…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
โรงพยาบาลแพทย์จีนเมืองสตาร์ซิตี้
ขณะที่ถังซิ่วกำลังถือกระติกเก็บความร้อนเข้ามาในห้องวีไอพี, หลังจากออกจากงานแฟร์แล้วเขาก็ไปตลาดเพื่อซื้อผักสดและเนื้อสัตว์กลับบ้าน, หลังจากนั้นเขาก็ไปขอให้มู่ขวินปิงทำซุปไก่และเพิ่มสมุนไพรลงไป
หน้าห้องผู้ป่วยนั้นบั่นโฉวและดิ่งซี่กำลังอ่านบทความเกี่ยวกับสุขภาพเพื่อฆ่าเวลา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่อาการบาดเจ็บดังกล่าวเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาเคยได้รับนั้นเป็นเหมือนเรื่องเล็กน้อยด้วยซ้ำ
บนเตียงป่วย
ซูหลิงหยุนกำลังนั่งด้วยความรู้สึกเศร้าขณะที่เธออ่านสมุดบัญชี ร้านอาหารของเธอถูกทุบและปิดไปเป็นเวลาถึงสองวัน ถ้าเธอต้องการเปิดมันใหม่ก็จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงร้านใหม่และด้วยค่ารักษาพยาบาลนั้นก็มากกว่าหมื่นหยวนแล้ว เธอกังวลว่าเงินจะไม่เพียงพอสำหรับการปรับปรุงร้านใหม่, ข้างๆเตียงของเธอนั้นมีหญิงสาวสวยสวมชุดพยาบาลที่บอบบางนั้นกำลังนั่งอยู่ที่นั่นและปอกแอปเปิ้ล
“บอส!คุณมาแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าถังซิ่วได้เข้ามาแล้วนั้น จิตวิญญาณของพวกเขาก็ลุกขึ้นเป็นไฟทันที
ถังซิ่วพยักหน้าและมองไปที่พยาบาลด้วยการแสดงออกที่ยิ้มแย้ม เขานั่งข้างๆเตียงขณะที่ถามด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณแม่เป็นอะไร ? ทำไมถึงดูกังวล ?ผมให้คนทำซุปไก่มาให้และเพิ่มสมุนไพรที่สามารถสร้างความอบอุ่นได้ นี่จะเป็นอาหารเสริมที่ดีสำหรับร่างกายของแม่เพื่อจะฟื้นตัว ”
ซูหลิงหยุนพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“ใครกันที่ลูกขอให้ทำซุบมาให้? ร้านอาหารของเราได้รับความเสียหายและแม่ก็ได้ให้พ่อครัวทั้งหมดลาพักไปแล้ว ”
ถังซิ่วได้ตอบไปว่า
“โอ้ แม่อย่างเพิ่งถามเลย รอให้สอบเข้ามหาลัยเสร็จก่อนแล้วผมจะบอก ”
“อืม อืม !”
เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอคือการสอบเข้าเรียนของถังซิ่วดังนั้นเธอจึงพูดออกมาว่า
“ซิ่วน้อย, ตอนนี้ลูกควรจะไปโรงเรียนไม่ใช่หรอ ? แล้วลูกมาอยู่ที่โรงพยาบาลนี่ได้อย่างไร? ”
ถังซิ่วพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า
“ช่วงเย็นเป็นช่วงการศึกษาด้วยตัวเองดังนั้นมันไม่เป็นไร แม่ยังไม่ได้บอกผมเลยว่าทำไมแม่ถึงได้ดูกังวลนัก ? มีปัญหาอะไรที่แม่ไม่สามารถแก้ไขได้ ? ”
ซูหลิงหยุนฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ธุรกิจของครอบครัวเรานั้นดีขึ้นกว่าเดิมและรายได้ของเราก็มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ,แต่ใครจะคิดว่าแขกจะมาทุบร้านของเรา ดังนั้นแม่จึงเริ่มคำนวณเงินที่เหลืออยู่ในมือของเราตอนนี้ มันเหลือเพียงแค่หมื่นหยวนเท่านั้นและจะไม่เพียงพอที่จะปรับปรุงร้านของเรา ”
ถังซิ่วหัวเราะโดยไม่ตั้งใจแล้วพูดออกมาว่า
“อ่อ ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้นิเอง! แม่ไม่ต้องกังวลเลย! เรื่องการปรับปรุงร้านทั้งหมดนั้นยกให้พวกบั่นโฉวจัดการเลย พวกเขามีเส้นสายอยู่มากและสามารถซื้อวัสดุสำหรับการปรับปรุงในราคาที่ต่ำ นอกจากนี้ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลจีนแห่งนี้ได้เชิญผมมาเป็นหมอรับเชิญของที่นี้ ดังนั้นด้วยความกลัวว่าผมจะไม่ทำตามคำสัญญา เขาจึงจ่ายเงินล่วงหน้าให้ผม100,000 หยวน และบอกว่ามันเป็นเงินเดือนสำหรับครึ่งปีของผม หลังจากนี้ผมจะให้เงินนี่กับบั่นโฉวและคนอื่นๆดังนั้นคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เมื่อแม่ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ก็สามารถเปิดร้านต่อได้เลย ”
“หมอบอกว่าจะใช้เวลา2-3เดือนสำหรับการรักษาของแม่ ถ้าเราปิดร้านเป็นเวลาถึง2-3เดือนแม่กลัวว่า … อย่างไรก็ตามแม่เชื่อในบั่นโฉว , ดิ่งซี่และคนอื่นๆ รอให้พวกเขาฟื้นตัวจากบาดแผลของพวกเขาและปรับปรุงร้านเสร็จ แม่จะมอบร้านอาหารให้พวกเขาจัดการ ”
คิ้วของถังซิ่วยกตัวเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมองที่บั่นโฉวและดิ่งซี่พร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“โอเค ในเมื่อแม่ของฉันต้องการให้พวกนายจัดการเรื่องพวกนี้ พวกนายจะดูแลเรื่องการปรับปรุงและทำธุรกิจพร้อมกับยกระดับการตกแต่งให้ดีขึ้นและเพิ่มขนาดนิดหน่อย”
“ได้ครับ!”
บั่นโฉวและดิ่งซี่มีความสุขอย่างมาก
ความเชื่อใจที่ซูหลิงหยุนมีต่อพวกเขานั้นได้กระตุ้นจิตใจเป็นอย่างมาก พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าพวกเขาจะต้องขยายขนาดของร้านอาหารด้วยการตกแต่งที่มีสไตล์และใช้งานได้ดีกว่าก่อนอย่างแน่นอน
“ก๊อกก๊อก…”
ประตูห้องได้ถูกเคาะขณะที่ผู้อำนวยการผู้ป่วยในกับหมอหลายคนได้เดินเข้ามา หลังจากที่พวกเขาเห็นถังซิ่วแล้วนั้น ตาของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสดใสและทักทายออกมาด้วยรอยยิ้มทันที
“คุณถัง,ผมไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะอยู่ที่นี่! ผมจะบอกให้โรงอาหารทำอาหารพิเศษให้คุณทันที! ”
ถังซิ่วพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า
“ขอบคุณ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยในก็สดใสขึ้น เขาโบกมือและพูดว่า
“คุณไม่จำเป็นต้องเป็นสุภาพกับเราเลยคุณถัง นี่คือคำสั่งจากท่านผู้อำนวยการ! เป็นอย่างไรบ้าง? แม่ของคุณสบายดีไหม? ”
ซูหลิงหยุนได้ตอบกลับว่า
“ฉันสบายดีขอบคุณค่ะคุณหมอหวัง”
ผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยในพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า
“ดีใจที่ผมได้ยินเช่นนั้น ผมจะไม่รบกวนพวกคุณอีกต่อไป ผมจะกลับมาหาพวกคุณอีกครั้งในภายหลัง! ”
ซูหลิงหยุนมองไปที่ถังซิ่วและพูดขณะที่ผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยในกำลังออกไปด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อนว่า
“ซิ่วน้อย มีบางสิ่งที่แม่ยังไม่ได้ถามลูกเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนคนนั้นของลูก? ”
ถังซิ่วได้ตอบว่า
“ใช่ทำไมหรอ?”
ซูหลิงหยุนได้ถามออกมาว่า
“เขาสกุลอะไร? ใช่สกุลถังหรือเปล่า? ”
“แม่หมายถึงอะไรงั้นหรอ?”
แต่เขาก็ยังคงตอบอย่างสุจริตว่า
“คุณแม่ เขาไม่ได้มีสกุลถังแต่เป็นหลง เขาเป็นคนที่จัดให้การเรื่องย้ายห้องแม่มาที่แผนกวีไอพีนี้ ”
ความรู้สึกที่กำลังเพิ่มขึ้นของเธอค่อยๆลดลงพร้อมกับพยักหน้าและบอกว่า
“ถ้าไม่ใช่สกุลถังก็ดีแล้ว อ่อใช่ ก่อนหน้านี้ลูกบอกว่าได้อ่านตำราแพทย์จีนสินะ ? แถมยังสามารถรักษาอาการป่วยที่ผู้อำนวยการยังไม่สามารถรักษาด้วยใช่ไหม ? นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าลูก ? อ๊า ลูกต้องตอบแม่มาด้วยความซื่อสัตย์นะ ถ้าลูกไม่ได้มีความสามารถนั้นจริงละก็ ลูกต้องรีบคืนเงิน100,000 หยวนให้เขาแล้วห้ามรับเป็นหมอรับเชิญโดยเด็ดขาด เข้าใจไหม ? ”
ถังซิ่วพูดพร้อมกับหัวเราะว่า
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วง! ตั้งแต่เล็กจนโตนั้นแม่เคยเห็นผมทำอะไรที่เกินตัว? “
ซูหลิงหยุนต้องการจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ลังเล
ถังซิ่วพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าภาคภูมิใจว่า
“คุณแม่ ผมได้อ่านตำราแพทย์มาจริงๆนะหลังจากที่ผมเลิกเรียนและผมเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติของสมุนไพรจีนดี ส่วนเรื่องของเด็กหญิงคนนั้นที่ผมรักษานั้นได้โปรดรอให้การสอบเข้ามหาลัยเสร็จก่อนแล้วผมจะพาแม่ไปพบกับเธออย่างแน่นอน”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ถังซิ่วได้ออกจากโรงพยาบาลไป เมื่อเขากลับไปที่วิลล่าแล้วนั้นก็ได้เจอเข้ากับหยวนชูหลิง,เฉิงเยี่ยนหนานและสาวๆคนอื่นอีกสองคน ถังซิ่วไม่รู้จักชื่อของพวกเธอด้วยซ้ำ
“พี่ชาย ในที่สุดนายก็มาถึงสักที นี่เป็นที่ที่นายอาศัยอยู่งั้นหรอ ? ทำไมมันถึงได้ดูหรูหราจัง ? เราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปและกำลังจะโทรหานายพอดีเลย ”
เมื่อเห็นถังซิ่วกำลังเดินมานั้น หยวนชูหลิงได้ทักทายเขาอย่างมีความสุข
ถังซิ่วพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า
“การรักษาความปลอดภัยในที่นี้นั้นเคร่งครัดมาก ในเมื่อพวกนายมาถึงแล้วก็ตามฉันมา ! ส่วนเรื่องของครูฮั่นนั้นฉันได้จัดการให้พวกนายเรียบร้อยแล้ว พวกนายสามารถมาที่นี้ได้ทุกคืน”
เฉิงเยี่ยนหนานมองไปที่ถังซิ่วสักสองสามครั้งแล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า
“ถังซิ่ว ฉันรู้สึกว่านายดูแปลกๆไปนะ”
ถังซิ่วตอบเธอกลับไปว่า
“เปลี่ยนไปงั้นหรอ? เธอหมายถึงอะไร? ”
เฉิงเยี่ยนหนานได้ตอบกลับทันทีว่า
“ฉันแน่ใจว่าผิวของนายไม่ได้ดูผ่องใสขนาดนี้และตัวนายสูงขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก!มันเป็นไปได้หรืเปล่าที่นายได้กินอาหารเสริมอะไรแบบนี้? ”
ถังซิ่วตระหนักถึงคำพูดนั้นได้ทันที นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาได้ยกระดับการบ่มเพาะพลังของตัวเองและมันทำให้สิ่งสกปรกในร่างกายของเขาถูกขับออกมาทางผิวหนัง มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ผิวของเขาจะต้องผ่องใสยิ่งกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเยี่ยนหนานนั้น เขาก็หยอกล้อเธอว่า
“ฉันไม่ได้คิดเลยนะว่าเธอจะสนใจฉันถึงขนาดนี้ ? อะไรกันงั้นหรอ ? หรือว่าเธอจะหลงฉันเข้าให้แล้ว? ”
“อี้ แหวะ …”
ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเฉิงเยี่ยนหนานได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มขณะที่เธอรีบหันไปด้านข้างทันที
หยวนชูหลิงพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“พี่ชาย คำพูดที่ว่าไม่เจอกันแค่แปปเดียวนี่เหมือนกับไม่เจอกันมาหลายปีนี่กล่าวได้ถูกต้องจริงๆ เราไม่เจอกันแค่ 1- 2 อาทิตย์แต่นายเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้เลย ? ถึงกับกล้าลวนลามสาวสวยด้วยคำพูดของนายแล้วหรอ ? ”
“ลวนลามบ้านแกสิ?”
ถังซิ่วหัวเราะออกมาพร้อมกับเดินไปยังวิลล่าของเขา
รูดบัตร!
หลังจากที่เขามาในพื้นที่ของโครงการวิลล่าแล้วนั้น หยวนชูหลิงได้รู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ก้าวเข้ามาอยู่ในโลกอื่น ขณะที่เขาหันมองไปรอบๆลานกว้าง เมื่อเขาเดินตามถังซิ่วเข้าไปในวิลล่าแล้วเขาก็โห่ร้องออกมาว่า
“สวรรค์! นี่พี่คงไม่ได้ไปปล้นธนาคารมาจริงๆหรอกใช่ไหม? นายมาอยู่ในที่หรูหราแบบนี้ได้ยังไงกัน ! ฉันได้ยินมาว่าวิลล่าในโครงการนี้นั้นมีราคาที่สูงมากๆแต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะหรูหราระดับนี้! วิลล่านี้ควรมีราคาต่ำๆก็9หลักอย่างแน่นอน ”
ถังซิ่วพูดตอบกลับไปเบาๆว่า
“เปล่านะ ฉันไม่ได้เสียเงินสักหยวนเพราะวิลล่านี่มีคนให้มาฟรีๆ”
“ไม่มีทาง!”
หยวนชูหลิงโห่ร้องออกมาขณะที่เขาถามว่า
“มีคนให้มางั้นหรอ ? หรือว่าจะมีผู้หญิงแก่ที่รวยมากๆมอบมันให้นายใช่มั้ย? ”
“พุฟฟฟฟฟฟ …”
เฉิงเยี่ยนหนานและคนที่เหลืออดยิ้มและหัวเราะออกมาไม่ได้ แม้ว่าพวกเธอจะรู้สึกทึ่งเมื่อได้เห็นวิลล่าของถังซิ่วที่หรูหราเช่นนี้ แต่การหยอกล้อของหยวนชูหลิงนั้นเป็นที่เรื่องตลกจริงๆ อย่างไรก็ตามพวกเขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของหยวนชูหลิงและถังซิ่วนั้นแน่นแฟ้นเป็นอย่างมาก
ถังซิ่วไม่แยแสต่อคำพูดของหยวนชูหลิงพร้อมกับมองไปที่มู่ขวินปิงแล้วพูดว่า
“พวกเขาเป็นเพื่อนของฉัน พวกเขาจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อทบทวนบทเรียนจนกว่าจะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย คุณช่วยเตรียมอาหารให้พวกเราหลังจากนี้สักสองชั่วโมงได้ไหม ? ”
“โอเค!”
มู่ขวินปิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หยวนชูหลิงโห่ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“พี่ชาย บ้านหลังนี้ถึงขั้นมีแม่บ้าน ? นี่มันจะหรูหราเกินไปหรือเปล่า?”
ถังซิ่วตอบอย่างตลกขบขันว่า
“เธอเป็นแม่บ้านของฉัน พวกนายเรียกเธอว่าพี่สาวมู่แล้วกัน ,เอาละ ฉันจะบอกให้เธอไปเตรียมห้องเพื่อเราจะได้มาทบทวนบทเรียนของเรากัน ”
ที่ห้องประชุมชั้น1
ห้องมีขนาดใหญ่ถึง40-50ตารางเมตรที่มีโต๊ะประชุมและเก้าอี้หลายสิบตัวถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยพร้อมชาที่ถูกเสิร์ฟไว้ก่อนแล้ว ความหรูหราในสถานที่แห่งนี้ทำให้คนที่เป็นลูกคุณหนูอย่างหยวนชูหลิงนั้นชะงักโดยทันทีแล้วนับประสาอะไรกับสองสาวที่เหลือ ทว่ามีแค่เพียงเฉิงเยี่ยนหนานเท่านั้นมีดูเหมือนจะเคยชินกับภาพเหล่านี้และดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อง
“พวกนายลองทบทวนบทเรียนกันด้วยตัวเองก่อน ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับพี่สาวมู่ ”
ถังซิ่วพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินไปหามู่ขวินปิงที่รออยู่ด้านนอกแล้วพูดขึ้นว่า
“ฉันได้พูดคุยกับหยินหยินแล้วและรู้มาว่าเธอได้พลาดบทเรียนมากว่า2ปีและไม่ต้องการกลับไปโรงเรียน แต่ฉันได้จ้างครูสอนพิเศษส่วนตัวจากโรงเรียนกวดวิชาภายนอกมาให้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่ทุกเช้า บ่ายและเย็นเพื่อสอนเธอและหากว่าเธอสามารถตามบทเรียนได้ทันก่อนวันที่1กันยายน ฉันจะส่งเธอไปเรียนที่โรงเรียนเป็นเวลาครึ่งปี ”
มู่ขวินปิงมองไปที่ถังซิ่วด้วยความรู้สึกขอบคุณพร้อมพยักหน้าอย่างเงียบๆเพราะเธอรู้สึกได้ถึงความรักและความห่วงใยของถังซิ่วที่มีต่อลูกสาวของเธอดี จากนั้นเธอก็ตอบว่า
“ขอบคุณค่ะ คุณถัง ”
ถังซิ่วโบกมือและพูดว่า
“หลังจากนี้ฉันจะเรียกคุณว่าพี่สาวมู่ส่วนคุณก็เรียกผมว่าถังซิ่ว, อ่อใช่, ยังมีอีกเรื่องนึงคือคุณช่วยเอาเลขบัญชีธนาคารของคุณมาให้ฉันด้วย ฉันจะได้โอนเงินไปให้คุณใช้ ”
มู่ขวินปิงปฏิเสธอย่างรวดเร็วว่า
“ถัง คะ – คุณ -………..ถังซิ่ว ฉันยังพอมีเงินอยู่บ้าง”
(*หลังจากนี้ผมจะใช้สัพพนามของถังซิ่วกับมู่ขวินปิงยังไงดีอะ ผมกับคุณแทนคำว่าฉันกับคุณดีไหม ? มันจะไม่ดูแปลกๆใช่ปะงะ แต่ถ้าตามหลักนิสัยของถังซิ่วแล้วมันไม่เคารพใครที่แก่กว่าเลยนะ หลังๆแก่เป็นร้อยปีแล้วมันยังเรียกเหมือนเพื่อนเลย) ยังไงก็ขอความคิดเห็นกันด้วยนะ