 7 นั้น เต็มไปด้วยเหล่าหนังสือนับไม่ถ้วน

เมื่อพวกเขามาถึงชั้น 6 เทียนซานและเหลียงอี้ก็ได้พบกับกู่ไฮ่

ด้วยหน้าต่างที่มีกระดานโกะยักษ์ แต่ตัวกระดานนั้นแตกต่างจากทั่วๆไป บนกระดานโกะมีเส้นแนวตั้งและแนวนอนถึง 19 เส้น แต่กระดานนี้กลับมีเส้นแนวตั้งและแนวนอนถึง 29 เส้นแทน

ตัวกระดานมีชิ้นโกะนับไม่ถ้วน มันถูกวางเสียจนแทบมองเห็นไม่ชัดเจน

ด้านข้างของกระดานโกะ มีชายชราในเสื้อผ้าสีดำอยู่ อายุของนั้นดูราวกับ 70 ปี เส้นผมของเขาขาวราวกับหิมะ แต่สีหน้าเต็มไปด้วยขึงขัง แม้ว่าดวงตาของเขาจะดูจางๆ คล้ายกับคริสตัล แต่ดวงตาเหล่านี้ มันเหมือนกับว่าสามารถมองทะลุใจคนๆ หนึ่งได้ นั้นทำให้เฉินเหลียงอี้รู้สึกถึงความผิดปกติ

นี่หน่ะหรือ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในหกแคว้น กู่ไฮ่?

“ท่านคือกู่ไฮ่? ไม่สิ เจ้าไม่ใช่กู่ไฮ่! คิ้วของเจ้ามัน…..?” เฉินเทียนซานจ้องไปยังที่เขา

อย่างไรก็ตามชายชราตอบกลับด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนว่า “ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นอมตะเฉิน ท่านยังจำข้าได้ใช่มั้ย ที่น้ำตกเมื่อตอนนั้น? ชายชราผู้นี้คือกู่ไฮ่ตัวจริงเอง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นบางอย่างออกไป ข้าจึงจำเป็นที่ต้องดึงคิ้วขึ้น ให้ชูตั้ง! ก็เท่านั้นเอง”

เฉินเทียนซานมองไปรอบๆตัวกู่ไฮ่ เพื่อคิดช่วงเวลาในอดีตเกี่ยวกับเขา ความประทับใจเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นของปลอมทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าเขาอาจจะเป็นคน คนเดียวกัน แต่ด้วยลักษณะใบหน้ารูปร่างของเขานั้น ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปเลย แต่ถ้าหากเขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนกับเฉินเทียนซาน เขาก็คงจะจำไม่ได้

“ท่านลุงกู่ พระบิดาของข้าได้สิ้นพระชนม์ เขากล่าวไว้ว่า ท่านคือพี่ชายร่วมสาบานของเขา ข้าขอร้องล่ะครับได้โปรด ท่านลุงกู่ช่วยพิจารณาในฐานะที่ท่านเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเขา ช่วยแก้แค้นแทนเขาด้วยเถอะ!” เฉินเหลียงอี้คุกเข่าอีกครั้ง

 

กู่ไฮ่หลับตาในขณะที่กำลังมองเฉินเหลียงอี้ผู้นี้ หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความเงียบสักพักนึง… เขาก็พูดว่า “ในอดีต ข้ากับเขาเคยเป็นพี่น้องร่วมสาบานก็จริง แต่เป็นเขาที่พยายามจะฆ่าข้าในปีนั้น ความเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเราถูกตัดขาดไปตั้งแต่วันนั้นแล้วล่ะ!”

“เช่นนั้น?” ใบหน้าของเฉินเหลียงอี้แข็งค้างขึ้นมาทันที

เฉินเทียนซานขมวดคิ้ว

กู่ไฮ่มองไปยังเฉินเทียนซานและกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าท่านต้องการมาที่นี้ทำไม สามทางผ่านแล้วสิที่ได้ผ่านแพ้กับเกาเซี่ยนชี่ เขาฆ่าทหารไปแล้ว 6 แสนนาน จากหนึ่งในสามผ่านนั้น เหล่าทหารและพลเมืองต่างมั่นใจว่า ราชวงค์เฉินต้องล่มสลาย ส่วนตัวเรานั้นมีทหารเพียงแค่ หนึ่งแสนนาย เทียบกับกองกำลังทหารแคว้นซ่ง แปดแสนนาน เจ้าคิดว่ามันจะเป็นไปได้อีกงั้นรึ?”

“อะไรนะ?! เกาเซี่ยนชี่ฆ่าทหารไป 6 แสนกว่านายแล้วงั้นรึ? แต่พวกเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นเชลยสงครามนะ!” เฉินเหลียงอี้ร้องอุทาน!

“มันเกิดขึ้นเมื่อตอนเที่ยงของ 4 วันก่อน!” กู่ไฮ่พูดอย่างเงียบๆ

“ท่าน! ท่านรู้ได้อย่างไร” เฉินเหลียงอี้ถาม

อย่างไรก็ตามกู่ไฮ่ไม่ได้พูดตอบกลับแต่อย่างใด

ในด้านข้าง กู่ฉินกำลังทำชาอย่างเงียบๆ ก่อนที่เขาจะเทถ้วยชาสำหรับกู่ไฮ่และเฉินเทียนซาน

กู่ไฮ่ชี้ไปที่เฉินเทียนซาน เพื่อให้นั่งลง

เฉินเทียนซานมองกู่ไฮ่ ดวงตาของเขานั้นดูแปลกๆ ปกติแล้วปุถุชนธรรมดา เมื่อพบผู้คนจากนิกาย เขามักจะทำความเคารพให้ แต่สำหรับกู่ไฮ่ผู้นี้ เขาหาได้ทำปฏิกริยาอันใดไม่ทั้งสิ้น

“เฉินไท้จี่พูดว่าเจ้าทำมันได้!”เฉินเทียนซานนั่งลงและพูดด้วยคำพูดที่ชวนหนักอึ้ง

กู่ไฮ่หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบและกล่าวว่า “ต้องทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงแค่ครึ่งเดือนก็พอ หากภายใต้การบัญชาของเกาเซี่ยนชี่แล้วล่ะก็ กองทัพของพวกเขาคงจะบุกไม่หยุดจนไปถึงประตูค่ายกลเสือเป็นแน่แท้ ด้วยกองกำลังที่ีมีทหาร แสนนาย ในค่ายกลเสือ เจ้าน่าจะคุ้นเคยมันมากกว่าข้า เราจะใช้คนกลุ่มนี้ต้านทานแปดแสนนายของเกาเซี่ยนชี่ได้รึไม่? เฮ่อะ! ไม่แม้แต่จะพูดเรื่องป้องกัน คนกลุ่มนี้อาจจะยอมจำนนต่อเกาเซี่นยชี่แน่นอน และ ประตูค่ายกลเสือ ก็พังพินาศอีกด้วย!”

เฉินเทียนซานและเฉินเหลียงอี้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป นี่มันไม่ใช่เพราะคำพูดของกู่ไฮ่หรอก แต่เป็นเพราะสิ่งนี่อาจจะเป็นเรื่องจริง

“ท่านลุงกู่ได้โปรดออกจากการเกษียณอายุและได้โปรดช่วยราชอาณาจักรเฉินได้เถิด ตราบใดที่ท่านช่วยรักษาแคว้นเฉินของเรานี่ได้นั้น ไม่ว่าท่านต้องการอะไร ข้าก็จะหาให้ได้!” เฉินเหลียงอี้ตะโกนอย่างฉับพลัน

เฉินเทียนซานยังคงมีใบหน้าปกติ เขาเสริมคำพูดไปอีกด้วย “ถูกต้อง เจ้าอยากจะทำอะไรบ้างมั้ย?”

กู่”ฮ่อยู่ดีๆก็อุทานออกมาว่า “โอ้? เห็นว่านิกายเป็นห่วงแคว้นเฉินมากเกินไปแล้วนะ เหตุใดท่านผู้เชี่ยวชาญด้านอมตะมาจัดการเองเสียเล่า? ข้าคิดว่าด้วยอานุภาพของท่านซะอย่าง คงมีสติปัญญาในการควบคุมแคว้นเฉิน แม้ว่าแคว้นเฉินจะแตกก็จริง แต่เหตุใดท่านถึงไม่ลองถามไถ่แคว้นอื่นดูบ้างในการให้ช่วยเรื่องนี้? แต่นี่ท่าน ท่านกลับมาหาชายชราที่น่าเกลียดอย่างข้าผู้นี่แทน มันคืออะไรเล่า ฮึ?”

เฉินเทียนซานขมวดคิ้วเล็กน้อย และตอบกลับด้วยเสียงที่เรียบๆ “สงครามนี้ มีการต่อสู้กันระหว่างสองแคว้น เราไม่ได้สามารถขอความช่วยเหลือจากแคว้นอื่นๆได้ และแน่นอน ผู้คนจากนิกายไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าแทรกแซงอีกด้วย”

“ไม่ได้รับอนุญาติรึ?” เมื่อได้ยินความรู้สึกของกู่ไฮ่ก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเขาเบิกโตขึ้น

แม้ว่านั้นจะเป็นคำพูดเพียงสองคำ กู่ไฮ่ก็พยายามรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ เห็นได้ชัดนี่เป็นโอกาสอันดี ที่ทำให้หัวใจของเขายังคงตื่นเต้นอยู่เสมอ

ในที่สุดความตื่นเต้นก็สงบลง กู่ไฮ่ยังคงดื่มชาต่อไป

“แคว้นเฉินอยู่เหนือความช่วยเหลือของข้าแล้ว นี่เป็นทางเลือกสุดท้าย ที่ข้าไม่อาจทำได้จริงๆ” เฉินเทียนซานกล่าวด้วยวาจาหนักแน่น

กู่ไฮ่ไม่ได้พูดอะไรมากความ แต่เขามองไปยังเฉินเทียนซานและเฉินเหลียงอี้

หลังจากผ่านไปช่วงเวลานึง กู่ไฮ่จึงได้พูดจริงจังมากขึ้นว่า “ข้าจะทำให้ก็ได้ ข้าสามารถช่วยแคว้นเฉินได้ก็จริง แต่ว่า….!”

“ท่านสามารถช่วยแคว้นเฉินได้? ยังไง?” เฉินเทียนซานแสดงความประหลาดใจออกมา

“ข้ามีเงื่อนไข!” กู่ไฮ่ไม่ได้อธิบายรวดเดียวมัน เขาพูดคำนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน

“โฮ่?” เฉินเทียนซานมองไปที่กู่ไฮ่

“ท่านลุงกู่ ท่านต้องการอะไร ไม่ว่านานเท่าใด หากข้ามีมัน ข้าก็จะให้มันแก่ท่านทันที!” เฉินเหลียงอี้ยืนขึ้นและเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

แต่กู่ไฮ่ไม่สนใจเฉินเหลียงอี้ แต่กลับมองไปยังที่เฉินเทียนซาน “สิ่งที่ต้องการหน่ะเหรอ สิ่งนั้นคือตำแหน่งเจ้านิกายชำระวารี พลังเหล่านั้นคงจะช่วยข้าทลายเขตโห้วเทียน*ได้! และมันจะช่วยข้าก้าวไปสู่ระดับเซี่ยนเทียน**! นอกเหนือจากนี้ เพื่อที่จะได้เรียนรู้วิธีบ่มเพาะพลังของระดับเซี่ยนเทียนในนิกายชำระวารีอีกด้วย!”

“ว่าไงนะ? เจ้าอยู่ในระดับสุดยอดของระดับโห้วเทียนแล้วงั้นรึ?” เฉินเทียนซานกล่าวท่าทีตกใจพร้อมกบัยืนขึ้นมาทันที

กู่ไฮ่ทำสีหน้าที่เคร่งขรึมก่อนพยักหน้า

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ข้าเห็นพลังลมปราณของเจ้าแล้ว เจ้าไม่สามารถศึกษาด้านกำลังภายในได้หรอกนะ หากเจ้าเริ่มบ่มเพาะพลังตั้งแต่ช่วงอายุ 30 แล้วเจ้ามีพลังลมปราณธรรมชาติ เจ้าก็คงก้าวไปถึงระดับความแข็งแกร่งภายนอก แต่ในยามนี้ เจ้าไม่สามารถไปไกลกว่าระดับโห้วเทียน ระดับ ที่ 5 ได้หรอกนะ แต่นี่เจ้ากลับอ้างมาว่า เจ้าอยู่ที่ระดับ 10 ของโห้วเทียน? นี่มันเป็นไปไม่ได้!!” เฉินเทียนซานตะโกนเสียงดัง

“ความแข็งแกร่งภายนอกรึ? เพียงเพราะคนอื่นมิอาจทำสำเร็จได้ มิใช่หมายความว่า ข้าผู้นี่จะทำสำเร็จตามไม่ได้ แม้ว่าช่วงอายุของบุคคลที่จะก้าวไปถึงระดับโห้วเทียน เพียง 100 ปี พวกเขาก็จะก้าวไปถึงระดับเซี่ยนเทียนได้ และหากอยู่ในระดับเซี่ยนเทียนอายุขัยของพวกเขาคงจะก้าวไปถึง 200 ปี อายุขัยของข้ายังไม่เหมาะสมกับการที่จะก้าวไปยังระดับเซี่ยนเทียน ร่างกายของข้าต้องปลูกฝึึกความแข็งแกร่งภายนอกให้มาก แต่ตอนนี้มันกระจัดกระจายออกไป แต่โชคยังดีที่ข้านั้นได้บรรลุระดับสูงสุดของระดับโห้วเทียน แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในระดับทอง แต่นั้นก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยข้าได้ แต่หากข้าเป็นผู้นำนิกายเจ้าแล้วล่ะก็ มันก็จะทำได้ จงกลับไปบอกผู้นำของเจ้าซะว่า ถ้าหากเขาตกลงตามเงื่อนไขข้าแล้วล่ะก็ ข้าจะก็ยอมช่วยแคว้นเฉินให้เช่นกัน!” กู่ไฮ่กล่าวด้วยเสียงที่จริงจัง

เฉินเทียนซานจ้องไปยังกู่ไฮ่ ด้วยดวงตาที่สับสน

ความแข็งแกร่งภายนอก? น่าขันสิ้นดี น้อยคนนักที่จะมีคนบรรลุระดับนี้ได้เพียงแค่ใช้ความแข็งแกร่งภายนอกแต่เพียงอย่างเดียว? วิธีการบ่มเพาะพลังแบบหยาบๆ ก็มีแต่จะทรมาณตัวเอง อย่างมากที่สุดเขาก็สมควรอยู่ระดับโห้วเทียนขั้นที่ 5 ไม่มีใครเคยก้าวข้ามผ่านระดับนี่ไปหรอก กู่ไฮ่เจ้าจะบอกว่าเจ้าบรรลุระดับสูงสุดของโห้วเทียนแล้วยังงั้นรึ?

“ข้ามีเพียงแค่คำขอเดียวเท่านั้น! เจ้าอย่าได้คิดอะไรให้มากความ” กู่ไฮ่มองไปยังเทียนซานด้วยสายตาที่คาดหวังของเขา

“ช่วยแคว้นเฉินก่อนแล้วข้าจะพูดกับเจ้านิกายให้!” เฉินเทียนซานกล่าว

อย่างไรก็ตามกู่ไฮ่เพียงแค่ยิ้มเบาๆ และส่ายหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่มองไปยังเฉินเทียนซาน

“ผู้นำนิกายไม่ได้อยู่ที่นี้ แล้วข้าจะไปตอบแทนเขาได้อย่างไรกันล่ะ? ช่วยแคว้นเฉินก่อน แล้วข้าจะบอกแก่ผู้นำนิกายให้!” เฉินเทียนซานยังคงพูดคำเดิม

“กองทัพเกาเซี่ยนชี่คงใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนในการไปถึงประตูค่ายกลเสือ ในช่วงครึ่งเดือนต่อจากนี้เจ้ามีเวลาเพียงพอที่จะกลับไปยังนิกายและกลับมาที่นี้อีกครั้ง ตราบใดที่ผู้นำนิกายยอมสละให้แก่ข้า ข้าจะช่วยแคว้นเฉินทันที นี่ไม่ใช่เรื่องบรรลุข้อสัญญาก่อนหลังแต่อย่างใด ข้าต้องการเป็นผู้นำนิกายก่อนออกคำสั่ง!” กู่ไฮ่ยังคงยืนกรานอีกครั้ง

“ครึ่งเดือน? อาจจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในครึ่งเดือนก็ได้ หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน หากประตูค่ายกลเสือแพ้ไปแล้ว! เจ้าจะช่วยแคว้นเฉินได้อย่างไรอีก?! นอกจากนี้หลังจากครึ่งเดือน กองกำลังทหารแคว้นซ่ง แปดแสนกว่านาย ก็คงจะบุกมาถล่มยับเป็นแน่ เจ้าจะป้องกันอะไรมันได้อีก?” เฉินเทียนซานขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

“ครึ่งเดือน? ไม่ต้องกังวลไป ถึงแม้ว่ามันจะถูกทำลาย ข้าก็จะหาทางปกป้องมัน นี่เป็นธุรกิจของข้า ก่อนที่เกิดเรื่องพรรณนั้นขึ้น เจ้าก็ต้องกลับมายังที่นีก่อน เพื่อช่วยแคว้นเฉินรอดพ้นจากวิกฤติเช่นนี้ด้วย!” กู่ไฮ่มองอย่างแน่วแน่ในดวงตาของเขา หากไม่ได้รับตามสัญญา เขาก็จะยกเลิกทันที

ตอนนี้กู่ไฮ่ไม่ได้สนใจอีกต่อไป เขามองไปยังเฉินเหลียงอี้และบอกว่า “นับตั้งแต่ที่เฉินไท้จี่ตายไป ปล่อยให้กระดูกยังคงเป็นกระดูกซะ แม้ว่าข้าจะอยู่ในแคว้นเฉิน แต่ข้าเองก็จ่ายภาษีให้ทุกปี เพราะฉะนั้นแล้ว แคว้นเฉินไม่จำเป็นต้องปกป้องข้า เพราะอีกหกแคว้นยังไงพวกเขาก็ยินดีต้อนรับข้าทุกเมื่อ ทุกๆปีข้าอยู่ที่แคว้นนี่เพราะลังเลที่จะจากไป ข้าไม่มีแม้แต่ความกตัญญูหรือความไม่พอใจท้งสิ้นกับเจ้าหรอกนะ และข้าเองก็ไม่เคยเป็นหนี้เจ้ามาก่อน ถ้าหากเจ้าอยากให้ข้าช่วยเจ้าปกป้องแคว้น เจ้าก็จงรอข่าวจากผู้เชี่ยวชาญความเป็นอมตะเฉินนั้นเถอะ!!”

“ข้าขอบคุณท่านลุงกู่มาก! ขอบคุณจริงๆ!” เฉินเหลียงอี้กล่าวอย่างสุภาพ

“กลับไปก่อน วันนี้ข้ามีแขกมากพอแล้ว ข้าไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยกับพวกเจ้าให้มากความนักนะ!” กู่ไฮ่ตัดบทสนทนาทันที

“ครับ!” เฉินเหลียงอี้พยักหน้า

เฉินเทียนซานมองไปยังกู่ไฮ่เล็กน้อยและพูดว่า “ข้าจะไปที่นิกายทันทีและขอให้ผู้นำนิกายออกคำสั่งที่เจ้าขอ หวังว่าเจ้าคงจะทำตามคำพูดล่ะ…. ฮึ่ม!”

เฉินเทียนซานหันหลังกลับด้วยความรวดเร็ว เขานำเฉินเหลียงอี้ตามไปด้วย

กู่ฉินผู้ยืนอยู่ด้านข้างกู่ไฮ่มองและขมวดคิ้ว “ท่านพ่อใหญ่ คราวนี้แคว้นฉินอยู่ในเส้นต้องถูกทลาย ท่านจะไปช่วยแคว้นเฉินนี้ได้ออย่างไรกัน? นี่ท่านจะไป…!”

กู่ไฮ่มองไปที่กระดานโกะบนโต๊ะและสูดลมหายใจลึกๆ “ข้ารู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก แต่จากน้ำเสียงของพวกเขา นิกายไม่ได้รับอนุญาตให้แทรกแซงโดยใช้กองกำลังของประเทศอื่นๆ เท่านั้นก็เพียงพอ มันเหมือนกับเด็กทารักน้อยที่ต่อสู้กับนักฆ่าที่เลือดเย็น! อย่างไรก็ตามนี่เป็นโอกาสสุดท้ายของข้าระดับโห้วเทียนและเซี่ยนเทียน แม้ว่านี่จะมความแตกต่างที่เหมือนกับสวรรค์และดิน แต่นี่มันจะทำให้ข้ากลับกลายเป็นหนุ่มอีกครั้ง ไปอยู่ในช่วงชีวิตที่ดีของข้า! นั้นนับว่าเพียงพอแล้ว ข้าจะต้องกลับเป็นหนุ่มอีกครั้งให้ได้ ไม่ว่าสถานการณ์จะยากแค่ไหนก็ตาม!”

“ครับ!” กู่ฉินพยักหน้าอย่างเป็นกังวล

“ข้าต้องการที่จะแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรบกวนข้าอีก ลงไปได้แล้ว!” กู่ไฮ่กล่าว

“ท่านพ่อใหญ่ วันนี้วันเกิดของท่าน ท่านควรที่จะต้องการอะไรนะ…!”

“ไม่จำเป็น ข้าได้รับของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดไปเมื่อกี้….!” กู่ไฮ่โบกมือให้เขาลงไป

กู่ฉินพยักหน้าและลงตามคำสั่ง

กู่ไฮ่นั่งมองไปยังหน้าต่างและดูเหล่าทหารที่เดินทัพกลับไป ในมือของเขานั้นกำโกะสีดำ และขมวดคิ้วลึกๆ ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดคนเดียวว่า “ในช่วงวันเกิดข้าวัย 30 ปี ข้ารวบรวมจุดจบของเกมส์มา แสนกว่าเกมส์ ข้ายังพบอีกว่าชิ้นส่วนสีดำในห้องใต้ดินห้องสมุด ข้าไม่เคยมีภาพเหล่านั้น ที่มันนำข้ามายังโลกนี้ เพียงชั่วพริบตาก็ผ่านมา 40 ปี เจ้ายังซ่อนความลับอะไรไว้อีกนะ ข้าอยากจะเข้าใจมันให้มากที่สุด แต่มันก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลย เอาเถอะ สักวันข้าจะจับความลับของเข้าให้ได้”

กู่ไฮ่ถอนหายใจและเหยียดมืออกไปเพื่อวางโกะสีดำในช่องว่างระหว่าของคิ้วเขา

“วูบ”

ชิ้นส่วนสีดำที่แสนจะลึกลับ ถูกฝังเข้าไปในช่องว่างของคิ้วเขา

ความรู้สึกของกู่ไฮ่จมลงไปในช่องว่างระหว่างคิ้วของเขาเช่นกัน ในพื้นที่ที่นั้น มีกระดานโกะที่มากกว่าถึง แสน กระดาน ในแต่ล่ะกระดานมีปริศนาจบเกมส์เต็มไปหมดทุกกระดาน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง เจ้าชิ้นสีดำที่ลอยอยู่เหนือพวกนั้น มันราวกับว่ามันเป็นกษัตริย์ที่มองเหล่าลูกน้องภายใต้บัญชามัน

________

*โห้วเทียน ระดับพลังยุทธกำลังภายนอก

**เซี่ยนเทียน ระดับพลังยุทธกำลังภายใน