…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วเป็นคนที่เคารพคนอื่นมาก ถ้าคนอื่นเคารพเขา ตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่ว่าชูเก่าซองจะมีสถานะยังไง ต่อให้เป็นจักรพรรดิหรือลูกชายของสวรรค์เขาก็จะไม่ไม่สน เขาผลักชูเก่าซองไปด้านข้างและนั่งลงบนเก้าอี้ข้างหน้าเตียง

“ไอเด็กน้อย คิดจะทำอะไรหนะ ”

ชายชรามองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางที่น่ากลัวและพูดอย่างเย็นชา เขาพูดไปเมื่อกี้ว่าต่อให้ฮัวโต๋จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง พวกเขาก็ไม่สามารถรักษาความเจ็บป่วยแปลกๆของเด็กคนนี้ได้ ซ้ำแล้วถังซิ่วนั้นยังเด็กเกินไปและยังไม่เชื่อคำพูดของเขาอีก นี้ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอย่างมาก

ถังซิ่วไม่ได้หันหน้ากลับไปในขณะที่เขาตอบว่า

“ฮัวโต๋อะไรนั่นก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับฉันได้ ฉันจำได้อย่างชัดเจนว่าใครเป็นคนที่พูดไร้สาระไปก่อนหน้านี้ แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม คือคุณไม่สามารถรักษาเธอได้ ”

“คุณ…”

ชายชรานั้นโกรธจัดเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ได้เห็นถังซิ่วยื่นแขนไปตรวจชีพจรของสาวน้อยคนนั้น เขาก็รีบอดกลั้นความโกรธของเขา ขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า

“ดี ดี ดี ในเมื่อคุณต้องการที่จะสร้างความอับอายให้ตัวเอง ฉันก็จะรอดู ”

มู่ขวินปิงที่กำลังตกอยู่ในสภาวะหมดหวังที่เธอเพิ่งจะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธอก็ได้พบอะไรบางอย่างที่จะผ่อนคลายอารมณ์ของเธอ แต่เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ที่ยังเป็นเด็กของถังซิ่วแล้ว เธอก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักแถมยังต้องได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากชูเก่าซองและชายชราคนนั้นอีก เธอพูดออกมาพร้อมอารมณ์ที่ขมขื่นว่า

“น้องชายตัวน้อย ขอบคุณสำหรับความตั้งใจที่ดีและความเมตตาของคุณ … ”

ถังซิ่วไม่ได้ตอบเธอกลับไป

ความสนใจของเขาได้มุ่งเน้นไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆที่นอนอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอยังคงอยู่ในอาการโคม่า แต่ถังซิ่วสามารถรับรู้ถึงสภาพร่างกายภายในของเธอผ่านทางเส้นพลังและเส้นเลือดของเธอได้

“เดาไม่ผิดจริงๆ”

หลักจากผ่านไปไม่นาน ถังซิ่วก็ได้ปล่อยมือของเด็กคนนั้น ขณะที่เขาหันกลับไปมองที่มู่ขวินปิงแล้วพูดว่า

“ถ้าคุณเชื่อฉัน ภายในสิบนาทีให้รีบไปซื้อสมุนไพรบางอย่างมาที”

“คุณจะให้ฉันไปซื้อสมุนไพรมาทำไมงั้นหรอ?”

ถังซิ่วได้ตอบเธอกลับไปว่า

“ช่วยเธอไง!”

มู่ขวินปิงถามออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า

“คุณสามารถรักษาลูกสาวฉันได้งั้นหรอ?”

ถังซิ่วตอบด้วยความเงียบสงบว่า

“ถ้าคุณขอคนอื่น ฉันก็เกรงว่าคำตอบของพวกเขาก็จะเหมือนกัน คือไม่สามารถรักษาได้ แต่โชคดีที่ฉันสามารถรักษาเธอได้ ตอนนี้ฉันอยากจะรู้ว่าคุณเชื่อฉันหรือเปล่า? ”

“ฉันเชื่อคุณ!”

ถึงแม้ว่ามู่ขวินปิงจะยังมีข้อสงสัยอยู่ภายในใจของเธอ แต่ก็ยังตอบอย่างรวดเร็วเพราะว่าตอนนี้เธอมีแต่ความสิ้นหวัง คำพูดของ ถังซิ่วนั้นเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเธอ ไม่ว่าถังซิ่วจะบอกอะไร เธอก็ยินดีที่จะทำตามคำสั่งของเขา

ไม่นานหลังจากนั้น

ถังซิ่วเขียนชื่อสมุนไพร4 ชนิดลงบนกระดาษ สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นสมุนไพรที่ธรรมดาแต่อายุที่ต้องการนั่นต้องหลายร้อยปี แถมยังมีสมุนไพรป่าอีก เขาได้ส่งใบสั่งยาไปให้มู่ขวินปิงพร้อมบัตรเอทีเอ็มแล้วพูดว่า

“สมุนไพรเหล่านี้มีราคาแพงมาก 300,000 หยวนของคุณนั้นไม่เพียงพออย่างแน่นอน ฉันมีเงินอยู่จำนวนมากในบัตรของฉัน มันน่าเพียงพอที่จะซื้อสมุนไพรสมุนไพรทั้งหมด รหัสอยู่ที่ด้านหลังของบัตรและฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่ ”

“นี้…”

หมู่ชิงชิงลังเล เธอไม่เคยชอบที่รับสิ่งของจากคนอื่นและตอนนี้ ถังซิ่วที่อยู่ด้านหน้าเธอไม่เพียงแต่ยินดีที่จะรักษาลูกสาวของเธอ แต่ยังให้เงินเธอเพื่อไปซื้อสมุนไพรมา เธอรู้สึกอึดอัดใจและไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี

“บอกให้เอาไปไงเล่า!”

ถังซิ่วคำรามออกมาด้วยเสียงต่ำ

ร่างกายของมู่ขวินปิงสั่นไหวไปมา เธอมองไปที่การแสดงออกที่จริงจังของถังซิ่วก่อนที่เธอจะตัดสินใจที่จะรับบัตรนั้นมาพร้อมกับพูดว่า

“น้องชายตัวน้อย ไม่ว่าคุณจะสามารถรักษาลูกสาวของฉันได้หรือไม่ ฉันจะสลักความเมตตานี้ไว้ในใจของฉัน”

หลังจากพูดจบ เธอก็รีบไปซื้อสมุนไพรโดยทันที

ภายใต้เวทีนั้น

ชายอายุมากกว่า50 ปีได้พูดด้วยเสียงที่ชัดเจนและดังก้องไปทั่วว่า

“หนุ่มน้อยคนนี้เป็นคนที่มีคุณธรรมสูง ฉันชื่นชมเขาจริงๆเลย ในตลาดสมุนไพรนี้นั้น ร้านค้าของฉัน’ห้องโถงร้อยสมุนไพร’ของฉัน แม้ว่าจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าเป็นที่สอง ฉันมีสมุนไพรเยอะมาก ถ้าหนุ่มน้อยไว้ใจฉัน คุณก็สามารถให้ใบสั่งยามากับฉันแล้วฉันจะให้สมุนไพรพวกนั้นฟรีๆ ”

ถังซิ่วมองไปที่ชายคนนั้นด้วยท่าทางประหลาดใจ หลังจากคิดชั่วครู่แล้วเขาก็ถามช้าๆว่า

“ในเวลาที่โลกนี้รุ่งเรืองผลประโยชน์ก็จะเข้ามา แต่ยามที่โลกได้ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ผลประโยชน์ก็จะหมดไป สิ่งที่ผมแสดงไปนั้นเป็นเพียงเพราะความรักของแม่ที่มีต่อเด็กคนนี้นั้นมันมาโดนใจเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอ ต่างจากคุณที่เป็นพ่อค้าที่ตามล่าหาผลประโยชน์ ผมอยากจะถามคุณหน่อยว่า เป้าหมายที่แท้จริงของคุณคืออะไร ? หรือจะให้พูดอีกอย่างนึงคือ……….มีเงื่อนไขอะไร ? ”

“แปะ แปะ แปะ … ”

ชายชราปรบมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“วีรบุรุษที่แท้จริงนั้นมักจะออกมาจากเด็กวัยหนุ่มเสมอ ความคิดของคุณนั้นแหลมคมจริงๆ คุณมีปัญญาที่โดดเด่น ชายชราคนนี้ชื่นชมคุณอย่างแท้จริง สิ่งที่คุณพูดทั้งหมดนั้นเป็นความจริง ฉันเป็นพ่อค้าและต้องตามล่าหาผลประโยชน์เป็นธรรมดา แต่คราวนี้ฉันไม่ได้ต้องการแค่ผลประโยชน์เท่านั้นแต่ต้องการชื่อเสียงด้วย หากคุณสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของเธอได้ ฉันก็จะได้รับเครดิต คุณจะทำให้คนบนโลกรู้ถึงความสำเร็จของห้องโถงร้อยสมุนไพรของฉันได้”

“นอกจากนี้ตั้งแต่คุณพูดเกี่ยวกับเงื่อนไขแล้ว ฉันจะขออย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าคุณสามารถรักษาผู้ป่วยให้หายได้ ฉันจะให้ส่วนผสมสมุนไพรฟรี แต่ถ้าคุณไม่สามารถรักษาเธอให้หายได้ คุณต้องเสียค่ายาสมุนไพรทั้งสี่ชนิด เป็นไง ? ”

ถังซิ่วมองลึกลงไปในดวงตาของชายชราคนนั้น เขายิ้มแล้วพูดว่า

“คำพูดของคนที่แก่นี่มีประสบการณ์จริงๆ ก็ดี ผมสัญญาว่าจะใช้เรื่องนี้เพื่อโฆษณาห้องโถงร้อยสมุนไพรของคุณ แต่ผมก็มีเงื่อนไขเช่นกัน ”

ชายชราตอบด้วยความรู้สึกสับสนว่า

“คุณมีเงื่อนไข?ไหนลองว่ามาสิ! ”

ถังซิ่วได้ตอบเขาทันทีว่า

“ความเจ็บป่วยของเธอนั้นเป็นเรื่องยากที่จะรักษา สมุนไพรทั้ง4ชนิดนี้ไม่สามารถรักษาเธอให้หายขาดได้ แต่ถ้าคุณสามารถเอาโสมป่าอายุ 500 ปีมาได้ ผมก็มีความมั่นใจที่จะสามารถรักษาเธอให้หายขาดได้อย่างแน่นอน ว่าตามข้อเสนอของคุณแล้วถ้าเกิดว่าผมสามารถรักษาเธอได้ คุณต้องให้โสมป่านั้นฟรีๆหากว่าผมล้มเหลว ผมจะจ่ายด้วยราคาสิบเท่าของราคาตลาด ”

ชายชราลังเล

ราคาของโสมป่าอายุ500ปีอย่างน้อยก็มีจำนวน8หลัก ถ้าถังซิ่วสามารถรักษาผู้ป่วยได้จริง เขาจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินไปหรือเปล่า?

ฉันควรทำอย่างไร?

ชายชราคนที่ใส่รองเท้าที่ทำมาจากเชือกฟางก่อนหน้านี้ได้เยาะเย้ยออกมา เขามองไปที่เจ้าของห้องโถงร้อยสมุนไพรแล้วพูดออกมาว่า

“เนื่องจากคุณไม่สามารถตัดสินใจได้ ฉันจะช่วยคุณเอง ถ้าหากเขาสามารถรักษาผู้ป่วยได้ ฉันจะจ่ายค่าโสมป่า500 ปีให้กับคุณเอง ถ้าหากเขาล้มเหลว คุณก็แบ่งค่าโสมป่า10เท่ามาครึ่งหนึ่ง ”

“ตกลง!”

ชายชราดีใจเป็นอย่างมากขณะที่ตอบตกลงอย่างมีความสุข

ถังซิ่วเหลือบมองอย่างหนาวเย็นไปที่ชายชราใส่รองเท้าฟาง เขาแอบหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ สำหรับคนอื่นนั้น อาการเจ็บป่วยของเด็กน้อยคนนี้อาจจะแปลกมากแต่สำหรับเขาแล้ว อาการเจ็บป่วยนี้ไม่มีค่าจะให้พูดถึงด้วยซ้ำ หลังจากที่เขาได้ตรวจชีพจรของเธอเสร็จแล้วนั้น เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอมีกายศักดิ์สิทธิ์ของนกฟีนิกซ์น้ำแข็ง

หากมีเด็กที่มีกายศักดิ์สิทธิ์ของนกฟีนิกซ์น้ำแข็งปรากฏขึ้นในดินแดนแห่งนิรันด์ละก็ นิรันด์สูงสุดทุกๆคนจะต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงเด็กคนนี้และพาเธอไปที่นิกายของพวกเขาพร้อมรับเธอเป็นศิษย์อย่างแน่นอน

มีตำนานในดินแดนแห่งนิรันด์ได้กล่าวเอาไว้ว่า นับร้อยนับพันๆ ปีมาแล้ว มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีกายศักดิ์สิทธิ์ของนกฟีนิกซ์น้ำแข็งปรากฏขึ้น เธอไม่เพียงแต่จะสามารถเป็นผู้ปกครองสูงสุดในดินแดนแห่งนิรันด์เพียงเท่านั้น แต่เธอกลับยังสามารถทำลายขีดจำกัดของดินแดนแห่งนิรันด์แล้วก้าวขึ้นไปสู่อาณาจักรแห่งพระเจ้าได้อีกด้วย

ดังนั้น

สาวน้อยคนนี้จึงไม่ได้เป็นโรคแปลกๆที่ไม่สามารถรักษาได้ การที่จะรักษาเธอนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงแค่สอนเทคนิคบ่มเพาะพลังให้แก่เธอและให้เธอก้าวเข้าสู่เส้นทางของการบ่มเพาะพลังเท่านั้น รากเหง้าของปัญหาทั้งหมดก็จะถูกแก้ไข เหตุผมที่เขาได้ออกใบสั่งยาไปนั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าเพื่อหลอกหูหลอกตาของทุกคนเท่านั้นและไม่สามารถบอกถึงเรื่องผู้บ่มเพาะได้และอีกอย่างคือสมุนไพรทั้งสี่นั้นจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายของเธอ

ส่วนสำหรับโสมป่าอายุ500 ปีนั้นคือการโจรกรรมโดยถังซิ่วอย่างแท้จริง เขาต้องการโสมป่าที่มีอายุมากเพื่อช่วยการบ่มเพาะพลังของตัวเองดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเสียโอกาสที่ดีในการได้รับมันได้

10 นาทีต่อมา

คนจากห้องโถงร้อยสมุนไพรได้ส่งสมุนไพรทั้ง5ชนิดแก่เขาพร้อมเครื่องใช้ในการต้มสมุนไพรด้วย

“คุณต้มสมุนไพรเป็นใช่ไหม?”

ถังซิ่วมองไปที่มู่ขวินปิงและถามออกมา

มู่ขวินปิงพยักหน้าอย่างเร่งรีบและตอบเขาทันทีว่า

“เป็น!!! ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ฉันได้ต้มยาให้ลูกสาวดื่มอยู่หลายครั้ง”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“การช่วยชีวิตก็เหมือนกับกำลังดับไฟ ดังนั้นถ้าคุณต้องการที่จะต้มสมุนไพรที่นี่ ให้ใช้น้ำสามชาม นอกเหนือจากโสมป่าแล้ว ใส่สมุนไพรทั้งหมดลงไปตามคำสั่งของฉัน”

“ได้!”

มู่ขวินปิงรีบปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว

ฝูงชนที่ชุมนุมในบริเวณรอบๆมีจำนวนคนกว่า500 คน พวกเขาให้ความสำคัญกับงานนี้มากและเมื่อเห็นว่าถังซิ่วอนุญาตให้มู่ขวินปิงต้มสมุนไพรที่นี่ พวกเขาก็พูดคุยกันอย่างลับๆว่า

“นี่เอาจริงหรือนี่?เด็กหนุ่มคนนี้กล้าทำแบบนี้ ?เขากล้าที่จะปล่อยให้แม่ของเด็กผู้หญิงคนนั้นต้มสมุนไพรในที่สาธารณะนี่? เขาไม่รู้หรือว่าหากเด็กนั่นกินยาที่เขาต้มเข้าไปแล้วไม่เกิดผลลัพธ์อะไรขึ้นมา เขาจะต้องได้รับความอับอายจากทุกคนที่นี่แน่นอน?”

“ทำเรื่องบ้าบิ่นเกินไปแล้ว แม้แต่ลูกศิษย์ของหมอศักดิ์สิทธิ์กุยเจียนเฉายังไม่มีความสามารถพอที่จะรักษาเด็กคนนั้นได้ด้วยซ้ำ คิดว่าเจ้าเด็กนี้จะสามารถรักษาได้งั้นหรอ ? การแพทย์จีนนั้นยิ่งมีอายุมากขึ้นก็ยิ่งเก่งขึ้น ไอเด็กที่ขนหม*ยยังไม่ขึ้นนี่จะไปทำอะไรได้ยังไง?”

“เด็กคนนี้บ้าบิ่นเกินไป หากว่าเขาไม่สามารถรักษาได้ละก็ เขาจะต้องจ่ายค่าเสียหายมหาศาลอย่างมาก ไอ้สมุนไพรสี่อย่างนั่นฉันไม่รู้ราคาของมันหรอกนะ แต่ไอ้โสมป่าอายุ500ปีนั่น อย่างต่ำก็15ล้านหยวนอย่างแน่นอน ค่าชดใช้ที่เขาต้องจ่ายนั้นมากถึงสิบเท่า และนั้นก็หมายความว่า อย่างน้อยเขาต้องจ่ายเงินมากกว่า150ล้านหยวนอย่างแน่นอน ”

“ยิ่งหวังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียใจมากเช่นกัน มู่ขวินปิงมาตั้งเวทีที่ตลาดสมุนไพรแห่งนี้ตั้งหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถรักษาลูกสาวของเธอได้เลย เด็กน้อยคนนี้จะสามารถทำมันได้ไหมกัน? ”

“โอ้อวดและไม่มีอะไรมาก! เรามารอดูการแสดงนี่กันดีกว่า! ”

“…”

ถังซิ่วไม่สนใจความคิดเห็นของคนรอบข้างแม้แต่น้อย การตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกนั้นเป็นเพียงสัญชาตญาณของคนส่วนใหญ่ ตอนนี้ผู้คนเหล่านี้ได้ดูถูกความสามารถของเขา เขากำลังรอที่จะได้เห็นใบหน้าที่คิดผิดของคนเหล่านี้

เวลาผ่านไป …

สมุนไพรทั้ง4ได้ใส่ลงไปในหม้อต้มตามคำสั่งของถังซิ่ว เช่นเดียวกับน้ำสะอาดทั้ง3ชาม ตอนนี้ทั้งหมดนั้นเหลือเพียงน้ำแค่ครึ่งชามอยู่ภายในหม้อต้ม หลังจากที่ถังซิ่วได้คำนวณเวลาแล้วนั้น เขาได้สั่งให้เธอเปิดมันออกมาทันที

“น้อยชายตัวน้อย ลูกสาวของฉันนั้นยังหมดสติอยู่ คุณจะให้เธอดื่มยายังไงกัน?”

มู่ขวินปิงมองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางกระวนกระวายและถามออกมาด้วยความสงสัย

ผู้ชมในบริเวณโดยรอบรวมทั้งชูเก่าซองและชายชราที่สวมรองเท้าเชือกฟางก็ได้แสดงความเย้ยหยันออกมา ผู้ป่วยกำลังหมดสติและไม่มีทางทำให้เธอดื่มยาได้ พวกเขาต้องการจะดูว่าถังซิ่วจะสามารถจัดการมันได้อย่างไร?

“มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก!”

ถังซิ่วที่นั่งอยู่ตำแหน่งหัวเตียงนั้นได้อุ้มเด็กหญิงคนนั้นขึ้นมาและวางเธอไว้บนแขนของเขา นิ้วของเขาค่อยๆชี้และกดไปที่จุดบนร่างของเด็กหญิงอย่างช้าๆ

“อืมมมมมมม…”

ภายใต้สายตาของฝูงชน เปลือกตาของเด็กหญิงคนนั้นค่อยๆกระตุกเล็กน้อยก่อนที่มันจะเปิดขึ้นมา แม้แต่คิ้วที่เหี่ยวย่นของเธอในขณะที่เธอหมดสติก็ค่อยๆคลายออกจากกันช้าๆ