…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หวังหมิงและหลันเถาที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรและได้มองมาที่ร้านค้าด้วยกล้องส่องทางไกลนั้นไม่เคยคิดเลยว่าถังซิ่วจะฆ่าพวกเขาตรงๆแบบนี้ สังคมสมัยนี้นั้นมีกฎหมายแต่เขากลับฆ่าโดยไม่ลังเล

“เขาฉลาดมาก !”

หลันเถาได้มองไปที่ถังซิ่วที่ได้หายตัวไปด้วยสายตาที่เป็นประกาย

คิ้วของหวังหมิงขมวดเข้าหากันพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ว่าอะไรนะ ? ”

หลันเถาได้พูดออกมาว่า

“หลักจากที่เขาฆ่าคนขายแล้วก็ได้หยิบปืนไปด้วย พร้อมกับฆ่าคนทั้งสองที่เดินตามมา นายไม่ได้สังเกตการณ์เดินของเขางั้นหรอ ? เขาเดินด้วยปลายเท้าเพราะเขามั่นใจว่าตำรวจจะต้องรีบมายังที่เกิดเหตุอย่างแน่นอนและขั้นตอนง่ายๆในการตรวจสอบอย่างแรกก็คือรอยเท้าในที่เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้เองเขาก็ได้ออกมาทางหน้าโครงการแล้วและหากว่าพบรอยเท้าของเขาอีกครั้งก็จะถูกตรวจสอบอย่างแน่นอน”

หวังหมิงได้พยักหน้าขณะที่พูดว่า

“น่าเสียดายที่เขาไม่เข้าเป็นกองกำลังทหาร น่าเสียดายจริงๆ ”

หลันเถาได้ส่ายศีรษะพร้อมพูดว่า

“เขาไม่เหมาะที่จะเป็นทหาร”

หวังหมิงตอบกลับด้วยความรู้สึกสับสนว่า

“ว่าอย่างไรนะ ? ”

หลันเถาได้ตอบไปว่า

“เขานั้นโหดเหี้ยมจนเกินไป เขาจัดการปัญหาอย่างมุทะลุและแน่นอนว่ามันไม่เหมาะที่จะถูกควบคุมโดยกฎเกณฑ์ หากว่าเขามาเป็นทหารแล้วจะต้องสร้างปัญหาใหญ่หลวงอย่างแน่นอน”

หวังหมิงได้พยักหน้าแล้วถามออกมาว่า

“แล้วเราจะเอาอย่างไร ? แจ้งตำรวจเรื่องของเขา ? ”

หลันเถาได้มองไปที่หวังหมิงด้วยสายตารอบรู้พร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า

“เราจะไปบอกตำรวจทำไม ? อย่าทำตามกฎให้มันมากเพราะเราเองก็ได้ถอดเครื่องแบบทหารแล้ว อย่าบอกนะว่านายลืมความยากลำบากที่จะต้องลักลอบเข้ามาในเมืองนี้แล้ว นายต้องการให้เราถูกเปิดเผยตัวตนงั้นหรอ ?”

หวังหมิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“เห้อ นั่นสินะ หากว่าเราโผล่ออกมาก็จะต้องถูกจับจ้องโดยรัฐบาลอย่างแน่นอน”

หลันเถาเองก็ได้พ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับพูดว่า

“อย่างแรกที่เราต้องทำคือการสังเกตว่าเขาจะจัดการเรื่องเหล่านี้อย่างไร หากว่าเขาสามารถจัดการปัญหานี้ได้โดยสมบูรณ์และไม่สร้างปัญหาเพิ่มนั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถมากพอและคุ้มค่าที่พวกเราจะติดตาม หากว่าเขาได้สร้างปัญหาเพิ่มก็ถือว่าไม่ตรงตามที่ฉันหวังไว้แล้วเราจะกลับบ้านกัน”

“ดี”

หวังหมิงได้พยักหน้าอย่างเงียบๆ

หลันเถาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะโยนกล้องลงไปบนโต๊ะพร้อมพูดว่า

“นายสังเกตการณ์จากที่นี่ต่อไป ฉันจะออกไปข้างนอก”

หวังหมิงได้พูดอย่างรวดเร็วว่า

“หลันเถา ไม่ใช่ว่านายควรจะเว้นระยะเพื่อสังเกตการณ์เขางั้นหรอ ? ไอเด็กนั่นมันโหดเหี้ยมเกินไปและหากว่าเขาลงมือกับนาย……”

หลันเถาได้ตอบกลับอย่างไม่แยแสว่า

“หากว่าโดนเข้าใจผิดและฉันไม่สามารถตอบโต้เขาได้ ฉันก็คิดว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับขยะอย่างพวกเราหรอก เอาล่ะ รอฉันกลับมา”

ถังซิ่วไม่รู้ว่าคือใครแต่ถึงกับจ้างมือสังหารมืออาชีพมาฆ่าเขา มันเป็นอย่างเช่นคำพูดทีว่า หากว่าไม่ล่วงเกินเขา เขาก็จะไม่ล่วงเกินพวกมัน ใครที่กล้าลงมือกับเขา เขาก็จะลงมือกับพวกมัน สิ่งที่เขากำลังจะทำนั้นไม่ใช่การกลับไปที่วิลล่าของเขาแต่อย่างใด เขารีบหาที่หลบพร้อมกับควักโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาเบอร์นายหน้าทันที

“……….”

สายได้ถูกรับแต่กลับไม่มีใครพูดตอบกลับมา

ถังซิ่วเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดว่า

“ฉันคือถังซิ่ว ฉันจะให้เงินนายสิบเท่าหากว่าบอกข้อมูลที่ฉันต้องการ ”

“พวกเขาตายหมดแล้ว ? ”

เสียงได้ถูกส่งกลับมาทางปลายสาย

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ใช่แล้ว ตายทั้งหมด”

ปลายสายเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆว่า

“โอนเงินมาให้ฉัน200ล้าน ฉันเองก็ไม่ชอบให้มีปัญหานักและหวังว่านายจะจัดการเรื่องเหล่านั้นให้สิ้นซาก เลขบัญชีของฉันคือ………..”

ถังซิ่วหรี่ตาลงก่อนที่จะโทรหาคังเซี่ยนโดนทันทีเพราะเขาจำได้ว่าเพิ่งจะให้เงินเธอไป 300 ล้านและเธอเองก็ยังไม่ได้ใช่มัน เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า

“โอนเงินมาให้ฉัน200ล้านในทันที ”

คังเซี่ยนฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“บอส คุณต้องการจะทำอะไรงั้นหรอ ? เราเองก็มีเงินไม่มากแต่คุณ ……”

ถังซิ่วได้ตะโกนกลับไปว่า

“อะไรที่ไม่ควรจะถามก็อย่าถาม โอนมาเร็วๆ ”

“ก็ได้ !”

คังเซี่ยนตอบตกลงก่อนที่จะโอนเงินไปให้เลขบัญชีนั้น

ในช่วงบ่าย

เขาได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวก่อนหน้านี้พร้อมสืบหาก่อนที่จิตสังหารของเขาจะพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

ซางดี่ขวิน ?

ถังซิ่วยังจำรูปลักษณ์ของเธอได้ดี เขาจำได้ว่าตอนที่เขาไปถล่มสำนักมังกรรุ่งโรจน์และได้เงินกลับไป100ล้านนั้นเธอได้อัดวีดีโอขอโทษว่าเธอจะไม่กล้าล่วงเกินเขาอีกต่อไป

แค่เรื่องขัดแย้งเล็กน้อย !

ถังซิ่วนั้นไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นแม้แต่น้อยและยิ่งไปกว่านั้นคือฝ่ายนู้นเองก็ได้ขอโทษเขาแล้วจึงไม่ได้ไปจัดการสองพี่น้องนั่นแต่เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าล้างแค้นเขาเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เธอถึงกับลงทุนจ่ายเงินถึง20ล้านเพื่อจ้างคนมาฆ่าเขา

ในค่ำคืนวันนั้น

ถังซิ่วได้แอบเข้าไปในบ้างของหลงเจิ้งหยู แม้ว่ามันจะเป็นช่วงกลางดึกแต่บ้านทั้งหลังนั้นยังคงส่องสว่างและนั้นหมายถึงว่าเขายังไม่ได้พักผ่อน เขาปลดปล่อยจิตสัมผัสออกไปรอบๆแต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีนั้นคือเรื่องที่หลงเจิ้งหยูกำลัง……….อยู่บนเตียงและไม่ใช่กับผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น

“ไอ้เจ้านี่…………”

ถังซิ่วได้แอบเข้าไปในบ้านของเขาก่อนที่จะอดทนดูเขาทำจนเสร็จแล้วเอาพลั่วโยนไปที่หน้าต่างห้องนอนที่ชั้นสอง

“เพล้ง ”

หน้าต่างห้องชั้นสองได้แตกออก

หลงเจิ้งหยูที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขอยู่บนเตียงนั้นกำลังจะเดินไปอาบน้ำแต่ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงกระจกแตก เขารีบสวมเสื้อคลุมพร้อมเดินไปทางหน้าต่างแล้วตะโกนออกมาอย่างดังว่า

“ใครกันวะ ? ”

ถังซิ่วได้โผล่ออกมาจากเงาของต้นไม้พร้อมส่งสัญญาณมือให้เขาลงมาหา

หลังจากที่หลงเจิ้งหยูเห็นว่าเป็นถังซิ่วนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเพราะเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคนที่ทุบกระจกบ้านของเขาจะเป็นถังซิ่ว เขาไม่เคยบอกที่อยู่บ้านตัวเองแก่ถังซิ่วเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามเขาก็มองไปที่ถังซิ่วพร้อมยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า

“เพื่อนถัง ฉันไปล่วงเกินอะไรนายงั้นหรอ ? นายถึงได้มาพังบ้านฉันในกลางดึกแบบนี้ ? นายมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ฉันมีเรื่องที่ต้องขอให้นายช่วย”

หลงเจิ้งหยูได้พูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า

“นายแค่โทรมาก็ได้มั้งถ้ามีเรื่องจะให้ช่วย นายจะทุบกระจกบ้านฉันเพื่อ ? โชคดีนะที่นายทุบตอนนี้ หากว่าทุบก่อนหน้านี้สักไม่กี่นาทีฉันจะต้องตกใจจนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“ฉันมียาแก้โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ”

หลงเจิ้งหยูพูดออกมาแบบไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“เอาล่ะ อย่าขี้โม้อยู่เลย นายมีเรื่องอะไรจะให้ช่วยก็รีบๆบอกมาสิ ?”

แววตาของถังซิ่วได้เปลี่ยนไปพร้อมถามออกมาว่า

“ตระกูลหลงของนายและตระกูลซางนั้นมีความขัดแย้งกันบ้างไหม ? ”

ตระกูลซาง ?

หลงเจิ้งหยูจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ไม่มีความขัดแย้งหรือความแค้นใดๆแต่ก็นับได้ว่าเป็นคู่แข่งกัน แต่เอาตรงๆแล้วเราเองก็มีความขัดแย้งกันเล็กๆน้อยๆเช่นกัน”

ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า

“หากว่าซางดี่ขวินและซางหยงจินตายไป นายคิดว่าตระกูลซางจะทำอย่างไร ? ”

หลงเจิ้งหยูถึงกับถามออกมาอย่างตึงเครียดว่า

“นายต้องการจะทำอะไร ?”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“สองพี่น้องนั่นต้องตายดังนั้นนายก็ตอบคำถามของฉันมาซะ ”

หลงเจิ้งหยูได้มองไปที่ถังซิ่วอย่างไม่อยากจะเชื่อพร้อมพูดออกมาเบาๆว่า

“เพื่อนถัง นายควรจะคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะทำอะไรนะ ตระกูลซางนั้นได้ฝังรากลึกอยู่ในเมืองแห่งนี้มานานหลายปี ต่อให้ตระกูลของเราเป็นคนลงมือฆ่าพวกเขาฉันก็เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยผ่านไปอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วได้ถามต่อว่า

“ที่ฉันมาหานายนั้นก็แค่จะถามว่าขอบเขตการล้างแค้นของพวกเขาจะเป็นอย่างไรเท่านั้น ฉันจะถามนายต่อว่าหากตระกูลหลงและเฉินซีซ่งร่วมมือกันจะสามารถถอนรากถอนโคนตระกูลซางได้ไหม ? ”

หลงเจิ้งหยูคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า

“นี่ก็ยังยากอยู่ดี อย่างมาก็ทำให้ตระกูลพวกเขาเสียหายได้เท่านั้น”

ถังซิ่วได้ถามต่อว่า

“หากว่ามีขุมพลังอื่นเข้ามาร่วมมือล่ะ ? ”

หลงเจิ้งหยูตอบกลับด้วยความตกตะลึงว่า

“นายหมายถึงขุมพลังนอกเมืองนี้ ? อย่างเช่นตระกูลของ ชูยี่ ไป่เถางั้นหรอ ? หรือตระกูลโอหยาง ? ” (ใบเต่า * เปลี่ยนเป็นไป่เถา)

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ก็นับได้เช่นกัน ”

หัวใจของหลงเจิ้งหยูกระสับกระส่าย

“หากว่าพวกเขาร่วมมือกันจริงๆก็สามารถถอนรากถอนโคนตระกูลซางได้อย่างแน่นอนแต่แค่ว่าขุมพลังของชูยี่และไป่เถานั้นอยู่ในเมืองหลวงและขุมพลังของที่นั่นเองก็เล็งพวกเขาไว้เหมือนกัน หากว่าพวกเขาทั้งสองยื่นมือมากเกินไปก็จะถูกตลบหลังโดยง่ายแต่ฉันคิดว่าตระกูลโอหยางนั้นไม่มีปัญหาแน่นอนทว่าโอหยางลูลู่จะสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลเธอได้งั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“งั้นก็ไม่ต้องให้ชูยี่และไป่เถาเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องตระกูลโอหยางฉันจะเป็นคนจัดการเอง ฉันให้เวลานายสองวันเพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของตระกูลซางแล้วเราจะพูดถึงรายละเอียดกันอีกครั้ง”

หลงเจิ้งหยูตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า

“ไม่มีปัญหา ฉันจะหาข้อมูลมาให้นายอย่างเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายไม่เคยบอกฉันเลยว่าสองพี่น้องนั่นกล้าที่จะล่วงเกินนายไม่อย่างนั้นฉันคงจะส่งคนไปจัดการพวกเขาแล้ว ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมพูดว่า

“ไม่จำเป็น”

หลังจากพูดจบถังซิ่วก็ไม่รีรอที่จะออกไปจากที่นั้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ถังซิ่วได้ออกมานาอกบริเวณบ้านของหลงเจิ้งหยูน้าเขาก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามแม้ว่าเขาจะฆ่ามือสังหารเหล่านั้นไปหมดแล้วแต่เขากลับยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาอยู่ดี เขาได้ปล่อยจิตสัมผัสออกไปโดยรอบแต่กลับไม่พบอะไรแม้แต่น้อย

“ผู้เชี่ยวชาญ!”

ถังซิ่วสามารถแยกแยะได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถสังเกตการณ์เขาได้โดยที่ไม่สามารถใช้จิตสัมผัสตรวจจับ