…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
โอวหยางลูลู่ลูบหัวของเธอแล้วตะโกนด้วยความโกรธแม้กระทั่งก่อนที่เธอจะเห็นตัวของฝ่ายตรงข้าม
“คุณตาบอดหรืออะไรคุณได้ทำร้ายฉัน !!”
ผู้หนึ่งที่ชนเข้ากับเธอคือชายหัวล้านมีชนรอยสัก หลังเป็นลายเสือและหน้าอกลายหมีกับรูปลักษณ์ที่ดูโหดเหี้ยมและโดยเฉพาะโซ่ทองหนาที่ส่องแสงอยู่ตรงคอของเขา เขาได้คาบบุหรี่ไว้กับคิ้วที่กำลังเหี่ยวย่น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี
เมื่อได้ยินคำสาปแช่งโอหยางลูลู่ ชายคนนั้นจ้องขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าและเตะหน้าผากเธอ ทำให้เธอถูกเตะลงไปกองกับพื้น เขายังเตะเอวของเธอซ้ำหลายครั้งตามด้วยคำสาปแช่งของเขาราวกับว่าเธอเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขา
“ไอผู้หญิงราคาถูก เดินไปไหนก็มองทางซะบ้าง นี่เธอยังกล้าที่จะโทษฉันอีก? ถ้าเธอกล้าที่จะสาปแช่งฉันอีกละก็ ฉันจะเย็บริมฝีปากของเธอซะ”
ฮ่วงดาดู่ที่เพิ่งออกมาจากห้องส่วนตัวได้เห็นฉากที่โอหยางลูลู่กำลังถูกเตะท่าทางของเธอเปลี่ยนไปอย่างมากในขณะที่เธอรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของโอหยางลูลู่และยกมือของเธอขึ้นมาเพื่อปกป้องโอวหยางลูลู่ เธอจ้องที่ชายคนนั้นด้วยความโกรธและตะคอกว่า
“แกเป็นห่าอะไร? ทำไมแกถึงได้ทุบตีผู้หญิงคนนี้?”
ชายคนนั้นยังไม่เห็นหน้าของโอหยางลูลู่ แต่เขาจะได้เห็นความสง่างามของฮ่วงดาดู่อย่างชัดเจน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับการแสดงออกของความโกรธบนใบหน้าของเขาได้หายไป เขาสัมผัสไปที่คางของเขาและแม้กระทั่งแสดงสายตาหื่นกามออกมาในขณะที่เขาพูดรอยยิ้มว่า
“อิอิอิอิผมนั้นผิดเอง ฉันไม่ควรจะเตะเธอด้วยเท้า แต่ควรจะให้เธอรู้สึกเจ็บด้วยส่วนอื่น มีอะไรงั้นหรอ ? เธอเป็นพี่ของยัยผู้หญิงคนนี้ ? อยากจะลองส่วนอื่นๆของฉันด้วยหรือไง? ”
“แก … แกมันไร้ยางอาย!”
ฮ่วงดาดู่สาปแช่งด้วยความโกรธ
ชายคนนั้นได้หัวเราะ
“อิอิอิอิ รอจนกว่าเราจะอยู่บนเตียงแล้วฉันจะทำให้เธอรู้ฉันไร้ยางอายแค่ไหน ”
ชายหนุ่มได้ยื่นมือไปเพื่อจับตัวฮ่วงดาดู่ทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ
ฮ่วงดาดู่หลบไปด้านข้างได้อย่างง่ายดายและดึงโอหยางลูลู่ขึ้นจากพื้นและหลังจากถอยไปไม่กี่ก้าวเธอก็ได้ตะโกนออกมาว่า
“ไอพวกอันธพาล ไสหัวไปให้พ้นนะ”
ตอนแรกที่โอหยางลูลู่ถูกตีนั้น เธอยังไม่ได้สติอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้สติของเธอกลับมาหมดแล้วขณะที่เธอจ้องมองไปที่หนุ่มร่างกำยำแล้วตะโกนว่า
“อย่าเพิ่งให้พวกมันไป ในเกาะแห่งนี้แล้วนอกจากพ่อของฉันนั้น ไม่มีใครกล้าตีฉันเลยซักคน ”
หลังจากที่ชายหนุ่นได้เห็นรูปลักษณ์ของโอหยางลูลู่แล้วนั้น ท่าทางของเขาได้เปลี่ยนเป็นช๊อคในทันที เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ได้ทุบตีผู้หญิงที่ดูดีขนาดนี้ อย่างไรก็ตามนั้น ลูกศรได้ถูกปล่อยออกแล้วและมันก็ไม่มีทางย้อนกลับมา เขาเยาะเย้ยและแสดงท่าทางหยิ่งพร้อมพูดว่า
“สุดยอดไปเลย! ถึงได้โอ้อวดเก่งขนาดนี้?อย่าว่าแต่เกาะจิงเหมินนี่เลย ต่อให้เป็นเซี่ยงไฮ้หรือเมืองของจักรพรรดิก็ยังไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้กับฉัน! ”
โอหยางลูลู่กำลังลูบบางส่วนของร่างกายที่เจ็บมากเนื่องมาจากการเตะ เธอจ้องมองอย่างรุนแรงที่หนุ่มคนนั้น ในขณะที่อยู่ในความโกรธสุดขีด เธอยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดี ดี ดี แกมันโอหังยิ่งกว่าฉันเอง ถ้าแกกล้าจริงละก็ รอฉันแป๊ปนึง ถ้าครั้งนี้ฉันไม่สามารถทำให้แกคลานออกนอกห้องไปได้ ฉันจะเปลี่ยนไปใช้นามสกุลเดียวกับแก ”
หลังจากได้พูดจบ เธอได้เอามือถือของเธอและโทรออกหมายเลขคุ้นเคยทันที ดวงตาของเธอกระพริบและกดปุ่มโทรออกอย่างรวดเร็ว หมายเลขดังกล่าวเป็นเบอร์ของถังซิ่วที่เธอได้รับมาจากการสืบสวน
“นี่ใครหนะ?”
มีเสียงต่ำและลึกมาจากโทรศัพท์
โอหยางลูลู่พูดอย่างดังว่า
“ถังซิ่วตั้งแต่ที่นายอาศัยอยู่ในบ้านของฉัน นายไม่เป็นหนี้ฉันหรือ? ฉันไม่มีที่พักค้างคืนเลยต้องมาที่สถานบันเทิงรีเจ้นท์นี้เพื่อร้องเพื่อคาราโอเกะและบางคนที่นี่ก็ได้ทุบตีฉัน ตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนาย นายสามารถมาที่นี่ได้ไหม?”
“ถ้าเธอโดนใครสักคนตี ก็แค่โทรหาพ่อของเธอสิ!”
หลังจากที่เงียบไปสักครู่ ถังซิ่วได้ตอบออกมาเบาๆ
“นายพูดว่าอะไรนะ?”
เสียงของโอหยางลูลู่ดังขึ้นนิดหน่อย
ถังซิ่วได้ตอบอย่างหมดหนทางว่า
“โอเค รออยู่ตรงนั้น ฉันจะรีบไปโดยทันที ใส่ใจ … เรื่องความปลอดภัยของเธอเป็นอันดับแรกหละ ”
เมื่อมีเสียงดังออกมาจากโทรศัพท์ การแสดงออกของความรู้สึกเกินกว่าที่คาดหวังได้ถูกเปิดเผยบนใบหน้าของโอหยางลูลู่ เธอกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่จะกระชับความสัมพันธ์กับถังซิ่วและตอนนี้โอกาสก็ได้อยู่ต่อหน้าเธอแล้ว เธอรู้ว่าถังซิ่วเป็นผู้บ่มเพาะพลังและแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หลังจากที่ลังเลซักระยะหนึ่ง เธอก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่เรียกลูกน้องของเธอมาที่นี่
“ความสามารถสุดยอดจริงๆ! ขอความช่วยเหลือโดยการชักจูงงั้นหรอ? ”
หลังจากที่เขาเฝ้าดูโอหยางลูลู่โทรขอความช่วยเหลือ ชายหนุ่มได้ยิ้มเยาะเยาะเย้ยและพูดออกมา
โอหยางลูลู่จ้องมองอย่างโกรธไปที่ชายหนุ่มคนนั้นเธอดึงฮ่วงดาดู่กลับเข้าไปในห้องส่วนตัวและก็โทรหาหมายเลขผู้จัดการทั่วไปของสถานบันเทิงแห่งนี้ในเวลาเดียวกัน เธอรายงานอย่างรวดเร็วด้วยคำอธิบายง่ายๆแล้วก็วางสาย
“ถ้าแกมีกึ๋นจริงๆก็แค่เข้ามาและรอสักครู่”
หลังจากโอหยางลูลู่เข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว เธอก็ไม่ลืมที่จะตะโกนดังๆ
วัยรุ่นหนุ่ม ๆ กลิ้งดวงตาสีขาวของเขาขณะที่เขาดึงโทรศัพท์ออกและโทรหาเพื่อนของเขาและจากนั้นก็เดินตามเข้าไปในห้องส่วนตัว เขารีบกวาดไปรอบๆห้องแล้วเดินไปนั่งบนโซฟา จากนั้นเขาก็สูบบุหรี่ตามด้วยพูดว่า
“ดูเหมือนว่าเธอจะรวยมากเหรอ?! เธอยังสามารถใช้จ่ายเงินสำหรับห้องส่วนตัวที่หรูหรานี้ได้! แต่ฉันต้องบอกอะไรเธอบางอย่าง เธอควรจะขอโทษฉันถ้าเธอไม่ต้องการที่จะลากครอบครัวของเธอให้พบกับภัยพิบัติเพียงเพราะปัญหาเล็กๆน้อยๆ และจากนั้นก็ให้บริการฉันสำหรับคืน”
โอหยางลูลู่ตอบด้วยความโกรธว่า
“ในความฝันของแกเธอ”
“เธอสามารถทำเป็นปากแข็งได้ในตอนนี้ แต่เธอสามารถรอให้กำลังเสริมของเธอมาถึงและเมื่อฉันจัดการมันเสร็จแล้ว ปากของเธออ่อนลงอย่างแน่นอน ฮ่า ฮ่า… ”
ฮ่วงดาดู่ค่อยๆดึงแขนเสื้อของโอหยางลูลู่แล้วกระซิบว่า
“คนที่แต่งตัวประหลาดนี้ดูหยิ่งเกินไปเขาอาจจะมีภูมิหลังอยู่บ้าง ถังซิ่วที่เธอเรียกมานั้นไว้ใจได้ใช่ไหม? หรือฉันควรจะโทรหาพ่อของฉันดีไหม? ”
โอหยางลูลู่คิดสักครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะส่ายหัวและพูดว่า
“ไม่เป็นไรฉันจะส่งข้อความไปหาพี่ใหญ่”
“เฮ้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
ในขณะนี้ชายร่างใหญ่ที่ดูแข็งแรงกว่า10คนได้บุกเข้ามาในห้องซึ่งนำโดยชายวัยกลางคนสวมชุดสูทพร้อมแว่นตาทองคำ เขามองไปที่ด้านในของห้องส่วนตัวเพื่อดูสถานการณ์ขณะที่เขาถามเสียงดัง
ชายหัวล้านคนนั้นได้กลิ้งตาและสาปแช่งออกมาว่า
“พวกแกเป็นใคร? ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันซะ! ”
ชายวัยกลางคนเหลือบมองอย่างหนาวเย็นไปที่ชายหนุ่มหัวล้านก่อนที่ท่าทางของเขาจะเปลี่ยนไปพร้อมๆกับความกังวลและความกลัวพร้อมถามว่า
“คุณโอหยาง คุณสบายดีมั้ย? ผมเสียใจจริงๆสำหรับปัญหานี้และหวังว่าคุณจะสามารถให้อภัยเราได้ หน่วยรักษาความปลอดภัยของเราจะดูแลปัญหานี้ ใครก็ตามที่กล้าที่จะสร้างปัญหาให้กับสถานบันเทิงแห่งนี้ เราจะจัดการกับพวกเขา ”
“บ้า! แกไม่กลัวว่าแกจะกลืนเนื้อคำใหญ่เกินไป?… ฉันเองก็ต้องการที่จะเห็นเหมือนกันว่าหน่อยรักษาความปลอดภัยจะจัดการพี่ชายของฉันยังไง ”
จากทางเข้าของห้องส่วนตัว ชายหนุ่มสามคนได้เข้ามาขณะที่กำลังสูบบุหรี่ คนที่เพิ่งพูดก็เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาอยู่ตรงกลาง
หลี่เสวี่ยหมิงขมวดคิ้วทันที เขาเป็นผู้จัดการของสถานบันเทิงแห่งนี้ ได้พบกับเด็กหนุ่มหลายคนจากหลายตระกูลที่มีอำนาจ แต่เขาไม่เคยเคยเห็นชายหน่มเหล่านี้มาก่อนเลย เขารู้ดีว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ เพราะโอหยางลูลู่นั้นเป็นถึงเจ้าหญิงของตระกูลโอหยางในขณะที่ฮ่วงดาดู่นั้นก็เป็นลูกสาวคนเดียวของหัวหน้าตระกูลฮ่วง ภูมิหลังของสาวทั้งสองคนนี้นั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวเป็นอย่างมากสำหรับผู้คนบนเกาะนี้
“คุณคือใคร?”
หลี่เสวี่ยหมิงถามด้วยเสียงต่ำ
ชายหนุ่มคนนั้นตอบด้วยการเย้ยหยันว่า
“แกรู้จักเหว่ยกุยเซ้งไหม ? เขาเป็นพ่อของฉัน ฉันเรียนที่ต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเมื่อฉันเพิ่งกลับมาและอยากจะเลี้ยงฉลองเพื่อนๆของฉัน พวกแกก็ได้ทำให้ฉันหมดสนุก ผู้จักการของที่นี้? ต่อให้เจ้านายของแกมาก็ยังต้องก้มหัวให้กับฉัน ”
เหว่ยกุยเซ้ง? นายใหญ่ของเจิดจรัสกรุ๊ป?
หลี่เสวี่ยหมิง แอบยิ้มในหัวใจของเขา ถึงแม้ว่าเจิดจรัสกรุ๊ปจะไม่สามารถเทียบเคียงกับตระกูลโอหยางได้ แต่ก็เป็นตระกูลที่มีพลังมากในเกาะจิงเหมินนี้ เกือบเท่าๆกับตระกูลฮ่วง
เขารู้ว่าวันนี้เรื่องจะไม่สิ้นสุดอย่างสงบและเขาไม่สามารถหนีจากปัญหานี้ หลังจากที่ได้ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้วเขาก็ยืนอยู่ที่ด้านข้างของโอหยางลูลู่และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“เหว่ยกุยเซ้งเป็นคนน่านับถือ แต่ลูกชายของเขากลายเป็นถุงขยะที่เน่าเปื่อย ไปจับพวกเขามาให้หมด ”
หลังจากที่ได้รับคำสั่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า10คนนั้นได้พุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มทั้งสี่ทันที
“แกกล้าหรอ!”
เหว่ยเฉ่าไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า แม้ว่าเขาจะใช้ชื่อของพ่อแล้วสถานบันเทิงแห่งนี้ก็ยังคงกล้าที่จะทำอะไรกับเขา วันนี้เขาได้เชิญเพื่อนสองคนจากทางตะวันตกเฉียงเหนือมาและภูมิหลังของแต่ละคนก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าตระกูลของเขาเลย
ความอัปยศ! เขารู้สึกว่าใบหน้าของเขาได้ถูกฉีกทิ้งในตอนนี้
มีแสงเย็นประกายจากดวงตาของเขา ร่างกายของเขาพุ่งออกมาทันที กำปั้นขนาดใหญ่ของเขาได้ได้เหวี่ยงอย่างรุนแรงไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนและส่งพวกเขากระเด็ดออกไป ความเร็วของเขาเร็วมากและสามารถหลบหลีกมือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งกำลังจะจับตัวเขาไว้ ขณะที่กำปั้นของเขาพุ่งไปที่หน้าผากของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย
ชายหนุ่มอีกสองคนก็ไม่ได้น้อยหน้าพวกเขาดูเหมือนเป็นคนธรรมดาแต่ศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาก็น่าทึ่งมาก พวกเขาไม่เพียง แต่จัดการอย่างรวดเร็ว แต่การลงมือของพวกเขาก็ไร้ความปราณีเป็นอย่างมาก
“เปรี้ยง โคร๊ม … ”
พนักงานรักษาความปลอดภัยกว่าสิบคนถูกคว่ำโดยชายหนุ่มทั้งสามภายในเวลาเพียงครึ่งนาที
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเหยียบศีรษะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาก็จ้องมองไปที่หลี่เสวี่ยหมิงและพูดอย่างเย็นชาว่า
“ตั้งแต่เด็กจนโต มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าที่จะตีพ่อใหญ่คนนี้ แกมีความกล้าหาญมากหนิ แต่ฉันกล้ารับประกันว่าวันนี้เรื่องจะจบลงด้วยการที่แกจะคุกเข่าลงต่อหน้าฉันและขอร้องให้ฉันหักขาและเย็บปากของแก! ”
โอหยางลูลู่และฮ่วงดาดู่ไม่ได้รู้สึกกลัวกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ถึงแม้ว่าพวกเธอจะตกใจกับความแกร่งของชายทั้งสาม แต่ทั้งสองสาวต่างก็เป็นคนของตระกูลที่ทรงพลังและน่านับถือ พวกเธอจึงได้เห็นฉากแบบนี้บ่อยครั้ง
“แกมีความสามารถพอที่จะหยิ่งอย่างไรก็ตามถึงแกสามารถทุบตีคนได้กว่า10คน แต่มากกว่า100คน? 1000? ฉันอยากเห็นตอนที่แกถูกรุมจริงๆ! ”
โอหยางลูลู่ตบมือขณะที่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ชายหนุ่มได้ตอบด้วยเสียงหัวเราะว่า
“เธอเป็นเด็กสาวที่ร้อนแรงดีหนิ!? หากเธอมีความสามารถพอก็เรียกมาเลย จะ100หรือ1000คนเธอก็สามารถเรียกมาได้ พ่อใหญ่คนนี้จะเก็บกวาดพวกเขาให้หมด จำไว้ให้ดีว่าฉันชื่อว่าหวังฮู่จากทางตะวันตกเฉียงเหนือ ฉันกลัวว่าหลังจากที่เราผ่านค่ำคืนไปด้วยกันแล้วเธอจะลืมชื่อของฉันไป ”
โอหยางลูลู่เงียบครู่หนึ่ง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาและโทรหาเบอร์หนึ่ง
“เพื่อนเก่า เคยได้ยินเรื่องของหวังฮู่จากตะวันตกเฉียงเหนือหรือไม่? ตัวใหญ่และหยิ่งยโสที่สุด? ”
“เคย เคยได้ยิน ก็แค่คนไม่สำคัญอะไร ”
เสียงสะลึมละลือของชูยี่ได้ถูกส่งออกมาทางโทรศัพท์
โอหยางลูลู่ได้พูดต่อว่า
“ตกลง! ฉันเข้าใจแล้ว!”
