…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ห่างออกไปหลายร้อยเมตร
หลันเถาที่กำลังถือกล้องส่องทางไกลนั้นก็ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปเพราะเขารู้สึกได้ว่าถังซิ่วสามารถสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างแต่เขาเองก็ไม่ปักใจว่าถังซิ่วจะสามารถพบเขาได้ เขารีบล่าถอยออกไปยังพื้นที่ข้างๆอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปหลายนาที
หลันเถาเองก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่พุ่มไม้ใกล้ๆเหมือนกับเป็นเงาที่อยู่ในความมืดและเดินไปยังที่ถังซิ่วเคยอยู่พร้อมหาร่องรอยของถังซิ่ว
“ไม่มีงั้นหรอ ? ”
หลันเถาเองกลับไม่สามารถพบร่องรอยของถังซิ่วได้แม้แต่น้อยก่อนที่จะตรวจดูรอบๆพื้นที่นี้ ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปทันทีพร้อมเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อพยายามจะออกจากพื้นที่นั้น
ฟิ้วววว….
ร่างหนึ่งได้กระโดดลงมาจากท้องฟ้าพร้อมหยุดอยู่ตรงหน้าของหลันเถา
ถังซิ่วได้มองไปเขาเขาอย่างไม่แยแสแม้ว่าเขาจะมีปืนอยู่ที่เอวแต่ก็ไม่ได้หยิบออกมาใช้เพราะเขาคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือพละกำลังของตัวเอง
“ตามฉันมาคงจะเหนื่อยแย่”
หลันเถาเองก็ได้ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว เขาไม่ได้หันหลังและวิ่งหนีไปแต่กลับจ้องมองที่ถังซิ่วพร้อมกับพูดออกมาว่า
“คนที่สามารถรู้ถึงตัวตนของฉันระหว่างที่เฝ้าสังเกตนั้นมีอยู่บนโลกนี้น้อยมาก ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่านายรู้ถึงตัวตนของฉันได้อย่างไร !”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปอย่างราบเรียบว่า
“หากว่านายผ่านการฆ่ามามากก็จะสามารถมีลางสังหรณ์ถึงภัยอันตราย กลิ่นอายที่นายปลดปล่อยออกมาเองก็แสดงให้เห็นว่าคนที่ตายด้วยเงื้อมมือของนายเองก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ อย่างต่ำก็คงเป็นร้อย ฉันคิดว่านายเองก็น่าจะมีลางสังหรณ์เหมือนกันตอนที่นายได้ตรวจดูรอยเท้าของฉันเพราะฉะนั้นนายถึงได้พยายามหนีไป”
หลันเถาเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลของนายมาหมดแล้วและมันบอกว่านายเป็นเพียงแค่เด็กมัธยมคนนึงถึงแม้ว่าจะมีความสามารถในการเรียนที่ดีกว่าคนปกติเท่านั้นแต่ฉันสงสัยเหลือเกินว่าทำไมนายถึงฆ่าคนได้โดยไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ ฉันไม่เชื่อว่าคนๆนึงจะสามารถแข็งแกร่งและเลือดเย็นได้โดยธรรมชาติ นายช่วยอธิบายมันหน่อยได้ไหม ? ”
ถังซิ่วส่ายศีรษะพร้อมตอบกลับไปว่า
“นายไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้เรื่องนั้น ”
หลันเถาได้หรี่ตาทั้งสองข้างลงก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะตอบรับข้อเสนอของนายหากว่านายสามารถชนะฉันได้”
ข้อเสนอของฉัน ?
ถังซิ่วจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง
ขณะนี้เองที่ท่างทางของหลันเถาเปลี่ยนไป เส้นเลือดได้ปูดโปนขึ้นมาบนผิวหนังของเขาพร้อมมัดกล้ามที่แข็งแกร่ง เขาได้พุ่งตัวไปพร้อมกับเหวี่ยงหมัดใส่หน้าของถังซิ่วโดยทันที ความเร็วของเขานั้นเร็วกว่าคนปกติเป็นอย่างมากและแม้แต่ตัวถังซิ่วเองก็ไม่ชะล่าใจแม้แต่น้อย
“ถอยไปซะ !”
ความเร็วของถังซิ่วนั้นเร็วกว่าหลันเถาอยู่เป็นเท่าตัวก่อนที่จะชกกลับไปยังหมัดที่หลันเถาเหวี่ยงมา เมื่อหมัดได้ปะทะกันนั้นก็ทำให้หลันเถาถึงกับสั่นสะท้านพร้อมกับกระเด็นออกไป7-8ก้าว
“แข็งแกร่งมาก !”
หลันเถาได้กุมมือขวาที่กำลังสั่นเทาของเขาพร้อมกับชื่นชมออกมา
ถังซิ่วได้พูดอย่างเรียบเฉยว่า
“พลังของนายเองก็ไม่ใช่น้อยๆ ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะมากกว่าพันปอนด์เลยด้วยซ้ำ หากฉันเดาไม่ผิดนายน่าจะฝึกพวกศิลปะควบคุมพลังฉีใช่ไหม ? ยิ่งไปกว่านั้นคือนายได้บรรลุขั้นต้นของมันแล้วและนายสามารถฆ่าพวกปรมาจารย์วิทยายุทธได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว”
หลันเถาเองก็ยังคงยิ้มอยู่พร้อมกับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและพุ่งไปทางถังซิ่ว ครั้งนี้เขาเองก็ยังคงเหวี่ยงหมัดไปที่หน้าถังซิ่วอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการตั้งท่าของเขานั้นเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่เขาเหวี่ยงหมัด เมื่อหมัดที่เขากำลังเหวี่ยงออกไปได้เข้าใกล้ถังซิ่วแล้วนั้นเขาจึงรีบพลิกตัวทันทีพร้อมกับชักมือกลับและเปลี่ยนเส้นทางของหมัดและเล็งไปที่กระโหลกด้านซ้ายของถังซิ่วแทน
“เหอะ ….”
ถังซิ่วได้แสยะออกมาพร้อมกับเคลื่อนไหวดั่งสายฟ้าและหยุดการโจมตีของหลันเถาโดยทันที เขาผ่านการต่อสู้และการฆ่าฟันมานับครั้งไม่ถ้วน ประสบการณ์นั้นก็มีมากกว่าหลันเถากว่าหมึ่นเท่า ทุกเซลล์ในร่างกายของเขานั้นสามารถตอบสนองได้อย่างแม่นยำและอยู่ในโหมดพร้อมต่อสู้ทุกเมื่อ
ถังซิ่วได้ฟาดเท้าไปทางหลันเถาและขณะนั้นเองหลันเถาก็ได้ยกแขนขึ้นมาป้องกันการโจมตีของเขาไว้
“กึ้กกกกกกก”
กระดูกแขนทั้งสองข้างของหลันเถาได้เคลื่อนโดยทันทีหลังจากที่รับลูกเตะของถังซิ่ว มันทำให้เขารู้ได้ทันทีว่านี่คือหายนะก่อนที่เขาจะถอยหลังออกไปแล้วตะโกนออกมาว่า
“หยุดก่อน !”
ถังซิ่วได้หยุดเท้าลงและเว้นระยะห่างจากหลันเถาถึง4-5เมตรก่อนที่จะพูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า
“ที่ฉันไม่ได้หยิบมีดออกมาก็เพื่อที่จะให้โอกาสนายจะได้พูดอะไรนั้นแหละ ”
หลันเถาเองก็ได้ตอบกลับไปขณะที่เขาส่ายศรีษะว่า
“หวังหมิงได้บอกมาว่านายนั้นแข็งแกร่งมากและไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งตอบโต้นายแม้แต่น้อย เขาเป็นคนที่ฉันฝึกมากับมือดังนั้นฉันจึงรู้ถึงความสามารถของเขาดี ก่อนหน้านี้ฉันเองก็ไม่เชื่อแต่ตอนนี้ฉันเชื่อคำพูดของเขาแล้ว นายแข็งแกร่งจริงๆ กระดูกแขนทั้งสองข้างของฉันเคลื่อนที่ออกจากกันและไม่สามารถสู้ต่อได้อีกแล้ว”
“นายคือหลันเถางั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วได้ขมวดคิ้วพร้อมถามออกมา
หลันเถาเองก็ได้ตอบกลับออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า
“ฉันเอง !”
ถังซิ่วเองก็รู้สึกผ่อนคลายก่อนที่จะพูดออกมาอย่างราบเรียบว่า
“นายเองก็เป็นคนที่ตรงต่อเวลาดีหนิ สามารถมาที่เมืองนี้ได้ภายในเวลาที่ฉันกำหนดไว้ แต่อย่างไรก็ตามฉันต้องการจะรู้ว่านายเกี่ยวข้องกับมือสังหารเหล่านั้นไหม ?”
หลันเถาได้ส่ายศรีษะพร้อมพูดว่า
“ไม่เกี่ยวข้องกัน ตอนที่เรากำลังสังเกตการณ์นายอยู่นั้นก็ได้พบว่ามีกลุ่มอื่นคอยสังเกตการณ์นายอยู่เช่นกัน พวกเขาเป็นมือสังหารมืออาชีพและสองในสามคนนั้นก็ไม่ใช่คนของประเทศเราอย่างแน่นอน หลังจากที่เราได้สืบสวนแล้วก็พบว่าพวกเขามาที่ประเทศนี้เพื่อฆ่านายโดยเฉพาะ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ดังนั้นนายจึงต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของฉันด้วยพวกเขา ? ”
หลันเถาเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ก็คิดเช่นนั้นแหละ หากว่านายไม่สามารถแก้ไขมันได้แล้วจะมีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นบอสของเราล่ะ ?”
ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมถามต่อว่า
“นายเองก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของฉันแล้วนิ นายคิดว่าไงล่ะ ? ”
หลันเถาได้ตอบกลับว่า
“มีเงื่อนไขเดียวเท่านั้น หากว่านายสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ พวกเราทั้งหมดจะยอมติดตามนาย”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ก็ดี !”
หลันเถาได้พูดออกมาอย่างลังเลว่า
“แต่ถ้าหากว่าเราติดตามนายไปก็จะเป็นตัวสร้างปัญหาให้นายมากมายเพราะสถานะของพวกเรานั้นพิเศษมากและคนธรรมดาไม่สามารถเทียบความแข็งแกร่งของพวกเราได้แม้แต่น้อย ดังนั้นจึงได้มีกลุ่มคนที่เฝ้าสังเกตการณ์พวกเราอยู่เสมอ ที่เรามาเมืองนี้ได้นั้นก็ต้องทำด้วยความลำบากเช่นกัน”
“คนในประเทศนี้ ? ”
คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันก่อนที่จะถามออกมา
“ใช่แล้ว หน่วยงานพิเศษ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“มันไม่มีปัญหาสำหรับฉันเพราะนายเองก็ยังจะมีสถานะแบบเดิมแต่ฉันจะไม่ให้นายอยู่ในประเทศนี้”
“ไปต่างประเทศ ? ”
หลันเถาถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ถูกต้อง ! ฉันได้ซื้อเกาะส่วนตัวเอาไว้ในทะเลแปซิฟิกและจำเป็นต้องมีคนคอยดูแลที่นั่น ฉันคิดว่าความแข็งแกร่งของนายเองก็เหมาะที่จะดูแลมัน”
หลันเถาได้ถามต่อว่า
“นายต้องการจะสร้างกองกำลังของตัวเองงั้นหรอ ? ”
“ถูกต้อง !”
ถังซิ่วพยักหน้าอย่างสบายใจ
หลันเถาได้พูดต่อว่า
“เราไม่มีปัญหาสำหรับเรื่องนี้ นี่เป็นทักษะที่เราได้เรียนมาแต่สิ่งที่ฉันต้องการจะรู้คือนายจะดูแลพวกเราอย่างไร ? ”
ถังซิ่วได้ตอบอย่างเรียบเฉยว่า
“มันก็ขึ้นอยู่กับความภักดีของพวกนาย ! หากว่าฉันสั่งให้ไปตายแล้วนายยอมทำตามนั่นก็จะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด แต่หากว่านายอย่างเป็นผู้ติดตามธรรมดาๆ การดูแลก็จะเป็นอย่างดีเช่นกันแต่ไม่สามารถเทียบได้กับอันก่อนหน้านี้”
หลันเถาก็ได้มองไปที่ถังซิ่วพร้อมกับพูดออกมาว่า
“นายมีความทะเยอทะยานมากๆ เงื่อนไขและความทะเยอทะยานของนายนั้นทำให้ฉันหวาดผวาเลยทีเดียว”
ถังซิ่วได้พ่นลมหายใจออกมาพร้อมเยาะเย้ยว่า
“เพราะพวกนายนั้นอ่อนแอเกินไป ! หากว่าวันใดทีหมัดพวกนายสามารถระเบิดโลกนี้ได้ก็จะไม่มีใครที่สามารถเป็นภัยคุกคามแก่ตัวพวกนายได้”
หลันเถาเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาพลางส่ายศีรษะ
หมัดที่สามารถระเบิดโลก ?
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน ?
หากว่าทำอย่างงั้นได้จริงก็หมายความว่าเขาคงจะสามารถท่องไปทั่วจักรวาลได้แล้วอย่างแน่นอน
เขาแอบด่าถังซิ่วอยู่ภายในใจพร้อมกับพูดว่า
“จะอย่างไรก็ช่าง หลังจากนี้เราค่อยว่ากันอีกที ฉันจะรอดูผลงานของนาย”
“ฉันจะแสดงให้นายเห็นเอง”
ถังซิ่วได้หันหลังกลับไปพร้อมเดินหายเข้าไปในป่า
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ตึกที่อยู่ห่างออกไปจากโครงการหลายกิโลเมตรก็ได้มีเสียงประตูเปิดดังขึ้น
ภายในห้อง
หวังหมิงได้วางกล้องส่องทางไกลลงพร้อมกับมองไปที่หลันเถาด้วยท่าทางซีดเผือดก่อนที่จะถามออกมาด้วยความตื่นตระหนกว่า
“นายเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
หลันเถาได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่จะมองไปที่คนอื่นๆอีกห้าคนภายในห้องพร้อมพูดออกมาว่า
“ฉันได้บังเอิญถูกเขาพบตัวและได้ปะทะกันเล็กน้อย นายพูดถูก เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบเจอ เอาล่ะ อย่าเอาแต่มองอยู่สิ นายรีบเลื่อนกระดูกให้กลับเข้าที่หน่อย ”
ชายทั้งห้าคนในห้องได้จ้องมองอย่างว่างเปล่า
พวกเขามองไปที่กระดูกแขนที่เคลื่อนของหลันเถาด้วยหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในสายตาของพวกเขาหลันเถาคือผู้ไร้เทียมทานแต่กลับบอกว่าไม่สามารถสู้กับถังซิ่วได้ แม้กระทั่งกระดูกแขนทั้งสองข้างได้หลุดออกจากข้อต่อ ? ถังซิ่วแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกัน ?
ในผู้คนเหล่านั้นคงมีเพียงแค่หวังหมิงเท่านั้นที่เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของถังซิ่ว เขาฝืนยิ้มออกมาพร้อมช่วยเลื่อนกระดูกของหลันเถาให้กลับเข้าที่ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ฉันเดาไม่ผิดเลยว่านายไม่สามารถเป็นคู่มือของเขาได้ ความรวดเร็วในการตอบสนองของเจ้านั้นนั่นสุดยอดเกินไป ฉันแทบจะไม่สามารถแตะตัวเขาได้ด้วยซ้ำ”
หลันเถาได้พูดออกมาว่า
“เขาแข็งแกร่งมากๆ !”
หวังหมิงได้ถามออกมาด้วยความลังเลว่า
“หลันเถา นายได้คุยอะไรกับเขาบ้าง ? ”
หลันเถาได้ตอบกลับไปว่า
“ฉันได้เสนอเงื่อนไขไปว่าหากเขาสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยสมบูรณ์นั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขามีค่าพอที่เราจะติดตามแต่หากทำไม่ได้เราก็จะกลับกัน อย่างไรก็ตามเขาได้บอกฉันมาอย่างนึงว่าเมื่อเราติดตามเขาเราจะไม่ได้อยู่ที่ประเทศนี้อีกต่อไป”
“ไม่อยู่ในประเทศ ? เขาจะส่งเราไปไหนกัน ? ”
หวังหมิงถามออกมาด้วยความสับสน
หลันเถาได้ตอบกลับไปว่า
“เขาบอกมาว่าเขาได้ซื้อเกาะส่วนตัวไว้กลางทะเลแปซิฟิกและจำเป็นต้องให้เราไปดูแลที่นั่น เขาต้องการจะสร้างกองกำลังของตัวเอง”
หวังหมิงเองก็ได้ถามต่อไปว่า
“กองกำลัง ? เขาจะทำอะไรกันแน่ ? ”
หลันเถาได้ส่ายศีรษะของเขาพร้อมพูดว่า
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”