…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
หลังจากที่ได้แง้มกล่องออกมาได้นิดนึงนั้น พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่เอ่อล้นไปทั่วทั้งห้อง พวกเขาทั้งหมดรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายไปทั่วทั้งร่างกาย
ยาสีแดงสองเม็ดถูกบรรจุในกล่องหยกซึ่งกลิ่นหอมของยาได้ถูกส่งออกมาจากพวกมัน
“นี่คือ ?”
เหมี่ยวเหวินถังได้มองไปที่ถังซิ่วเพราะสำหรับเขาแล้วถังซิ่วนั้นดูลึกลับเป็นอย่างมาก ถึงแม้กระทั้งมีเทคนิคบ่มเพาะของนิรันด์และขายพวกมันให้กับเขา ดูเหมือนว่าถังซิ่วนั้นเป็นคนที่มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก
น่าเสียดาย !
ครั้งนี้เขาต้องผิดหวัง!
คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันก่อนที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า
“ฉันเคยเห็นยามาหลายหมื่นชนิดแต่ก็ยังไม่เคยเห็นยาตัวนี้หรือผลของมัน”
เหมี่ยวเหวินถังได้รีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“เราไม่รู้ว่ามันคือยาอะไรหรือมีผลยังไงแล้วเราจะกล้ากินมันได้อย่างไรกัน ? ”
เซ่าหมิงเจิ้งเองก็พยักหน้าพร้อมพูดว่า
“อย่างที่ว่าเลย ! เพราะเราไม่รู้ว่ามันมีผลอะไรก็ไม่ควรจะบุ่มบ่ามกินเข้าไปหากว่ามันมีผลข้างเคียงที่เป็นผลดีนั้นก็ไม่เป็นไรแต่หากเป็นด้านตรงกันข้างนั้นเราก็จะได้ไม่คุ้มเสียอย่างแน่นอน”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“เอามีดมาให้ฉัน”
เหมี่ยเวหวินถังถามออกมาอย่างสับสนว่า
“เอามีดไปทำอะไรงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับว่า
“ชิมมันน่ะสิ”
ชิมงั้นหรอ ?
เหมี่ยวเหวินถังจ้องอยู่พักหนึ่งพร้อมหยิบมีดออกมาทันที
ถังซิ่วได้ควบคุมแรงอย่างระมัดระวังและแม่นยำ เขาใช้มีดขูดตัวยาพร้อมเอาผงมาชิมหลังจากนั้นก็หลับตาลง เขาพยายามลิ้มรสของวัตถุดิบกลั่นของมันและผลของตัวยา
“เป็นอย่างไรบ้าง ? มันมีผลอะไรไหม ?”
เมื่อเห็นว่าถังซิ่วเปิดตาขึ้นมา เหมี่ยวเหวินถังจึงได้ถามออกมาทันที
ถังซิ่วฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า
“ฉันเองเคยได้กินยาตัวหนึ่งที่มีชื่อว่ายาหมื่นสัตว์ร้าย มันเป็นยาประเภทที่รวบรวมแก่นวิญญาณของสัตว์ร้ายนับหมื่นตัวและสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์อีกหมื่นชนิด มันมีผลให้เลื่อนระดับชั้นของการบ่มเพาะพลังอย่างมหาศาลและเพิ่มอายุขัยของพวกนาย แต่ถึงแม้ยาที่อยู่ในกล่องหยกนี้จะมีผลที่ไม่สามารถเทียบกับยาหมื่นสัตว์ร้ายได้ก็ตามแต่มันก็มีผลดีกับระดับการบ่มเพาะของพวกนายมาก”
แก่นวิญญาณสัตว์ร้ายนับหมื่น ?
สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นชนิด?
เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมืงเจิ้งมองไปที่ถังซิ่วแบบแปลกๆ พวกเขาเคยโอ้อวดแต่ไม่เคยเห็นใครที่โอ้อวดขนาดนี้ ! พวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนและตราบใดที่ระดับของพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้น อายุขัยของพวกเขาก็จะยืนยาวขึ้นเช่นกันแต่ไม่เคยเห็นยาที่สามารถเพิ่มอายุได้
เรื่องจินตนาการชัดๆ !
เหมี่ยวเหวินถังได้ถามออกมาว่า
“มันสามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเราได้จริงอย่างงั้นหรอ ? ”
“จริงๆ !”
ถังซิ่วได้ยืนยันอีกครั้ง
“เซ่าหมิงซี่เองก็ได้ถามออกมาว่า”
“มันไม่มีผลข้างเคียงแน่นะ ? ”
ถังซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“มันก็มีผลกับพวกนายนิดหน่อยนะ ”
เซ่าหมิงเจิ้งได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“มีผลข้างเคียงอย่างไรงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดว่า
“หากว่านายกินมันเข้าไปตอนนี้ ก็จะต้องตัวแตกตายเพราะไม่สามารถดูดซับพลังของยาได้”
“อะไรนะ ! ?”
พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกหวาดผวาทันที
ระดับพลังของพวกเขาเองก็อยู่สูงอยู่แล้วแต่ถังซิ่วกลับบอกว่าพวกเขาจะตัวแตกตายหากกินยานี่เขาไปตอนนี้ ? พลังที่อยู่ในตัวยานั้นจะต้องมีมากแน่ๆ ?
เหมี่ยวเหวินถังได้กลืนน้ำลายของตัวเองลงไปพร้อมกับถามออกมาว่า
“เพื่อนถัง นายคิดว่าพวกเราควรจะกินมันตอนไหนดี ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“อย่างน้อยก็ต้องรอให้พวกนายเลื่อนไปอีกสองระดับชั้น ”
“นี่…..”
พวกเขายิ้มออกมาอย่างขมขื่น การที่มาถึงระดับของพวกเขาในตอนนี้ได้นั้นก็ถือว่ายากแล้วและหากต้องการเพิ่มระดับไปอีกนั้นก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก อาจจะใช้เวลาถึงหลายปีหรือหลายสิบปี กว่าจะได้กินยานี่พวกเขาจะยังคงมีชีวิตอยู่ ?
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“เอ่าล่ะ ยานี่พวกนายก็เอาไปแล้วกัน ! มันไม่ได้มีผลอะไรกันฉันแต่ว่ากล่องหยกนี่ฉันขอแล้วกัน ฉันคิดว่ามันน่าจะเหมาะในการเอาไปใส่สมุนไพร”
“มันจะดีหรอ?”
เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งได้มองไปที่กันและกันด้วยความลังเลใจ
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“ฉันคิดว่ากระบี่นี่ก็ดีพอสำหรับฉันแล้ว หากว่าเอายานั้นไปก็คงไม่รู้ว่าจะได้กินมันตอนไหนกัน ”
ถังซิ่วคิดว่าคำพูดนี้มันสมเหตุสมผลเป็นอย่างมากเพราะขนาดระดับพลังของพวกเขายังต้องรอหลายปีกว่าจะกินมันได้ แล้วถังซิ่วล่ะ ? เขาไม่ต้องรอไปอีกหลายสิบปีเลยหรือไง ?
อย่างไรก็ตาม ! ยาตัวนี้คือสมบัติอย่างแท้จริงแต่อย่างไรก็ตามมันก็สามารถทำให้พวกเขาตัวแตกตายได้เช่นกัน
“เป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัวและไม่โลภมาก”
เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งได้แอบคิดคำพวกนี้อยู่ในใจ แม้ว่าถังซิ่วจะมีอายุน้อยกว่าพวกเขามากแต่พวกเขาก็รู้สึกเคารพและชื่นชมถังซิ่วเป็นอย่างมาก
เซ่าหมิงเจิ้งได้เก็บยาตัวนั้นไปพร้อมมองไปที่ถังซิ่วแล้วพูดออกมาอย่างจริงจังว่า
“เพื่อน ในเมื่อนายตัดสินใจแบบนั้นแล้วพวกเราก็จะไม่ปฏิเสธแต่หากว่านายมีอะไรต้องการให้เราช่วยก็บอกมาได้ทุกเมื่อ คิดซะว่าฉันได้ติดหนี้บุญคุณนาย”
เหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้พยักหน้าของเข้าแล้วพูดออกมาว่า
“ใช่แล้ว หากว่าไม่ใช่เพราะนายเราก็คงไม่สามารถได้รับยานี้มาได้อย่างแน่นอน บุญคุณครั้งนี้เราจะจดจบมันอย่างดี”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมพูดออกมาว่า
“นี่มันเป็นการร่วมมือกันของทุกคน มันไม่ถือว่าเป็นบุญคุณแม้แต่น้อยแต่อย่างไรก็ตามหากพวกนายสามารถโอนเงินเหล่านั้นมาให้ฉันได้เร็วขึ้นก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะพรุ่งนี้ฉันจะต้องใช้มันเป็นจำนวนมากเมื่อกลับไปยังเมืองสตาร์ซิตี้”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้วพวกเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เร่งเรื่องการโอนเงินแล้วแต่ตอนนี้ก็ยิ่งเร่งกว่าเดิมพร้อมบอกกับถังซิ่วว่าเงินจะถูกโอนไปยังบัญชีของเขาในเย็นวันพรุ่งนี้
“เพื่อนถัง หินพวกนี้ที่เราได้รับมาคืออะไรอย่างงั้นหรอ ? ฉันเองก็รู้เรื่องแร่ล้ำค่าบ้างแต่ไม่เคยเห็นแร่แบบนี้เลย มันเป็นของที่ดี ? ”
เซ่าหมิงเจิ้งที่กำลังเก็บยาอยู่นั้นก็ได้ถามออกมาขณะที่สายตาของเขาไปตกอยู่ที่หินนภา
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“พวกนายจงจำไว้นะว่าหินเหล่านี้นั้นมีค่ามากกว่ายาที่พวกนายได้รับเป็นอย่างมากและหากเหล่าผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนที่แข็งแกร่งรู้เรื่องที่นายมีหินพวกนี้ล่ะก็ พวกเขาจะต้องอิจฉาเป็นอย่างมากและอาจถึงขั้นปล้นพวกนายได้ ”
เซ่าหมิงเจิ้งเองก็ได้โห่ร้องออกมาด้วยความตกใจว่า
“มันมีค่ามากกว่ายานี่อีก ? มันจะเป็นไปได้ ?มันเป็นแค่แร่และสามารถเอาไปทำอาวุธบางอย่างได้เท่านั้น มันจะไปมีผลดีกับพวกเราอย่างไร ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับอย่างสงบว่า
“หากว่าแร่เหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของพวกผู้แข็งแกร่ง พวกเขาสามารถเอาไปหลอมเป็นอุปกรณ์ระดับเทวะได้”
นัยน์ตาของเซ่าหมิงเจิ้งหดเล็กลงขณะที่ตัวของเหมี่ยวเหวินถังเองก็เริ่มสั่นสะท้าน
อุปกรณ์ระดับเทวะ ?
แร่นี้สามารถเอาไปหลอมเป็นอุปกรณ์ระดับเทวะได้ ?
พวกเขารู้ถึงระดับของอาวุธดี ระดับต่ำสุดคืออาวุธธรรมดา ระดับที่สามารถตัดเหล็กได้เหมือนเนยคืออาวุธเวทย์มนต์ ระดับที่มีปัญญาเป็นของตัวเองคืออาวุธวิญญาณและระดับที่สามารถเลือกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่นิรันด์ในตำนานใช้คืออาวุธระดับเทวะ
ในกรณีนี้ !
คือพวกเขามีวัตถุดิบที่สามารถเอาไปหลอมเป็นอาวุธระดับเทวะได้
“เพื่อนถัง นายรู้ได้อย่างไรกันงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วรู้ว่าเขาได้สร้างความสงสัยให้กับพวกเขานับไม่ถ้วนอย่างไรก็ตามเรื่องที่เขาเป็นนิรันด์สูงสุดที่กลับมาที่โลกนั้นไม่สามารถบอกใครได้นอกเสียจากกู่เสี่ยวเสวี่ยและจี่ฉีเหม่ยเท่านั้น
“อ่านหนังสือเยอะๆและผจญภัยไปมากๆ พวกนายเองก็มีเวลาว่างเหลือเยอะก็ลองไปหาหนังสือโบราณอ่านดูบ้าง แน่นอนว่ามันอาจจะช่วยเรื่องการบ่มเพาะของพวกนายเช่นกัน”
ถังซิ่วได้เก็บสิ่งของทั้งหมดพร้อมกับไปที่ห้องของเขาเองก่อนที่จะหยิบมือถือออกมาและพบข้อความของโอหยางลูลู่
เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย !
เขารู้สึกหมดหนทาง !
เขาต้องการที่จะรับสมัครเขวียนหน้าบากให้มาเปิดโรงบ่มไวน์ของเขาเพราะสิ่งที่เขาต้องทำนั้นมันใหญ่มากและต้องใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาล ตอนนี้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของโลกนั้นใหญ่โตเป็นอย่างมากและเขาเห็นได้ถึงโอกาสในการทำเงินเหล่านั้น หากว่าเขาสามารถเปิดโรงไวน์ขนาดใหญ่ได้ล่ะก็ เขาจะได้รับกำไรอย่างมหาศาล
“ขาดคนมีความสามารถ อ๊า! ”
ถังซิ่วได้หมดอารมณ์ที่จะพักผ่อนพร้อมกับเดินไปชมวิวที่หน้าต่างของห้องนอน ทิวทัศน์ข้างนอกนั้นสวยงามเป็นอย่างมากเพราะถึงแม้มันจะมืดแต่ก็ไม่อาจมีผลอะไรกับสายตาของเขาได้แม้แต่น้อย เขาสามารถเห็นได้แม้กระทั่งแมวจรจัดที่อยู่บนถนน
“หือ ? ”
ทันใดนั้น
ในสมองของเขาได้นึกถึงรายชื่อที่ได้มาจากหยวนเจิ้งซวนเกี่ยวกับหน่วยพิเศษลับที่เพิ่งปลดประจำการ
“งั้นเราจะไปหาหวังหมิงกัน เขาอยู่ที่เมืองชางเบ่ย”
ถังซิ่วได้แอบคิดอยู่ในใจ ถังซิ่วจะรับสมัครเขาหากพบว่าหวังหมิงนั้นเป็นคนที่พอใช้ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อแสงอรุณเริ่มสาดส่อง ถังซิ่วกำลังถือสำภาระของตัวเองก่อนที่จะเดินออกไปนอกโรงแรมพร้อมกับมองไปที่เซ่าหมิงเจิ้งและเหมี่ยวเหวินถังที่รออยู่ด้านนอกก่อนที่จะถามออกมาว่า
“พวกนายเองก็จะกลับวันนี้ ? ”
เหมี่ยวเหวินถังได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“ใช่แล้ว เป้าหมายที่เรามาที่นี่ก็ได้บรรลุแล้วก็ควรที่จะกลับบ้านของเรา แม้ว่าการเก็บเกี่ยวครั้งนี้จะถือว่าดีมากแต่เราก็สูญเสียไปไม่น้อยเช่นกัน เราจะต้องไปจัดการเกี่ยวกับเหยื่อหลังจากที่เรากลับไป”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“เมื่อนายชดเชยแล้วก็ควรที่จะดูแลครอบครัวของพวกเขาด้วย ”
เหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้พูดออกมาว่า
“อย่างกังวลไปเลย ! เรารู้อยู่เต็มอก ไปกันเถอะ ! เราจะไปส่งนายเองในเมื่อนายจะต้องไปที่เมืองชางเบ่ยอยู่แล้ว ”
“ดีเลย !”
ถังซิ่วพยักหน้าก่อนที่จะจะก้าวขึ้นไปยังรถของเหมี่ยวเหวินถัง
“โปรดรอก่อน!”
ได้มีเสียงตะโกนของเขวียนหน้าบากดังออกมาจากมุมๆหนึ่งของถนน
ถังซิ่วได้มองตามแหล่งเสียงไปก็พบกับเขวียนหน้าบากที่กำลังยืนสูบบุหรี่ เขาทิ้งมันลงไปที่พื้นพร้อมกับรีบเดินตรงมาทางเขาแต่ที่ที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้นั้นมีก้นบุหรี่อยู่เป็นจำนวนมากและมันแสดงให้เห็นว่าเขาได้มารออยู่ที่นี่นานแล้ว
“คิดได้หรือยัง ? ”
ถังซิ่วได้ถามออกมาอย่างสงบ
เขวียนหน้าบากเองก็ได้พูดว่า
“คิดได้แล้ว แต่ฉันต้องการที่จะรู้ถึงการดูแลและเงินเดือนของฉัน”
ถังซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆว่า
“หุ้น10% เงินเดือน1ล้านต่อปีและนายมีตำแหน่ผู้จัดการควบคู่ไปกับช่างเทคนิค”