บทที่ 1 – เฟิงห่าว

 

ทวีปปราณฟ้า!

แคว้นหมอกตะวันตกตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของทวีป เนื่องจากอยู่ใกล้กับเขตของหุบเขาอสูรที่อุดมไปด้วยทรัพยากรมากมาย โดยเฉพาะผลึกวิเศษที่ได้จากอสูรและสัตว์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีค่า ในทวีปนี้มันเป็นที่ต้องการมากที่สุด

เมืองหยกครามคือเมืองขนาดกลางที่เรียบง่ายตั้งอยู่ในแคว้นหมอกตะวันตก อยู่ใกล้หุบเขาอสูร ซึ่งเป็นเหตุให้มีการต่อสู้กันเองและสู้กับสัตวอสูรบ่อยครั้ง ด้านนอกของเมืองหยกครามมีเนินเขาเล็กๆอยู่

เฟิงห่าวได้ยืนอยู่บนเนินเขาเล็กๆนั้นภายใต้ต้นไม้ใบแดง เขามองซ้ายทีขวาทีเห็นได้ชัดว่ากำลังรอคนอยู่ เพียงคิดถึงคนที่เขากำลังรอคอยดวงตาของเขาก็ประกายไปด้วยความอ่อนโยน

ดวงอาทิตย์ขึ้นสุดฟ้า อย่างไรเสียคนที่รอก็ยังไม่มา เฟิงห่าวรู้สึกหงุดหงิดและย่ำเท้าอยู่ใต้ต้นไม้ ความอ่อนโยนของเขาก่อนหน้านี้กลายเป็นตื่นตระหนก

เมื่อท้องฟ้ากลายเป็นสีแดง เงาที่ดูสง่างามดั่งผีเสื้อถูกเห็นออกมาจากทางเข้าเมืองหยกคราม

“พี่ห่าว!”

เสียงที่ใสราวกับสายน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาทำให้อารมณ์หงุดหงิดของเฟิ่งหาวจางหายไป

เด็กหญิงเบื้องหน้าของเขาคือคนที่เขารอ หว่านชิง

สาวน้อยอายุสิบเอ็ดปี อีกเพียงหนึ่งปีก็จะเข้าสู่วัยรุ่น นางสวมใส่ชุดที่เรียบร้อย แม้ว่านางจะยังเป็นเด็กแต่ใบหน้าเล็กๆของนางนั้นละเอียดอ่อน ประกอบกับดวงตาใสโต ทำให้นางดูน่ารักมาก

ยิ่งไปกว่านั้นพื้นหลังของเด็กสาวนับว่าไม่ธรรมดา นางเป็นลูกสาวของผู้นำตระกูลหว่าน ตระกูลหว่านเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหยกคราม สถานะของนางคือเจ้าหญิงน้อยแห่งเมืองหยกคราม

“ข้ามาสาย ฮิฮิ”

หว่านชิงเดินไปข้างหน้าเอื้อมมือของนางขึ้นมาดึงแขนของเฟิงห่าว ขณะที่เขย่าแขนของเขา ดวงตาของนางได้มองตรงไปยังชายหนุ่มอ้อนวอนชายหนุ่มให้อภัยแก่นาง

“เจ้า อ๊า!”

เฟิงห่าวเอื้อมมือออกไปที่จมูกเด็กสาวและตำหนิ

เหตุผลที่หว่านชิงและเฟิงห่าวสนิทกันเป็นเพราะเมื่อสี่ปีก่อน วันนั้นหว่านชิงได้หลบหนีออกมาตามอำเภอใจ เป็นเหตุให้นางได้พบเจอกับงูพิษที่ต้นใบไม้แดง โชคดีที่เฟิงห่าวสามารถเข้ามาช่วยได้ทันเวลา ตั้งแต่นั้นมาทุกครั้งที่เฟิงห่าวมาที่แห่งนี้ หว่านชิงก็จะมาด้วยเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาความรู้สึกของทั้งคู่จึงเติบโตขึ้นด้วยกัน

“ที่ข้ามาช้าเป็นเพราะว่ามีคนมาที่บ้านข้า เขาจะรับข้าเป็นศิษย์ ดังนั้นข้าจึงต้องใช้เวลากว่าจะออกมาได้”

หว่านชิงบุ้ยปากเล็กๆของนาง

“รับเจ้าเป็นศิษย์?”

เฟิงห่าวดูใจลอย เขาถามอย่างแปลกใจ : “พ่อเจ้าไม่คัดค้าน?”

ตระกูลหว่านเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหยกคราม การที่จะได้ไปเยือนหรือรับเป็นศิษย์นั้น คนๆนั้นต้องไม่ธรรมดา

“พ่อข้ารอคอยที่จะทำเช่นนี้อยู่ก่อนแล้ว”

เกี่ยวกับเรื่องนี้หว่านชิงไม่ค่อยพอใจ ใบหน้าเล็กๆของนางดูห่อเหี่ยว

“เป็นเช่นนั้น อา..”

เฟิงห่าวถอนหายใจขณะที่กำลังนึกไตร่ตรอง

เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลเฟิง ฟังจากที่เด็กสาวพูดมาแล้ว เขาตระหนักได้ชัดว่านางเป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ เป็นผลให้นางได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์

“ชิงเอ๋อ จงยอมเป็นศิษย์คนผู้นั้น!”

นี่เป็นโอกาสดีของเด็กสาว เดิมทีน่าจะเป็นเรื่องที่มีความสุข แต่เฟิงห่าวรู้สึกเจ็บปวดใจ เขาไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้

ทั้งคู่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรเพิ่ม ได้มีสองร่างเงาผ่านประตูเมืองออกมา

ซวบ! ซวบ!

สองร่างเงานั้นปรากฏเบื้องหน้าทั้งคู่

เฟิงห่าวได้ซ่อนหว่านชิงไว้ด้านหลังของเขาและตระหนักได้ถึงสองคนที่มาถึง

“ท่านพ่อ ท่านมาทำไม?”

หว่านชิงกล่าวอย่างอ่อนโยนจากด้านหลังของเฟิงห่าว

ผู้นำตระกูลหว่านมาถึง

“เจ้ายังกล้าพูด? มาหาข้าเดี๋ยวนี้!”

หว่านโฉวจ้องมองไปยังทั้งคู่

“โอ”

หว่านชิงส่งเสียออกมาและเดินไปข้างหน้าช้าๆจากเบื้องหลังของเฟิงห่าว หว่านโฉวดึงนางด้วยมือที่ใหญ่โตของเขา

“ท่านพ่อ ข้าเจ็บนะ!”

หว่านชิงมองไปยังพ่อของนางซึ่งนางนั้นรักเขาอย่างสุดใจและไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆเขาเจ้าอารมณ์เช่นนี้

หึ่ม!

หว่านโฉวเปล่งเสียงในลำคอ เขาไม่ได้สนใจนางและเพ่งดวงตาของเขาไปที่เฟิงห่าว

เฟิงห่าวมองไปยังเบื้องหน้ามองสองคนที่อยู่ตรงข้าม เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี

ยิ่งไปกว่านั้น จากร่างกายของหว่านโฉว เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันด้วยแรงกดดันรอบๆ เขาไม่ส่งเสียงใดๆ ในเวลาเดียวกัน เขาได้มองไปยังคนที่สองที่มาถึง เมื่อได้มองจิตของเขาราวถูกแช่แข็ง

ผู้หญิงเย็นชาผู้นี้สวมใส่กระโปรงสีขาวรัดรูป นางมีใบหน้าที่หน้าหลงไหลขณะเดียวกันก็ทำให้คนที่มองเธอรู้สึกหนาวสั่น

“โคตรน่ากลัว!”

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร เฟิงห่าวรู้สึกได้ว่าการบ่มเพาะของผู้หญิงคนนี้สูงกว่าหว่านโฉวมาก

“นางคือใครกัน?”

เฟิงห่าวไม่คิดเลยว่าเมืองอี้หลานจะมีบุคคลสูงส่งเช่นนี้

“เจ้าคือเฟิงห่าว?”

กวาดสายตามองไปยังเด็กหนุ่มเบื้องหน้า หว่านโฉวถามอย่างช้าๆ

เฟิงห่าว เขาคือส่วนหนึ่งของสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหยกคราม ตระกูลเฟิง เขาคือบุตรชายของผู้นำตระกูล นอกจากนี้เขายังมีชื่อเสียงในเมืองหยกคราม ในแง่ของการที่ไม่มีอะไรดี

คำเดียวที่สามารถอธิบายเขาได้คือ สามัญ!

แต่เดิมเรื่องของหว่านชิงและเฟิงห่าว หว่านโฉวไม่ได้ต้องการยุ่งแต่ตอนนี้มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ดี (ต่อลูกสาวของเขา) ทำให้เขาออกมาต่อต้านเฟิงห่าวตรงๆ

“ใช่ ข้าเอง”

เฟิงห่าวตอบกลับอย่างเปิดเผย

“จากนี้ไปอย่าได้มายุ่งกับชิงเอ๋ออีก”

หว่านโฉวพูดอย่างเย็นชา คำพูดของเขานั้นไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้

“ว่าไงนะ?”

สองดวงตาที่เย็นชามองมายังเขา

“ไป!”

หว่านโฉวดึงหว่านชิงไปในอากาศขณะที่มุ่งหน้าไปยังเมืองอี้หลาน

หญิงสาวเย็นชานั้นไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพียงกวาดตามองและลอยออกไป

ซู่ว! ซู่ว!

ลมของใบไม้ที่พริ้วไหวยาวค่ำคืนของต้นใบไม้แดงทำให้เกิดเสียงสนั่น ชายหนุ่มยังคงยืนอยู่ใต้ต้นไม้

ปัง!

กำปั้นของเขากระแทกใส่ต้นไม้

“มันแข็งจริงๆ!”

เฟิงห่าวกัดริมฝีปากล่างของเขาทำให้รสชาติของความเค็มกระจายไปทั่วปากของเขา

ในทวีปสวรรค์มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจะถูกเคารพ หากไร้ซึ่งพลังคนผู้นั้นย่อมถูกกำหนดให้ถูกรังแกและเยาะเย้ย

“ทำไมจึงเป็นเช่นนี้!?”

ในฐานะลูกชายคนแรกของนายหญิงตระกูลเฟิง ด้วยตำแหน่งหัวหน้าตระกูลคนต่อไปมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากเม็ดยาจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตามการชำระล้างของเขาไม่เป็นที่น่าพอใจนัก

เม็ดยาจิตวิญญาณเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่า ตระกูลเฟิงจะใช้มันกับเด็กที่มีพรสวรรค์เท่านั้น อย่างไรก็ตามพวกมันก็ไม่เพียงพอสำหรับคนหนึ่งคน ยิ่งไปกว่านั้นเฟิงห่าวอยากเป็นผู้นำตระกูลเฟิงเช่นกัน

เขาอายุสิบสองปีและตอนนี้ก็อยู่ในระดับกลางนักฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม อันดับของเขานับว่าไม่เลวนัก แต่เพราะว่าเขาได้รับการช่วยเหลือจากเม็ดยาจิตวิญญาณ เพียงขั้นที่สามของนักฝึกยุทธ์ถือว่านับอับอาย ยิ่งไปกว่านั้นคนอื่นที่ไม่ได้ใช้เม็ดยาจิตวิญญาณก็อยู่ระดับไม่ต่างกับเขา ไม่เพียงแต่จะทำให้เขากลายเป็นตัวตลกเท่านั้น ยังทำให้ตำแหน่งของตระกูลเฟิงในเมืองหยกครามตกต่ำ

ด้วยเหตุผลนี้ ตำแหน่งของเฟิงเฉินหัวหน้าตระกูลเฟิงในปัจจุบันไม่มั่นคงอีกต่อไป ผู้อาวุโสตระกูลต่างมุ่งต้องการเปลี่ยนผู้นำตระกูลเพื่อหยุดให้เฟิงห่าวได้รับเม็ดยาจิตวิญญาณ

อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าความจริงแล้วเฟิงห่าวไม่เคยรู้สึกยินดีกับการได้รับเม็ดยาจิตวิญญาณนัก ร่างกายของเขาเหมือนหลุมลึกที่เขมือบกลืนเม็ดยาจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง นี่คือเหตุผลที่สถานการณ์ปัจจุบันเป็นเช่นนี้

———————————————————————————————–

 

* กัดริมฝีปากแล้วความเค็มกระจายไปทั่วปากนี่ ไม่น้ำตาไหลเข้าปากก็กัดปากจนเลือดออกละนะ

Magnolia City – เมืองหยกคราม 『玉』兰城

Wan Xin –  หว่านชิง 宛欣 (จริงๆต้องหว่านซิง นะแต่อ่านแล้วมันก็ … เลยเอา ชิง แล้วกัน)

Wan Shou – หว่านโฉว 宛朔 (หว่านโซ้ : ออกเสียงคล้ายหว่านโชว้ ปรับให้เหมาะกับไทยเป็นหว่านโฉวนะ)

 

ติดตามได้ที่เพจ Martial Inverse – ยอดยุทธ์ถล่มสวรรค์