“ชื๋อเหยา ข้ารักเจ้ามาก ทำไมเจ้าถึงได้ฆ่าข้ากัน? ”

จางลั่วเฉินตะโกนเสียงดังออกมา เขาวิ่งไปข้างหน้า ด้วยแรงของน้ำหนักของเขาทำให้พื้นเกิดเสียงดังขึ้น

แคร่ก! แคร่ก!

เขาลุกขึ้นนั่งในทันที เมื่อพบว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน จางเฉินลั่วถอนหายใจยาวออกมา ใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ใบหน้า ที่ตอนนี้เหงื่อนั้นท่วมเต็มไปใบหน้าของไปหมด

ไม่ !

นั่นไม่ใช่ความฝัน!

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและจักรพรรดิหญิงชื๋อเหยา จะเป็นแค่ความฝันได้ยังไงกันล่ะ?

จางลั่วเฉินลูกชายเพียงคนเดียวของหนึ่งในเก้าของยอดจักรพรรดิ “จักรพรรดิแห่งราชวงค์หมิง” ด้วยอายุเพียงสิบหกปี กลับมีร่างกายที่แข็งแกร่ง การฝึกฝนของเขาเองก็ถึงขั้นระดับสิบ

แต่ทว่า เมื่อเขาได้เป็นคนหนุ่มคนแรกในดินแดนคุนหลุน แต่กลับถูกฆ่าตัวด้วยน้ำมือของคู่หมั้นในวัยเด็กของตน องค์หญิงชื๋อเหยา

องค์หญิงชื๋อเหยา เป็นลูกสาวของหนึ่งในเก้าจักรพรรดิ “จักรพรรดิแห่งราชวงค์ชิง“

จักรพรรดิหมิงและจักรพรรดิชิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จางลั่วเฉินได้ถูกให้หมั้นหมายกับชื๋อเหย้า ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน  ฝึกฝนด้วยกัน ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันอย่างยิ่ง จนเรียกได้ว่าเหมือนดั่งกิ่งทองใบหยกก็มิผิด เดิมทีสิ่งนี้สามารถกลายเป็นเรื่องเล่าในตำนานก็ยังได้

จางลั่วเฉินไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า เหตุใดชื๋อเหยาถึงได้โจมตีเขา!

เขาต้องตายด้วยน้ำมือขององค์หญิงชื๋อเหยา แต่เมื่อจางลั่วเฉินตื่นขึ้นมา กลับพบว่าเวลาได้ผ่านไปแปดร้อยปีเสียแล้ว
องค์หญิงชื๋อเหยา ผู้ที่นำพาความสงบสุขมาท่ามกลางความวุ่นวายของจักรพรรดิทั้งเก้า ก่อนที่จะก่อตั้งอาณาจักรกลางขึ้น และขึ้นปกครองอาณาจักรคุนหลุน และนางก็กลายเป็นจักรพรรดิหญิงชื๋อเหยา

แปดร้อยปีก่อน จักรพรรดิทั้งเก้าเป็นผู้ปกครองดินแดนคุนหลุน ทั้งหมดกลายเป็นอดีตที่ลืมเลือนจางหายไปจากประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน

จักรพรรดิทั้งเก้าได้ตายจากไป และได้มีการแต่งตั้งจักรพรรดิหญิงขึ้นมาแทน

ในยุคสมัยนี้ มีจักรพรรดิเพียงองค์เดียว นั่นคือ จักรพรรดิหญิงชื๋อเหยา ผู้ที่ปกครองอณาจักรใต้ฟ้าทั้งแปด

“นางมีเหตุผลอะไรที่ต้องฆ่าข้าด้วย? จิตใจของนางช่างโหดร้ายยิ่งนัก หรือหัวใจของผู้หญิงคนนี้มันโหดร้ายอย่างยิ่งกัน?! ”

ดวงตาของจางลั่วเฉินคมกริบ หัวใจหนักอึ้งราวกับเหล็กเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่ว่า กลับไม่มีใครตอบข้อสงสัยของเขาได้เลย

แปดร้อยปีผ่านไป ผู้คนต่างเปลี่ยนแปลงไป นอกเสียจากจักรพรรดิหญิงชื๋อเหยา ที่ยังคงสาวเหมือนเดิม ไม่แก่และไม่ตาย

ถึงแม้ว่าอำนาจและบารมีของเก้าจักรพรรดิทั้งหมดจะหายไป เหลือทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังอ่านเพียงย่อหน้าสุดท้ายของเรื่องราวที่ยอดเยี่ยม

“เฮ้!”

หญิงสาวผู้งดงามร่างกายอ่อนแอคนหนึ่ง ผลักประตูเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นจางลั่วเฉินที่นั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะมองไปที่เขาด้วยความกังวล

“เฉินเอ๋อ เจ้าฝันร้ายอีกแล้วงั้นรึ?”

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เป็นราชินีของราชาหยุนอู และเป็นแม่ของจางลั่วเฉิน นามว่า ‘’หลินเฟย’’

เจ้าของเก่าของร่างกายนี้ เขาตายที่เตียงนี้เมื่อสามวันก่อน เพราะร่างกายที่อ่อนแอ

จางลั่วเฉินเมื่อได้ถูกจักรพรรดิหญิงชื๋อเหยาฆ่าตาย เมื่อเขาตื่นขึ้น ก็พบว่าตนอยู่ภายในร่างนี้เสียแล้ว ร่างแต่เดิมที่ป่วยตายของเด็กหนุ่ม กลับฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง แต่ที่บังเอิญมากก็คือ เจ้าของเก่า เขาก็ชื่อจางลั่วเฉินเช่นเดียวกันกับเขาในอดีต

เมื่อจางลั่วเฉินตื่นขึ้นมา เขารู้สึกแปลก ๆ กับหลินเฟย เพราะยังไงในสายตาของเขา หลินเฟยก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งก็เท่านั้น

แต่ทว่า เวลาที่ผ่านมาสามวัน จางลั่วเฉินค่อยๆค้นพบว่า เฟยหลินเป็นห่วงเขามาก นางทำทุกวิถีทาง เมื่อเห็นจางลั่วเฉินตกใจตื่นขึ้นเพราะฝันร้าย ไม่ว่าอากาศจะหนาวเย็นแค่ไหน นางก็จะรีบมาหาที่ห้องของเขา เพื่อดูแลเขาทันที

เมื่อชีวิตก่อน จางลั่วเฉินไม่เคยเห็นแม่ของตัวเองเลยสักครั้ง ได้ยินมาว่า เมื่อเขาเกิดมา แม่ของเขาก็เสียไปแล้ว ! ไม่คิดว่าหลังจากที่ถูกชื๋อเหยาฆ่า จะได้มาเกิดใหม่ในร่างนี้ อีกทั้งยังทำให้เขามีแม่เพิ่มขึ้นมาอีกคน มันรู้สึกได้ถึงความรัก และ ความอบอุ่นของคนที่เป็นแม่ที่มีต่อเขา

“แต่ว่านางยังไม่รู้ว่า เฉินเอ๋อของนางนั้น ได้ป่วยตายไปเมื่อสามวันก่อนแล้ว ! ”

ถ้าบอกความจริงกับนางไป นางคงรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นแน่

จางลั่วเฉินมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า สายตาแปรเปลี่ยนควาอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มบาง ๆ

“ท่านแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ก็แค่ฝันไปเท่านั้นเอง”

หลินเฟยสวมชุดสีแดงคลุมด้วยขนสัตว์ นั่งลงบนเตียงของจางเฉินลั่ว เอามือทาบไปบนหน้าผากของจางลั่วเฉิน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียกังวลว่า

“นี่ก็สามคืนแล้วนะ ที่เจ้าฝันร้ายแล้วสะดุ้งตื่น ทุกครั้งก็จะเรียกชื่อ “ชื๋อเหยา” นางเป็นใครกันเหรอ? ”

หลินเฟยเดิมทีไม่รู้จักชื่อ “ชื๋อเหยา” อีกทั้งนางไม่คิดว่าจะเป็นชื่อของจักรพรรดิหญิงคนแรกของอาณาจักรกลาง

เมื่อจักรพรรดิหญิงชื๋อเหยาได้แต่งตั้งให้เป็นตนจักรพรรดิหญิงคนแรกของอาณาจักรกลาง นางเป็นที่รู้จักในนาม “จักรพรรดิหญิงผู้ทรงอำนาจ” แต่เดิมที ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเรียก”ชื๋อเหยา”สองคำนี้ ซึ่งเป็นคำต้องห้ามของพระองค์สักคน

จางลั่วเฉินกล่าว

“ไม่มีอะไรหรอกแม่ ท่านฟังผิดแล้ว ! ”

หลินเฟยถอนหายใจพลางกล่าว

“คราวหน้าคราวหลังอย่าเรียกชื่อ”ชื๋อเหยา”อีกล่ะ ถึงแม้ในฝันก็ไม่ได้ นั่นเป็นชื่อของจักรพรรดิหญิง เรียกแบบนั้นเป็นการไม่ให้เกียรติ หากใครได้ยินเข้า จะถูกฆ่าตายได้”

จางลั่วเฉินพยักหน้า กำหมัดแน่น ก่อนจะกล่าว

“ไม่แน่นอน ! คราวหลัง…”

คราวหลัง ข้านี่แหละ จะกลายเป็นฝันร้ายของนางแทน

หลินเฟยมองไปที่ร่างกายอ่อนแอ ใบหน้าขาวซีดของจางเฉินลั่ว นางถอนหายใจเบาๆ รู้สึกเจ็บปวดข้างในหัวใจ

ถึงแม้จะเกิดในครอบครัวของกษัตริย์ แต่ทว่าด้วยร่างกายที่อ่อนแอขี้โรค ตั้งแต่เล็กจนโต ตอนนี้ก็สิบหกปีแล้ว ยังนอนอยู่ที่เตียงตลอดทั้งปี นางกลัวว่าเขาจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิต!

ด้านนอก ปรากฏเสียงฝีเท้าเดินไปมาเสียงดังขึ้น

“พวกเจ้าทำอะไร ? ที่นี่เป็นวังหยก ใครใช้ให้พวกเจ้าเข้ามาได้ตามใจชอบกัน ? ”

“สาวใช้คนหนึ่ง ต้องการที่จะขัดขวางไม่ให้ราชาแปดเข้ามา ทว่าเขาเพียงผลักเบา ๆ นางก็ไกลออกไปไกลถึงสิบเมตร”

ราชาแปดเป็นจอมยุทธ์ที่อยู่ในขั้นพลังดินแดนปลายอเวจี เพียงแค่ฝ่ามือเดียวที่ผลักออก เหมือนกับก้อนหินขนาดยักษ์หนักสามร้อยชั่งที่กระเด็นลอยออกไปไกลสิบฟุต ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นแค่สาวใช้ที่มีน้ำหนักแค่หนึ่งร้อยสิบชั่ง ?

เพียงแค่ดีดนิ้ว นางก็กระเด็นลอยออกไป

สาวใช้ที่นอนกองอยู่บนพื้นร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด  แขนข้างซ้ายแตกร้าว

ราชาแปดสวมเสื้อขนนกสีทอง คาดเข็มขัดหินหยก ร่างกายแข็งแรง แขนเรียวยาว เดินมุ่งตรงไปที่วังหยกอย่างสง่า สายตาเย็นชามองไปที่สาวใช้

“เป็นแค่คนใช้แท้ ๆ กล้ามาขวางทางของราชา หาที่ตายซะจริง”

ด้านหลังของราชาแปด มีทหารใส่ชุดเกราะหนังหกคน รูปร่างสูงใหญ่ มีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาเป็นองค์รักษ์ของที่วังแห่งนี้

หลินเฟยได้ยินเสียงดังขึ้นข้างนอก เมื่อปลอบจางลั่วเฉินแล้ว นางเดินออกไปพลางปิดประตูลง

นางมองดูราชาวังที่อยู่ด้านนอก ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าว

“ราชาแปด นี่ที่คือวังหยก ถึงแม้ท่านจะมีศักดิ์เป็นราชา ก็ไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้!”

ราชาแปดเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลินเฟย ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“มีคำสั่งมาจากจักรพรรดิหญิง ให้พระมเหสีหลินเฟยและองค์ชายเก้า ให้ย้ายไปที่ ตำหนักม่วง และผู้ที่จะมาอยู่ที่นี่ในภายภาคหน้าก็คือพระมเหสีเอกของราชาเสี่ยวเฟย”

สีหน้าของหลินเฟยเปลี่ยนสีเล็กน้อย นางรู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง แต่ไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้

หลินเฟยยิ้มเศร้า ๆ พลางกล่าว

“ราชีนีอยากให้พวกเราออกไปจากวังหยกเร็ว ๆ ใช่หรือไม่ ? งั้นก็ได้ ! พรุ่งนี้ข้าและเฉินเอ๋อจะย้ายไปที่ตำหนักทันที!”

ราชาแปดกล่าวว่า

“ขอประทานอภัย ! แต่ทว่าพระมเหสีเอก นางบอกจะย้ายมาคืนนี้ เช่นนั้นพระมเหสีหลินเฟยช่วยย้ายไปที่ตำหนักตอนนี้เถอะ ! ”

หลินเฟยรู้ว่าจางลั่วเฉินนั้นร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ จึงกล่าวขอร้องว่า

“ท่านราชาแปด ท่านก็รู้ว่าองค์ชายเก้านั้นร่างกายอ่อนแอ นี่มันก็ดึกมากแล้ว อีกทั้งยังหนาว ถ้ายังไง…..”

ราชาหวังหัวเราะเย็น ๆ ออกมา ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างไม่เกรงใจว่า

“ท่านมเหสีหลินเฟย บนโลกนี้มีแต่คนที่น่าสงสารมากมาย แต่ว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับความสงสาร ถ้าองค์ชายเก้าที่ร่างกายอ่อนแอ เขายังจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เพื่ออะไรกันล่ะ ? ”

“แต่เขามีศักดิ์เป็นน้องของท่านนะ!”

หลินเฟยที่กำลังจะพูดต่อ ทันในนั้นประตูด้านหลังก็ได้ถูกเปิดออก

ปรากฎร่างกายที่อ่อนแอของจางเฉินลั่ว เขาใช้มือพิงประตูเอาไว้สายตามองไปที่ราชาแปด เขากล่าวออกมาว่า

“ไม่ต้องไปขอร้องพวกเขา พวกเราย้ายไปเลยตอนนี้”

“เฉินเอ๋อ เจ้าออกมาทำไม ? ข้างนอกอากาศหนาวมาก ยังไม่รีบกลับเข้าไปอีก”    หลินเฟยรีบวิ่งเข้าไปหาจางลั่วเฉิน  กลัวว่าเขาจะเป็นไข้

จางลั่วเฉินส่ายหัว พลางกล่าว

“ท่านแม่ พวกเราไม่ต้องขอให้ใครช่วย สักวัน…พวกเราจะกลับมาที่นี่!”

หลินเฟยมองดูนัยน์ตาของจางลั่วเฉิน เข้าใจได้ถึงอารมณ์ที่เขาสื่อออกมา น้ำตาของนางซึมออกมาก่อนจะพยักหน้า

หลินเฟยประคองจางลั่วเฉิน ค่อยๆก้าวออกไปจากวังหยก นอกจากสาวใช้ที่ถูกราชาแปดผลักจนแขนหัก คนใช้คนอื่นไม่มีใครที่ตามพวกเขาออกไปจากวังหยก

ผู้คนต่างดูออกว่า หลินเฟยและองค์ชายเก้าได้สูญเสียทุกอย่างไป ภายในอาณาจักรนี้ ยากมากที่จะมีที่ให้พวกเขายืนอีกต่อไป

เดิมทีพวกเขาเป็นคนรับใช้ของวังหยก ตอนนี้หากต้องการที่จะอยู่ที่วังหยก ก็ต้องไปรับใช้ราชาแปดเจ้านายที่เพิ่งจะเข้ามาอยู่ใหม่

ตำหนักม่วง เป็นที่โปรดปรานของพระมเหสีต่าง ๆ  อยู่ห่างไกลออกไป ใบไม้ร่วงหล่นเต็มพื้น บอกให้รู้ว่าที่นี่ไม่มีใครอาศัยอยู่มานาน

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง อากาศก็เย็นขึ้น

จางลั่วเฉินนั่งอยู่บนม้านั่งหินที่เย็นเฉียบ ถึงแม้จะใส่เสื้อคลุมแล้วแต่ก็กลับรู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่านเข้ามา

“ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป มีเพียงแต่ต้องฝึกวิทธยายุทธ์เท่านั้น ถึงจะทำให้ร่างกายนี้แข็งแกร่งขึ้นมาได้ ถึงแม้จะเป็นองค์ชาย แต่ก็ต้องถูกผู้คนผลักไสอีกแน่”

จางลั่วเฉินคิดขึ้นมาในใจ

แปดร้อยปีผ่านไป จางลั่วเฉินไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะไปที่ไหน ? ถึงแม้ฟ้าจะกำหนดให้เขามาอยู่ในร่างนี้ ไม่ว่าจะเพื่อล้างแค้นจักรพรรดิหญิงชื๋อเหยา หรือเพื่อดูแลแม่ของตัวเอง แต่เขาก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น

เรื่องที่อัปยศและความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นในวันนี้ทุกอย่างเป็นเพราะร่างกายที่อ่อนแอของตน ไม่สามารถที่จะต้านทาน กำหนดชะตาชีวิตของตนได้ แม้แต่ในที่ที่ตัวเองอยู่ยังถูกคนอื่นแย่งชิงไป

ต้องการให้คนอื่นเคารพยกย่อง ต้องการบรรยากาศและบ้านที่อบอุ่น จะต้องเป็นยอดจอมยุทธ์ เพื่อแสดงถึงพลังของตน

ในอาณาจักรคุนหลุน อยากจะเป็นยอดจอมยุทธ์ จะต้องเปิด”บันทึกสวรรค์ยุทธ์”ก่อน

ที่เรียกว่า”บันทึกสวรรค์ยุทธ์ “เพราะข้างในเป็นข้อมูลการฝึกฝนวิทธยายุทธ์ที่เทพสวรรค์บันทึกเอาไว้ คนที่ไม่ได้เปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ ก็จะไม่สามารถฝึกฝนสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของวิชาออกมาได้ และไม่สามารถที่จะเป็นยอดจอมยุทธ์แห่งยุทธภพได้เช่นเดียวกัน

จางลั่วเฉินอายุสิบหกปีแล้ว ทว่ากลับไม่เคยได้เปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์

ช่วงอายุสิบหกเป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดในการเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ หากเลยช่วงนี้ไปแล้วอาจจะไม่สามารถสำเร็จวิชาได้เท่าที่ควร

เช่นเดียวกับลูกชายของราชาหยุนอู ทำไมราชาแปดอยู่ในระดับสูง ? สามารถที่จะไล่จางลั่วเฉินและหลินเฟยออกไปจากวังหยกได้ ?

นั่นก็เพราะ ในตอนที่ราชาแปดอายุได้สิบปี เขาได้เปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ และตอนนี้ก็เป็นจอมยุทธ์หนุ่มที่อยู่ในขั้นพลังดินแดนปลายอเวจี

“เพียงแค่ข้าเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้ ข้าก็จะสามารถฝึกฝน เก้าวิถีจักรพรรดิหมิง ด้วยความลึกลับของเก้าวิถีถึงแม้จะผ่านช่วงอายุที่เหมาะสมมาแล้วก็ตาม ก็ยังมีโอกาศที่จะขึ้นเป็นอัจฉริยะได้ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือยอดจอมยุทธ์”

เก้าวิถีจักรพรรดิหมิงเป็นการฝึกฝนขั้นสูงของจักรพรรดิหมิง นอกจากจักรพรรดิหมิง  มีเพียงจางลั่วเฉินเท่านั้นที่รู้การฝึกฝนทั้งหมด

“พรุ่งนี้มีพิธีกรรม หวังว่าจะได้รับการยอมรับจากเทพสวรรค์ เพื่อที่จะเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ จางเฉินลั่วกำหมัดแน่น เต็มไปด้วยความหวังที่จะเปิดบันทึก

หลินเฟยที่เพิ่งทำความสะอาดแลพเก็บของเสร็จ ก็เดินเข้ามาหาจางลั่วเฉิน

“เฉินเอ๋อ เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ! พรุ่งนี้ เจ้าจะต้องไปเข้าร่วมพิธีกรรมนะ”

“ท่านแม่วางใจได้ พรุ่งนี้ข้าจะต้องเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้แน่!”

จางลั่วเฉินกล่าว

“จ้ะ! แม่เชื่อเจ้า!”

หลินเฟยมองลึกเข้าไปในดวงตาของจางลั่วเฉิน ภายในใจถอนหายใจออกมา

ความจริง นางไม่ได้หวังว่าจางลั่วเฉินจะเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้ เพราะเขาอายุสิบหกแล้ว เมื่อเลยช่วงอายุสิบหกไป ก็จะไม่สามารถเปิดบันทึกสวรรค์ได้

แต่ว่าเพราะความเป็นแม่ นางจะต้องให้กำลังใจลูกชายของตัวเอง เพื่อมอบให้ความเชื่อมั่นแก่เขา

 

บทแปลนี้เป็นของส่วนตัวซึ่งแปลโดยเพจ WGSD  เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย  ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ ผมจัดมาให้จากจีนเลยอิอิ

***เป็นเรื่องที่ความยากนั้นพอ ๆ กับความมันแต่มันจริงครับ***

***  ถ้าใครรู้จักผมก็ติดต่อเข้ามาได้เลยอิอิ