…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

“เธอพูดว่าอะไรนะ?”

หลี่ฮงจี้คิดว่าหูของเขามีปัญหาแม้กระทั่งเท้ของเขาก็หยุดเดินขณะที่จ้องมองไปที่หมอคนนั้นและพูดอย่างไม่พอใจว่า

“เธอล้อฉันเล่นใช่ไหม? ถังซิ่วคนเดียวจะทำร้ายอันธพาลกว่า20คนงั้นหรอ ? เธอยังสติดีอยู่หรือเปล่า ? หรือว่ากำลังฝัน ? ”

หมอที่สวมชุดสีขาวได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ต่อให้ผมมีความกล้าขึ้น100เท่าผมก็ไม่กล้าล้อท่านผู้อำนวยการเล่นอย่างแน่นอนครับ อ๊า ผมได้เห็นเช่นนั้นจริงๆครับ วิทยายุทธของคุณถังนั้นสุดยอดเป็นอย่างมากเขาได้ทำร้ายอันธพาลทั้ง20คนที่เพิ่งก่ออาชญากรรมไปเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ทั้งหมดเลย ”

หลี่ฮงจี้ตอบด้วยความโกรธว่า

“ไร้สาระ!มันจะไปมีคนที่สามารถรับมือกับคนพร้อมกันถึง20คนได้ยังไงกัน? หรือนายคิดว่าคำพูดที่ว่าสองมือจะไปสู้อะไรกับสี่คนได้นั้นเป็นคำพูดที่แต่งขึ้นมาลอยๆอย่างงั้นหรอ?”

หลงเซ้งหยูที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ฝืนยิ้มออกมาขณะที่เขาพูดขึ้นว่า

“ลุงหลี่ บางทีสิ่งที่เขาพูดอาจจะเป็นความจริงเพราะเท่าที่ผมรู้มานั้น ถังซิ่วมีความสามารถด้านวิทยายุทธและไม่ได้ถือว่าน้อยเลยเช่นกัน ”

หลี่ฮงจี้จ้องมองอย่างว่างเปล่าครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า

“แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธแต่เขาจะไปสู้กับคนพร้อมกันถึง20คนได้อย่างไรกัน?แม้พวกที่เกษียณออกมาจากกองกำลังพิเศษก็ยังไม่สามารถที่จะทำมันได้ด้วยซ้ำหรือแม้กระทั้งผู้นำสำนักมังกรรุ่งโรจน์เจียงเฟิงก็ไม่สามารถทำอย่างงั้นได้อย่างแน่นอน ”

หลงเซ็งหยูพูดอย่างใจเย็นว่า

“ถ้าทักษะทางการแพทย์ที่เขาได้แสดงออกมาไม่ได้มีมากกว่าศิษย์น้องของลุงแล้วลุงจะคิดได้ไหมว่าเขามีความสามารถมากกว่าศิษย์น้องของลุง?”

“นี่ …”

หลี่ฮงจี้เป็นใบ้ในทันที

หลงเซ้งหยูมองไปที่หมอคนนั้นแล้วถามออกมาว่า

“ถังซิ่วไปอยู่ที่ไหนในตอนนี้?”

หมอที่สวมเสื้อสีขาวได้ตอบออกมาว่า

“หลังจากที่คุณถังได้จัดการอันธพาลเหล่านั้นแล้วเขาก็ได้หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”

หลงเซ้งหยูพยักหน้าของเขาแล้วหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาเพื่อโทรหาถังซิ่วในทันที

“มีอะไรอย่างงั้นหรอ?”

น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกได้ถูกส่งผ่านมาทางโทรศัพท์มือถือ

หลงเซ้งหยูได้ถามออกไปว่า

“ถังซิ่ว ฉันได้อยู่ที่โรงพยาบาลในตอนนี้และได้ยินว่านายได้ทำร้ายอันธพาลที่อยู่ที่ประตูทางเข้ากว่า20คน มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”

“ใช่แล้ว!”

หลงเซ้งหยูได้ตอบกลับด้วยความโกรธว่า

“ที่มาของฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นใคร ฉันจะเป็นคนเก็บกวาดพวกมันให้นายเอง!!!!”

ถังซิ่วปฏิเสธโดยตรง

“ฉันจะแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง ขอบคุณสำหรับเจตนาดีของนาย ”

“…”

เสียงสิ้นสุดการโทรได้ดังขึ้นขณะที่การแสดงออกของรอยยิ้มที่ถูกบังคับได้ถูกวาดลงบนใบหน้าของหลงเซ้งหยู เขาตระหนักดีถึงบุคลิกของถังซิ่ว

ที่หนึ่งในคลับเฮาส์ในเมืองสตาร์ซิตี้…

ภายในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหราของห้อง แม้ว่าการพนันนั้นเพิ่งจะเริ่มขึ้นแต่ไทหลงนั้นกลับนั่งเหม่อลอยและโชคของเขาก่อนหน้านี้นั้นได้หายไปหมดแล้ว

“เจ้าแก่ไท ฉันคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็นโชคหรือหายนะคุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ หากว่าเป็นภัยพิบัตินั้นตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำคือเตรียมตัวให้พร้อม ถ้าคนที่สืบสวนคุณมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง คุณก็ควรจะรีบหนีไปทันทีแต่ถ้าพวกเขาอ่อนแอแล้วละก็ คุณก็จัดการกับเขาได้เลยตามที่คุณต้องการ การขยับตัวเล็กน้อยและการข่มขู่ของศัตรูจะทำให้จิตใจของคุณวุ่นวาย ”

ชายร่างสูงวัยกลางคนดึงบุหรี่ออกมาและพูดเบาๆ

ผู้ชายคนอื่นๆก็พูดว่า

“ใช่ หากฝ่ายตรงข้ามมีความแข็งแกร่งมาก ต่อให้เราอยากจะช่วยนั้นก็คงทำไม่ได้แต่หากเขามีภูมิหลังที่พอๆกับพวกเราแล้วละก็ พวกเราก็จะร่วมมือกันเพื่อบี้เขาซะ ดังนั้นคุณต้องเตรียมตัวล่วงหน้า ถ้าศัตรูยังคงนิ่งเราก็นิ่งต่อไปแต่หากพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวคุณก็ต้องเคลื่อนไหวเช่นกัน”

ไทหลงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยและพูดว่า

“สิ่งที่พวกคุณพูดนั้นมีเหตุผลดูเหมือนว่าฉันจะคิดมากเกินไป ในปัจจุบันมานี้ฉันได้ข่มเหงคนไว้เป็นจำนวนมากทำให้ฉันต้องคอยระแวงอยู่ตลอดเวลามิฉะนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าใครจะแทงฉันข้างหลังบ้าง ”

หลังจากที่พูดจบแล้ว ไทหลงก็ได้โยนไพ่ลงไปบนโต๊ะพร้อมพูดขึ้นว่า

“ฉันเตรียมเงินไว้4ล้านหยวนเพื่อทำโครงการที่จอดรถติดกับศูนย์การค้าสวนแห่งดวงดาว ใครสนใจที่จะร่วมลงทุนบ้างไหม? ”

“ริ้งงงงงงงงงงงงงงงงงง ริ้งงงงงงงงงงงงงงงงง … ”

ขณะที่เสียงของไทหลงได้เสร็จสิ้นนั้นก็ได้มีเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น

ไทหลงขมวดคิ้วทันทีพร้อมกับกดปุ่มตอบรับแล้วถามออกมาว่า

“เกิดอะไรขึ้น?”

หลังจากนั้นสักครู่ …

ไทหลงก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ด้วยท่าทางตกใจบนใบหน้าของเขาและตะโกนออกมาว่า

“นี่พวกแกกำลังล้อฉันเล่นใช่ไหม?แค่คนๆเดียว ? คนๆเดียวสามารถทำให้อันธพาลกว่า20คนบาดเจ็บสาหัสได้?นี่แกหรือฉันกันแน่ที่เป็นคนงี่เง่า?อะไรนะ?จริงหรือ? ฉันเข้าใจแล้ว…”

ไทหลงวางโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษพร้อมมองไปที่คนทั้งสามก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ทุกคน คราวนี้ฉันเกรงว่าจะได้สร้างปัญหาขึ้นบางอย่างจริงๆ และเป็นปัญหาที่ฉันไม่เคยคาดมาก่อนเลย ”

“มีปัญหาอะไร?”

หนึ่งในพวกเขาได้แสดงออกอย่างสงสัยพร้อมถามออกมา

ไทหลงพูดออกมาว่าง

“คุณจำเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังได้หรือไม่?เมื่อวานนี้ที่ฉันไปที่ร้านอาหารและพวกเขาไม่มีโต๊ะว่างให้กับฉัน ดังนั้นฉันจึงได้ทำร้ายเจ้าของร้านและพนักงานจนได้รับบาดเจ็บและเข้าโรงพยาบาลไป ฉันยังคงโกรธเรื่องนั้นไม่หายและได้ส่งอันธพาลกว่า20คนไปดักรอพวกเขาที่หน้าโรงพยาบาล ตราบใดที่พวกเขาออกมานั้นก็จะโดนคนเหล่านั้นส่งกลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งแต่ตอนนี้อันธพาลเหล่านั้นกว่า20คนได้ถูกทำร้ายและได้รับบาดเจ็บสาหัส ”

“ภูมิหลังของพวกเขาเป็นยังไง?”

“ไม่มีเงื่อนงำแม้แต่น้อย”

ไทหลงฝืนยิ้มออกมาพลางส่ายหัวและพูดว่า

“ไม่ว่าภูมิหลังของพวกเขาเป็นอย่างไรก็ตามแต่ปัญหาในเวลานี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว คุณเชื่อไหมว่าคนที่ฉันส่งไปกว่า20คนจะถูกทำร้ายจนสาหัสจากเด็กอายุราว20ปีเพียงแค่คนเดียว?มันเป็นเรื่องบ้าชัดๆที่จะทำอย่างงั้นได้ใช่ไหม? ”

“มันอาจเป็นได้ว่าลูกน้องของคุณได้โกหกหรือเปล่า? แม้กระทั่งคนที่เกษียณอายุมาจากกองกำลังพิเศษหรือผู้นำสำนักมังกรรุ่งโรจน์,เจียงเฟิงก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ใช่ไหม? ”

หนึ่งในนั้นได้พูดออกมา

ไทหลงส่ายหัวและพูดว่า

“ลูกน้องของฉันไม่กล้าที่จะโกหกอย่างแน่นอนเพราะพวกเขารู้ดีว่าจะเจออะไรหากทำเช่นนั้น ”

ชายอีกสามคนมองกันด้วยความตกใจ ความรู้สึกที่น่ากลัวก็เริ่มก่อเกิดขึ้นภายในใจของพวกเขา หากฝ่ายตรงข้ามส่งคนมากกว่า20คนเพื่อจัดการคนของไทหลงแล้วละก็ พวกเขาเองก็จะไม่ตกใจแม้แต่น้อย แต่ประเด็นสำคัญก็คือ … อีกฝ่ายส่งมาแค่คนเดียวเท่านั้น

คนเดียว!

สามารถทำให้อันธพาลกว่า20คนต้องบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะเป็นเทพเจ้าสงครามที่กลับชาติมาเกิดใหม่ก็คงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้หรือไม่?

“เจ้าแก่ไท,ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันมีบางสิ่งที่ต้องจัดการ การพนันในวันนี้นั้นหยุดลงแค่นี้เถอะ! ถ้ามีอะไรที่คุณต้องการก็โทรหาฉัน!และเกี่ยวกับเรื่องที่จอดรถนั้นเราจะคุยกันอีกทีในภายหลัง ”

“ฉันต้องกลับไปแล้วเช่นกัน ภรรยาของฉันได้อารมณ์เสียและกำลังรออยู่ที่บ้านดังนั้นฉันต้องกลับไปเอาใจเธอ เจ้าแก่ไทเรานั้นเป็นเพื่อนกัน ถ้าคุณต้องการอะไรก็พูดได้ตลอดเวลา ”

“เฮ้ ไปกันหมดแล้วจะเล่นการพนันต่อไปอย่างไรหละ งั้นฉันกลับพร้อมพวกนายเลยแล้วกัน! ”

ไม่นานหลังนั้น…

ห้องที่กำลังคึกคักอยู่เมื่อสักครู่ได้เหลือแค่เพียงไทหลงและลูกน้องที่เขาเชื่อใจ เมื่อคิดถึงคำพูดที่ว่า ‘เพื่อน’เมื่อสักครู่นี้แล้วนั้น ทำให้ไทหลงโกรธเป็นอย่างมากพร้อมกับทุบขวดอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตามหัวใจของเขาราวกับได้รู้แจ้ง บุคคลที่เรียกตัวเองว่า’เพื่อน’เหล่านี้คือสิ่งที่มาพร้อมกับผลประโยชน์ร่วมกัน ทุกคนใช้กันและกันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตนเอง เมื่อหายนะกำลังจะมาถึงแล้วนั้น คนเหล่านี้ก็จะบินออกห่างอย่างรวดเร็วเหมือนฝูงของแมลงสาป

“ไอพวกกระจอกที่ข่มเหงแต่คนไร้กำลังและกลัวคนที่แข็งแกร่ง! ไอพวกขยะที่ไม่มีความชอบธรรมและความยุติธรรม ”

ไทหลงได้สาปแช่งออกมาด้วยความโกรธก่อนที่เขาจะหันกลับมาและนั่งลงบนโซฟา ปัญหาเหล่านี้ได้อยู่เหนือการควบคุมของเขาไปแล้วและเขาจำเป็นต้องคิดถึงสิ่งที่เขาควรจะทำต่อไป

อย่างแรก:ความปลอดภัยของตัวเขาเอง

ความปลอดภัยของตัวเขาเองนั้น เขาจะต้องมั่นใจมิฉะนั้นเมื่อเขาต้องไปเจอกับไอเด็กเปรตที่ไร้ความปราณีและทารุณนั่นแล้วละก็… บางทีตอนนั้นหากว่าเขาไม่ตายก็ต้องพิการอย่างแน่นอน

อย่างที่สอง: ตรวจสอบภูมิหลังของอีกฝ่ายหนึ่ง

ดั่งเช่นคำพูดที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตอนนี้สถานการณ์ปัจจุบันก็คือเขาอยู่ในที่สว่างและศัตรูอยู่ในที่มืด เขาต้องรู้ถึงตัวตนของศัตรูเพื่อเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้หรือหนีไป

อย่างที่สาม: เตรียมพร้อมล่วงหน้าหากต้องพบกับศัตรูซึ่งๆหน้า

มันแล้วสายเกินไปที่จะชดเชยทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนทั้ง3คนของเขาคือทหารผ่านศึกที่เคยผ่านประสบการณ์ที่ท้าทายมานานหลายทศวรรษ พวกเขามีความคิดที่รอบคอบและเป็นคนฉลาดแกมโกงเหมือนสุนัขจิ้งจอกเฒ่า คำแนะนำของพวกเขาแถบจะไม่ผิดพลาดเลยแม้แต่น้อยดังนั้นเขาจะต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและเตรียมพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิตของเขา

ไทหลงยกมือขึ้นเพื่อลูบคางของเขาขณะที่แสงประกายได้ปะทุขึ้นในดวงตาของเขา ตัวเขาเองมาจากครอบครัวที่ไม่มีอะไรเลย เขาไม่มีครอบครัวที่มีอำนาจให้พึ่งพา เขามีเพียงความกล้าและสมองที่จะวางแผนในชีวิตของเขาเท่านั้น หลังจากได้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาก็คว้าโทรศัพท์และโทรออกไปยังเบอร์เพื่อนของเขา

“ดาซี่ ฉันได้ยินมาว่านายมีความสัมพันธ์กับคนจากสำนักมังกรรุ่งโรจน์ใช่มั้ย? นายคิดว่าจะส้รางสะพานสานสัมพันธ์ให้กับฉันหน่อยได้หรือเปล่า?และก็ให้ฉันได้พบกับคนเหล่านั้น ? ฉันมีบางอย่างที่ต้องการขอความช่วยเหลือ อย่ากังวลเรื่องผลประโยชน์ นายจะได้รับมันอย่างแน่นอน! อืม อืม ในเมื่อตกลงแล้วก็มาพบกับฉันที่ห้องอาหารหลงแล้วฉันจะเลี้ยงมื้อกลางวันเอง ”

ไทหลงได้เก็บโทรศัพท์ของเขาในขณะที่รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาราวกับกระแสน้ำที่ผุดขึ้นมา เขามองไปที่ลูกน้องทั้งสองคนของเขาในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึกว่า

“ส่งคนไปรอที่ห้องอาหารหลงและบอกให้พวกเขาพกปืนไปด้วย เราจะเคลื่อนไหวทันทีหากสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงและพวกนายต้องพกปืนไปด้วย ฮึ้มมม…หลายปีมานี้มีผู้ที่ฝึกวิทยายุทธอย่างล้มหลามแต่ฉันยังไม่เคยเห็นใครหยุดกระสุนได้เลยสักคน ”

ลูกน้องทั้งสองของเขาจ้องมองกันและกันด้วยสายตาที่ดุร้ายพร้อมกับพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป

โรงพยาบาลแพทย์จีนเมืองสตาร์ซิตี้

รถตำรวจสองคันได้เปิดไซเรนดังลั่นก่อนที่จะมาจอดตรงที่จอดรถข้างๆตึกพยาบาล เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้เดินก้าวออกมาจากรถพร้อมวิ่งมาที่เฉินเต่า หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล “หัวหน้าเฉิน เราได้พบกันอีกแล้ว!”

เฉิงเสี่ยวยีก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวและพูดด้วยท่าทีสบายๆ

เฉินเต๋าได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่ฝืนๆว่า

“หัวหน้าเฉิง ฉันไม่ได้คาดคิดว่าคุณจะให้เกียรติมาที่นี่ด้วยตัวของคุณเอง ผมอยากจะรู้ว่าคุณมาที่โรงพยาบาลของเรานั้น มีเรื่องอะไรหรือเปล่าที่เราจะสามารถช่วยคุณได้?”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยขมวดคิ้วแล้วพูดว่า

“คุณอย่ามาแกล้งโง่กับฉันหน่อยเลย?สถานีตำรวจบริเวณใกล้เคียงได้รับรายงานว่ามีพวกอันธพาลมากกว่า20คนได้รุมทำร้ายเด็กหนุ่มที่หน้าประตูของโรงพยาบาลซึ่งคล้ายคลึงกับสถานการณ์ในตอนเช้าที่วิ่งหนีไปและไม่กล้าแสดงตัว แล้วเด็กที่ถูกทำร้ายหละอยู่ที่ไหน? สำนักงานของเราได้ให้ความสนใจอย่างมากกับงานนี้และเราหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือกับเราและช่วยให้เราสามารถจับอันธพาลเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ”

เฉินเต่าได้รับคำสั่งสำคัญจากเจ้าหน้าที่ชั้นสูงจากโรงพยาบาลว่าห้ามเปิดเผยรูปลักษณ์ของถังซิ่วแม้แต่น้อยดังนั้นเขาจึงพูดแบบไร้สาระออกมาพร้อมรอยยิ้มแห้งๆว่า

“เจ้าหน้าที่เฉิง,ฉันคิดว่าคุณเข้าใจผิดไปหรือเปล่า? ทุกอย่างเงียบสงบและปกติดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ จะไปมีอันธพาลที่ไหนที่รุมทำร้ายเด็กหนุ่มกัน ? ”

“คุณ…”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยจ้องมองอย่างโกรธไปที่เฉินเต่าขณะที่เธอโห่ร้องด้วยเสียงที่รุนแรงว่า

“หัวหน้าเฉิน!คุณรู้ถึงความสามารถของเราดี ดังนั้นคุณควรทำความเข้าใจกับผลที่จะเกิดขึ้นเมื่อไม่ให้ความร่วงมือกับเราอย่างชัดเจน ถ้าเรากองบัญชาการตำรวจแผนกคดีอาชญากรรมต้องการตรวจสอบอย่างชัดเจน ต่อให้คุณจะปกปิดความจริงไว้อย่างไรแล้ว ยังไงเราก็จะได้ความจริงนั้นอยู่ดี “