2/4

 

Ep.838 – เสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์

 

ในที่สุดอสูรโลหิตก็แปรสภาพเป็นสีแดงส้ม มันคือสีเดียวกันกับเลือดที่ถูกเผาและหลอมละลาย

 

ผลึกโลหิตในร่างกายมันหลุดออกมา กลิ้งลงพื้น มิได้แหลกสลายลงเหมือนคทากัมปนาท ทันทีที่มันกระทบกับพื้น เลือดเริ่มเจิ่งนอง ทะเลสาบโลหิตค่อยๆก่อตัวขึ้น!

 

อสูรโลหิตเลเวล S ไม่เหมือนอสูรโลหิตธรรมดาทั่วไป แก่นผลึกของพวกมันไม่ต่างจากศิลาศักดิ์สิทธิ์ ครอบครองพลังมหาศาล

 

สายธารโลหิตเจิ่งนองเป็นหลุมใหญ่ ขณะเดียวกันเปลวเพลิงยังคงลุกไหม้ ทั้งสองหักล้างกันและกัน สร้างหมอกหนาก่อตัวขึ้น

 

เมฆบนท้องฟ้า ถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน หากมีเม็ดฝนตกลงมาจากเมฆเหล่านั้น ฝูงชนรอบๆซากปรักหักพัง เกรงว่าพวกเขาทั้งหมดคงถูกหลอมละลาย

 

ในหลุมใหญ่ เลือดกำลังถูกต้มจนเดือด อุณหภูมิของมันพุ่งสูง เต็มไปด้วยบรรยากาศร้อนลวก ขณะเดียวกันอำนาจของผลึกโลหิตค่อยๆลดทอนลง ถดถอยจนอย่างน้อยที่สุด ต่อให้เป็นผู้ใช้พลังเลเวล A ก็สามารถเก็บกู้มันได้

 

“ไป๋หลี ฝากด้วยนะ!”

 

ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องอธิบายยืดยาวให้มากความ ไป๋หลีนำหน้าเขาไปแล้ว ก้าวเข้าสู่หมอกที่เกิดจากการระเหยของเลือด

 

เมื่อก้าวเข้ามา ไป๋หลีชี้นิ้วไปยังกลางแอ่งเลือดหลุมใหญ่ พริบตาเดียว แก่นผลึกสีเลือดขนาดเท่าบาสเกตบอล ผลึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายของพลังชีวิต ก็ลอยขึ้นมา

 

ฉินเฟิงไม่สามารถทนต่อแรงดึงดูดของกลิ่นอายดังกล่าวได้ ปรารถนาจะดูดซับมันในทันที อย่างไรก็ตาม เขารู้ดี ว่าผนึกโลหิตตรงหน้า ยังไม่สามารถดูดซับได้ในตอนนี้

 

ผนึกโลหิตตรงหน้าอยู่ในส่วนของเลเวล S แม้ฉินเฟิงตอนนี้จะอยู่ในระดับจักรพรรดิ แต่ก็แค่เลเวล B เท่านั้น สำหรับบางสิ่งที่อุดมไปด้วยพลังงานเช่นนี้ หากเข้าสู่ร่างกายเขา ต่อให้เจ้าตัวมีพลังพิเศษดูดกลืน ฉินเฟิงรู้สึกว่าร่างเขาอาจระเบิดได้

 

ส่วนไป๋หลีเธอสามารถทนต่อแรงดึงดูดนี้ได้ เพราะในฐานะสัตว์ยักษ์มิติ เธอมีชีวิตยืนยาว ดังนั้นไม่โหยหาสมบัตที่ช่วยยืดอายุขัย เลยสามารถข่มใจ เก็บผลึกโลหิตเข้าในพื้นที่มิติอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อกลิ่นอายนี้จางหาย ฉินเฟิงได้สติกลับคืน สายตาของเขาเบนลงไปตกลงบนสิ่งสำคัญที่ยังเหลืออยู่

 

–เสื้อคลุมระดับเกราะเทวะ

 

เสื้อคลุมนี้ปักลวดลายเป็นรูปดวงอาทิตย์ มันถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ตลอดเวลา ส่งผลให้อุณหภูมิของเพลิงคำรนและกลิ่นอายของเกราะเทวะเลเวล S ไม่มีเสื่อมคลาย ผู้คนที่อยู่ในรัศมีสามารถรับรู้ถึงมันได้ทุกเวลา

 

ดังนั้นช่วงเวลาที่ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นข้างมัน ฝูงชนโดยรอบต่างตระหนักถึงการมาเยือนของเขา พลังสมาธินับร้อยตรึงเข้าใส่ทันที

 

บังเกิดเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจในตอนแรก ตามมาติดๆด้วยเสียงคำรามถ่ายทอดผ่านพลังสมาธิ

 

“ผู้ใด? เป็นผู้ใดกล้าแตะต้องเสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์!”

 

“สมบัตินี้เป็นของอาณาจักรเรา!”

 

“ถอยออกมาซะถ้าไม่อยากตาย!”

 

คำขู่ดังสะท้อนก้อง แต่ทำไมฉินเฟิงต้องสนใจด้วย? พลังสมาธิของเขาทรงพลังยิ่ง ดังนั้นวิธีข่มขู่ทางใจไม่ส่งผลต่อเขาสักนิด เจ้าตัวเอื้อมมือไปคว้าเกราะเทวะที่เรียกกันว่าเสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทันที

 

คทากัมปนาทก่อนหน้านี้ ไม่อาจสร้างความเสียดายแก่เสื้อคลุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย อาจเพราะเสื้อคลุมตัวนี้ไม่กลัวเปลวไฟ หรือบางทีมันอาจแข็งแกร่งทนทานจริงๆ แต่ที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือ เจ้าสิ่งนี้เป็นสมบัติอย่างแท้จริง!

 

แต่เนื่องจากก่อนฉินเฟิงจะเกิดใหม่ เขาไม่เคยได้ติดตามเลเวล S ดังนั้นไม่ทราบข่าวสารเชิงลึก ว่าในชีวิตก่อนใครเป็นคนได้ครอบครองสมบัติชิ้นนี้

 

แต่จะยังไงก็ช่าง เพราะในชีวิตนี้มันเป็นของฉินเฟิง!

 

ช่วงเวลาต่อมา บริเวณมือที่ยื่นออกไปสัมผัสเสื้อคลุม เริ่มแผ่บรรยากาศร้อนระอุ

 

ตูมมม!

 

เปลวเพลิงอันร้องแรงน่าหวาดกลัวพลันลุกไหม้ ปกคลุมทั้งร่างของฉินเฟิง

 

ไอร้อนแผดเผาให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจมอยู่ในธารลาวาใต้แกนโลก ราวกับฉินเฟิงกำลังแช่อยู่ในดวงอาทิตย์

 

อุณหภูมิขนาดนี้ สามารถเผาผลาญมนุษย์ได้ในพริบตา หลอมละลายไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า

 

รังสีแสงดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ห่อหุ้มทั้งฉินเฟิงและชุดคลุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งไป๋หลียังถูกบังคับให้ถอยร่นออกไปกว่า 30 เมตร

 

ในระยะไกล พลังสมาธิของคนกลุ่มหนึ่งส่งผ่านเข้ามา

 

“ช่างโง่เขลา คิดว่าเสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์สามารถครอบครองได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ?”

 

“ตายเสียเถอะ เสื้อคลุมศักดิสิทธิ์ไม่เคยยอมจำนนต่อผู้ใด เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว มีเฉพาะฝ่าบาทเท่านั้นที่มันยอมก้มหัวให้ สมบัติชิ้นนี้มีเพียงคนในสายเลือดราชวงศ์จึงจะสามารถเก็บรักษาเอา อีกอย่าง หากมิใช่ผู้ใช้ศาสตร์อัคคีระดับแปดขึ้นไป จะสามารถควบคุมเสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?”

 

ฟังจากที่บอกว่าระดับแปด คาดว่าพวกเขาน่าจะหมายถึงผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S จริงอยู่ที่ฉินเฟิงยังไม่สามารถก้าวขึ้นไปถึงจุดนั้น อย่างไรก็ตาม หากระดับแปดที่ว่าหมายถึงปริมาณของรูนไฟแล้วล่ะก็ …

 

ท่ามกลางแสงจรัสดั่งดวงอาทิตย์ เนื่องจากเขาต้องคว้าเสื้อคลุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ โล่ปราณกำลังภายในเลยถูกถอนออก แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของอีกฝ่ายที่แทบจะผลาญตนเองเป็นจุณ อบิลิตี้ธาตุไฟของฉินเฟิง ก็ระเบิดออกทันที

 

เปลวเพลิงห่อหุ้มฉินเฟิง เขตแดนขนาดย่อมคอยปกป้องรอบตัวเขา ไม่ปล่อยให้เปลวเพลิงจากเสื้อคลุมเข้าทำร้าย

 

แต่ต่อให้โดนทำร้าย ฉินเฟิงก็ไม่คิดปล่อยมือจากเสื้อคลุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี ตรงกันข้าม บนหน้าผากเขา ปรากฏกระแสวังวนขึ้น

 

สมบัติเทวะน่ะเปี่ยมไปด้วยพลังอันลึกล้ำ โดยเฉพาะชิ้นที่สามารถเข้าถึงเลเวล S มันมีเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงเป็นของตัวเอง จำเป็นต้องบรรลุเงื่อนไข มิฉะนั้นจะไม่สามารถควบคุมได้ ขณะเดียวกัน หากพลาดพลั้งอาจส่งผลให้พลังงานไหลย้อนกลับ ต้องจบชีวิตลง

 

และที่อธิบายมาข้างต้น คือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้

 

“ทำให้แกเชื่อง มันไม่ง่ายเอาซะเลย!”

 

ขณะกล่าว วังวนบนหน้าผากของฉินเฟิง ผุดศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิงออกมา รูนไฟมหาศาลพรั่งพรูไม่หยุดยั้ง ก่อตัวเป็นปราการคอยปกป้องฉินเฟิงอีกชั้นหนึ่ง ขณะเดียวกันเข้าต่อสู้กับเสื้อคลุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์

 

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากมองลึกเข้าไปผ่านกระแสวังวนบนหน้าผากของฉินเฟิง จะพบว่าดาวเคราะห์สองดวงกำลังหมุนวน

 

หนึ่งเป็นดาวเคราะห์เพชรสีดำสนิทดวงใหญ่สุด มันปะทุแรงดึงดูดอันน่าสะพรึงกลัว อักษรรูนที่คอยคุกคามฉินเฟิง ค่อยๆถูกซึมซับเข้ามาโดยแรงดึงดูดนี้ โดนจับแยกจากต้นกำเนิดอย่างไม่ยินยอม ไหลเข้าสู่จักรวาลแห่งจิตสำนึก

 

เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ อักษรรูนที่ระเบิดเพลิงผลาญร้อนลวกก็มิใช่ของเสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป แต่ตกเป็นของฉินเฟิง

 

ส่วนดาวเคราะห์ดวงที่สอง แน่นอนว่าคือแก่นอบิลิตี้ไฟที่ถูกสร้างโดยผลไม้แห่งปัญญา ดาวเคราะห์เพชรดวงนี้ลุกไหม้เป็นทะเลเพลิง ต้อนรับขับสู้อักษรรูนไฟที่ถูกดึงดูดเข้ามา หลอมรวมเข้ากับมันอย่างสมบูรณ์

 

ภายใต้สภาวะฝ่ายหนึ่งหมายทำลายล้าง แต่อีกฝ่ายหนึ่งสามารถสลายอำนาจทำลายได้ ทำให้ฉินเฟิงสามารถดูดซับรูนไฟได้อย่างรวดเร็ว การดิ้นรนขัดขืนของเสื้อคลุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ค่อยๆอ่อนแอลง

 

ตรงขอบหลุมใหญ่ มนุษย์ที่เดิมคิดว่าฉินเฟิงจะถูกกลืนกินโดยเสื้อคลุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เวลานี้ทั้งหมดต่างอ้าปากค้าง เฝ้ามองไปยังดวงอาทิตย์อันร้อนแรงที่เริ่มโปร่งใสและหดเล็กลงเรื่อยๆ ค่อยๆเผยให้เห็นเงาร่างของมนุษย์

 

และแล้วท้ายที่สุด เปลวเพลิงก็สลายไป เสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ เวลานี้อ่อนนุ่ม ว่าง่ายแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง เริ่มปรับขนาดให้พอดีกับสรีระของฉินเฟิง

 

เปลวเพลิงที่ลุกโชนบนเสื้อคลุมได้หายไป กลิ่นอายน่าสยดสยองสลายไปเช่นกัน บัดนี้กลายเป็นเสื้อผ้าที่ดูสวยหรูและให้กลิ่นอายของศิลปะ พาดลงบนตัวฉินเฟิง ทั้งยังปรับขนาดให้เหมาะสมกับรูปร่างของเขาโดยอัตโนมัติ

 

เกราะสมบัติระดับเทวะ ยอมรับผู้เป็นนายคนใหม่แล้ว!

 

“นี่- นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!!”

 

“เขาได้รับการยอมรับจากเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!”

 

“ไม่นะ เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ของฉัน เป็นฉันต่างหากที่สมควรได้รับมัน!”

 

“เขาไม่ใช่คนของเรา เขาเป็นมนุษย์จากอีกมิติหนึ่ง จะปล่อยให้ครอบครองเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ ต้องชิงเสื้อคลุมกลับคืนมา!”

 

“พวกเราลุย!”

 

เสียงผู้คนนับไม่ถ้วนตะโกนขึ้น

 

แต่เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว อีกสิ่งมีชีวิตหนึ่งเร็วกว่าหลายเท่า

 

ซ่า ซ่า ซ่าาา!

 

ใจกลางทะเลสาบเลือดใต้เท้าของฉินเฟิง อสูรโลหิตกว่า 5 ตัวโผล่ขึ้นมา กระโจนเข้าหาฉินเฟิงกับไป๋หลี

 

แต่หากจะให้อธิบายชัดๆ ควรกล่าวว่าพวกมันเล็งไป๋หลีไว้มากกว่า เนื่องจากไป๋หลีได้เก็บเอาผลึกโลหิตเลเวล S ไว้กับตัว

 

ห้าอสูรโลหิต ทั้งหมดอยู่ในเลเวล A ก่อนหน้านี้อสูรโลหิตแค่ตัวเดียวก็สามารถต่อกรกับสัตว์เทวะได้แล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าพวกมันทรงพลังอย่างยิ่งยวด แต่ตอนนี้ ดันต้องเผชิญหน้ากับพวกมันทีเดียว 5 ตัว กระทั่งไป๋หลีสีหน้ายังแปรเปลี่ยนไป

 

คงจะมีเพียงฉินเฟิงเท่านั้น ที่ในดวงตาทอประกายกระหายเลือด บังเกิดจิตต่อสู้ลุกโชนไปทั่วสรรพางค์กาย!