…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ตัวของถังซิ่วนั้นไม่ได้มีความคิดลามกเกี่ยวกับโอหยางลูลู่แม้แต่น้อย ถึงแม้กระทั้งเขาไม่ได้เสียสมาธิเลยด้วยซ้ำ เขาได้คิดเพียงว่าเขานั้นเป็นหมอและเธอเป็นผู้ป่วยเท่านั้น ตอนแรกๆเขาก็นวดเบาๆและเริ่มเพิ่มความแรงขึ้นทีละน้อย เทคนิคของเขาเป็นสิ่งธรรมดาๆคือการนวดตามจุดพลังที่ด้านหลังและเอวของเธอ

เวลาผ่านไป …

อาการปวดลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งเธอเองรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก ความรู้สึกสบายนี้ทำให้เธอหลงใหลแม้กระทั่งการกำเนิดความคิดที่จะปล่อยให้มือของเขานวดเธอตลอดไป

ในขณะนี้การกระเพื่อมของคลื่นระลอกในหัวใจของเธอได้หายไปทั้งหมดและถูกแทนที่ด้วยความเพลิดเพลินบนใบหน้าของเธอ เธอเริ่มที่จะต่อสู้กับเปลือกตาของเธอที่กำลังจะปิดลง เธอกำลังจะหลับใหลภายใต้การนวดของถังซิ่ว

“เฮ้อออ…”

หลังจากนั้นไม่นาน ถังซิ่วก็ได้หยุดมือลง เขาแอบหายใจเข้าลึกๆและคว้าผ้าห่มที่อยู่ด้านข้างมาคลุมร่างกายของโอวหยางลูลู่ไว้ จากนั้นเขาก็หันกลับและออกจากห้องนอนไป บางคนอาจพูดได้ว่าผู้ชายที่อยู่ในห้องกับผู้หญิงแล้วข่มขืนเธอก็เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานแต่ผู้ชายที่ไม่ทำอะไรเลยก็ยิ่งแย่ไปกว่านั้น แต่ถังซิ่วได้ได้สนใจคำพูดเหล่านี้เขาให้เกียรติแก่ผู้หญิงและมันจะต้องเป็นความสมยอมของทั้งสองผ่ายเท่านั้น หากไม่มีความรู้สึกผูกพันระหว่างกันแล้วนั้น การมีเพศสัมพันธ์กันก็เหมือนกับ ‘คนที่มีพฤติกรรมเหมือนสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น’

วันถัดไป…

เมื่อตื่นขึ้นจากการนอนหลับของเขา เขาอาบน้ำอย่างรวดเร็วและเดินลงบันไดไปที่ชั้น1 เมื่อเขาเห็นว่าคนรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารในห้องครัวและมู่ขวินปิงที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาแล้ว เขาก็ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“ลูลู่ยังไม่ตื่นนอน?”

มู่ขวินปิงได้ตอบด้วยรอยยิ้มว่า

“ตั้งแต่ที่ฉันและหยินเอ๋อได้ตื่นขึ้นมา เราก็ไม่ได้เห็นเธอเลย ไม่ใช่ว่าเธอถูกคุณไล่ออกไปเมื่อวาน? ฉันคิดว่าเธอยังไม่น่าจะกลับมา! ”

ถังซิ่วส่ายหัวและพูดว่า

“เธอได้กลับมาช่วงเที่ยวคืนของเมื่อวาน ช่างเถอะอย่าไปนึกถึงเรื่องของเธอเลย เรามากินอาหารกันเถอะแล้วรีบกลับไปยังเมืองสตาร์ซิตี้กัน อ่อใช่ คุณจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์เป็นหรอเปล่า? ”

มูขวินปิงตอบทันทีว่า

“โอเค! ฉันจะทำมันทันที! ”

อาหารกลางวันก็นั้นรสชาติดีมากเพราะคนรับใช้ที่กลับมาเมื่อเช้านี้รู้สึกว่าถังซิ่วเป็นแขกรับเชิญที่มีเกียรติ ดังนั้นทุกจานที่จัดทำขึ้นจะอร่อยผิดปกติ ควบคู่ไปกับซุปร้อนที่ทำให้ความอยากอาหารของพวกเขามากขึ้น

“ไปกันเถอะ!”

หลังจากที่ได้ดื่มด่ำกับรสชาติอาหารแล้ว ถังซิ่วก็พบว่าโอหยางลูลู่นั้นยังไม่ตื่นขึ้น เขาจึงไม่วางแผนที่จะบอกลาเธอแม้แต่น้อยพร้อมกับหยิบกระเป๋าของเขาและจูงมือของกู่หยินออกไป ส่วนเรื่องของสมันไพรที่เขาได้ซื้อมาก่อนหน้านี้นั้นได้เอาไปจัดส่งโดยบริษัทรับส่งของเรียบร้อยแล้ว

มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วง5-6วันที่ผ่านมานี้ ถังซิ่วแอบถอนหายใจเมื่อก้าวเท้าเข้าสู่เมืองสตาร์ซิตี้อีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะเก็บเกี่ยวหลายอย่างมากจากการเดินทางที่ยาวนานนี้แต่เขาก็ยังรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเพราะยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ที่วางค่ายกลในห้องอาหารร้อยงานฉลอง เธอจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับศิษย์สายตรงสุดรักคนแรกของเขาหรือเปล่า

ในเมืองประตูทิศใต้

สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อกลับถึงบ้านคือการชาจแบตโทรศัพท์ เขามีประสบการณ์มากมายในช่วง2วันที่ผ่านมาแต่หลังจากที่เขาขึ้นเครื่องบิน เขาก็ตระหนักได้ว่าไม่มีใครติดต่อมาหาเขาถึงสองวันแล้วและเมื่อมองไปทีโทรศัพท์ของเขาแล้วแล้ว มันได้แบตหมดไปแล้วนั่นเอง

หลังจากที่ได้บูตโทรศัพท์นั้น บั่นโฉวเป็นคนแรกที่เขาติดต่อ ซึ่งเขาได้รู้ว่าซาก’สัตว์ร้าย’ที่เขาซื้อจากถังดงได้ถูกส่งไปยังช่องแช่แข็งในเขตเก่าของเฮ้อจี้แล้ว จากนั้นเขาก็สั่งให้บั่นโฉวและดิ่งซี่เตรียมตัวสำหรับซากศพของสัตว์ร้ายที่กำลังถูกส่งไปที่นั่น

มีเวลาอีกสองสามวันก่อนที่จะต้องกลับไปยังโรงเรียนเพราะกงดาหลงได้ดำเนินการเรื่องลาหยุดให้เขาและเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะกลับไปยังโรงเรียนก่อนเวลา เขามีความรู้จบหลักสูตรมัธยมปลายมานานแล้วและสามารถเข้ารับการทดสอบมหาลัยได้ตลอดเวลา ดังนั้นเขารู้สึกว่าเขากำลังจะต้องเสียเวลาไปกับการเรียนในห้องเรียนทุกวัน

ดังนั้นถังซิ่วจึงตัดสินใจว่าในช่วง2วันที่เหลือนี้เขาจะตั้งใจกลั่นน้ำยาระฆังทองเพราะระดับพลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้นั้นติดแหงกอยู่ที่ขั้นรวมพลังฉีซึ้งมันทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ในสังคมนี้ เขาจึงอยากที่จะเพิ่มระดับไปเป็นขั้นเสริมสร้างผิวหนัง

หลังจากที่ได้จัดการเรื่องของสองแม่ลูกมู่ขวินปิงและกู่หยินแล้วนั้น เขาได้รีบไปที่ช่องแช่เข็งที่เขตเก่าของเฮ้อจี้โดยทันทีพร้อมให้บั่นโฉวขับรถบรรทุกไปรอที่นั่น

ในช่วงบ่าย

บั่นโฉวและดิ่งซี่กำลังนั่งยองๆอยู่ข้างตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็กที่อยู่ด้านหน้าของช่องแช่แข็งที่เขตเก่าของเฮ้อจี้ เมื่อเห็นว่า ถังซิ่ว มาถึง พวกเขาก็รีบเขี่ยก้นบุหรี่ของพวกเขาและทักทายถังซิ่วอย่างรวดเร็ว

“บอส คำสั่งของคุณคืออะไร?”

ถังซิ่วได้ตอบว่า

“ฉันจะเลือกกระดูกสัตว์และซากสัตว์ส่วนพวกนายก็ช่วยฉันเอามันไปที่บ้านที่เมืองประตูทิศใต้ เอานี่ไป ถุงเงินนี้มีเงินอยู่1ล้านหยวน พวกนายต้องมีเงินและต้องไปหลายแห่งในภายหลังเพื่อช่วยฉันจัดการเรื่องต่างๆและอย่าลืมโทรหาฉันเมื่อเงินนั่นหมด ”

1ล้าน?

บั่นโฉวและดิ่งซี่เหลือบมองกระเป๋าดำที่ถังซิ่วโยนให้ในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่เคยเห็นเงินเป็นจำนวนมากขนาดนี้ โดยเฉพาะเงินสด1ล้านหยวน ทัศนคติของพวกเขาต่อถังซิ่วนั้นเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับเคารพเขามากขึ้น ในตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าการเลือกที่จะติดตามถังซิ่วนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างแท้จริง

หลังจากผ่านไปนานแล้ว

ถังซิ่วได้เลือกวัสดุที่ดีบางอย่างและสั่งให้บั่นโฉวและดิ่งซี่ย้ายมันไปยังตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็ก เนื่องจากองค์ประกอบของวัสดุสำหรับสูตรของน้ำยาระฆังทองนั้นแตกต่างจากสูตรในดินแดนแห่งนิรันด์ ดังนั้นเขาจึงเตรียมวัสดุจำนวนมากเพื่อเอาไว้สำรองในการทดลองกลั่นน้ำยานี้

“ฉันว่าฉันควรจะไปสอบใบขับขี่”

ถังซิ่วรู้สึกว่าการไม่มีรถยนต์นั้นไม่สะดวกจริงๆ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่า แต่ก่อนตอนที่เขายังอยู่ในดินแดนแห่งนิรันด์นั้น เขาได้เหาะไปบนดาบในชั่วพริบตาก็สามารถไปได้ไกลว่าพันกิโลเมตรแต่ตอนนี้เขากำลังเริ่มต้นจากการที่ไม่มีอะไรเลยและการไม่มียานพาหนะนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากจริงๆโดยเฉพาะในสังคมปัจจุบัน

ระหว่างทางที่กลับไปยังบ้านของเขานั้น ถังซิ่วได้ถามบั่นโฉวเกี่ยวกับสถานการณ์ของแม่ของเขา เมื่อได้ยินว่าร้านอาหารกำลังไปได้ดีและรุ่งเรืองนั้น เขาก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

“บอส ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี แต่มีบางอย่างที่ผมต้องการจะรายงาน”

ขณะกำลังขับรถอยู่นั้น บั่นโฉวลังเลที่จะพูด

ถังซิ่วได้ถามว่า

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น? บอกฉันมา!”

บั่นโฉวได้พูดว่า

“บอส, ซูชางเหวินได้มาที่ร้านอาหารเมื่อวานนี้และต้องการยืมเงินจากแม่ของคุณ และแม่ที่ใจดีของคุณคิดจะให้เขายืมเงินถึง 100,000หยวน แต่นอกจากที่เขาไม่ยอมรับเงินแล้วนั้น เขาก็ได้พูดสาปแช่งออกมา ”

ซชางเหวิน?

คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันพร้อมแววตาของเขาที่ได้ปรากฏประกายแห่งความเยือกเย็นขึ้น

เขาคิดว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตลาดสมุนไพรก่อนหน้านี้ ซูชางเหวินจะได้รับบทเรียนและจะไม่มารบกวนครอบครัวของเขาอีกต่อไป แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันยังคงกล้าที่จะมากวนแม่ของเขา แม้ว่าการมาเยือนของมันคือการมายืมเงิน

ในหัวใจของเขานั้น ครอบครัวของซูชางเหวินเปรียบได้กับแมลงที่น่ารังเกียจและขยะแขยง เขาอยากจะทำให้ครอบครัวนี้หายไปจากโลกนี้ตลอดไป

“เลือดข้นกว่าน้ำ? เรื่องตลกไร้สาระอะไรกัน! ไม่มีความรู้สึกหรือความเห็นอกเห็นใจต่อกัน แม้ว่าจะมาจากรากเดียวกันแล้วมันจะทำไม? ถ้ามันกล้าที่จะทำอะไรอีก ฉันจะไม่ลังเลที่จะเตะส่งครอบครัวของมันออกจากเมืองนี้หรือแม้แต่ออกจากประเทศนี้ไป ”

ถังซิ่วกำลังนั่งคิดอยู่เงียบๆและกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง

ย่านหรูซีจินการ์เด็น ในเมืองสตาร์ซิตี้

ซูชางเหวินนั่งอยู่ในห้องหนังสือของเขาพร้อมโน้ตบุ๊กที่กำลังแสดงให้เห็นถึงยอดเงินคงเหลือในบัญชีธนาคารของเขา

เขาเคยได้ยินคำพูดว่า

“เมื่อต้นไม้ถูกโค่นลง ลิงทั้งหมดจะกระจายออกไป ” ตอนนี้เขากำลังประสบกับปัญหานี้อยู่ นับตั้งแต่เฉินซีซ่งได้เล็งเป้าหมายมาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเขา ธุรกิจของเขาประสบปัญหามากมายและเกือบจะล้มละลาย

แม้ว่าหลังจากนั้นเฉินซีซ่งจะไว้ชีวิตเขาแต่ทุกๆวันก็แย่ลงเรื่อยๆ ผู้ขายวัตถุดิบจำนวนมากเจตนาขึ้นราคาของวัสดุก่อสร้างทำให้เกิดงบขาดดุลอย่างร้ายแรงของโครงการที่สำคัญที่สุดของเขาและเช่นเดียวกับบ้านที่มีรวยรั่วเมื่อฝนตกหนัก ธนาคารที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ยืมเงินทุนจำนวนมากก็ไม่มีข่าวจากพวกเขาอีกเลย

เมื่อเร็วๆนี้เขาได้ไปที่ธนาคารหลายครั้งและได้สัญญากับคณะผู้บริหารของธนาคารหลายคน แต่แล้วพวกเขาก็ไม่สนใจเขาแม้กระทั่งผู้จัดการยังบอกว่า ถ้าอยากจะให้มิตรภาพของพวกเขาดำเนินต่อไปก็อย่าคิดที่จะยืมเงินนี้

ตอนนี้เขากำลังคิดถึงหลานชายชั่วๆของเขา

อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักถึงสิ่งที่เขาได้ทำดี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าพอที่จะไปเจอถังซิ่วโดยตรงและไปที่ร้านอาหารเพื่อพบกับซูหลิงหยุนแทน เขาแปลกใจมากที่ธุรกิจร้านอาหารของเธอนั้นกำลังเฟื่องฟูและเธอคิดจะให้เขายืมเงินแค่100,000 หยวน

100000หยวนจะเพียงพอสำหรับอะไร?

มันน้อยยิ่งกว่า1/10ของเงินที่เขาเคยให้กับผู้บริหารของธนาคารด้วยซ้ำ

“ปัง……”

ซูชางเหวินได้ทุบที่เขี่ยบุหรี่ในมืออย่างรุนแรงขณะที่ประกายแห่งความโกรธรุนแรงได้ประทุออกมาจากดวงตาของเขาในขณะที่เขาสาปแช่งด้วยเสียงกระซิบว่า

“น้องสาวบ้าและหลานชายที่น่ารังเกียจ!” คนนอกยังจะดียิ่งกว่าพวกเขา เมื่อพวกเขาลงไปในหลุม พ่อคนนี้เป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขา แต่ตอนนี้ที่พวกเขาปีนขึ้นและขึ้นพวกเขาต้องการที่จะเตะพ่อคนนี้ออกไปงั้นหรอ ฝันไปเถอะ! ถ้ามัน

ไม่ใช่เพราะไอ้เด็กชั่วร้ายนั่นบริษัทของฉันจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ ? ฉันจะถูกตั้งฉายาว่าให้กลายเป็นภัยพิบัติได้อย่างไร ? แม้กระทั้งถูกสบประมาทโดยเพื่อนมากมาย ? ”

“ฉันไม่สามารถตั้งความหวังของฉันไว้ที่ธนาคารได้ และฉันไม่สามารถพึ่งพาเพื่อนเก่าเหี้ยๆของฉัน ความหวังสุดท้ายของฉันคือพึ่งพาซูหลิงหยุนและถังซิ่ว ฉันต้องคิดหาหนทางที่จะตอบสนองความต้องการของพวกเขาและบรรลุเป้าหมายของฉัน ต้องทำให้พวกมันยอมให้เงินอย่างเต็มใจและต้องให้ไอเด็กเปรตถังซิ่วนั้นเพิ่มความสัมพันธ์กับหลงกรุ๊ปให้มากขึ้น ถ้าหากสามารถปีนขึ้นไปบนกองทองของหลงกรุ๊ปได้แล้วละก็ ความร่ำรวยมหาศาลจะต้องตกเป็นของฉันอย่างแน่นอน ”

แสงสว่างจ้าในดวงตาของซูชางเหวินได้ส่องสว่างออกมาในขณะที่เขาครุ่นคิด ถังซิ่วนั้นเขาไม่สามารถที่จะจัดการได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงพุ่งเป้าไปที่ซูหลิงหยุนแทน

ในเมืองประตูทิศใต้

หลังจากที่ใส่วัสดุทั้งหมดลงในคลังสินค้าของวิลล่าแล้ว ถังซิ่วได้ให้บั่นโฉวกลับไปก่อน ต่อมาเขาก็ได้เข้าไปในคลังสินค้าที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วและสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือสมุนไพรที่กำลังรอการมาส่ง ก่อนที่จะเริ่มการกลั่นน้ำยาระฆังทองขึ้น

“สมุนไพรจะถูกส่งมาในเวลากลางคืนอย่างแน่นอน ฉันจะทำอะไรดี ? ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะตั้งแยะ! ”

ถังซิ่วยืนอยู่ในคลังสินค้าในขณะที่เขาพบว่าเขาก็ไม่มีอะไรจะทำและรู้สึกเบื่อจริงๆ

“ริ้งงงงงงงงงงงง ริ้งงงงงงงงงงงงงง… ”

โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นและขัดจังหวะความคิดของเขา

ถังซิ่วเอาโทรศัพท์ขึ้นมาและมองไปที่หมายเลขผู้โทรซึ่งก็คือหลงเซ้งหลิน จากนั้นเขาก็กดปุ่มตอบและถามว่า

“มีอะไรหรอ ? ตอนนี้ฉันยุ่งมากและไม่มีเวลาว่าง “