GOS ตอนที่ 103 – ไร้ซึ่งเสียงใดๆ

 

ในน่านน้ำไม่ไกลจากเกาะบานาร์ เรือรบขนาดกลางได้จอดเทียบสมอรอการกลับมาของโรจาอยู่ ระยะทางระหว่างเรือรบกับเกาะบานาร์นั้นค่อนข้างห่างไกลกันพอสมควร จากบนเรือรบจะเห็นเพียงเงาลางๆของเกาะบานาร์เท่านั้น

 

บนดาดฟ้าเรือ

 

ใบหน้าของนาวาเอกทั้งสามเต็มไปด้วยความตึงเครียด และกำลังเฝ้ามองเกาะบานาร์ที่อยู่ไกลออกไปด้วยท่าทีกังวล บรรยากาศบนเรือรบตอนนี้ค่อนข้างหดหู่และดูตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง

 

หนึ่งในสามนาวาเอกได้กำหมัดแน่น ก่อนที่จะกัดฟันกรอดๆแล้วกล่าวว่า

 

“ไม่ไหว! ฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว! พวกเราต้องไปสมทบกับท่านผู้บัญชาการเดี๋ยวนี้!”

 

นาวาเอกอีกสองคนหันมามองหน้ากันและกัน อีกคนเผยให้เห็นถึงความตึงเครียด ขณะที่อีกคนเผยให้เห็นถึงความกังวลในแววตาของเขา แต่ในที่สุดพวกเขาก็ขบฟันแน่นแล้วพยักหน้าอย่างช้าๆ

 

“ท่านผู้บัญชาการไปสอดแนมเกาะบานาร์เพียงลำพังมันคงเกินกำลังท่านมากเกินไป .. หากท่านเป็นอะไรไปพวกเราคงไม่พ้นที่จะถูกลงโทษทั้งสาขา ไม่ว่ายังไง พวกเราก็จะไม่ยอมให้เรื่องที่ผู้บัญชาการฐานถูกสังหารเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง!”

 

เมื่อนาวาเอกทั้งสามเห็นพ้องต้องกัน พวกเขาก็รีบสั่งเรือรบให้แล่นไปยังเกาะบานาร์ทันที

 

เนื่องจากบนเรือรบนั้นติดตั้งกังหันไฟฟ้า มันจึงแล่นไปถึงเกาะบานาร์อย่างรวดเร็ว

 

หนึ่งในสามนาวาเอกได้ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นเพื่อสังเกตุการเคลื่อนไหวของคนบนเกาะ แต่น่าแปลก … บนเกาะบานาร์กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับเป็นเพียงแค่เกาะร้าง

 

“ทำไมบนเกาะถึงเงียบแบบนี้?”

 

เมื่อเรือรบแล่นเข้าไปใกล้เกาะบานาร์ ใกล้เข้าไปเรื่อยๆจนไม่จำเป็นต้องใช้กล้องส่องทางไกล สามนาวาเอกกลับพบว่าบนเกาะนั้นไร้ซึ่งเสียงใดๆ และไม่มีผู้คนเดินไปมาเลยซักคนเดียว

 

แม้ว่าโรจาจะแอบเข้าขึ้นไปบนเกาะ แต่ที่เขาทำก็เป็นเพียงแค่การสอดแนมอย่างลับๆเท่านั้น มันไม่ควรที่จะเงียบขนาดนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจจริงๆ

 

เรือรบแล่นเข้าใกล้เกาะมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ในที่สุดหนึ่งในนาวาเอกที่ถือกล้องส่องทางไกลก็มองเห็นท่าเรือบนเกาะบานาร์ได้อย่างชัดเจน และพบว่ามีผู้คนมากมายล้มนอนลงอยู่บนพื้นดิน โดยไร้ซึ่งเลือด หรือบาดแผลใดๆ

 

“นี่มัน … เกิดอะไรขึ้นบนเกาะกันแน่?”

 

เมื่อเรือรบได้ทำการเทียบท่า เหล่าทหารเรือต่างก็เดินเท้าขึ้นฝั่ง และพากันจ้องมองผู้คนที่นอนอยู่บนพื้นและรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

 

เนื่องจากดูเหมือนว่าจะไม่มีร่องรอยการต่อสู้เกิดขึ้นบริเวณรอบๆ ดังนั้นมันจึงไม่สมเหตุสมผลและไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ว่า ทำไมคนเหล่านี้ถึงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

 

นี่มันให้ความรู้สึกราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ!

 

“ยังไม่ตาย … พวกเขาแค่หมดสติไปและตกอยู่ในอาการโคม่า”

 

ทหารเรือบางคนได้คุกเข่าลงเพื่อตรวจอาการของผู้คนที่นอนแน่นิ่งอยู่ และพบว่าพวกเขายังไม่ตาย เพียงแค่หมดสติไปแต่กลับมีอาการใบหน้าแข็งค้าง

 

หลังจากที่โรจาขึ้นมาบนเกาะนี้ได้ไม่นาน จู่ๆก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นบนเกาะ เหล่าทหารเรือต่างอดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นถึงความกังวลข้างในจิตใจ

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น .. ท่านผู้บัญชาการอยู่ที่ไหน?”

 

เหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นมาเต็มหลังของเหล่าทหารเรือ ก่อนที่พวกเขาจะหันไปรอบๆ แล้วแข็งใจเดินเข้าไปใจกลางเกาะ

 

และระหว่างทางที่เดินเข้าไปใจกลางเกาะ พวกเขาก็ต้องพบกับฉากอันน่าตกตะลึง!

 

ผู้คนบนเกาะทั้งหมดต่างนอนหมดสติอยู่บนพื้นและตกอยู่ในอาการโคม่า ตลอดทางที่พวกเขาเดินผ่าน!

 

ผู้คนบนเกาะบางคนก็ดูเหมือนว่ากำลังเดินอยู่เฉยๆแล้วหมดสติไป ขณะที่บางคนดูเหมือนว่ากำลังทำงานอยู่แต่กลับหมดสติไปทั้งๆอย่างนั้น — ราวกับว่าพริบตาเดียวทุกคนก็ตกอยู่ภายใต้พลังอำนาจบางอย่างจนอยู่ในอาการโคม่า!

 

“ทุกคนต่างตกอยู่ในอาการโคม่า”

 

“นี่มันเรื่องจริงงั้นหรือนี่ .. ทุกคนบนเกาะเป็นอะไรกันไปหมด!”

 

ยิ่งเดินลึกเข้าไปในเกาะเหล่าทหารเรือต่างก็เริ่มตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น แม้แต่เหล่านาวาเอกก็ยังตื่นตระหนกและรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

 

แม้ในช่วงครึ่งหลังของแกรนไลน์พลังฮาคิราชันย์จะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แต่ในครึ่งแรกนั้นคนที่รู้เกี่ยวกับฮาคิราชันย์นั้นมีน้อยจนนับด้วยนิ้วมือได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเขตท้องทะเลทั้งสี่

 

ในเขตทะเลเวสต์บลูนี้ ทหารเรือเกือบทั้งหมดแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮาคิคืออะไร

 

ก้าวเดิน และ ก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ

 

จนในที่สุดสุดปลายถนนก็ได้ปรากฏร่างๆหนึ่งขึ้น

 

เนื่องจากเหล่าทหารเรือกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก และกำลังหวาดระแวงถึงขีดสุด เมื่อเห็นร่างๆหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตาพวกเขาต่างก็ยกปืน และดาบขึ้นมา พร้อมกับเล็งไปร่างๆนั้น

 

“นั่นใครกัน?”

 

“ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ชาย!”

 

แต่ในไม่ช้าท่าทีของเหล่าทหารเรือก็เปลี่ยนจากอาการตื่นตระหนกเป็นผ่อนคลายลง พร้อมกับเก็บอาวุธในมือของพวกเขาลง

 

“ท่านผู้บัญชาการ?”

 

“ในเมื่อมากันแล้วก็ดี!”

 

โรจากล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมๆกับเดินมายังเหล่าทหารเรือ

 

“เริ่มทำการเก็บกวาดบนเกาะบานาร์ทั้งหมดซะ แต่ดูดีๆด้วยล่ะ บนเกาะแห่งนี้มีโจรสลัดอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาๆ ปลุกพวกเขาทีละคนๆแล้วเช็กให้ดีๆด้วยล่ะ”

 

เมื่อเหล่าทหารเรือได้ยินคำสั่งของโรจา พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้ากันและกัน

 

นาวาเอกกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาจ้องมองโรจาด้วยแววตาที่เบิกกว้าง และอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามออกไปว่า

 

“ท่านผู้บัญชาการ อย่าบอกนะว่าทั้งหมดนี่เป็นฝีมือท่าน …”

 

“อย่ามัวแต่พิรี้พิไร! รีบโทรไปรายงานฐานสาขาที่ 1 ให้ส่งเรือรบสองลำมาขนทรัพยากรที่พวกเรากำลังจะทำการยึด!”

 

อึก ..

 

เหล่าทหารเรือต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แม้ว่าในหัวใจของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ และยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

แต่เห็นได้ชัดว่า .. เหตุผลที่ผู้คนบนเกาะต่างพากันหมดสติไปนั้นเป็นฝีมือของโรจา!

 

แม้พวกเขาจะเคยเห็นฉากที่โรจาสะบั้นเรือโจรสลัดและเรือพาณิชย์จนขาดออกเป็นสองท่อนมาแล้ว แต่เมื่อพวกเขาเห็นผู้คนบนเกาะต่างพากันนอนหมดสติตลอดเส้นทางที่ก้าวผ่าน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาในจิตใจ

 

กำราบผู้คนบนเกาะทั้งเกาะ ให้หมดสติและตกอยู่ในอาการโคม่า โดยไร้ซึ้งการต้านทาน …

 

นี่มันพลังอะไรกันนี่?

 

ทหารเรือที่อยู่ที่นี่เกือบทั้งหมดเมื่อคิดถึงเรื่องนี้พวกเขาต่างก็ตกตะลึง และเผยให้เห็นถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ และต้องใช้เวลาอยู่นานถึงจะพากันเรียกสติกลับคืนมาได้ หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มที่จะเก็บกวาดเหล่าโจรสลัดบนเกาะบานาร์

 

 

ฐานสาขาที่ 1 เขตทะเลเวสต์บลู

 

เรือรบกำลังแล่นมาจากระยะไกลและค่อยๆเทียบท่าอย่างช้าๆ เมื่อทหารเรือคนแรกได้ก้าวเดินลงมา ทหารเรือในฐานต่างพากันโค้งคำนับและกล่าวทักทายเขา

 

“หัวหน้าสาขาไทกะ ในที่สุดท่านก็กลับมา”

 

“อ่า ..”

 

ไทกะหยิบซิการ์ขึ้นมาสูบและกล่าวตอบกลับไปอย่างลวกๆ

 

อย่างไรก็ตาม หลังที่เขาก้าวลงจากเรือได้เพียงสองก้าว ท่าทีของไทกะก็เปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองก่อนที่จะเหลือบมองไปยังจุดจอดเรือที่ว่างเปล่าพร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า

 

“ผู้บัญชาการฐานออกไปข้างนอก?”

 

ท่าเรือของฐานสาขาที่ 1 นั้นจะแตกต่างจากท่าเรือของศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดที่ค่อนข้างใหญ่โต และนั่นจึงเป็นเหตุผลให้ท่าเรือแห่งนี้มีเรือรบขนาดกลางเพียง 2 ลำเท่านั้น ซึ่งมีไว้ให้ผู้บัญชาการฐานและหัวหน้าสาขาใช้ นอกจากนั้นก็เป็นเรือเล็กอีกประมาณ 7 – 8 ลำ

 

หลังจากที่อดีตผู้บัญชาการฐานได้พ่ายแพ้แก่กลุ่มโจรสลัดเก็กโค และได้สูญเสียเรือรบขนาดกลางไป แต่พวกเขาก็ได้รับเรือรบขนาดกลางกลับมาใหม่อีกครั้งจากทางศูนย์ใหญ่

 

ดังนั้นฐานสาขาที่ 1 จึงมีเรือรบขนาดกลางเพียงแค่สองลำเท่านั้น ลำนึงคือลำที่ไทกะพึ่งใช้มันเดินทางกลับมา การที่อีกลำหายมีแค่เหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ก็คือ โรจาซึ่งเป็นผู้บัญชาการฐานได้ใช้มันแล่นออกทะเลไป