GOS ตอนที่ 153 – ปรับปรุงฐาน

 

“ทำไมล่ะ หรือคุณคิดว่าผมจะหวาดกลัวจนไม่กล้าที่จะไปร่วมสงคราม?”

 

โรจายิ้มให้อาโอคิยิ แล้วเดินขึ้นไปบนเรือรบ

 

ความสัมพันธ์ระหว่างโรจาและอาโอคิยินั้นค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ดี อาโอคิยินั้นเคยเป็นผู้ใต้บังคัญบัญชาของการ์ป และเขาก็เคารพนับถือการ์ปเป็นอย่างมาก หลังจากที่โรจาถูกส่งมายังโลกวันพีช พลเรือเอกคนแรกที่เขาพบก็คือ อาโอคิยิ

 

อย่างไรก็ตาม สถานะของอาโอคิยินั้นสูงส่งเกินไป พวกเขาแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย เว้นเสียแต่ว่าจะมีการ์ปอยู่ในวงสนทนาด้วย … แต่ในตอนนี้พวกเขาสามารถพูดคัยกันได้อย่างเป็นปกติแล้ว

 

“ถ้าเธอหวาดกลัว ในโลกนี้ก็คงจะไม่มีใครที่เป็นคนกล้าหาญอีกแล้วล่ะ”

 

อาโอคิยิอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้โรจา ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนเรือรบ

 

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะฝีมือของโรจา ในเวลานั้นโรจาเป็นคนเดียวที่อยู่ใกล้รอบนอกอาณาเขตของสี่จักรพรรดิไคโด และกล้าที่จะต่อสู้กับกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร หากเป็นพลเรือโทคนอื่นๆ เกรงว่าคงจะไม่สามารถเอาชนะแจ็คแห่งภัยแล้งได้ ถึงแม้พวกเขาจะมีโอกาสชนะได้ แต่ใครกันเล่าจะกล้าท้าทายแจ็ค?

 

อาโอคิยิเดินไปหาโรจาก่อนที่จะเตือนออกมาด้วยสีหน้าจริงจังว่า

 

“แต่ในศึกครั้งนี้ เธอควรจะระมัดระวังตัวให้ดี แม้ว่าไคโดจะทำหน้าที่บัญชาการรบและไม่อาจพุ่งมาสู้กับเธอตรงๆได้แต่เหล่ากลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรทั้งหมดจะมุ่งเป้ามาที่เธอ”

 

ความแข็งแกร่งของโรจานั้นเป็นของจริง แต่มันก็ยังไม่อยู่ในระดับเดียวกับพลเรือเอก และโรจาก็ไม่ได้เป็นผู้ใช้ผลปีศาจสายโลเกีย ดังนั้นโอกาสรอดชีวิตของเขาจึงนับว่าค่อนข้างน้อย

 

โรจายิ้มตอบกลับไป เขารับฟังคำเตือนของอาโอคิยิ แล้วกล่าวว่า

 

“การที่จะมุ่งเป้ามาที่ผมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ถูกของคุุณ .. ผมจะระมัดระวังตัวเอาไว้”

 

“ว่าแต่ .. เราจะไปกันได้รึยัง?”

 

“อืม .. นี่ก็น่าจะได้เวลาแล้ว”

 

อาโอคิยิพยักหน้า แล้วกล่าวกับโรจาว่า

 

“หากภารกิจในครั้งนี้จบลง ฉันจะพาเธอไปเลี้ยงในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุด และอร่อยที่สุด เธอต้องไปให้ได้นะเข้าใจไหม?”

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ โรจารู้สึกได้ถึงความหมายที่แฝงเข้ามาในคำพูดของอาโอคิยิว่าต้องการให้เขานั้นมีชีวิตรอดกลับมาจากศึกครั้งนี้ โรจาจึงกล่าวตอบกลับไปทันทีว่า

 

“ผมต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว”

 

โรจายิ้มให้อาโอคิยิ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินหายเข้าไปในห้องโดยสารเรือ

 

 

นิวเวิลด์

 

ณ ฐานสาขาG-6

 

ร้อยอสูรไคโดได้สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก่อความวุ่นวายไปทั่วนิวเวิลด์ และได้ทำลายล้างฐานทัพเรือไปตลอดเส้นทางที่พวกเขาแล่นเรือผ่าน

 

แม้ว่าทหารเรือส่วนใหญ่ที่อยู่ในฐานจะถูกอพยพออกไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่การก่อสร้างฐานทัพเรือแต่ละฐานจำเป็นที่จะต้องใช้แรงงานและงบประมาณเป็นจำนวนมาก ซึ่งนั่นทำให้กองทัพเรือเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่

 

ข่าวจากแนวหน้าได้รายงานมาว่า ฐานสาขาG-10 ได้ถูกทำลายลงแล้วเช่นกัน

 

กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร แบ่งออกเป็น4กองเรือ ผู้นำของ 3 กองเรือแรกก็คือเหล่าภัยพิบัติทั้งสาม ซึ่งถูกไคโดสั่งไปแยกกันไปทำลายฐานทัพเรือ ส่วนกองเรือสุดท้ายนำโดยไคโด เขาเพียงแค่ทำหน้าที่บัญชาการ และไม่ได้ออกไปทำลายฐานทัพเรือด้วยตัวเอง

 

หลังจากทำลายฐานG-10 แล้ว ก็เหลือฐานสาขาอีกสามแห่ง คือ G-9 G-8 G-7 ก่อนที่จะถึงฐานสาขาG-6ที่กองทัพเรือกำลังตระเตรียมการที่จะทำสงครามเต็มรูปแบบ

 

แน่นอนว่าทุกคนในฐานG-10 9 8 7ได้ถูกอพยพออกมาเรียบร้อยแล้ว

 

อาจกล่าวได้ว่าทหารเรือเกือบทั้งหมดในนิวเวิลด์ได้มารวมตัวกันที่ฐานสาขา G-6 และทหารเรือทั่วทั้งท้องทะเลจากครึ่งแรกของแกรนไลน์ก็มารวมตัวกันที่นี่เช่นกัน

 

ฐานสาขา G-6 ในนิวเวิลด์ตั้งอยู่บนเกาะขนาดกลาง และมีขนาดใหญ่กว่าเกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของฐาน G-7 8 9 ที่อยู่เบื้องหน้า ที่สำคัญที่สุดเกาะแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ เหมาะสมที่จะเป็นสนามรบมากที่สุดในบรรดา G-1 2 3 4 5ที่อยู่เบื้องหลัง

 

และ

 

จากที่ลองคำนวนระยะเวลาดู เมื่อพวกกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรทำลายฐาน G-9 8 7 และมาถึงฐาน G-6 ทางกองทัพเรือก็น่าจะตระเตรียมการจนเสร็จสมบูรณ์พอดี

 

เพราะนี่ไม่ใช่สงครามครั้งใหญ่เหมือนกับในมังงะ ที่กองทัพเรือมีเวลาตระเตรียมการมากพอที่จะทำสงครามกับหนวดขาว แม้แต่รัฐบาลโลกก็ยังสั่งให้ 7 เทพโจรสลัดมาสมทบกับพวกเขาได้ทัน ทั้งๆที่การติดต่อกับพวกเขาแต่ละคนนั้นยากแสนยาก

 

ดังนั้นมหาสงครามในครั้งนี้จึงเป็นสงครามระหว่างกองกำลังทหารเรือเพียงกองทัพเดียวที่จะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร!

 

ณ ขณะนี้ จอมพลเรือเซนโงคุกำลังยืนคุมสถานการณ์โดยรวมอยู่ในจตุรัสของฐานสาขา G-6

 

“รายงาน! กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรได้เดินทางมาถึงฐานสาขาG-9เรียบร้อยแล้ว และพวกมันได้แยกออกกองเรือออกเป็นสี่กอง คาดว่าน่าจะแยกออกไปเพื่อทำลายฐานอื่นๆ ก่อนที่จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่ฐานG-6แห่งนี้!”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

เซนโงคุพยักหน้า กองทัพเรือจำนวนมากได้มารวมตัวกันที่ฐาน G-6 และพวกโจรสลัดร้อยอสูรก็ไม่ได้โง่ เพียงแค่พวกเขาเห็นแบบนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าทางกองทัพเรือจะต่อสู้ขั้นเด็ดขาดกับพวกเขาที่ฐานG-6

 

อาจกล่าวได้ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างกำลังเตรียมพร้อมเพื่อที่จะก่อสงครามในครั้งนี้

 

“ฐานสาขาG-6นับว่าเป็นฐานที่ใหญ่ที่สุด หากไม่นับฐานที่ถูกทำลายไปแล้ว .. น่าเสียดาย แม้ฐานนี้จะกว้างใหญ่แต่มันก็ยังเทียบไม่ได้กับที่มารีนฟอร์ด”

 

เซนโงคุจ้องมองไปรอบๆฐานสาขาG-6 ที่ในเวลานี้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขา และกำลังปรับปรุงฐานให้มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเป็นประกายเล็กน้อย แล้วส่ายหัวออกมา

 

ศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดนั้นนับว่าเป็นศูนย์กลางของกองทัพเรือ ที่มีข่ายป้องกันราวกับถังเหล็กขนาดยักษ์ ไม่ว่าจะเป็นปืนใหญ่ขนาดยักษ์ หรือแม้แต่กำแพงท่าเรือที่คงทน … หากทำสงครามกันที่นั่นพวกเขาคงจะได้เปรียบกว่านี้มาก

 

หากทำสงครามกันที่มารีนฟอร์ด โอกาสที่กองทัพเรือจะคว้าชัยชนะเอาไว้ได้นั้นจะเพิ่มขึ้นราวๆ 30%!

 

แต่น่าเสียดายที่คนที่คุมเกมในครั้งนี้ไม่ใช่พวกเขา ไคโดบีบบังคับให้กองทัพเรือต้องมายังนิวเวิลด์เพื่อที่จะทำสงครามกัน และทุกอย่างก็รวดเร็วเกินไปกว่าที่จะเรียก 7 เทพโจรสลัดให้มาช่วยเหลือได้

 

ในสงครามครั้งใหญ่ในมังงะ ทางกองทัพเรือได้ตระเตรียมการทุกอย่างจนพร้อมโดยสมบูรณ์ ตั้งแต่วันแรกที่จับตัวเอสได้ จากนั้นก็เฝ้ารอการมาถึงของหนวดขาว และกุมเขาเอาไว้อยู่ในกำมือ

 

แต่ตอนนี้คนที่คุมเกมไม่ใช่กองทัพเรือ ดังนั้นสิ่งที่เซนโงคุพอจะทำได้ดีที่สุดคือการปรับปรุงฐานG-6ให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด และทำการต่อสู้แบบเน้นไปทางป้องกัน

 

“รายงาน! พลเรือเอกอาโอคิยิ และพลเรือโทโรจา ได้มาถึงแล้ว!”

 

“เยี่ยม!”

 

เมื่อเซนโงคุได้ยินประโยคนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การที่อาโอคิยิมาสมทบนั้นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว แต่โรจานั้นไม่สนใจฟังคำสั่งของเขา ที่บอกให้มายังที่นี่ ช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้เซนโงคุกังวลว่าโรจาจะไม่มา แต่ตอนนี้ความกังวลที่ว่านั่นได้หายไปแล้ว

 

แม้ว่าโรจาจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับพลเรือเอก แต่ก็นับว่าเขานั้นเป็นกำลังรบที่มีประสิทธิภาพคนหนึ่ง ซึ่งไม่อาจละเลยได้ นอกจากนี้ โรจายังเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดสงครามในครั้งนี้ขึ้น ดังนั้นตัวตนของเขาจึงมีอำนาจเพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อทิศทางของสงครามในครั้งนี้!

 

ข้างๆเซนโงคุ

 

คิซารุและอาคาอินุ พวกเขาทั้งสองกำลังช่วยกันตระเตรียมฐานและจัดวางตำแหน่งทหารเรือ เมื่อได้ยินว่าอาโอคิยิและโรจาได้มาถึงแล้ว ท่าทีที่พวกเขาแสดงออกมาก็แตกต่างกันออกไป

 

สำหรับคิซารุนั้น มุมปากของเขายกสูงขึ้น ในความคิดของเขา หากไม่มีโรจา สงครามในครั้งนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น เขาไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานานแล้ว ดังนั้นสงครามในครั้งนี้สำหรับคิซารุแล้ว เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลายและสนุกไปกับมัน

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ที่แข็งแกร่งราวกับสัตว์ประหลาด จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาก็ถูกปลุกให้ลุกโชนขึ้น

 

สำหรับอาคาอินุ เขาไม่มีความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องสงครามในครั้งนี้ เขานั้นเป็นผู้ศรัทธาในความยุติธรรม เพียงแค่รู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ทิศทางของสงครามในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของกองทัพเรือ แต่กลับเป็นโรจาที่เป็นคนจุดชนวนในครั้งนี้ แถมโรจายังมาสายอีก นั่นทำให้เขายิ่งมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อโรจา

 

“ไม่ฟังคำสั่ง แถมยังไม่ตรงต่อเวลา … ช่างเป็นความยุติธรรมอันหละหลวมเสียจริงๆ … ”

 

ใบหน้าของอาคาอินุดูไม่สู้ดีนัก แต่มันยังคงสงบ ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มเย็นออกมา แล้วหันไปสั่งการต่อเพราะขี้เกียจที่จะให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

กำลังหลักของสงครามในครั้งนี้ คือเหล่าสามพลเรือเอก และจอมพลเรือเซนโงคุ รวมไปถึงโรจาอีกคน เพียงแต่ท่าทีของอาคาอินุดูเหมือนว่าจะไม่นับรวมโรจาเข้าไปด้วย และที่สำคัญตอนนี้เขายังไม่มีเวลามามัวสนใจโรจา จึงรีบหันไปตระเตรียมการสำหรับสงครามที่กำลังจะมาถึง