…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วได้มองไปที่คังเซี่ยนที่กำลังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของเธอพร้อมท่าทางเหล่านั้นทำให้เขาถึงกับประหลาดใจพร้อมถามออกมาว่า

“ไม่ใช่ว่าเธอบอกว่าเธอยุ่งอยู่งั้นหรอ ? ”

“ไม่เป็นไรหรอก มันจะไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย”

ถังซิ่วตอบกลับแบบไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“เธอจะเหนื่อยเกินไปนะ”

คังเซี่ยนที่กำลังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณนั้นก็ได้ตอบกลับไปว่า

“บอส คุณไม่ต้องเป็นห่วงไปเลยเพราะฉันรู้เรื่องนี้ดีอยู่เต็มอก ฉันมั่นใจเรื่องสุขภาพในการทำงานอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า

“ฉันถามคำถามส่วนตัวกับเธอสักข้อได้ไหม ?”

คังเซี่ยนได้ตอบกลับไปด้วยความสับสนว่า

“คำถามส่วนตัวอะไรงั้นหรอ ? คุณถามมาสิ ………”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ฉันไม่เคยถามเลยว่าครอบครัวของเธอเป็นอย่างไร เธอมีใครเหลืออยู่ในครอบครัวบ้าง ?”

คังเซี่ยนได้ยืนนิ่งก่อนที่จะแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเศร้าอยู่ครู่หนึ่งพร้อมส่ายหัวแล้วพูดว่า

“พ่อแม่บุญธรรมของฉันเป็นคนอเมริกันที่ประสบอุบัติเหตุทางอากาศและเสียชีวิตไปหมดในหลายปีมาแล้ว ยังคุณยายที่ได้แต่งงานกับสามีชาวต่างชาติซึ่งไม่ค่อยจะได้เจอกันสักเท่าไหร่”

ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะได้คำตอบในใจของเขา

“เพื่อรักษาสุขภาพของเธอ ฉันจะสอนเทคนิคบ่มเพาะให้แต่เธอต้องจำไว้ว่าเทคนิคนี้มีแค่เธอเท่านั้นที่สามารถบ่มเพาะมันได้หรือแม้กระทั้งแพร่งพรายเรื่องที่เธอเป็นผู้บ่มเพาะโดยเด็ดขาด !”

เทคนิคบ่มเพาะพลัง ?

คังเซี่ยนตอบกลับไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“บอส คุณกำลังอำฉันใช่ไหม ? คุณคิดว่านี้เป็นยุคโบราณหรือไงที่จะมีพลังฉีเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยายุทธน่ะ !”

คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันก่อนที่จะไปปรากฏตัวอยู่ข้างคังเซี่ยนโดยทันทีขณะที่เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยการจับไปที่ไหล่ของเธอพร้อมโยนขึ้นไปในอากาศแล้วหมุนเธอไปมาโดยอาศัยการหมุนของข้อมือของเขา  ขณะคังเซี่ยนกำลังกรี้ดแต่ถังซิ่วเองก็ไม่สนใจแม้แต่น้อยพร้อมพุ่งออกไปนอกวิลล่า

“ปัง…….”

คังเซี่ยนได้ถูกนำลงมาโดยถังซิ่วก่อนที่เธอจะนั่งนิ่งอยู่ตรงพื้น

“นี่คือ……”

คังเซี่ยนในตอนนี้ไม่ได้มีความโกรธเลยแม้แต่น้อยขณะที่ความตกใจได้แผ่ไปทั่วใบหน้าของเธอพร้อมมองไปยังพื้นที่รอบๆขณะที่ร่างกายของเธอเริ่มสั่นสะท้าน

เธอกำลังหวาดกลัว !

ใช่ !

หากว่าเธอไม่ได้ตระหนักถึงมันฉากเมื่อครู่นั้นก็คงเหมือนเป็นเพียงแค่ความฝัน

ถังซิ่วได้ถามออกมาอย่างไม่แยแสว่า

“เห็นภาพของพื้นที่รอบนอกไหม ? ”

“เห็น!”

คังเซี่ยนได้ตอบกลับพลางพยักหน้าช้าๆ

ถังซิ่วได้ได้จับไปที่ไหล่ของเธออีกครั้งก่อนที่จะเร่งความเร็วของตัวเอง เขาได้ไปถึงที่โซฟาภายในบ้านพร้อมวางเธอใจโดยใช้เวลาเพียงไม่ถึงสองลมหายใจ

“ตอนนี้เธอเชื่อถึงการดำรงอยู่ของผู้บ่มเพาะพลังเชี่ยวชาญด้านวิทยายุทธหรือยัง ? ”

คังเซี่ยนกี่กำลังนั่งอยู่บนโซฟานั้นได้มองไปรอบๆด้วยความตื่นตัวและตกใจ หลังจากผ่านไปนานเธอจึงได้ตอบกลับไปว่า

“บอส ตอนที่คุณพาฉันไปท้าประลองที่สำนักมันกรรุ่งโรจน์นั้นฉันก็รู้ว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยายุทธแต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ฉันคิดว่าผู้เชี่ยวชาญธรรมดาไม่อาจจะเทียบกับคุณได้ด้วยซ้ำ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ถือว่าเธอฉลาดแล้วกัน ใช่แล้วฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยายุทธแต่เป็นผู้บ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์ แน่นอนว่าเธอคงจะไม่เคยเจอคนเหล่านั้นในโลกความเป็นจริงแต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะเคยเห็นมันจากในหนังมาบ้าง จริงๆแล้วพวกเขาเหล่านั้นเองก็ไม่ต่างไปจากในหนังนักเพียงแค่ว่าพวกเขาแข็งแกร่งกว่ามาก สามารถควบคุมพลังของธรรมชาติ ขี่กระบี่อยู่บนท้องฟ้า หรือแม้กระทั่งสัมผัสดวงดาวหรือเคลื่อนย้ายมัน ”

“นิรันด์ ?”

คังเซี่ยนได้โห่ร้องออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ถังซิ่วได้พยักหน้าของเขาพร้อมกับพูดว่า

“ใช่แล้ว นิรันด์ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไร ฉันจะสอนเทคนิคบ่มเพาะให้กับเธอและหากว่าเธอตั้งใจฝึกมันอย่างมุ่งมั่นก็จะมีความเป็นไปได้ที่เธอจะสามารถก้าวไปยังดินแดนแห่งนิรันด์ได้”

คังเซี่ยนถามออกมาด้วยความรู้สึกช๊อคว่า

“บอส ในโลกนี้มีโลกแห่งนิรันด์เหมือนในหนังด้วยงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ดินแดนแห่งนิรันด์ในหนังพวกนั้นมันกระจอกเกินไป เมื่อถึงวันหนึ่งที่เธอสามารถเป็นนิรันด์ได้ฉันจะสอนเรื่องเหล่านั้นกับเธอเอง จำไว้ว่าเธอห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปอย่างเด็ดขาด ”

คังเซี่ยไนด้พยักหน้าก่อนที่จะถามออกมาด้วยเสียงต่ำว่า

“บอส ก่อนหน้านี้ที่คุณถามเรื่องครอบครัวของฉันก็เพราะกลัวว่าฉันจะแพร่งพรายออกไปงั้นหรอ ? ”

“ใช่!”

ถังซิ่วได้ตอบอย่างเรียบเฉยพร้อมกับพูดต่อว่า

“ฉันต้องการให้เธอเป็นผู้ติดตามชั้นเลิศแต่ไม่ใช่พนักงานที่ฉันจ้าง สิ่งที่ฉันสามารถให้คำมั่นกับเธอได้คือ โลกที่เธอเห็นจะกว้างขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดหากว่าเธอติดตามฉัน แม้กระทั่งการฉีกมิติและท่องไปทั่วจักรวาลพร้อมกับฉันก็ไม่ใช่ปัญหา”

คังเซี่ยนได้ใช้พลังทั้งหมดเพื่อกลืนน้ำลายกลับลงไปก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“บอส ! คุณสอนมันให้แอนดี้ด้วยได้ไหม ? เธออยู่กับฉันมาหลายปีและเป็นคนที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคือครอบครัวของเธอนั้นน่าอนาถกว่าฉันเยอะมาก เธอไม่มีครอบครัวเหลืออยู่อีกแล้วหรือเพื่อนคนอื่นเลยด้วยซ้ำนอกจากฉันและแจ๊ค”

แอนดี้ ?

ถังซิ่วระลึกได้ลึกภาพของนางฟ้าตัวน้อยขณะที่พยักหน้าแล้วพูดว่า

“โทรหาเธอซะแล้วบอกให้เธอมาที่นี่ !”

เขาไม่ได้ถามถึงสถานการณ์ของเธอเพราะเธอเองก็ได้บอกกับเขามาเพียงว่าเธอได้ไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างประเทศนั้น คนเรานั้นก็มีทั้งโชคดีและโชคร้ายและในเมื่อคังเซี่ยนได้บอกมาว่าแอนดี้ได้กลายเป็นเด็กกำพร้าแล้วก็แสดงว่าครอบครัวของเธอจะต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

เฉินซีซ่งที่นั่งอย่างสงบอยู่ข้างๆนั้นได้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่มีความสุขเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องที่ถังซิ่วสามารถผูกมัดเธอเอาไว้ได้เพราะยังไงเธอก็เป็นถึงอัจฉริยะของวงการธุรกิจ หากเธอต้องผูกติดอยู่กับถังซิ่วแล้วก็จะทำให้เขาสามารถทำเงินและหาทรัพยากรการบ่มเพาะได้อย่างไม่จำกัด

ทันใดนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“จะเป็นอะไรไหมหากศิษย์จะขอซื้อหุ้นในส่วนของธุรกิจบ่มไวน์ที่ท่านอาจารย์กำลังจะสร้าง ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“เจ้าทำบริษัทเกี่ยวกับยาแล้วจะลงทุนในไวน์เพื่อ ? ”

เฉินซีซ่งเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“จริงๆแล้วบริษัทของศิษย์นั้นได้ถึงขีดจำกัดในการเติบโตมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ศิษย์เองก็ได้หาบริษัทมากมายที่จะลงทุนแต่ก็ยังไม่เจออันไหนที่คิดว่าใช่เลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเหตุผลที่ศิษย์ถึงมีเงินสำรองไว้และศิษย์ก็จะไปร่วมลงทุนกับธุรกิจอื่นเหมือนกันหากไม่ได้ลงทุนในธุรกิจของท่าน”

ถังซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

“500ล้านหยวน แล้วข้าจะให้เจ้า 10 % ส่วนเรื่องบริหารนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเพราะข้าได้เลือกผู้จัดการไว้แล้ว เจ้าทำแค่รอรับผลตอบแทนทุกปีเท่านั้น ส่วนเรื่องเงินที่เหลือก็ลองไปคุยกับหลงเจิ้งหยูดูเพราะข้าเองก็ได้มีธุรกิจร่วมกันกับเขาและเชื่อว่ามันจะสามารถทำเงินได้อย่างแน่นอน”

จริงๆแล้วถังซิ่วเองไม่เคยวางแผนจะให้ใครเข้ามายุ่งในธุรกิจของเขาเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาโปรดปรานธุรกิจบ่มไวน์เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเขากำลังขาดทุนและหากเฉินซีซ่งจะร่วมลงทุนนั้นก็คงจะไม่เป็นไรนักเพราะเขาเองก็เป็นถึงศิษย์ของเขา นี่ก็เหมือนกับการที่จะไม่ให้เงินของเขาไหลออกไปสู่มือของคนวงนอก

เฉินซีซ่งนั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าการที่เขาบูชาถังซิ่วเป็นอาจารย์นั้นคือเรื่องที่ถูกต้องอย่างมาก ไม่ใช่แค่สามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้เป็นนิรันด์แล้วแต่ยังสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรได้จากธุรกิจ เขารีบพยักหน้าแล้วพูดอย่างไม่ลังเลเลยว่า

“เมื่อศิษย์กลับไปแล้วจะรีบติดต่อหลงเจิ้งหยูโดยทันที”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจนั้นก็ขอให้ไปคุยกับคังเซี่ยนในภายหลัง งานของข้านั้นเยอะมากและไม่มีเวลาว่างมาจัดการเรื่องเหล่านี้”

ในชั่วขณะนี้โอหยางลูลู่ได้เดินมาจากทางห้องครัวและเมื่อเห็นเฉินซีซ่งนั้นก็ถึงกับทำให้ดวงตาของเธอเปล่งประกายเพราะอย่างไรก็ตามเธอมันจะได้เห็นบทความสัมภาษณ์เขาเสมอแต่หลังจากที่เห็นคังเซี่ยนนั้นก็ทำให้เธอถึงกับขมวดคิ้วโดยทันที

เธอสวย เธอสวยมากจริงๆ

เธอนั้นต้องยอมรับเลยว่าไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรืออย่างอื่นนั้นคังเซี่ยนไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้เธอเองก็ได้รับข่าวมาว่าถังซิ่วได้รับสมัครเธอเข้ามาเป็นลูกน้องแถมยังให้เธอเป็นคนจัดการด้านการก่อตั้งบริษัทแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ผมกับคังเซี่ยน

“บอส เธอคือ ? ”

เมื่อคังเซี่ยนเห็นโอหยางลูลู่และรูปลักษณ์ของเธอนั้น ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ

ถังซิ่วได้แนะนำออกมาว่า

“เธอคือโอหยางลูลู่ เป็นคนๆหนึ่งที่ทำธุรกิจที่ไม่สมควรทำบนเกาะจิงเหมินและเป็นเพื่อนของฉันเอง ลูลู่ เธอคือคังเซี่ยน มือขวาของฉันเอง”

โอหยางลูลู่มองไปที่ถังซิ่วอย่างหงุดหงิดแต่หากว่าไม่ใช่เพราะคำว่า “เพื่อนของฉัน”และ “ลูลู่”นั้นเธอคงจะจัดการเขาไปแล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกดีอย่างมากๆแต่ก็ได้โอดโอยออกมาว่า

“ธุรกิจที่ไม่สมควรทำอะไร ? พาราไดซ์คลับของฉันไม่ถือว่าเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมายงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับอย่างประหลาดใจว่า

“เปิดบ่อนการพนันนี่ถือว่าเป็นธุรกิจถูกกฎหมายงั้นหรอ ? ”

โอหยางลูลู่ได้ตอบกลับไปว่า

“แน่นอนว่ามันถูกกฎหมาย มันไม่มีสักครั้งเลยที่การพนันของเราจะผิดกฎหมายของประเทศ นายของดูไต้หวันสิว่าเป็นถึงแหล่งรวมการพนันอย่างแท้จริง”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะเพราะเขาไม่อยากจะโต้เถียงกับเธออีกต่อไป แต่คังเซี่ยนที่ได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้นก็ได้แต่เกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมากมาย

“สวัสดีคุณโอหยาง”

“สวัสดีหัวหน้าคัง !”

หญิงทั้งสองได้จับมือกันด้วยความคิดที่แปลกประหลาดทั้งคู่

บนโต๊ะอาหาร

กู่หยินได้จบการเรียนพิเศษเรียบร้อยแล้วและครูสอนของเธอนั้นได้รับเชิญให้ทานอาหารเย็นร่วมกันโดยถังซิ่วเพราะเขาเองก็ต้องการที่จะถามถึงความก้าวหน้าของกู่หยิน

“คุณถัง กู่หยินนั้นฉลาดและความจำดีเป็นอย่างมาก ความสามารถใจการเข้าใจนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง การสอนของเกรดสองนั้นใช้เวลาไปเพียงแค่สองวันก็สามารถทำความเข้าใจได้หมดแล้ว ผมกำลังเตรียมบทเรียนสำหรับเกรดสามให้เธอแต่อย่างไรก็ตามการสอนของเกรดสี่ ห้า หกนั้นไม่ใช่ของพวกเรา”

ปรากฏรอยยิ้มที่ขมขื่นขึ้นบนใบหน้าของครูผู้หญิงก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า

“ไม่ใช่ว่าเราไม่สามารถสอนมันได้แต่การที่เราสอนติดๆกันมันทำให้เราเหนื่อยล้าจนเกินไป”

ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่เป็นไร ตราบใดที่มีครูที่โดดเด่นอย่างพวกคุณ ผมเองก็รู้สึกพอใจแล้ว ”

โอหยางลูลู่ได้มองไปที่พวกเขาด้วยความรู้สึกตกใจพร้อมพูดออกมาว่า

“อาจารย์ที่ไหนกันที่ไม่สามารถเตรียมการสอนและสอนตามนักเรียนได้ทัน ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน ? ”

อาจารย์คนนั้นได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“มันเป็นเพราะความสามารถในการเรียนรู้ของเธอนั้นสูงเกินไปและหากว่าเรานับตามความเร็วนี้เธอจะต้องสามารถจบบทเรียนได้ถึงเกรดหกก่อนที่จะถึงวันที่1กันยายนแน่นอน”

โอหยางลูลู่ได้มองอย่างไม่อยากจะเชื่อไปที่กู่หยินพร้อมพูดออกมาส่า

“ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะเรียนจบเกรดสองไปงั้นหรอ ? มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะสามารถใช้เวลาเพียง2-3เดือนในการเรียนทั้งหมด4เกรด ? แม้แต่ลูกของผู้วิเศษของก็คงจะไม่สามารถทำมันได้ ? ”