โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.93 – ลูกรักของพระเจ้าก็ยังเทียบไม่ติด

 

หลี่เหยาเหยาไม่อยากจะเชื่อเลย ถึงเธอจะรู้ว่าฉินเฟิงแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่น่าจะถึงขั้นได้รับแต้มสงครามกว่า 5,000 แต้มในวันเดียว … นี่เขาสังหารซากศพไปกี่ตัวกัน?

 

“ไม่ได้ตั้งใจมอง แต่น่าจะมากกว่า 5,000 นะ” ฉินเฟิงตอบอย่างราบรื่น

 

ในเวลานี้ สีหน้าของเกาหลิงฮานหม่นทะมึนลง

 

“รุ่นน้องชาย นายใช้วิธีตุกติกอะไรบางอย่างหลอกลวงระบบรึเปล่า? นายเพิ่งจะเข้าเรียนกับทางสถาบันใช่ไหม? อย่าทำอะไรแบบนั้นเพื่อผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยเลย นั่นจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของสถาบันเขตเฉิงเป่ยนะ!”

 

หากเป็นคนอื่น เกาหลิงฮานอาจจะยังพอทำใจเชื่อได้

 

แต่ฉินเฟิงคือใคร? เขาเป็นแค่น้องใหม่ปี 1 แถมยังพาสาวสวยออกมาสู้ แบบนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เกรงว่าเจ้าหนูนี่คงไปท่องธรรมชาติ เพลิดเพลินไปกับสถานที่ต่างๆที่ไม่สัตว์ร้ายต่างหากถึงจะน่าเชื่อกว่า

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ น่ากลัวว่าระบบจะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

 

ฉินเฟิงขมวดคิ้ว ขณะที่คนรอบข้างต่างเริ่มมองมาทางฉินเฟิง และได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสอง พวกเขาก็ย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าชื่อที่อยู่บนจอเกียรติยศคือคนที่อยู่ตรงหน้า

 

แต่ฉินเฟิงกลับยังดูอ่อนเยาว์อยู่เลย แถมบนหน้าอกเขาก็แปะเพียงโลโก้เลเวล G เท่านั้น ผู้คนจึงเริ่มรู้สึกไม่เชื่อถือขึ้นมา

 

ทั้งหนุ่มและยังเลเวล G -มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่สามารถสังหารสัตว์ร้ายได้มากมายถึงขนาดนั้น?

 

ช่วงเวลานี้ บางคนก็เริ่มชี้ไม้ชี้มือมาทางฉินเฟิง

 

คิ้วของฉินเฟิงยับย่นอย่างรุนแรง ฉากนี้คล้ายกับตอนกองทัพหนูในพื้นที่เพาะปลูกเลย

 

บางคนกลัวว่าจะไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าได้ เพราะยังไงซะ พวกเขาก็เผชิญกับความผิดหวังมามากเกินไป … กว่าจะได้มาสักแต้มช่างยากลำบากเหลือเกิน!

 

และช่างโชคร้าย ที่ผลงานของฉินเฟิงดันไปจี้ใจดำพวกเขาเข้าพอดี

 

ไม่รีรอให้ฉินเฟิงได้เอ่ยคำอธิบายกับผู้คน ก็พลันเกิดเสียงอุทานจากฝูงชนดังขึ้น จากนั้นพวกเขาก็แยกออกเป็นสองฟากฝั่ง ราวกับมีคนใหญ่คนโตและสำคัญยิ่งปรากฏตัวขึ้น

 

ใจกลางเส้นทางที่ฝูงชนเปิดออก เติ้งเหนียนกับฮั่นเจียนก้าวมาข้างหน้า โดยมีผู้คุมกลุ่มใหญ่คอยประกบอยู่ข้างๆ แบ่งแยกฝูงชนให้ทั้งสองเดินเหินได้อย่างอิสระ

 

และทิศทางที่เติ้งเหนียนเดินตรงเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของเขาคือฉินเฟิง หลี่เหยาเหยากับเกาหลิงฮานเองก็สังเกตเห็นถึงเติ้งเหนียนแล้วเช่นกัน

 

“ผู้อำนวยการ!”

 

“ผู้อำนวยการ!”

 

ทั้งสองคนโค้งแสดงความเคารพอีกฝ่าย

 

ฉินเฟิงกำลังคิดว่าเขาเองควรจะทักทายด้วยดีหรือไม่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ขณะนี้เขาก็เป็นนักเรียนของสถาบันระดับสูงเช่นกัน

 

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยมันออกมา เติ้งเหนียนก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยน และตบลงบนไหล่ฉินเฟิง

 

“ฉินเฟิง! เธอเป็นเกียรติยศของสถาบันเราโดยแท้ ทำได้ดีมาก!” เติ้งเหนียนมองมาทางฉินเฟิงด้วยความชื่นชม

 

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ความคิดหนึ่งก็วาบผ่านเข้ามาในจิตใจของฉินเฟิง ว่าก่อนหน้านี้เขาได้ยินถึงเสียงหึ่งๆอยู่เหนือหัวของตนเอง

 

เกรงว่าอีกฝ่ายน่าจะค้นพบเขาแล้วตั้งแต่ช่วงเวลานั้น!

 

แต่สมควรอยู่หรอก ฆ่ากันถึงขนาดนี้ จะไม่เห็นมันก็กระไรอยู่!

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินเฟิงก็ไม่คิดปฏิเสธ “มันเป็นสิ่งที่ผมควรจะทำ!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ตอบได้ดี!” เติ้งเหนียนหัวเราะดังลั่น

 

ในเวลานี้ ฮั่นเจียนก้าวออกมาบ้าง เขาเผยถึงรอยยิ้มในดวงตา

 

“ฉินเฟิง เธอยังจำฉันได้ไหม?”

 

เป็นธรรมดาที่ฉินเฟิงยังไม่ลืมอีกฝ่าย

 

“นายพลฮั่น!” ฉินเฟิงพยักหน้าให้เขา

 

“ฮี่ฮี่ ผลงานทางทหารของเธอในปัจจุบัน มันมากเกินพอแล้วที่จะได้ขึ้นเป็น ‘รองนายพล’ ฉันไม่เห็นว่าเธอจำเป็นต้องเรียนอีกต่อไป ทำไมไม่ลาออกจากสถาบันแล้วมาเข้าร่วมกับกองทหารรักษาการณ์ของพวกเราล่ะ!” ฮั่นเจียนเกิดความคิดที่จะชักชวนฉินเฟิงอีกครั้ง

 

“ตาแก่ฮั่น นิสัยเสียเกินไปแล้ว กล้าปล้นนักเรียนของฉันต่อหน้าต่อตาแบบนี้!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เอาน่า ยังไงก็ขอลองฟังความเห็นของฉินเฟิงดูก่อน”

 

นี่คือสิ่งล่อใจอันใหญ่ยิ่ง ทราบกันหรือไม่ว่าตำแหน่ง ‘รองนายพล’ นั้นหมายถึงอะไร?

 

มันคือตำแหน่งที่ทั่วทั้งภูมิภาคของเขตเฉิงเป่ย ไม่ว่าจะเป็นซูซิงฝู , เหอหลี หรือกระทั่งเจียงเส้าหยางซึ่งเป็นผู้ดูแลคลับอินทรี ก็ยังไม่อาจเทียบเท่า! เป็นตำแหน่งที่เป็นรองเพียงฮั่นเจียนเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งนี้ไม่อาจซื้อฉินเฟิงได้ ในชีวิตนี้ ตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่ เขาก็ไม่ใช่เจ้าหนูไก่อ่อนที่ไร้อำนาจอีกต่อไป แต่คือคนที่กำลังค่อยๆหวนคืนสู่ตำแหน่งราชันย์ทหารรับจ้างในชีวิตก่อนหน้า เพียงแต่ปัจจุบันความแข็งแกร่งยังไม่ฟื้นคืนก็เท่านั้น

 

จึงพูดได้ว่าตำแหน่งดังกล่าว มันไม่ได้ดึงดูดความสนใจใดๆของฉินเฟิงเลย

 

“ผมยังต้องการที่จะเรียนรู้อย่างจริงจัง เกรงว่าคงต้องทำให้เจตนาดีของนายพลฮั่นผิดหวังซะแล้ว”

 

“อ๊า น่าเสียดาย!’ ฮั่นเจียนรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง แต่ก็ยังกล่าวต่อ “อืม แต่ก็จริงนั่นล่ะนะ เธอยังเด็กอยู่ และมันคงยากที่จะจัดสรรตำแหน่งรองนายพลให้แก่เธอในทันที แต่ถ้าเป็นตำแหน่ง ‘ร้อยเอกกิตติมศักดิ์’ ล่ะ? คงได้ใช่ไหม กิตติมศักดิ์คือเธอจะได้รับยศร้อยเอก โดยที่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ประจำแต่อย่างใด ขอแค่มาปรากฏตัวขึ้นในเวลาสำคัญก็พอ แบบนี้เป็นไง ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม?”

 

พอเจอแบบนี้เข้าไป ฉินเฟิงก็รู้ได้ทันทีว่าเขาหลงกลซะแล้ว -การเสนอตำแหน่งรองนายพลก่อนหน้านี้ ก็เพื่อให้เขาปฏิเสธ จะได้ไม่ปฏิเสธ ข้อเสนอในครั้งที่สอง

 

อย่างไรก็ตาม ร้อยเอกกิตติมศักดิ์ ก็เป็นข้อเสนอที่ดี กล่าวกันอย่างตรงไปตรงมา มันคือตำแหน่งว่างงาน แต่ยังคงได้รับผลประโยชน์!

 

ด้วยยศดังกล่าว มันจะส่งผลให้สถานะในสถานที่ชุมชนของฉินเฟิงพุ่งทะยานขึ้น และเขาก็จะไม่ใช่นักเรียนธรรมดาๆอีกต่อไป

 

ทันใดนั้นฉินเฟิงก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้น มองไกลออกไปในรถบัญชาการที่จอดอยู่ตรงพื้นที่โล่งกว้าง แล้วก็พบว่ามีคนๆกำลังยืนมองมาจากข้างหน้าต่าง

 

กลิ่นอายของชายคนนั้นแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ใบหน้าของเขามืดมนเล็กน้อย คล้ายกำลังอารมณ์เสียมาก ดูไม่มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

 

‘หลินเซิง!’ ชื่อของคนๆหนึ่งปรากฏขึ้นในจิตใจของฉินเฟิงทันที

 

อีกฝ่ายกำลังมองมาที่ตนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในดวงตากระทั่งเผยถึงเจตนาฆ่า

 

‘นั่นสินะ ก็ถ้าวันนี้ทั้งฮั่นเจียนกับเติ้งเหนียนยังเห็นถึงความสามารถในการต่อสู้ของฉัน งั้นหลินเซิงจะมองไม่เห็นได้อย่างไร? ในกรณีนี้อย่าบอกนะว่าเขาเกิดความสงสัยในตัวฉันเข้าให้แล้ว?’

 

ระหว่างที่กำลังคิดเช่นนั้น สายตาของฉินเฟิงก็มองไปยังหลินเซิง แต่มันดันเป็นทิศทางเดียวกันกับของเติ้งเหนียนพอดี เจ้าตัวจึงคิดว่าฉินเฟิงกำลังมองมาที่ตนเพื่อขอความเห็น เติ้งเหนียนเลยยิ่งรู้สึกภูมิใจขึ้นเป็นสองเท่า เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉินเฟิง ความแข็งแกร่งยิ่งมาก ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากตาม งานของทางฝั่งนายพลฮั่นเจียนเองก็หนักเอาเรื่อง ดังนั้นเธออย่าทำให้เขาผิดหวังเลย เธอควรรับตำแหน่งร้อยเอกกิตติมศักดิ์นี้ไว้!”

 

เมื่อฉินเฟิงได้ยินคำพูดของเติ้งเหนียน เขาก็ถอนสายตากลับมา และมองไปทางฮั่นเจียนราวกับไม่รับรู้ว่าหลินเซิงยืนอยู่ในสถานที่ห่างไกล

 

“ในเมื่อพูดกันถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าผมไม่รับ มันคงจะเป็นการไม่สุภาพ!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี ดีมาก! มาเถอะ เธอจะได้รับตราร้อยเอกในไม่ช้า ตอนนี้พวกเราเปลี่ยนที่ เพื่อพูดคุยกันอีกสักเล็กๆน้อยๆดีกว่า!”

 

เติ้งเหนียน และฮั่นเจียนพาฉินเฟิงไปยังรถจอแสดงมอนิเตอร์อีกคัน เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะสนทนากันเป็นการส่วนตัว

 

ส่วนทางฝั่งหน้าสำนักงานตรวจสอบแต้มสงคราม เหลือเพียงกลุ่มผู้สังเกตการณ์เท่านั้นที่ยังคงอยู่

 

“ดูเหมือนว่าฉินเฟิงคนนี้ จะเป็นของจริง!”

 

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ถ้าได้แต้มสงครามมากกว่า 5,000 แบบนี้ น่ากลัวว่าที่เขาฆ่าไป น่าจะไม่ใช่แค่ซากศพเลเวล G !”

 

“ยศร้อยเอกกิตติมศักดิ์อย่างงั้นหรอ ตำแหน่งที่ว่าอย่างน้อยที่สุดควรจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในกลุ่มเลเวล F ดูเหมือนว่าฉินเฟิงคนนี้จะประมาทไม่ได้ซะแล้ว!”

 

ในเวลานี้ เกาหลิงฮานผู้ซึ่งเคยตั้งคำถามกับฉินเฟิง ใบหน้าของเขาได้สูญสิ้นซึ่งความอ่อนโยนไปโดยสิ้นเชิง ปัจจุบันมันแดงระเรื่อด้วยความอับอายและความโกรธ!

 

ในดวงตาของหลี่เหยาเหยาเองก็กลายเป็นซับซ้อน เพราะทั้งหมดนี้ เดิมเธอต้องการที่จะลดทอนความเย่อหยิ่งของฉินเฟิงลง แต่ปัจจุบัน เธอกลับพบว่าอีกฝ่ายทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ชนิดที่ว่าเธอไม่อาจเอื้อมมือไปแตะเศษฝุ่นจากรองเท้าเข้าได้ด้วยซ้ำ

 

ก่อนที่จะทำให้ฉินเฟิงได้รับความอับอาย กลับกลายเป็นทั้งสองซะเองที่ได้รับความอัปยศ ในหัวใจของทั้งคู่ อดไม่ได้ที่จะชิงชังฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงสนทนากับเติ้งเหนียนและฮั่นเจียนได้เพียงครู่เดียว เพราะยังไงซะ ในเวลานี้ทั้งสองคนก็กำลังยุ่งมากเกินไป และฉินเฟิงเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่กับเติ้งเหนียนให้นานเกินไปนัก เนื่องจากธาตุแสงกับมืดเป็นปรปักษ์กัน ยามเมื่อยืนอยู่ข้างเติ้งเหนียน ฉินเฟิงมักจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว

 

หลังจากออกมา ฉินเฟิงก็ตรงไปยังสำนักงานแลกเปลี่ยนแต้มสงคราม เพื่อตรวจสอบดูว่ามีไอเท็มดีๆที่เขาสามารถแลกเปลี่ยนได้หรือไม่

 

ไอเท็มที่ใช้แลกเปลี่ยนกับแต้มสงครามคือของสำหรับยามวิกฤตทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้มักจะไม่ค่อยปรากฏตามท้องตลาด อย่างเช่นอาวุธรูนที่ทำจากวัตถุดิบของนายพลสัตว์ร้าย หรือไม่ก็อาวุธปืนทางทหารที่ทรงประสิทธิภาพ ฯลฯ

 

ฉินเฟิงกวาดตามองไอเท็มที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนต่างๆ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างไสว

 

“นั่นมันเม็ดยาฟ้าฟื้น!!”