…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ชายทั้งสองกำลังรู้สึกอับอายและไม่พอใจในเวลาเดียวกันขณะที่พวกเขาอยากจะร้องไห้ออกมา พวกเขาคิดว่าชัยชนะได้อยู่ในมือของพวกเขาแล้ว ถังซิ่วเป็นเหมือนลูกแกะที่อยู่บนเขียงรอให้พวกเขาเชือด แต่ทุกอย่างได้พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังตีน มันกลายเป็นว่าพวกเขาเองต่างหากที่โดนทุยตีอย่างทารุณ

“แกเป็นผีหรือเป็นคนกันแน่?

หนึ่งในพวกเขาได้ถามออกมาพร้อมการแสดงออกที่ดูหวาดกลัว

ถังซิ่วไม่แยแสหรือสนใจที่จะพูดกับพวกระดับลูกน้องอยู่แล้ว เขาเดินไปที่พวกเขาอย่างรวดเร็วและทำลายมือทั้งสองข้างของพวกเขาเพื่อให้แน่ใจว่าตลอดชีวิตที่เหลือ พวกเขาจะไม่สามารถหยิบจับอะไรได้อีกแล้ว หลังจากนั้นเขาก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง

“เจ้าหน้าที่ตำรวจ?”

สิ่งที่น่ารำคาญใจที่จะจัดการมากที่สุดสำหรับถังซิ่วก็คือตำรวจโดยเฉพาะตอนที่เขาได้ใช้จิตสัมผัสไปที่กองกำลังตำรวจแผนกอาชญากรรมนั้นแล้วยังรับรู้ได้ถึงคนๆหนึ่งที่เป็นคนรู้จักเก่าของเขา …….. เฉิงเสวี่ยเหม่ย

4 นาที!

ถังซิ่วคำนวณเวลาอย่างเร็วที่สุดที่ตำรวจจะมาถึงที่นี่อย่างเงียบๆ เขาเริ่มวางแผนพร้อมกับตบไปที่หน้าของชายทั้งสองและพูดออกมาด้วยเสียงโทนต่ำว่า

“โทรหาไทหลงให้มันไปที่วัดกูหยุนในย่านชานเมือง แกจำไว้ว่าอย่าให้มันรู้ถึงเรื่องที่แกโดนทำร้าย ไม่อย่างงั้นฉันจะฉีกคอแกออกซะ “

ชายทั้งสองนั้นได้โดนถังซิ่วตบจบเลือดกบปากแต่เมื่อพวกเขามองที่ถังซิ่วแล้วเห็นถึงเจตนาฆ่าของเขานั้น พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของถังซิ่วพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแล้วปรับสภาพอารมณ์ให้เป็นปกติพร้อมกดปุ่มโทรออกไปยังเบอร์ของไทหลง

“พี่หลง เมื่อกี้ผมเพิ่งได้รับรายงานจากลูกน้องว่าไอเด็กเปรตที่ทำร้ายอันธพาลของเราได้อยู่ที่วัดกูหยุน ”

“เอาล่ะ ฉันจะรีบไปที่นั่นทันที นายเอาคนตามฉันไปที่นั่นด้วย”

“รับทราบ!”

ถังซิ่วได้กดวางสายพร้อมกับใช้นิ้วกดไปที่จุดบนร่างกายของชายทั้งสอง เทคนิคของเขานั้นสุดยอดมาก มันสามารถทำให้ชายทั้งสองนี้หลับไปกว่าสองวันสองคืนได้ทีเดียวถึงต่อให้เอาคนมาแล่เนื้อพวกเขาออกด้วยมีด พวกเขาก็จะยังไม่ได้สติอย่างแน่นอน

หลังจากนั้น

ถังซิ่วได้ใช้จิตสัมผัสของเขาแล้วเดินไปที่ห้องควบคุมอย่างเงียบๆทันที ยามสามคนที่ยังไม่รู้ถึงสถานการณ์อะไรเลยนั้นได้ถูกทำให้สลบโดยถังซิ่วแล้วจากนั้นเขาก็ทำลายกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์ทั้งหมดก่อนที่เขาจะเดินจากไป

เขาเชื่อว่าถ้าชายทั้งสองตื่นขึ้นมาหลังจากผ่านไปสองวันและตำรวจสอบปากคำพวกเขานั้น พวกเขาก็จะไม่ยอมคายเรื่องของเขาออกมาเพราะพวกเขาเองก็ได้ทำเรื่องสกปรกๆไว้เยอะเช่นกัน พวกเขาจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อสงสัยใดๆจากตำรวจอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ชายทั้งสองคนไม่ได้โง่เง่า เมื่อพวกเขารู้ชะตากรรมของไทหลงแล้ว พวกเขาก็จะยิ่งกลัวที่จะคายเรื่องของถังซิ่วออกไป มิฉะนั้นแล้วในชีวิตที่เหลือของพวกเขาพวกเขาจะต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว

หลังจากออกจากอาคารแล้ว ถังซิ่วก็ขึ้นรถแท็กซี่ในบริเวณใกล้เคียงและรีบไปที่วัดกูหยุนโดยทันที

ที่วัดกูหยุน …

วัดตั้งอยู่ที่ภูเขาหยูเซ่าอันยิ่งใหญ่และมันเป็นวัดที่ไม่ค่อยมีใครมาซักเท่าไหร่และตามความทรงจำของถังซิ่วแล้ว ที่นี้ก็แทบจะไม่มีพระเลยเช่นกัน

เขาเลือกสถานที่แห่งนี้ก็เพื่อจะหลบสายตาของพวกตำรวจแม้ว่าตอนนี้เขายังไม่ได้วางแผนที่จะฆ่าไทหลงแต่เขาจะต้องทำให้มันได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากแน่นอน ในใจของเขานั้นเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าแต่เขาก็ยังไม่ตัดสินใจที่จะลงมือเพราะว่ามันจะเป็นการง่ายมากที่จะเปิดเผยตัวตนของเขา ในสังคมปัจจุบันนั้นมีระบบกฎหมายและถึงแม้ว่าเขาจะไม่กลัวที่จะทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ปัญหาเหล่านี้อาจจะสร้างเรื่องที่น่ารำคาญให้กับเขาได้

เมื่อกลับมายังยุคสมัยใหม่นี้ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของถังซิ่วคือการใช้ชีวิตไปพร้อมกับแม่ของเขาอย่างอันเงียบสงบและได้บ่มเพาะพลังไปเรื่อยๆแล้วสักวันหนึ่งในอนาคต เขาก็จะกลับไปที่ ดินแดนแห่งนิรันด์เพื่อฆ่าทุกคนที่ได้ทรยศเขา พวกมันจะต้องชดใช้อย่างทุกข์ทรมาน

ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์เจียงฉาน

เฉิงเสวี่ยเหม่ยที่มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสี่คนได้รีบตรงไปที่ห้องผู้จัดการอย่างรวดเร็ว ขณะที่พวกเขาได้เห็นฉากตรงหน้านั้นทำให้ท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

“เกิดอะไรขึ้น?”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยและตำรวจคนอื่นๆได้จัดการที่เกิดเหตุทันที

หลังจากที่ตำรวจเหล่านั้นได้หยิบปืนทั้งสองกระบอกบนพื้นและตรวจสอบอาการบาดเจ็บของชายทั้งสองนั้น พวกเขาได้รีบกลับมารายงานว่า

“หัวหน้า อาการบาดเจ็บของพวกเขาสาหัสเป็นอย่างมากถึงแม้จะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตแต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วแล้วละก็ พวกเขาจะต้องตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปอย่างแน่นอน นอกจากบาดแผลที่โดนยิงทั้งสองจุดแล้วยังมีข้อมือของพวกเขาที่ถูกทำลายอย่างทารุณ ผมคิดว่าร่างกายของพวกเขายังมีหลายจุดที่กระดูกแตกหักด้วยเช่นกัน”

ท่าทางของเฉิงเสวี่ยเหม่ยเริ่มเปลี่ยนเป็นมืดมน จากนั้นเธอก็พูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึมว่า

“เก็บหลักฐานและส่งพวกเขาไปที่โรงพยาบาล รองประธานหลี่ขอช่วยให้คุณรีบติดต่อกับไทหลงโดยทันที เรามีคดีที่สำคัญที่ต้องการความร่วมมือของเขา”

รองประธานหลี่ได้รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมาและติดต่อโดยทันที แต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถติดต่อได้

“ฉันไม่สามารถติดต่อเขาได้!”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยถามออกมาว่า

“คุณรู้ที่อยู่ของนายใหญ่ของคุณหรือเปล่า คุณรู้มากแค่ไหน? วันนี้เขาไปที่ไหน คุณรู้หรือไม่ว่าเขาไปเจอใครบ้างในวันนี้? บอกเราเกี่ยวกับทุกอย่างที่คุณรู้! ”

รองประธานหลี่ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่านายใหญ่อยู่ที่ไหน?!? ถ้าฉันจะถามเกี่ยวกับตำแหน่งของเขานายใหญ่ของฉันได้ เขาก็จะต้องตกเป็นผู้สงสัยหนะสิ ”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดว่า

“คดีสำคัญนี้ได้เกิดขึ้นในในบริษัทของคุณ แน่นอนอยู่แล้วว่าเจ้านายของคุณต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัย ส่วนเรื่องที่ว่าใครเป็นผู้ต้องหานั้นเราจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจน ในคดีนี้นั้นผู้ต้องหาได้ทำร้ายผู้อื่นโดยไต่ตรองไว้ก่อนแล้วและยิ่งไปกว่านั้นยังมีปืนอยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ถ้าคุณสามารถติดต่อนายใหญ่ของคุณได้เมื่อไหร่โปรดติดต่อเราทันที ”

“ได้เลย!”

รองประธานหลีได้พยักหน้าทันที

เฉิงเสวี่ยเหม่ยมองไปรอบๆและถามว่า

“รองประธานหลี่ บริษัทของคุณควรมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดใช่ไหม?พาเราไปที่ห้องควบคุมเดี๋ยวนี้ มันควรจะมีการบันทึกเทปไว้ที่นั่น ”

“โปรดตามฉันมา!”

รองประธานหลี่ได้ปฏิบัติตามทันที

ทุกคนรีบวิ่งไปที่ห้องควบคุมและหลังจากที่พวกเขาไปถึงที่นั่น ฉากภายในนั้นทำให้พวกเขาตกใจเพราะพนักงานทั้งสามคนกำลังหมดสติเหมือนสุนัขตายอยู่ที่พื้น ระบบทั้งหมดถูกทำลาย วิดีโอ ฮาร์ดดิส,การ์ดหน่วยความจำทั้งหมดได้รับความเสียหายและไม่สามารถใช้งานได้อีก

เฉิงเสวี่ยเหม่ยมองไปที่รองประธานหลี่ด้วยความไม่เชื่อขณะที่เธอถามว่า

“เหตุการณ์ใหญ่อย่างงี้เกิดขึ้นในบริษัทของคุณแต่กลับยังไม่มีพนักงานคนอื่นรู้เรื่องนี้หรือ?”

รองประธานได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งได้บุกเข้ามาในบริษัทของเราและไม่ได้ทำร้ายแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสี่คนแต่รวมไปถึงผู้จัดการทั่วไปด้วยแต่เพราะตอนนั้นฉันกำลังยุ่งเรื่องอื่นๆอยู่จึงไม่สามารถมาที่นี่ได้และหลังจากที่ฉันเสร็จเรื่องแล้วคุณก็ได้มาถึงที่นี่พอดี ส่วนพนักงานคนอื่นๆนั้นก็ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นหายตัวไปไหน ”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยถามทันทีว่า

“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสี่คนอยู่ที่ไหน?เราจำเป็นต้องถามคำถามเหล่านี้กับพวกเขา ”

ท่าทางของรองประธานหลี่ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะตอบว่า

“พวกเขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแล้ว ฉันสามารถพาคุณไปที่นั่นได้ ”

“ไม่จำเป็น,บอกทีอยู่ของพวกเขามากับเราก็พอ!”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้ปฏิเสธโดยทันที

หลังจากผ่านไปสักพัก

หลังจากที่รองประธานได้ส่งเฉิงเสวี่ยเหม่ยและตำรวจคนอื่นๆกลับไป รอยยิ้มแย้มแจ่มใสบนใบหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน เขากำลังคิดว่านายใหญ่ของเขาได้ไปล่วงเกินผู้มีอำนาจคนไหนเข้า

เมื่อครึ่งวันก่อนหน้านี้ …

ลูกน้องของนายใหญ่กว่า20คนได้ถูกทำร้ายอย่างสาหัสและตอนนี้ก็นอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่โรงพยาบาล เขาเองเป็นคนที่ไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเหล่านั้นและตอนนี้มือขวาทั้งสองคนของนายใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ถูกทำร้ายจนเกือบตาย ฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นใครกัน ? นายใหญ่ของเขาจะสามารกว่าแบกรับเรื่องนี้ไหวหรือเปล่า?

นอกจากนี้ ตอนนี้นายใหญ่ไปอยู่ที่ไหน?

ได้ทำร้ายคนอื่นและตอนนี้ก็ได้รับผลตอบแทนในทางกลับกัน เขาเองก็ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้โดยเด็ดขาด เขาได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสี่คนปิดปากและต้องไม่ร่วมมือกับการสืบสวนของตำรวจ

สองชั่วโมงต่อมา …

ถังซิ่วกำลังหลบซ่อนอยู่ในเส้นทางที่ใช้ไปวัดกูหยุน เท้าของเขาเหยียบอยู่บนลำต้นของต้นไม้และร่างกายของเขาได้ถูกซ่อนไว้ในกลุ่มของใบไม้และกิ่งก้านหนาอย่างสมบูรณ์ มีเฉพาะดวงตาของเขาเท่านั้นที่กำลังมองไปที่ปลายของถนน

“มันมาแล้ว!”

จิตวิญญาณของถังซิ่วได้ส่ายไปมา เขามองผ่านช่องว่างของใบไม้และเห็นได้ชัดเจนว่ามีชายกว่าห้าคนกำลังตรงมาทางนี้โดยที่ไม่ได้ใช้ยานพาหนะแต่กำลังเดินเท้ามา

บนเส้นทาง …

ไทหลงกำลังหอบอยู่ แม้ว่าเขาจะเคยเป็นนักสู้และมักเสี่ยงชีวิตแต่หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นที่เคารพมาเป็นเวลาหลายปี สภาพร่างกายของเขาก็เสื่อมโทรมลงเมื่อเทียบกับอดีต ในทางตรงกันข้าม เฟย์เขวียนและคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวเขาแต่ละคนดูแข็งแรงและสดชื่นราวกับว่าไม่ได้กำลังเดินเท้าหรือมีความอ่อนล้าแม้แต่น้อย

“พี่น้องทั้งสี่ ลูกน้องของฉันยังมาไม่ถึง ถ้าเราเจอไอเด็กเวรนั่นโดยบังเอิญก็ต้องขอช่วยให้พวกคุณจัดการกับเขา!ครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เขากลับออกไปได้อย่างมีชีวิต! ”

ไทหลงหายใจอย่างหนักหน่วงขณะที่เขาตะโกนอย่างขมขื่นพร้อมกับเส้นเลือดที่โผล่ขึ้นมาบนหน้าผากของเขา

เฟย์เขวียนได้พูดเบาๆว่า

“รับเงินมาแล้วเพื่อจัดการคนอื่นนั้นเราเข้าใจดี แต่คุณสามารถเร่งหน่อยได้ไหม?เรามีหลักสูตรต้องเรียนในเวลากลางคืนและหากเจ้าสำนักพบว่าเราทั้งสี่คนได้หายตัวไปในเวลาเดียวกัน ฉันแน่ใจว่าเราจะต้องถูกสงสัยว่าเราออกมารับงานข้างนอกอย่างแน่นอน เราไม่อยากจะเสียตำแหน่งกับเงินแค่1ล้านหยวนหรอกนะ ”

ไทหลงหยุดเดินขณะที่เขาดึงโทรศัพท์ออกมาและพูดว่า

“ฉันจะโทรหาลูกน้องของฉันเพื่อถามพวกเขาว่าอยู่ที่ไหนกันแล้ว”

“เวลาของเรามีค่า บอกให้พวกเขาเร่งฝีเท้าหน่อย!”

เฟย์เขวียนพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

ไทหลงได้ฝืนยิ้มออกมาขณะที่โทรหาคนเหล่านั้นแต่กลับไม่มีการตอบรับกลับมา

“เกิดอะไรขึ้น?”

เฟย์เขวียนที่ยืนอยู่ที่ด้านข้างไทหลงได้ถามออกมาด้วยคิ้วที่เริ่มเหี่ยวย่น

ลางสังหรณ์ไม่ดีได้เกิดขึ้นภายในหัวใจของไทหลงขณะที่เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า

“ฉันได้โทรไปหาพวกเขาแล้วแต่กลับไม่มีใครรับสายเลย สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากฉันได้สั่งให้พวกเขาตรวจสอบให้แน่ใจว่าโทรศัพท์จะต้องใช้งานได้ตลอด24ชั่วโมง ถ้าฉันโทรหาก็จะต้องรับสายทันที ”

เฟย์เขวียนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“คุณหมายความว่ายังไง?”

“ฉันสงสัยว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับพวกเขา”

“แกเดาถูกแล้ว พวกเขากำลังประสบปัญหาและได้รับอุบัติเหตุ ชะตากรรมของพวกเขายิ่งน่าสังเวชกว่าคนที่ต้องการจะทำร้ายฉันที่หน้าประตูโรงพยาบาลซะอีก ฉันเป็นคนที่ขู่ให้พวกเขาหลอกแกให้มาที่วัดกูหยุนนี่เอง มีคำพูดได้กล่าวว่า การทำดีจะได้รับการตอบแทนและการทำชั่วก็จะมีบทลงโทษ ตอนนี้บทลงโทษได้มาถึงแล้ว ”

ถังซิ่วกระโดดออกมาจากต้นไม้และอยู่ตรงหน้าไทหลงและคนอื่นๆ

ท่าทางของไทหลงเปลี่ยนไปอย่างมากเนื่องจากเขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เขาโห่ร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจว่า

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?ลูกน้องทั้งสองของฉันนั้นพกปืนไว้กับตัว แกจะทำร้ายพวกเขาได้อย่างไร? ”

“แกเป็นเหมือนกบที่อยู่ก้นบ่อและฉันเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอธิบายอะไรกับแก ฉันจะไม่ฆ่าแก่ในวันนี้แต่แกได้ทำร้ายแม่ของฉันและยังทำร้ายคนของฉัน หนี้ครั้งนี้มันถึงเวลาที่ต้องชำระแล้ว “