2/5

 

Ep.845 – เลเวล S มาเยือน

 

หลังตั้งฐานที่มั่นให้แก่คนเหล่านี้ ฉินเฟิงแม้เอ่ยปากว่าจะออกไป แต่เขาไม่ได้ไปทันที คอยซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากปราการแห่งนี้

 

ปัจจุบัน ป้อมปราการแห่งนี้เปรียบเสมือนเสาแห่งความหวัง มนุษย์ที่ยังรอดชีวิตเมื่อเห็นมัน จะต้องวิ่งตรงเข้ามาอย่างแน่นอน และนั่นเท่ากับเป็นการดึงดูดอสูรโลหิตเช่นกัน จากนั้น ทั้งหมดจะถูกสังหารลงโดยฉินเฟิง

 

ปราการแห่งนี้ สำหรับมนุษย์มันคือที่หลบภัย แต่สำหรับฉินเฟิง มันคือเหยื่อใช้ตกปลาของเขา

 

ตราบเท่าที่เขาปกป้องสถานที่แห่งนี้ ฉินเฟิงจะสามารถล่าอสูรโลหิตมาได้อย่างต่อเนื่อง

 

แน่นอน อัตราการเติบโตของอสูรโลหิต จริงๆแล้วมีความเร็วมาก

 

นั่นเพราะพวกมันต้องการเลือดเพื่อใช้ในการเจริญเติบโตเท่านั้น และในโลกที่ล่มสลายใบนี้ มนุษย์ที่ร่วงหล่นลงมาจากรอยแยก ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา แม้พวกเขาจะตายไปแล้ว แต่เลือดในกายยังคงอยู่ พอพวกมันดูดซับเลือดเหล่านั้น ก็เท่ากับเป็นการยกระดับตนเอง ช่วยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

และยังช่วยให้สามารถแยกร่างได้มากขึ้นอีกด้วย

 

ด้วยประการฉะนี้เอง ต่อให้ฉินเฟิงสังหารพวกมันไปเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป แท้จริงแล้วจำนวนของอสูรโลหิตกลับไม่ลดลง ตรงกันข้ามมันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ!

 

คนของกลุ่มเฟิงหลีไม่กล้าเข้าไปในซากปรักหักพัง แต่ยังเหลือซากศพของสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนอยู่บริเวณขอบชานเมือง ศพพวกนี้ไม่มีเลือดเหลือสักหยดเดียว อาจถูกดูดจนแห้ง ไม่ก็เลือดแข็งตัวไปแล้ว เลยไม่เหมาะให้อสูรโลหิตเข้าควบคุม ดังนั้นซากศพเหล่านี้เลยตกเป็นสมบัติของพวกเขา ถูกเก็บรวบรวมอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ว่าทุกคนต่างเกิดความคิด ว่าควรส่งกำลังพลมามากกว่านี้ จะได้รวบกลืนความมั่งคั่งทั้งหมด

 

แต่น่าเสียดาย หลังจากได้เห็นอสูรโลหิต พวกเขาก็ทราบกระจ่างแก่ใจ ว่าในเวลานี้ กลุ่มเฟิงหลีไม่สมควรส่งคนมาเพิ่ม อย่างน้อยก็ชั่วคราว

 

สถานที่แห่งนี้อันตรายอย่างแท้จริง แม้แต่ผู้ใช้พลังเลเวล A ก็ต้องระมัดระวังตัว

 

ช่วงเวลานี้ แม้พวกเขาจะรู้สึกเหนื่อย แต่ก็ยังเต็มใจทำ เพราะนี่คือขุมทรัพย์ที่คุ้มค่าแก่การลงมือ

 

หนึ่งวันผ่านไป พวกเขาสั่งสมความมั่งคั่งได้มหาศาล ขับหนุนด้วยวิทยาการอันก้าวหน้าของเรือเหาะขั้นสูง ส่งผลให้ปัจจุบัน กลุ่มเฟิงหลีกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกมนี้

 

ตกกลางคืน โลกทั้งใบเป็นสีแดงฉาน แม้แต่ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ก็ยังเป็นสีแดงเลือด ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่พลังอันแปลกประหลาดน่าขนลุก ก็ปรากฏขึ้น

 

พืชสีเลือดที่เคยถูกทำลายระหว่างวัน เวลานี้กลับค่อยๆงอกเงยอย่างช้าๆ พวกมันเริ่มฟื้นฟูตัวเอง

 

ฉินเฟิงแหงนมองพระจันทร์สีเลือด ตั้งสมมติฐานว่าสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในมิติธารโลหิต ทั้งหมดน่าจะถูกสร้างขึ้นจากพลังงานมหาศาลของดวงจันทร์สีเลือดนี่เอง

 

แต่ที่กำลังมองอยู่ มันคือระดับที่สูงล้ำเกินกว่าฉินเฟิงจะเข้าใจได้

 

วันถัดมา ฉินเฟิงได้ปกป้องมนุษย์เหล่านั้นเป็นเวลาหนึ่งวันแล้ว ในที่สุดกงเก๋อก็เปิดประเด็นอีกครั้ง เอ่ยความคิดของเขา

 

“1,000 ล้านเพื่อให้ผมพาคุณออกไปจากที่นี่งั้นหรอ?” ฉินเฟิงหัวเราะเสียงเย็น กล่าวต่อว่า “ผมแนะนำให้คุณอย่าฝันหวานไปหน่อยเลย ไอ้การคาดเดาของคุณน่ะ มันไม่มีอะไรถูกทั้งนั้น”

 

หากฉินเฟิงเพิ่งมาถึงมิตินี้ เกรงว่าเขาคงมีความคิดแบบเดียวกับกงเก๋อ แต่ด้วยความทรงจำในชีวิตก่อน ทำให้ฉินเฟิงรู้ ว่าไม่ว่าที่ใดในมิติธารโลหิต มันก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดนั่นแหละ

 

พืชกลายพันธุ์ทั้งหมดมีสีแดงเลือด ไม่เพียงแค่นั้น แต่สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา ยังมีเพียงอสูรโลหิต

 

แต่ตอนนี้ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ระนาบเข้ามาของมิติล่มสลาย หายนะที่เกิดขึ้นชักนำชีวิตใหม่เข้ามาด้วยเช่นกัน แต่สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากมิติล่มสลาย ไม่มีทางปรับตัวให้เข้ากับที่นี่ได้

 

นั่นเพราะที่นี่ไม่มีน้ำ!

 

ที่นี่ไม่มีอาหาร!

 

และไม่มีกระทั่งสถานที่ปลอดภัย

 

ตอนนี้ป้อมปราการไม่ใช่ที่หลบภัยอีกต่อไป แต่มันคือห้องขังอันคับแคบที่ใช้จับมัดพวกเขาเอาไว้รวมกัน

 

“ท่านผู้ใหญ่ฉิน เงินของข้ามีเพียงน้อยนิด หรือท่านต้องการเรียกร้อง 2,000 ล้าน? ยังไม่สนใจ? งั้น 3,000 เป็นอย่างไร? ไม่อีกหรือ เช่นนั้นข้าขอเสนอเงิน 5,000 ล้าน!” กงเก๋อพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเกลี้ยกล่อมฉินเฟิง ทุกครั้งที่เขาเสนอเงินเพิ่ม นั่นเท่ากับทรัพย์สินที่น้อยลง ดังนั้นหลังจากยกมันขึ้นมาพูด ยิ่งมาก เจ้าตัวก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดเหมือนเนื้อถูกเฉือน

 

แต่ฉินเฟิงไม่สนใจ ปฏิเสธข้อเสนอของกงเก๋อโดยตรง

 

และวันถัดมา เขาก็ออกไปจากที่นี่จริงๆ

 

อีกด้านหนึ่งของสมรภูมิธารโลหิต รอยแยกมิติปรากฏขึ้นอีกครั้ง มิติล่มสลายได้ชักนำสัตว์ร้ายตกลงมามากมาย และเหตุการณ์นี้ เกรงว่าจะทำให้พวกอสูรโลหิตเริ่มเคลื่อนไหว

 

อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณฉินเฟิงที่ทิ้งกลิ่นอายเลือดที่ปนเปื้อนของอสูรโลหิตเอาไว้เบื้องหลัง และเนื่องจากพวกอสูรโลหิตที่เขาสังหารมันแข็งแกร่งเกินไป ทำให้ไม่มีอสูรโลหิตตัวใดกล้าย่างกรายเข้ามาใกล้ปราการแห่งนี้

 

ในเวลานั้นเอง คลิฟส์และคนอื่นๆ ในที่สุดก็เดินทางมาถึงสมรภูมิธารโลหิต

 

เมื่อเครื่องจักรเหล่านี้เผยโฉม กงเก๋อและคนอื่นๆตกตะลึง มิติของพวกเขา ไม่ค่อยมีวัตถุทางเทคโนโลยีมากนัก กระนั้น กงเก๋อและคนอื่นๆมิได้โง่เขลา เอ่ยถามคลิฟส์ว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร หลังจากทราบว่าคลิฟส์ก็เป็นคนนอกเช่นกัน พวกเขาก็สิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง

 

“ถ้าสภาพแวดล้อมภายนอกก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน นั่นเท่ากับพวกเราไม่มีทางจากไปได้เลย!”

 

“รออักสักพักเถอะ อย่างน้อยที่นี่ก็ยังปลอดภัย”

 

“แต่ว่า … อาหารของพวกเราไม่พอกินแล้ว!”

 

“สารเลวเอ๊ย! ในเมื่อไม่สามารถหาอะไรกินในมิตินี้ได้ ก็จับตาดูให้ดี ถ้าเกิดรอยแยกมิติในครั้งถัดไป อย่าลืมไปจับพวกสัตว์ร้ายกลับมา!”

 

คนที่เหลือเหล่านี้ ทำได้เพียงดิ้นรนเอาชีวิตรอดบนมิติสีเลือด กลุ่มเฟิงหลีเป็นคนแรกที่รู้ถึงการดำรงอยู่ของพวกเขา ภายใต้การสั่งการของฉินเฟิง เหล่าสมาชิกขายข้าว ‘สูตรพิเศษ’ ของเฟิงหลีแก่พวกเขาเป็นจำนวนมาก

 

 

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เรื่องต่างๆบนมิติธารโลหิต ในที่สุดก็กลายเป็นที่โจษจันในโลกมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องข่าวที่ว่ามีผู้ใช้อบิลิตี้คนหนึ่งสามารถล่าอสูรโลหิตได้ และหลังจากเขาดูดซับผลึกโลหิต ก็เกิดความรู้สึกว่าอายุขัยของตนเองเพิ่มขึ้น

 

ประเด็นนี้ทำให้ผู้ใช้พลังทั่วโลกที่คอยเฝ้ามองอยู่เงียบๆ ทั้งหมดเริ่มออกเดินทางเข้ามา!

 

‘อายุขัย’ สิ่งนี้ สำหรับมนุษย์ทุกคนมันคือสิ่งสำคัญมาก

 

แม้ทางสหภาพสาธาณรัฐแอฟริกาเหนือจะรู้สึกว่านี่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของพวกเขาก็ตาม แม้มิตินี้จะถูกค้นพบในดินแดนของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดผู้มาเยือนได้

 

นั่นเพราะ ผู้มาเยือนในครั้งนี้ แต่ละคนล้วนเป็นการดำรงอยู่ที่แสนน่าหวาดกลัว

 

บนแม่น้ำสติกซ์ หลายคนยังคงเก็บกู้ซากศพไม่สมประกอบ แต่ในตอนนั้นเอง ทั้งๆที่ตอนนี้คือช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีอากาศแจ่มใส แต่จู่ๆพวกเขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจเย็นเยียบ เมื่อหันไปมองรอบๆ พวกเขาพบว่าบนแม่น้ำสติกซ์ เกล็ดหิมะค่อยๆก่อตัวขึ้น ทั้งผิวน้ำและลึกลงไปคล้ายถูกแช่แข็ง

 

ชายชราผมหงอกขาว ปรากฏกายเหนือแม่น้ำสติกซ์ เขาค่อยๆยกเท้า ท่าทางการเดินเยื้องย่างเชื่องช้า แต่วินาทีต่อมา กลับไปโผล่อีกตำแหน่งหนึ่งที่ห่างออกไปกว่า 100 เมตรได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

 

และทุกที่ที่เขาย่ำผ่าน แม่น้ำสติกซ์จะจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง ฉากนี้ทำให้จิตใจของผู้คนถูกสะกดให้หยุดนิ่ง

 

เห็นได้ชัดว่าไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายใดๆของเทคนิคเขตแดนเลย แต่ผู้คนรู้สึกราวกับว่า พวกเขาไม่สามารถขยับตัวได้

 

ชายชราข้ามแม่น้ำสติกซ์ เดินเข้าไปในรอยแยกมิติ โดยไม่ได้ตระเตรียมการป้องกันใดๆเลย

 

อย่างไรก็ตาม ทุกคนเชื่อสุดใจ ว่าอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องเตรียมการป้องกัน!

 

นั่นเพราะ อีกฝ่ายคงไม่พ้นเป็นตัวตนทรงอำนาจ คือผู้ใช้พลังในเลเวล S !

 

หากฉินเฟิงอยู่ที่นี่ เขาจะรู้ได้ทันทีว่าคนๆนี้คือใคร

 

นี่คือชายชราที่เขาเคยพบเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่ง

 

หูซาน!

 

ผู้พิทักษ์แห่งภูมิภาคเหนือ!

 

ยังไงก็ตาม ฉากอันน่าตื่นตะลึง ดูเหมือนจะยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เมื่อชายชราคนนั้นเดินเข้าไป อุณหภูมิรอบๆแม่น้ำสติกซ์ จู่ๆก็พุ่งสูงขึ้นหลายสิบองศา บรรยากาศกลายเป็นร้อนลวก ปัจจุบันธารน้ำแข็งราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน ประชาชนที่ยืนอยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำ ตามเสื้อผ้าเริ่มเกิดสะเก็ดไฟลุกไหม้

 

“โอ๊ย! เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆถึงร้อนขนาดนี้!”

 

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”

 

“เอ๊ะ? ดูนั่นสิ อย่าบอกนะว่า … ยังมีอีกคน?”