Ep.981 – ยกระดับสู่เลเวล S

แน่นอน นี่ไม่มีทางเป็นไปได้

ฉินเฟิงไม่สามารถเขมือบดาวเคราะห์ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ภายใต้อิทธิพลจากพลังพิเศษดูดกลืนและพลังสมาธิ ศิลานรกที่ฝังอยู่ตามผิวชั้นนอกของแกนกลางจ้าวเหนือหัว ค่อยๆถูกขุดออกมา ลอยไปหาฉินเฟิง

สถานการณ์นี้ เฉกเช่นเดียวกับในตอนมิติของเทพเจ้า

ศิลานรกก้อนใหญ่ ก้อนแล้วก้อนเล่าลอยมาเบื้องหน้าฉินเฟิง จากนั้นไหลเข้าสู่ระหว่างคิ้วของเขา ก่อนเกิดการระเบิดในจักรวาลแห่งจิตสำนึก ไปหลอมรวมเข้าในดาวเคราะห์แห่งความมืดของฉินเฟิงอีกครั้ง

ดาวเคราะห์มืดค่อยๆขยายขนาดขึ้นทีละนิด หนาขึ้น และหนาขึ้น

ร่างกายของฉินเฟิงมิอาจควบคุม แต่คล้ายกับว่ามีเส้นสายพลังงานบางอย่าง โคจรรอบดาวเคราะห์ของจ้าวเหนือหัว ช่วยให้ฉินเฟิงสามารถขุดผิวชั้นนอกของดาวเคราะห์จ้าวเหนือหัวได้ ศิลานรกทั้งหมดเริ่มถูกปล้นชิง

ณ เวลานี้ ฉินเฟิงขุดอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าตอนอยู่ใกล้ดาวเคราะห์ของหญิงหิมะเสียอีก   พลังสมาธิของเขาแข็งแกร่งกว่าในตอนนั้นมาก

สามารถกล่าวได้ว่า ฉินเฟิงในเวลานี้ พลังสมาธิของเขาได้ก้าวสู่ขอบเขตเลเวล S อย่างสมบูรณ์แล้ว ทว่าในทำนองเดียวกัน บาฮามุทเป็นมังกรดำที่มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าหญิงหิมะ ดาวเคราะห์ก็ดวงใหญ่กว่า

ฉินเฟิงเริ่มเขย่าดาวเคราะห์ทั้งดวง ศิลานรกหลุดลอกจากชั้นผิว แค่ก้อนเดียวก็ไม่ยอมเหลือทิ้งไว้

อย่างไรก็ตาม หากไม่นับศิลานรกก้อนใหญ่ที่สุดแล้ว(น่าจะหมายถึงดาวเคราะห์) ก้อนอื่นๆที่อยู่ยืนมานานปี ล้วนถูกขุดออกไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เวลาค่อยๆผ่านไปทีละเล็ก ทีละน้อย ฉินเฟิงวนรอบแกนกลางของเจ้าเหนือหัวทั้งวันทั้งคืน

จนชั้นผิวแกนกลางของจ้าวเหนือหัว ไม่มีศิลานรกเหลือให้ฉินเฟิงอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงรู้สึกพอใจมากแล้ว

เพราะดาวเคราะห์แห่งความมืดของเขา จากเดิมที่มันเคยมีขนาดแค่ 1 ซม. บัดนี้มันขยายกลายเป็นหนึ่งเมตร!

รู้อะไรไหม ปริมาตรทรงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตร จะมีค่าเท่ากับหนึ่งล้านเท่าของปริมาตรทรงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางแค่เซนติเมตรเดียว

แม้จะฟังดูเวอร์วัง แต่ท่านสามารถลองจินตนาการดูได้ ว่าจำนวนศิลานรกที่ฉินเฟิงปล้นชิง มันมีมากแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ก็อย่างที่บอกไปว่าตัวเขาไม่สามารถขยับ ได้แต่ปล่อยกายลอยไปตามคลื่นอย่างมิอาจควบคุม แต่แค่นี้นับว่าเกินพอ เพราะเขาสามารถยกระดับขึ้นเป็นผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S ได้แล้ว

ต้องทราบนะว่า ในบรรดากลุ่มผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S ย่อมมีทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่งปะปนกันไป  อย่างดาวเคราะห์แกนกลางของผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S ที่อ่อนแอที่สุด อาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงสองเซนติเมตรเท่านั้น ยังไม่พอ ส่วนใหญ่เลือกใช้พลังสมาธิในการเพิ่มขนาดดาวเคราะห์ แทนที่จะใช้ศิลาศักดิ์สิทธิ์

ทว่าฉินเฟิงกลับสามารถสร้างแกนกลางดาวเคราะห์ธาตุมืดของตนในขนาดหนึ่งเมตรได้ แค่ลองนึกว่ามันจะทรงพลังเพียงใด ก็ขนลุกซู่แล้ว

ยังไงก็ตาม กรณีนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาจะแข็งแกร่งที่สุด ยังมีอีกหลากหลายเผ่าพันธุ์ที่ครอบครองทรัพยากรมหาศาล อย่างลูกหลานของจ้าวเหนือหัว พวกเขาอาจได้รับทรัพยากรเหล่านั้น แล้วมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าฉินเฟิงก็ได้

“น่าเสียดายจัง ไม่รู้ว่าดาวเคราะห์ดวงนี้จะผลิตศิลานรกขึ้นมาอีกเมื่อไหร่” ฉินเฟิงร่ำร้องในใจ จากไปครั้งนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะได้กลับมาตอนไหน แต่ก็ไม่เสียใจจนเกินไป เพราะการดำรงอยู่อย่างดาวเคราะห์ดวงนี้ คาดว่าอย่างน้อยน่าจะยืนยาวไปถึงหลาย 10,000 ปี!

ตอนนี้ สิ่งที่พอสามารถดึงดูดความสนใจของฉินเฟิงให้มาที่นี่ได้ เกรงว่าจะมีแค่พลังงานเท่านั้น แต่หลังจากฉินเฟิงขึ้นมาถึงเลเวล S ต่อให้เขายังคงดูดซับพลังงานจากจ้าวเหนือหัวอย่างต่อเนื่อง เกรงว่าการยกระดับคงไม่รวดเร็วเท่ากับก่อนหน้านี้

ชนิดที่ว่าฉินเฟิงสามารถรู้สึกได้ ว่าเขาอาจต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเลยทีเดียวในการยกระดับสู่เลเวล S1 ซึ่งแบบนั้น สำหรับฉินเฟิงแล้ว เป็นวิธีที่ช้าเกินไป!

ในขณะที่บางคน ใช้เวลา 10 ปียกระดับจากเลเวล S1 ไป S2 กลับไม่เรียกว่าช้าเลยด้วยซ้ำ!

สำหรับฉินเฟิง เกรงว่าวิธีการที่เร็วที่สุด คงไม่พ้นการออกล่าสังหารสัตว์ร้าย!!

เมื่อคิดได้อย่างนั้น ฉินเฟิงก็เริ่มร้อนใจ อยากจะกลับออกไปเร็วๆ

ทิศทางการไหลของกระแสน้ำค่อนข้างแปลกประหลาด ฉินเฟิงถูกพาวนไปเวียนมา  ค่อยๆเริ่มออกห่างจากแกนกลางจ้าวเหนือหัว  สิบวันให้หลัง ในที่สุดฉินเฟิงก็ถูกผลักออกจากมหาสมุทร กลับมายังเนินเขาสูง

“ก๊าซซซ … ”

ฉินเฟิงได้พบกับฝูงสัตว์ยักษ์แห่งความมืดอีกครั้ง

เพียงแต่ว่าพวกมัน จะคราวนี้หรือคราวก่อน ก็ยังไม่อาจค้นพบถึงตัวตนของฉินเฟิง ทว่าคราวนี้ฉินเฟิงไม่คิดระแวดระวังอีกต่อไป ต่อให้สัตว์ยักษ์พวกนี้รู้ตัวและเข้ามาขวาง ฉินเฟิงก็ไม่รังเกียจที่จะกำจัดพวกมันทั้งหมด!

แต่เขาต้องการใช้กระแสน้ำพาออกจากที่นี่ ดังนั้นไม่ได้ลงมือเคลื่อนไหวอะไร

ซ่าาา ..

ลอยไปกับสายน้ำ ไม่นานฉินเฟิงก็ถูกส่งมาถึงใจกลางหุบเขาไขกระดูกมังกร เวลานี้ เขาสามารถติดต่อกับไป๋หลีได้อีกครั้ง

“โชคดีที่คุณไม่เป็นอะไร แต่มันน่าตกใจจริงๆ คุณสามารถมาถึงเลเวล S แล้ว แบบนี้ .. พวกเราก็ไปเที่ยวต่างมิติด้วยกันได้แล้วสิ!” ไป๋หลีเริ่มตื่นเต้น

ฉินเฟิงเองก็มีความสุขไม่แพ้กัน

“ได้สิ ก่อนหน้านี้ในตอนไปเมืองกลางของพันธมิตรมนุษย์ ฉันจำได้ว่ามีหลายมิติที่สงบสุขมาก ทิวทัศน์งดงามน่าพอใจ เอาไว้หลังจากนี้พวกเราไปดูกัน!”

“เยี่ยมไปเลย!”

ระหว่างทั้งสองกำลังสนทนา ในการรับรู้ผ่านพลังสมาธิของฉินเฟิง กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตบางอย่างปรากฏขึ้น

ฉินเฟิงตอบสนองทันที เกรงว่าเจ้าพวกนี้คงเป็นคนขององค์กรมืด ที่มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมสำรวจหุบเขาไขกระดูกมังกรเดือนละครั้ง

คนเหล่านี้ไม่เหมือนฉินเฟิง ที่สามารถดูดซับพลังงานจากธารทมิฬโดยพลังพิเศษดูดกลืนได้ มิอาจอยู่ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรูนมืด เพราะสุดท้ายร่างกายจะถูกกัดกร่อนจนเน่าเสีย ขณะที่บรรยากาศที่ว่าเป็นยาชูกำลังชั้นดีสำหรับฉินเฟิง แต่สำหรับคนอื่นๆ มันคือหายนะ

“ฉันบอกแล้วว่าโลภมาก! อีกไม่นานถ้ำก็จะปิดแล้ว ถ้าธารทมิฬไหลมาถึง พวกเราจะไม่มีใครสามารถรอดชีวิตไปได้!”

“ถ้าแกยังมีแรงตะโกนอยู่ ก็รีบหุบปากแล้วเอาแรงส่วนนั้นไปใช้กับขาให้วิ่งเร็วขึ้นเถอะ!”

“ท่านผู้ใหญ่ ได้โปรดอย่าทิ้งพวกเรา!”

สองผู้ใช้พลังเลเวล SS วิ่งไปข้างหน้าอย่างดุเดือด เบื้องหลังพวกเขาเป็นผู้ใช้พลังเลเวล S แปดคน แต่ความเร็วไม่อาจไล่ทันเลเวล SS

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้พลังเลเวล SS ทั้งสองคนนี้ ฉินเฟิงกลับรู้จักทั้งคู่อย่างไม่คาดฝัน

ทั้งสองคือคนที่ฉินเฟิงได้พบตอนได้รับเทคนิคจ้าวมังกรคำรน หนึ่งคือมังกรอ่าวแห่งเผ่ามังกร อีกหนึ่งคือนูฮะจากเผ่าหัตถ์วังวน

คาดว่าเป็นเพราะการร่วมมือกันในครั้งก่อน ทั้งสองต่างได้รับผลประโยชน์ที่น่าพึงพอใจ เวลานี้จึงร่วมมือกันอีกครั้ง แต่ไม่คิดว่าพวกตนจะโลภไปหน่อย จนเกือบเลยเวลาออกไปข้างนอก

ธารทมิฬที่ว่าย่อมเป็นกระแสน้ำที่กำลังพัดพาฉินเฟิง ด้วยความเร็วในปัจจุบันของเลเวล S เหล่านี้ น่าจะหนีไม่พ้นกระแสธาร

ฉินเฟิงลอยไปตามกระแส ในไม่ช้าก็มาถึงเบื้องหลังของคนเหล่านี้ เขาไม่แม้จะส่งเสียงใด ขณะเดียวกันไม่มีเลเวล S คนใดในกลุ่มสังเกตเห็น

ซ่าาาา …

ธารทมิฬซัดมาถึงด้านหลังของเลเวล S กลุ่มนี้ แม้กระแสน้ำจะตื้นแค่ข้อเท้า แต่ทั้งหมดกลับรู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้พานพบสัตว์ยักษ์น่าสยองขวัญ

“อ๊าาาาา!”

ผู้ใช้พลังเลเวล S คนหนึ่งถูกธารทมิฬปนเปื้อน ในพริบตา สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ว่าข้อเท้าของเขาถูกเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ ทั้งตัวราวกับถูกดูดเลือดจนแห้งเหี่ยว อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว อายุเริ่มเพิ่มมากขึ้น จนสิ้นอายุขัย สุดท้ายเหลือเพียงโครงกระดูกแห้งๆ ฟุบตัวลงบนธารทมิฬ

ทั้งๆที่นี่คือเลเวล S แต่กลับตกตายลงไปอย่างเงียบๆ

คนอื่นๆหวาดกลัวจนหมดปัญญา รีดเร้นพลังทุกส่วนเพื่อเอาชีวิตรอด ฉินเฟิงขับเคลื่อนพลังสมาธิของเขา เรียกอุปกรณ์รูนมิติบนศพเข้าหาตน

เพียงแต่ว่าภายในอุปกรณ์รูนมิติชิ้นนี้ แทบไม่มีอะไรเลย สิ่งเดียวที่ฉินเฟิงสามารถใช้ได้คือศิลานรกสองก้อนเท่านั้น

“นี่มันจะยากจนเกินไปแล้ว!”

ฉินเฟิงเม้มริมฝีปาก

แต่ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะสำหรับเลเวล S ที่มาที่นี่ เดิมก็มาสู้เสี่ยงชีวิตอยู่แล้ว พวกเขาอาจพลาดพลั้งได้ทุกเมื่อ ดังนั้นจึงพกสิ่งของติดตัวแค่น้อยนิด เพราะเกรงว่าจะถูกคนอื่นๆปล้น

อีกเจ็ดเลเวล S ก็ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้เช่นกัน ฉินเฟิงเก็บสมบัติของคนพวกนั้นไว้ข้างหลัง แล้วไล่ตามมังกรอ่าวกับนูฮะไป ไม่นานก็สามารถออกจากหุบเขาไขกระดูกมังกร

เมื่อโผล่พ้นปากถ้ำ ฉินเฟิงยืนหยัดอยู่บนยอดเขา ในระยะไกลสามารถมองเห็นเมฆสีเทา พร้อมพระอาทิตย์สีส้มกำลังตกดิน บ่งบอกว่าช่วงค่ำกำลังมาเยือนในไม่ช้า

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บนยอดเขา กลับยังคงเต็มไปด้วยผู้ใช้พลังอย่างไม่คาดฝัน!