5/5

 

Ep.843 – ยังคงท่าเดิม

 

ตามซากปรักหักพัง ซากศพที่ปกคลุมไปด้วยเลือด ตนแล้วตนเล่าเริ่มปีนป่ายออกมาให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นที่ฟุ้งอยู่ในอากาศ หรือเลือดที่ไหลซึมออกจากอาคารเหล่านี้ ไม่ว่าผู้ใดมาเห็นก็ชวนให้รู้สึกหดหู่ใจ

 

บนพื้น แม้เต็มไปด้วยเศษซากตึกรามขุรขระ แต่แห่งหนใดที่ศพพวกนี้เดินผ่าน ทั้งหมดล้วนถูกย้อมเป็นสีแดงของเลือด

 

โลกใบนี้กำลังถูกยึดครองโดยอสูรโลหิต มนุษย์น้อยนิดที่ยังรอดชีวิต ทุกคนต่างรู้สึกสิ้นหวัง

 

พลังสมาธิกระจายออกไป และพบว่าจำนวนอสูรโลหิต เพิ่มมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ

 

10,000 ตัว 20,000 ตัว 30,000 ตัว …

 

ภายใต้ขอบเขตของพลังสมาธิ กินรัศมีเป็นกิโลเมตร คราคร่ำไปด้วยซากศพมนุษย์ที่ถูกควบคุมโดยอสูรโลหิต

 

แม้อสูรโลหิตจะมีความสามารถในการแยกร่าง อาศัยเลือดของตนเดียวสามารถควบคุม 7 – 8 ศพได้ แต่ต่อให้หักลบตามการคำนวณนี้ ก็ยังมีอสูรโลหิตอยู่มากถึง 3,000 -5,000 ตัว

 

หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งคือ ผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้าย ไม่มีทางหนีเลย

 

กระทั่งหนทางข้างหน้า เวลานี้ยังถูกย้อมเป็นสีเลือด พวกเขาไม่กล้าที่จะเหยียบมัน เพราะตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว ว่าหากตัวเปื้อนเลือดเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงความตาย!

 

แล้วทีนี้จะทำยังไงดี?

 

ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางออกเลย

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเอง เหลือเพียงฉินเฟิง หนึ่งเดียวที่ยังแสดงออกถึงความสุข!

 

พลังสมาธิของฉินเฟิง ขยายออกไปจนถึงขีดกำจัด ครอบคลุมไกลเท่าที่จะทำได้ ไกลถึง 3,000 เมตร!

 

นี่คือขีดจำกัดในปัจจุบันของฉินเฟิง

 

กำลังภายในของเขาแข็งแกร่งขึ้นแล้วก็จริง แต่ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับอสูรโลหิตจากทุกทิศทาง ต่อให้ใช้ท่าวิญญาณสะบั้นก็คงไม่ได้ผลเท่าที่ควร

 

แต่มีอยู่อย่างนึง ที่หากเขาใช้มันออกมา จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!

 

“เขตแดนแห่งความมืด!”

 

สิ้นประโยคนี้ อักษรรูนมหาศาล รูนที่ทำให้ผู้คนแทบรู้สึกหายใจไม่้ออกพลันระเบิดจากกายเขา ก่อตัวเป็นเสาทมิฬพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า ลุกฮือกว่า 100 เมตร

 

ไม่เพียงแค่นั้น ทันทีที่มันพุ่งสู่ท้องฟ้า เหมือนกับว่าเสาทมิฬจะสัมผัสโดนกับก้อนเมฆ พริบตานั้นเมฆทั้งก้อนถูกย้อมเป็นสีดำ ก่อตัวเป็นเมฆครึ้มทันใด เมฆดำเริ่มหมุนเป็นกระแส ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

และขอบเขตของมัน กินรัศมี 3,000 เมตรพอดิบพอดี

 

ณ ขณะนี้ แม้แต่มนุษย์ที่ติดตามฉินเฟิง ทุกคนยังรู้สึกเหมือนกับว่าจิตวิญญาณของตนเองหลุดลอยไป ราวกับบุคคลตรงหน้าที่คอยปกป้องพวกเขา เป็นจ้าวปีศาจแห่งพิภพ หากบังอาจแตะต้องเพียงครั้ง ราคาที่ทำให้เขาต้องเปื้อนมลทินคือชดใช้ด้วยชีวิต

 

กงเก๋อเป็นผู้ใช้อบิลิตี้แสง เวลานี้เขาแทบอยากจะโดดหนีให้ไกลจากฉินเฟิง

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงลงมือเร็วเกินไป

 

เมฆครึ้มและกระแสวังวน ขยายใหญ่ถึง 3,000 เมตร ก่อนลดระดับลงทั้งๆแบบนั้น ปกคลุมศพที่ถูกควบคุมโดยอสูรโลหิตที่กระจายอยู่ในรัศมี 3,000 เมตรในพริบตา

 

เลือดบนพื้นสูญสิ้นพลังชีวิตไปอย่างรวดเร็ว ไร้ซึ่งสีแดงสดอีกต่อไป แต่ถูกปนเปื้อนกลายเป็นสีแดงเข้มแทน และจากแดงเข้มก็เริ่มกลายเป็นสีน้ำตาล ไม่ต่างจากกำลังถูกกัดกร่อนสู่ความตาย

 

ขณะเดียวกัน เลือดบนศพหุ่นเชิดก็เริ่มแห้งเหือด ชิ้นเนื้อเปื่อยยุ่ยกลายเป็นเน่าเสีย หลายศพที่เดิมมีสภาพถูกตึกถล่มทับ เวลานี้ไร้ซึ่งหยาดเลือดอีกต่อไป เหลือเพียงกระดูกขาวยืนทนโท่ ราวกับว่าพวกเขาตายไปนานแล้ว

 

กลิ่นอายแห่งความมืด ปกคลุมไปทั้งสนามรบ

 

ในปากของฉินเฟิง ในที่สุดก็เอ่ยอีกคำหนึ่งออกมา

 

“เทคนิคหมื่นศพย่างกราย!”

 

ภายใต้เขตแดนแห่งความมืด เกรงว่าในอนาคตนับจากนี้ มันจะกลายเป็นป้ายอาญาสิทธิ์ของเขา ที่ช่วยให้ง่ายต่อการเดินเหินในมิติธารโลหิต ทั้งๆที่เป็นแค่การปลดปล่อยเทคนิคเพียงท่าเดียวเท่านั้น

 

–แต่เป็นเทคนิคเดียวที่สามารถกัดกินศัตรูได้ทุกตัว!

 

ด้วยเทคนิคนี้ ต่อให้อสูรโลหิตเป็นเจ้าของมิติธารโลหิต แต่มันก็ไม่สามารถทนอยู่ได้

 

“โอ โอ โอออ!”

 

เสียงโหยหวนน่าสังเวชดังลอดออกจากปากศพมนุษย์ ร่างของศพบิดงอ และเริ่มมีอสูรโลหิตมุดออกมา ในที่สุดมันก็ตัดสินใจหนีจากศพ!

 

เหล่าอสูรโลหิตวิ่งหลบหนีทันที แต่ร่างของพวกมันเต็มไปด้วยเลือด ดังนั้นค่อยๆถูกปนเปื้อนโดยพิษร้าย ระหว่างหลบหนี ตลอดเส้นทางทิ้งร่องรอยสกปรกเอาไว้ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีขนาดหดเล็กลง

 

และคนอย่างฉินเฟิงน่ะหรือ จะปล่อยให้พวกมันหนีไป!

 

“ฆ่าพวกมัน!”

 

พลังสมาธิของฉินเฟิง ส่งคำสั่งออกไปทันที

 

หุ่นเชิดแห่งความตายนับ 30,000 ตัว เริ่มขยับมือขยับเท้าที่แข็งกระด้างของพวกเขา หันไปกระโดดรัดพันอสูรโลหิต ฉุดลากพวกมันให้ติดอยู่ในเขตแดนแห่งความตาย คอยเพลิดเพลินไปกับการถูกกัดกินโดยอบิลิตี้มืด ลิ้มรสความรู้สึกของเลือดเนื้อค่อยๆเน่าเสียและสลายลง

 

หุ่นเชิดแห่งความตายบิดม้วนร่างกายเข้าด้วยกัน อสูรโลหิตรู้สึกเหมือนกำลังตกนรก

 

กระนั้น ณ ตำแหน่งใจกลางสนามรบ เหล่ามนุษย์อีกหลายร้อยคน พื้นใต้เท้าของพวกเขายังคงเป็นสีโคลนเหลืองที่เกิดจากเศษหินและอิฐของตึก ดูเหมือนว่าเฉพาะตำแหน่งที่พวกเขาอยู่เท่านั้น ที่ไม่มีอักษรรูนมืดรุกรานเข้ามา เป็นสถานที่เดียวที่พระเจ้าโปรดปราน ไม่ปล่อยให้ตกลงสู่ขุมนรก

 

ทว่าทุกคนต่างทราบดี ว่าทั้งหมดนี้ ล้วนถูกสร้างขึ้นโดยชายที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา

 

เดิมพวกเขาสมควรก้าวเข้าไปขอบคุณฉินเฟิงสำหรับการช่วยเหลือ แต่เวลานี้ ในหัวใจของพวกเขา กลับบังเกิดความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งเพิ่มเข้ามา–

 

–ความกลัว!

 

สำหรับบางคน ยามได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น ช่วงเวลานั้นพวกเขาอาจรู้สึกสำนึกคุณ แต่อย่างไรไม่มีทางสำนึกบุญคุณไปได้ตลอดชีวิต

 

ยังไงก็ตาม สำหรับบางคน หากรู้สึกหวาดกลัวสิ่งใด พวกเขาจะหวาดกลัวมันไปตลอดชีวิต!

 

ฉินเฟิงแม้ไม่ได้ตั้งใจข่มขวัญคนเหล่านี้ แต่อบิลิตี้มืดที่เขาปลดปล่อยออกมา เป็นตัวสร้างผลลัพธ์ดังกล่าว

 

จึงไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมพันธมิตรมนุษย์ สมาชิกส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืด เกือบทั้งหมดเลยมาเข้าร่วมกับองค์กรมืด นั่นเพราะอบิลิตี้ที่พวกเขาปลดปล่อยออกมา มันส่งผลกระทบร้ายแรงเกินไป!

 

หากไม่ทราบมาก่อนว่ามนุษย์พวกนี้คือศพคนตาย และทั้งหมดกำลังถูกควบคุมโดยอสูรโลหิต เขตแดนแห่งความตายนี้ของฉินเฟิงคงไม่ต่างจากเก็บเกี่ยวชีวิตผู้คนนับหมื่น การกระทำเช่นนี้คนของพันธมิตรมนุษย์ไม่สามารถทนได้!

 

ขณะนี้ การต่อสู้ที่อันสับสนวุ่นวาย จบลงอย่างรวดเร็ว มีอสูรโลหิตอย่างน้อย 3,000 ตัว จบชีวิตลงด้วยน้ำมือของฉินเฟิง

 

ภายใต้เขตแดนแห่งความตาย พลังงานทั้งหมดของทุกชีวิตที่ตายลง ถูกดูดซับเข้ามาโดยพลังพิเศษดูดกลืน แม้มนุษย์เหล่านั้นจะตายไปแล้วก็ตาม แต่หลังจากถูกควบคุมโดยอสูรโลหิต พลังงานในร่างกายเลยไม่ได้กระจัดกระจายหายไปทั้งหมด ดังนั้นที่เหลือสุดท้ายเลยมาตกอยู่ในมือของฉินเฟิง

 

เสี้ยวพริบตา พลังสมาธิของฉินเฟิงยกระดับขึ้นอีกครั้ง!

 

ทั้งๆที่ตอนแรก ฉินเฟิงโคตรรู้สึกเสียดาย ที่เขาไม่สามารถดูดซับพลังสมาธิจากชายชราเจ้าของเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์และอสูรโลหิตเลเวล S ได้ แต่ตอนนี้ อย่างน้อยก็มีพลังพวกนี้มาทดแทน

 

แค่วันแรกหลังจากก้าวเข้ามาเยือนมิติธารโลหิต ฉินเฟิงก็สามารถตัดผ่านได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

 

พลังสมาธิของเขา ก้าวไปอีกขั้น

 

ขึ้นสู่เลเวล B7!

 

การวิวัฒท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ กลิ่นอายของฉินเฟิงปะทุออกมา ส่งผลให้กลุ่มมนุษย์ผู้รอดชีวิต ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงในเวลานี้ รู้สึกได้ถึงพลังสมาธิที่เพิ่มไปอีกขั้น ความสามารถในการควบคุม 3,000 เมตร ขยายไปอีกระดับหนึ่ง

 

“จงระเบิด!”

 

ฉินเฟิงควบคุมอักษรรูนมืด บังคับให้กระดูกซากศพเหล่านั้น ระเบิดตัวเอง พริบตาเดียว กองซากศพขนาดใหญ่ร่วงกราวลงกับพื้น

 

แน่นอน สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือแก่นพลังงานจำนวนนับไม่ถ้วน!

 

ฉินเฟิงใช้พลังสมาธิเรียกพวกมันเข้ามา พบว่ามีอย่างน้อย 3,000 ผลึกโลหิต และมีแก่นพลังงานมากถึง 30,000 – 40,000 ชิ้น ทั้งหมดล้วนเกิดจากซากศพมนุษย์หลังความตาย

 

ฉินเฟิงเก็บทุกสิ่งที่ได้มานี้ ลงในอุปกรณ์รูนมิติ

 

“จงกลับคืน!”

 

อักษรรูนมืด ม้วนกลับหัวกลับหาง ลุกฮือขึ้นสู่ฟากฟ้า จากนั้นหมุนทวนเข็มนาฬิกา สุดท้ายผสมผสานกลืนเข้ากับเสาแสงสีดำ ตกลงสู่กลางหน้าผากของฉินเฟิง หวนสู่นิทราในจักรวาลแห่งจิตสำนึก

 

หากไม่ใช่เพราะกลิ่นอายเน่าเหม็นที่ยังคละคลุ้งอยู่ในอากาศ มนุษย์ผู้รอดชีวิตคงไม่สามารถทำใจเชื่อจริงๆ ว่าคนๆเดียวจะสามารถทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

 

วิกฤต–

 

ได้ผ่านพ้นไปแล้ว!