ในวันที่ 6 เดือน 6! แห่งราชอาณาจักรเฉิน ณ หุบผามังกรร่วงหล่น

หมู่เมฆสีเทาปกคลุมทั่วท้องฟ้า พัดผ่านดินแดนที่ประจำการอยู่ในหุบผามังกรร่วงหล่น ได้มีทหารบาดเจ็บนับหมื่นนาย มันคือภาพของกองทัพที่ได้พ่ายแพ้ และท่ามกลางพวกเขานั้น มีพำนักสีเหลืองตั้งใหญ่อยู่กลางหมู่ทหารอย่างพวกเขา

ภายในพำนักสีเหลืองขนาดใหญ่แห่งนี้ มีหัวหน้าหน่วยต่างๆหลายคน มองอย่างกังวลไปที่พระที่นั่งที่อยู่ด้านเหนือของพำนักแห่งนี้ บนพระที่นั่งนั้น มีชายชราผู้หนึ่งสวมเสื้อคลุมของจักรพรรดิ ชายผู้นี้มีอายุประมาณ 60 ปี มีผิวสีซีดอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เขายังไอไม่มีท่าทีที่จะหยุด ผู้ที่อยู่ในพำนักมีแต่คนที่อยู่เคียงข้างเขาเท่านั้น ที่จะสามารถดูแลเขาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ทำได้แค่ด้วยการเช็ดเลือดออกจากมุมปากเท่านั้น

หลังพระที่นั่งนั้น มีชายผู้หนึ่งสวมเสื้อสีขาวอายุอาราว 40 ปี มือของเขานั้น ถูกวางไว้ที่ด้านหลังของชายชราคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมของจักรพรรดิ ดูเหมือนว่านั้นจะเป็นการถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปในตัวเขาเพื่อรักษา

“ถุ้ย!”

ชายชราในชุดจักรพรรดิถ่มน้ำลายออกมา กระบวนการรักษาดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือน มันจะไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก นอกเสียจากผิวของเขานั้นถูกเปลี่ยน

“พระบิดา!” เบื้องหน้าของผู้คน มีหัวหน้าหน่วยผู้นึง อายุปานกลาง สวมเสื้อคลุมอย่างเป็นทางการ เข้ามาด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนก

“องค์เหนือหัว” ผู้คนต่างโห่ร้องเรียกขาน

ชายชราในชุดอาภรณ์ของจักรพรรดิไม่ได้หันสายตาไปยังผู้คน แต่มองไปชายผู้ที่กำลังถ่ายทอดลมปราณเข้าไปในตัวเขาแทน

“ท่านปู่สาม ท่านไม่จำเป็นต้องช่วยข้าอีกต่อไปแล้ว ข้ารู้ดีถึงสภาพร่างกายของข้า หัวใจของข้านั้นพุพังไปตั้งนานแล้ว เป็นเพราะว่า ข้าประมาทไปเองทั้งนั้น!” ชายชราในชุดอาภรณ์จักรพรรดิ ถอนหายใจและยังกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงที่ขม…

ชายที่สวมเสื้อสีขาว ก็ถอนหายใจเบาๆเช่นกับเดียวกัน  “เฉิน ไท้จี้ ทานได้ทำลายหลอดเลือดที่เลี้ยงหัวใจของท่านไป ท่านนั้นโลภมากเหลือเกิน อีกทั้งท่านยังดื้อดึงอีกด้วย! เหตุใดถึงไม่รอข้าเสียก่อน ที่จะบุกไปลุยยังเบื้องหน้ากัน?”

“ข้าอยากจะเอาชนะทั้งหมดเพื่อนิกาย แต่ทว่า ข้าไม่ได้ประเมิณพลังยุทธอันฉาดฉลาดที่วางค่ายกลยุทธศาสตร์เทพของอณาจักรซ่งไป เกาเซียนชี่ เจ้านั้นมันแย่เสียจริงๆ! ในขณะที่มันกำลังปกป้องหนานจิง ข้าไม่ได้ตระหนักถึงความสามารถของมัน ด้วยเหตุนี้ กองทัพของข้าถึงได้ปราชัยมาอย่างราบรื่นในตอนแรก แต่ใครจะใคร่รู้ภายหลังจากที่กษัตริย์แห่งแคว้นซ่งจะปล่อยให้การควบคุมทหารของมันตกอยู่ในมือเกาเซี่ยนชี่เช่นนี้ มันช่างราวกับสวรรค์ช่วยพวกมันอย่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก แม้ว่าพวกข้าจะถอยทัพกลับร่นไป แต่อย่างน้อยข้าก็ฝากแผลทำลายกองทัพไปสิ้นเหมือนกัน หากนี่ไม่เป็นไปตามแผนของกษัตริย์แคว้นซ่งแล้วละก็ มันก็ไม่สามารถควบคุมได้ตามนี้หรอก…แค่ก! แค่ก!” เฉิน ไท้จี่ไอในขณะที่เขากำลังพูดอย่างขมขื่น

“ข้าเคยบอกเจ้าไว้ก่อนหน้านี่แล้ว ว่า สงครามระหว่างแคว้นเฉินกับแคว้นซ่งนั้นเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งเกินกว่าอธิบาย มันไม่ได้อยู่ในระดับที่เจ้าจะสามารถเข้าใจได้ นิกายต่างๆ ต่างก็สนับสนุนอาณาจักรซ่ง นอกเหนือจากนี้ แคว้นซ่งเองก็ได้กล่าวว่าหากนิกายไหนสนับสนุนให้อาณาจักรซ่งมีชัย เขาก็สนับสนุนการครอบครองเหมืองหินวิญญาณอีกด้วย!” ชายในชุดขาวถอนหายใจอีกครั้ง

“หลานชายคนนี้ ขอร้องให้ท่านปู่สาม ส่งคนไปลอบสังหาร เกาเซี่ยนชี่ที หรือไม่เช่นนั้นแล้วละก็ แคว้นเฉินของข้าคงได้พ่ายแพ้ และ อาณาจักรเฉินก็ต้องถูกลบเลือนหายไปแน่นอน!” เฉิน ไท้จี่ ขอร้อง

ชายที่สวมเสื้อสีขาวส่ายหัวพร้อมกับขมวดคิ้ว “ข้าได้พูดไปก่อนหน้านี่แล้ว มันลึกซึ้งจนยากที่จะอธิบายเกินไป มันเป็นเรื่องของการเหมืองหินวิญญาณอีกด้วย มันดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย คนๆนั้นต่างก็อยากจะเห็นการต่อสู้ที่ทั่วโลกต่างหมายปอง ดังนั้นข้าจึงได้บอกเจ้าว่าอย่าไปแทรกแซงพวกนั้น ไม่ต้องพูดถึงข้าแต่เพียงผู้เดียว แม้แต่นิกายบางนิกายก็รู้ดีว่า เรื่องนี้เป็นบางอย่างที่จะทำให้โลกสับสนได้”

“อะไรนะ?! ท่านไม่สามารถยื่นมือเข้ามายุ่งได้ยังงั้นรึ?! แค่ก แค่ก!!” เฉิน ไท้จี่ไออีกครั้ง ไอครั้งนี้ตามมาด้วยเลือดจากลำคอ

ชายที่ใส่สีขาวพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ผู้ที่สนับสนุน แคว้นซ่งนั้นเองก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ ดังนั้นอย่าตำหนิการบาดเจ็บที่คนพวกเจ้าได้รับ มันเป็นเพราะเจ้าไม่ทันเกมของแคว้นซ่ง มันเป็นความผิดของ เกาเซี่ยนชี่ต่างหากที่ผิด!”

“แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก!!” เฉินไท้จี่ไออีกครั้ง.

“รายงานขอรับ!”

ทหารยศต่ำ ได้วิ่งเข้ามาที่พำนักใหญ่ด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนก พร้อมกับคุกเข่าลง ด้วยเข่าข้างหนึ่ง ก่อนที่เลือดจะค่อยๆรินไหลบนใบหน้าของเขา

“พูดมา!” เฉินไท้จี่สั่งให้ทหารพูด.

“รายงานองค์เหนือหัว ทัพเหนือพิสุทธ์พ่ายแพ้ครับ!” ทหารกล่าวด้วยเสียงท่าทีหวาดกลัว

“ว่าไงนะ?! แค่ก แค่ก แค่ก!!” เฉินไท้จี่ไอเป็นเลือดอีกครั้ง

“ขอรายงาน!”

ทหารระดับต่ำ วิ่งเข้ามาพำนักอีกครั้ง

“ขอรายงานองค์เหนือหัว ทัพผ่านหุบผาได้แตกย่อยยับแล้วครับ!”

“ขอรายงาน!”

“ขอรายงานองค์เหนือหัว ทัพมณีพิสุทธ์แตกย่อยยับแล้วครับ!”

“โค่ก..แค่ก แค่ก แค่ก!!”

พำนักขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความเงียบปกคลุม ได้ยินแต่เพียงเสียงลมหายใจ ที่หอบเหนื่อย และ เสียงจากการไอของ เฉินไท้จี่เท่านั้น

เฉินไท้จี่ มีอาการไอจนสีหน้าของเขาซีดขาว

ชายที่สวมเสื้อสีขาว ขมทวดคิ้ว เขาดูเหมือนนี่จะเป็นการไอครั้งสุดท้าย ของเฉินไท้จี่ ที่กำลังจะตาย

ในพำนักใหญ่ ที่มีผู้คนราว 100 กว่าคน ต่างตื่นตระหนกตกใจกลัวไปหมด

“พระบิดา ทัพเหนือพิสุทธ์,ทัพผ่านหุบผา,ทัพมณีพิสุทธิ์ หนึ่งในสามถูกจับกุม ทำให้เหลือพื้นที่กว้างในสามส่วนสี่ในอณาจักร ตอนนี้ แคว้นของเรากำลังถูกบุกหนัก โดยไม่มีท่าที่จะหยุดเลยครับ!” นี่มันช่างน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะชายที่สวมเสื้อชุดคลุมอย่างเป็นทางการกล่าวด้วยความจริง

ชายที่ใส่เสื้อสีขาวถอนหายใจ “แพ้ เรากำลังจะแพ้ เหตุเพราะว่า เกา เซี่ยวชี่ มีความสามารถมากเกินไป ทำให้เราแคว้นเฉินต้องหาความช่วยเหลือด่วนที่สุด!”

เฉินไท้จี่ได้พูด ตอนนี้ผิวของเขากลายเป็นสีแดง “เหตุเพราะว่ายุทธวิธีของพระเจ้ารึ? ยุทธวิธีของพระเจ้าสร้างความพินาศย่อยยับจากการโจมตีได้ถึงสามครั้ง สามครา ในเวลาเดียวกันก็ทำให้กองทัพกระจัดกระเจิงไปหมด ชายคนไหนที่ใช้ยุทธวิธีนี้ เป็นผู้ใดกัน แค่ก แค่ก แค่ก!!!”

“เฉินไท้จี่ สละบัลลังค์ให้องค์ชาย ให้เขาเป็นผู้นำต่อ อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสกอบกู้ราชบัลลังก์ กู้หน้าได้ เขาอาจจะปกป้องบ้านเมืองเอาไว้ได้ เฮ้อ! อันที่จริง ข้าไม่รู้วิธีใช้งานมันหรอกนะ? การต่อสู้นี่สูญเสียเกินไป ข้าได้แต่สงสารลูกชายของเจ้า หวังว่า ผู้นำนิกายจะไม่เอาความโกรธแค้นต่อเจ้าไปลงกับลูกชายของเจ้านะ!” ชายชุดขาวได้แต่ทำหน้าเครียด

“ว่าไงนะ? ความโกรธของผู้นำนิกาย?” เฉินไท้จี่ มองชายชุดสีขาว แต่ก็ไม่อาจต้านทานการไอ แค่กๆ ไม่หยุดได้

ชายในชุดสีขาวเงียบครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “เป็นไปได้ว่า เท่าที่ข้าคิดไว้ การสู้รบครั้งนี่สำคัญ หากแคว้นเฉินพ่ายแพ้ ผู้นำนิกายก็จะหาตัวผู้รับโทษทัณฑ์จากเขา ในความหมายข้า บางทีเขาอาจจะไม่ได้โกรธเคืองมากนัก เพราะเขาที่เป็นผู้ใช้กลยุทธวิถีเทพ เขาไม่สมควรมากหรอก…”

เฉินไท้จี่ ตัวสั่น เขาไม่เคยคิดเลยว่า นี่จะเป็นการตัดสินที่ยากยิ่งนัก

“ไม่ต้อง เรายังไม่พ่ายแพ้ เรายังมีค่ายกลเสืออยู่!” เฉินไท้จี่กล่าวอย่างตัวสั่น

“ค่ายกลเสือ? ความแข็งแกร่งของทหารของค่ายกลเสือนั้นมันเป็นจุดที่ยิ่งใหญ่และเหนือกว่ากองทัพธรรมดาทั่วไปที่จักรพรรดิจะมี พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการต่อสู้ แทบจำนวนทัพของพวกเขาก็มีเพียงหยิบมือ ถึงอย่างไรพวกเขาจะจัดการกับทัพของแคว้นซ่งได้อย่างไรกัน? นอกจากนี้เจ้าอาจจะเสียลูกชายของเจ้าด้วย ถ้าหากไม่ยอมทำอะไรแล้วละก็ ลูกชายของเจ้าก็จะตาย แถมเราจะสูญเสียแผ่นดินสามในสี่ส่วนไปอีก ผู้คนที่ต่างสนับสนุนแคว้นเจ้าล่ะ อย่าลืมว่า เจ้าสูญเสียไปเท่าไหร่แล้วในการทำศึกกับแคว้นซ่ง? อย่าลืมว่าเขามีกลยุทธวิถีเทพ ซึ่งเกาเซี่ยนชี่เป็นผู้ใช้มัน! สถานการณ์ตอนนี้เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆในแต่ล่ะวัน เจ้าไม่ได้สามารถหยุดยั้งมันได้หรอก!” ชายหนุ่มชุดขาวได้แต่ถอนหายใจหนัก

“ไม่ เรายังไม่แพ้!” เฉินไท้จี่ที่กำลังตัวสั่น แต่ด้วยสีหน้าและแววตาเขาไม่ได้มีท่าทีหวาดหวั่นแต่อย่างใด

“เพียงแค่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกองทัพของเราใช่รึไม่? การกจัดศัตรูคู่แคว้น มันไม่สามารถป้องกันได้ ไท้จี่เอ๋ย ทางที่ดีเจ้าหาทางเอาใจผู้นำนิกายจะดีกว่านะ!” ชายชุดขาวกล่าว

“พระบิดา เราควรทำอย่างไรกันดี? นิกายนั้น เราไม่อาจตอบโต้กลับได้เลย…!” เจ้าชายที่กำลังสวมมุงกฏกล่าวด้วยความขมขื่น

เฉินไท้จี่ปิดตาของเขา ร่างกายของเขายังคงสั่น หลังจากผ่านไปห้วงเวลานึง “ไม่ ยังมีเพียงคนนึง คนที่สามารถพลิกสถานการณ์เช่นนี้ให้เป็นโอกาสได้!”

“โอ้?” ชายในชุดสีขาวประหลาดใจ

เจ้าชายเองก็แสดงความใคร่รู้เช่นกัน

“องค์ชายของข้า ไปขอร้องเขา ให้เขายินดีออกจากการเกษียณอายุซะ เรายังสามารถพลิกความวิบัติให้เป็นชัยชนะได้แน่นอน! แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก!!” เฉินไท้จี่กล่าวขณะไอ

“เฉินไท้จี่ นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ ยามนี้แคว้นเฉินเกือบจะแตกยับแล้ว ใครเล่าจะมีความสามารถในการพลิกสถานการณ์เช่นนี้ได้? แคว้นซ่งผู้ที่รวมทัพเป็นหนึ่ง มีทั้งยุทธวิธีเทพ ผู้ที่ปราดเปรื่อง เกาเซี่ยนชี่อยู่ เขาทั้งอยู่เคียงข้างกองกำลังทหารของเขา กำลังใจทัพของพวกเขาก็ล้วนเป็นหนึ่ง ยากที่พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้!” ชายชุดขาวกล่าวด้วยความไม่เชื่อ

“ถ้าเป็นเขาแล้วล่ะก็ เขาทำได้แน่!” ใบหน้าของเฉินไท้จี่แดงขึ้นเรื่อยๆ

“ใคร? พระบิดา เขาเป็นใครกัน” เจ้าชายผู้สวมมุงกฏถามด้วยความสงสัย

“กู่ไฮ้!” เฉินไท้จี่พบว่าเรื่องนี้มันยากที่จะพูด เพียงแค่พูด ร่างกายของเขาก็ไม่อาจต้านทานต่อชื่อชายผู้นี้ได้

“ชายผู้ร่ำรวยที่สุดใน 6 แคว้น กู่รึ” เจ้าชายที่สวมมุงกฏถามด้วยความประหลาดใจ

“ชายที่ร่ำรวยใน 6 แคว้น? แค่ก แค่ก แค่ก กู่ไฮ้? คิดว่าก่อนที่ ข้าจะตาย ข้าจะต้องขอร้องให้เจ้าทำแบบนั้นด้วยรึไง?” เฉินไท้จี่ยิ้มอย่างขมขื่น

“กู่ไฮ้? เขาไม่ใช่คนหนึ่งคนที่เริ่มต้นการบ่มเพาะพลัง  หลังจากที่อายุ 30 เขาก็คิดจะเติมเติเข้าร่วมนิกายของพวกเรา เขานั้นอ่อนแอด้านกำลังภายในอย่างมากเลยนะ?”

“ปู่สาม ท่านก็รู้จักเขาด้วยรึ?” เฉินไท้จี่มองไปชายชุดสีขาวด้วยความประหลาดใจ

“ข้าเคยเห็นเขา ส่วนใหญ่เขาจะเป็นชายผู้ชื่นชอบทองคำในนิกายของเรา ได้เห็นเขายามแรก ก็ได้เชิญชวนเขาเข้านิกายของเรา แต่ทว่า ด้วยพลังอันตามธรรมชาติโดยกำเนิด พลังของเขาต่ำเกินไป ถ้าหากให้เขาบ่มเพาะพลัง เขาต้องล่าช้าแน่นอน มันยากลำบากในการรับเขาเข้ามา เพราะฉะนั้นจึงปฏิเสธเขาไป!” ชายในชุดสีขาวกล่าว

“กู่ไฮ้ อ่า ฉันคิดว่าฉันจัดการติดต่อกับเขาให้กับนิกายของเรา พึ่งรู้นะ ว่านิกายของเราเป็นฝ่ายติดต่อกับเขาก่อนเอง ฮ่าๆ แค่ก แค่ก แค่ก!” เฉินไท้จี่กล่าวอย่างชมเชยในขณะที่ไอเป็นเลือด

“เฉินไท้จี่ เจ้ากล่าวว่า กู่ไฮ้ผู้นี่มีความสามารถในการพลิกสถานการณ์ได้รึ? เหตุใดเจ้าถึงได้มั่นใจนัก? เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาในแคว้นฮั่วเทียนเท่านั้นนะ” ชายในชุดสีขาวกล่าวอย่างขมวดคิ้ว

“แท้จริง พระบิดา เขาเป็นแค่พ่อค้าเท่านั้น จะให้เขามาจัดกองทัพในการสู้รบแบบนี้จะได้เหรอ?” เจ้าชายที่สวมมุงกฏถามอย่างใจจดใจจ่อ

“เขาทำได้แน่! ถ้าหาก กั๋วเซี่ยนชี่เป็นนักยุทธศาสตร์ที่ใช้กลยุทธวิถีเทพ กู่ไฮ้ก็เป็นกษัตริย์ผู้ปราดเปรื่องเรื่องกลยุทธวิถีเทพเช่นกัน! เจ้าชายของข้า นำทหารไปขอร้องเขาซะ! เจ้าต้องทำทุกวิธีทางให้เขามาช่วยเรา แม้ว่าเจ้าจะยอมคุกเข่าก็ต้องทำ!” เฉินไท้จี่กล่าวด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่!

“เป็นแค่พ่อค้า? ที่ถูกยกย่องเป็นกษัตริย์ผู้ปราดเปรื่อง?”

“ปู่สาม ทางที่ดี ท่านตอบสนองเขาตามที่เขาต้องการ แม้ว่าเขาจะเป็นแค่พ่อค้า และมนุษย์ธรรมดาสามัญ แต่ทว่า เขาสามารถคว่ำสถานการณ์เช่นนี้ได้แน่ เขาต้องเอาชัยชนะมาให้พวกเรา ข้าขอรับประกันเจ้านั้น ด้วยชีวิตของเจ้าชายมุงกฏเลย! เฉินไท้จี่กล่าวด้วยสีหน้าที่แดงขึ้น

ชายที่สวมเสื้อสีขาวมองไปที่เฉินไท้จี่ด้วยท่าที่ที่นิ่มนวล ตอนแรกมันเป็นสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งความหวัง ที่ไม่สามารถหันหลังกลับไปได้ แต่เฉินไท้จี่ยืนยันว่า กู่ไฮ้ มีความสามารถในการทำเช่นนี้? นอกจากนี้ ไท่จี้เองก็ไม่ใช่คนที่จะมาโกหกส่งเดชในยามคับขัน คนที่อยู่ในชุดสีขาวครุ่นคิด อย่างไรก็ตามแต่ ในสงครามระหว่างสองแว่นแคว้น มีการเดิมพันที่มากจนเกินไป เขาไม่สามารถมองข้ามรายละเอียดเหล่านั้นไปได้จริงๆ

“ข้าจะเป็นผู้นำนิกายชั่วคราวให้ก่อนก็แล้วกัน ข้าจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะพอใจ” ชายในชุดสีขาวกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“เจ้าชายของข้า หลังจากที่เจ้าไปรับกู่ไฮ้กลับมาแล้ว ถ้าเจ้าต้องการอยากพลิกสถานการณ์ เจ้าจะต้องฟังเขาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดๆอีก ให้เรียกเขาเป็นท่านลุงกู่! เขาเคยเป็นพี่ชายของพ่อเจ้า! แค่ก แค่ก!!” เฉินไท้จี่กล่าวอย่างขมขื่นท่ามกล่างสภาพร่างกายที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ

“ลุงกู่?” เจ้าชายมุงกฏมีการแสดงออกอย่างน่าประหลาดใจ

“สุดท้าย บอกเขาไปว่า ข้าขอโทษเมื่อปีนั้น ที่ปล่อยให้เขาลงไป” เฉินไท้จี่แสดงร่องรอยแห่งความเจ็บปวดที่เต็มไปด้วยสีหน้ามีความสุขออกมา

หลังจากสิ้นสุดประโยคหลัง เฉินไท้จี่ก็หลับตาลงใบหน้าสีแดงๆของเขาก็หายกลายเป็นสีซีด และลมหายใจของเขาก็หยุดลง

“พระบิดา!!”

“องค์เหนือหัว!”

“องค์ราชาไปสู่สุขคติแล้ว!”

ทั้งภายในและภายนอกพำนักต่างมีแต่คนคุกเข่าและเสียใจในทันที