5/5

 

Ep.827 – หว่านล้อมชูฟ่าน

 

แม้แต่ชูฟ่านก็ไม่สามารถโต้แย้งคำพูดของฉินเฟิง

 

แน่นอน การปรากฏตัวของชูฟ่านค่อนข้างเด่นชัด มีนกแก้วสีสันสดใสขนาดสามเมตรบินวนอยู่เหนือหัวเขา ดังนั้นฉินเฟิงเลยสามารถค้นพบเด็กน้อยมากสติปัญญาผู้นี้ได้ในพริบตา

 

เวลานี้ ชูฟ่านกำลังมองมาทางฉินเฟิงเช่นกัน

 

ฉินเฟิงส่งสัญญาณมือ ชูฟ่านผงกหัวรับ แยกตัวจากฝูงชน เดินไปยังทิศทางที่ฉินเฟิงจากไป

 

ภายในเมืองลอยฟ้าเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้าง แต่อาคารเหล่านี้ มิได้อนุญาตให้ผู้รอดชีวิตก้าวเข้ามา พวกเขาทำได้เพียงยืนรวมตัวกันอยู่กลางจัตุรัส เฝ้ารอการพิจารณา ว่าจะได้เดินทางไปยังเมืองเฟิงหลี หรือถูกส่งไปยังสถานชุมชนแห่งใหม่

 

ภายในอาคารของเมืองลอยฟ้า ฉินเฟิงก้มลงมองชูฟ่านที่เหมือนผู้ใหญ่ในคราบเด็กและกล่าวว่า “ตอนนี้นายมีแผนจะทำอะไรต่อ อยากกลับไปยังมิติต้องห้ามรึเปล่า ”

 

“ผมจะกลับไปได้ยังไง? สัตว์ร้ายจอมเขมือบตายแล้ว ถึงผมสามารถอยู่คนเดียว และฝึกฝนจนเติบใหญ่ได้ แต่แบบนั้นยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะแซด!”

 

ชูฟ่านเอ่ยตามสัตย์จริง แต่นี่อยู่ในการคำนวณของฉินเฟิงเช่นกัน

 

“เป็นเรื่องจริง แค่นายเพียงลำพังไม่มีทางโค่นแซดได้ อีกอย่างนายสูญเสียจอมเขมือบไปแล้ว นี่ไม่ต่างกับคนไร้เสาหลักคอยค้ำจุน ไม่เหลือประโยชน์อะไรอีก ฉะนั้นข้อตกลงก่อนหน้านี้ของพวกเราเป็นอันตกไป หรือถ้ายังอยากร่วมมือกันต่อ .. ไหนลองบอกมาสิว่านายจะช่วยอะไรฉันได้บ้าง?”

 

ชูฟ่านหรี่ตาแคบลง นับตั้งแต่องค์กรของแซดลักพาตัวมา เขาก็เกิดความรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างยิ่งหากมีใครมาเหยียบยืนเหนือหัว อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวทราบดีว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเกิดผลดีที่สุดแก่ตนเอง แม้ชูฟ่านครอบครองสติปัญญาชนิดต่อต้านสวรรค์ แต่เขายังรู้สึกตกใจมากกับความแข็งแกร่งของฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงร้ายกาจจริงๆ เรื่องนี้ได้สลักลงในใจชูฟ่านแล้ว แต่เกรงว่าอย่างไรก็ยังเป็นฝ่ายแซดที่ทรงพลังยิ่งกว่า ดังนั้นฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่าแม้สัตว์ร้ายจอมเขมือบจะเติบโตจนขึ้นเป็นสัตว์เทวะ แต่พวกเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแซดอยู่ดี!

 

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ ชูฟ่านก็บังเกิดอีกแผนหนึ่งในหัวใจ

 

“นายพลฉิน เป็นคุณใช่ไหมที่มอบเนื้อของเขมือบฟ้าให้แก่แซด? ได้โปรดมอบส่วนที่เหลือให้ผม แล้วผมจะยอมให้ความร่วมมือ สร้างสัตว์ร้ายจอมเขมือบแก่คุณ!” ชูฟ่านกล่าว

 

ฉินเฟิงมองชูฟ่านอย่างคาดไม่ถึง “นี่นายยังวางแผนจะเลี้ยงสัตว์ร้ายจอมเขมือบอีกหรือ?”

 

รูปลักษณ์และความสามารถของสัตว์ร้ายจอมเขมือบ ค่อนข้างคล้ายคลึงกับเขมือบฟ้า ดังนั้นไม่ยากหากคาดเดาว่าเซลล์ดั้งเดิมของมันมีต้นกำเนิดมาจากอะไร

 

“แน่นอน ผมยังไม่ยอมแพ้ บางทีถึงผมจะไม่สามารถเพาะเลี้ยงสัตวเทวะเลเวล S ได้ แต่ถ้าให้เลี้ยงมันจนเป็นเลเวล A ซักหลายตัว ไม่น่ามีปัญหาอะไร .. อย่างน้อยพวกเราสมควรมีไพ่ตายในมือไว้บ้างไม่ใช่หรอ?”

 

“อืม มีเหตุผล!” ฉินเฟิงเห็นด้วย

 

ข้อตกลงนี้ฟังดูไม่เลว แม้ทั้งหมดจะเป็นการเอ่ยปากเปล่า แต่ในโลกใบนี้ มีสัญญาก็ยังดีกว่าไม่มี เพราะพันธะอย่างน้อยก็สามารถช่วยให้ผู้ใช้พลังหักห้ามความคิดร้ายได้

 

“งั้นจากนี้ไป นายต้องเข้าร่วมห้องทดลองของกลุ่มเฟิงหลี ขณะเดียวกัน นายสามารถตรวจสอบความคืบหน้าจากห้องทดลองของแซดได้ตลอดเวลา นับจากนี้ไป ฉันหวังว่านายจะให้คำแนวทางและแผนการที่ชัดเจนแก่ฉัน” ฉินเฟิงกล่าว

 

แน่นอน ห้องทดลองที่ว่า ไม่ใช่หมายถึงห้องทดลองในสถานชุมชนเฟิงหวง แต่เป็นห้องทดลองใต้เมืองเฟิงหลี มันคือฐานปฏิบัติการที่ใหญ่กว่า สถานชุมชนเฟิงหวงวิจัยแค่ในส่วนของมิติต้องห้ามเท่านั้น เอาจริงๆมันถูกสร้างไว้เพื่อเป็นด่านหน้าคอยควบคุมการเคลื่อนไหวของแซดในเวลาเดียวกัน

 

ก็หากสถานชุมชนเฟิงหวงยังมีห้องทดลอง แล้วเมืองเฟิงหลีจะไม่มีได้อย่างไร?

 

ชูฟ่านพยักหน้าเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของเขา ยังมีข้อกังวลอีกประการหนึ่ง

 

“ตอนที่ผมออกมา มีหลายคนเห็นผมแล้ว ถ้าเกิดมีคนขององค์กร Z มาตามจับตัวผม คุณมีวิธีรับมือยังไง?” ชูฟ่านถาม

 

ในช่วงหลายปีมานี้ สถานะของเขาในองค์กร Z มิใช่ต่ำตม แต่แน่นอน ว่ามันไม่ได้สูงเช่นกัน

 

ฉินเฟิงกล่าวว่า “นายเคยได้พบแซดกี่ครั้ง? แล้วรู้รึเปล่าเขาเป็นคนยังไง?”

 

ชูฟ่านผงะ มองฉินเฟิงด้วยความฉงน ไม่ทราบว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถามแบบนี้

 

“เคยเจอกันแค่สามครั้ง ตอนนั้นอีกฝ่ายกำลังทดลอง แต่บอกก่อนนะว่าผมไม่รู้อะไรมากนักหรอก!”

 

อ้างอิงจากคำพูดนี้ หมายความว่าชูฟ่านคงไม่รู้เหมือนกันใช่ไหม ว่าแซดแข็งแกร่งขนาดไหน?

 

“ชายที่ชื่อว่าแซด เป็นคนที่ทรงพลังมากๆ จากบรรดามิติทั้งหลาย เขานับเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็เป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง ก่อนหน้านี้เนื่องจากนายไม่มีพิษมีภัย เขาเลยไม่สนใจนาย มุ่งสมาธิไปกับการค้นคว้าวิจัยเท่านั้น ต่อให้เขาจะรู้ตัวว่ามีคนเกลียดเขาแทบตาย แต่แซดก็ไม่สนใจหรอก!”

 

และนี่คือเหตุผลเช่นกัน ว่าทำไมแซดถึงได้มาตามตื้อฉินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเพราะแซดไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นิสัยของอีกฝ่ายอาจกล่าวได้ว่าผิดแผกจากคนทั่วๆไป

 

ยกตัวอย่างเช่นตาปีศาจ คนๆนี้เลือกสังหารฉินเฟิงอย่างไม่ลังเลเพียงเพราะฉินเฟิงไปสังหารเลเวล A ในพันธมิตรของเขา ตรงกันข้ามกับแซด แม้ฉินเฟิงทำลายฐานทดลองของเขาไปหลายฐาน บางครั้งถึงขั้นเรียกได้ว่าสูญเสียครั้งใหญ่ แต่อีกฝ่ายยังคงสงบเยือกเย็น แถมมาคอยตามตื้อฉินเฟิง ยังทำถึงขั้นเข้าช่วยเหลือฉินเฟิงรับมือกับตาปีศาจ แค่นี้ก็พออธิบายได้ ว่าชายคนนี้ทำอะไรตามอำเภอใจขนาดไหน

 

“ดังนั้น ต่อให้รู้ว่านายต้องการจะฆ่าเขาก็ตาม แต่แซดคงไม่คิดสนใจ ฉันจะเก็บนายไว้เอง ถึงเวลานั้นต่อให้เขามารู้ทีหลัง ฉันสัญญาว่าเขาจะไม่กล้าทำอะไร”

 

ความว่างเปล่าฉายวาบในดวงตาของชูฟ่าน แต่แล้วความอัปยศอดสูและความโกรธก็เข้ามาแทนที่ “แต่นั่นก็ตีความได้อีกอย่างนึง ว่าเขากำลังดูถูกผม!”

 

‘เฮ้ๆ พูดแบบนี้กำลังจะบอกว่าแซดก็ดูถูกฉันเหมือนกันใช่ไหม?’

 

ฉินเฟิงผุดยิ้มเย็นชาและกล่าว “ในเมื่อรู้ตัวแล้ว ก็จงแข็งแกร่งขึ้นซะ! เวลาที่คนอื่นมองมา เขาจะได้ไม่ดูถูกนาย!”

 

สิ้นประโยคนี้ ความโกรธเกรี้ยวของชูฟ่านยิ่งฉายชัด แต่เขาข่มใจตัวเองเอาไว้ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องใส่อารมณ์กับฉินเฟิง

 

“ผมรู้ ผมจะตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี!”

 

ระหว่างทั้งสองสนทนา เมืองลอยฟ้าก็มาถึงเมืองเฟิงหลีในที่สุด มีสมาชิกกลุ่มคอยเตรียมการรอต้อนรับอยู่แล้ว ชูฟ่านถูกนำตัวไปยังห้องทดลอง

 

เรื่องราวเกี่ยวกับมิติจองจำ สิ้นสุดลงเสียที ไม่จำเป็นต้องเข้าไปอีกแล้วในตอนนี้ ส่วนเรื่องการช่วยผู้รอดชีวิต ฉินเฟิงละทิ้งอย่างสิ้นเชิง แต่ก่อนเขาจะจากมา เจ้าตัวได้ขอให้ไป๋หลีเปิดช่องว่างมิติ หย่อนกล่องเสบียงหลายชิ้น หรือแม้กระทั่งคู่มือแนะนำลงไป ใจความว่าหากยังมีคนโชคดีรอดชีวิต ขอให้ใช้ความแข็งแกร่งของตนบุกป่าฝ่าดง มุ่งหน้าไปยังฐานของนักรบแห่งอนาคตกลุ่มเฟิงหลี ถึงเวลานั้น ก็จะสามารถออกจากมิติต้องห้ามได้เอง

 

เป็นเพราะอยู่ในมิติต้องห้ามนานกว่าหนึ่งเดือน บวกกับการต่อสู้ครั้งล่าสุด แม้ความแข็งแกร่งทางกายภาพจะยกระดับขึ้น , พลังสมาธิถูกเติมเต็ม แต่จิตใจของเขากลับเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก

 

ฉินเฟิงเลยตั้งใจจะพักผ่อนซักหลายวัน อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งของเขามิได้มีไว้เปล่าๆ ยังเหลือเรื่องราวอีกมากต้องได้รับการตรวจสอบและเซ็นอนุมัติ จึงไม่สามารถทำแบบนั้นได้

 

วันถัดมา ฉินเฟิงปรากฏตัวในห้องสำนักงานของผู้การรัฐ ตรวจสอบอีเมลแต่ละฉบับ และตอบกลับไป

 

【รายงานการก่อสร้างในสุสานเทพสงคราม】

 

【ข้อมูลการสำรวจล่าสุดในมิติต้องห้าม】

 

【รายงานตำแหน่งต้นไม้เพลิงระดับสูงในมิติลาวาเดือด】

 

【รายงานผลงานไตรมาสล่าสุดของกลุ่มเฟิงหลี และแผนการพัฒนาในอนาคต】

 

【รายละเอียดการก่อสร้างเมืองเฟิงหลี และพื้นที่โดยรอบ】

 

แต่ละอัน ล้วนเป็นตัวแทนที่แสดงถึงทรัพยากรที่ฉินเฟิงครอบครองในปัจจุบัน

 

โดยไม่ทันรู้ตัว กลุ่มที่ฉินเฟิงจัดตั้งขึ้น ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงชนิดสั่นสะเทือนโลกหล้า โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทางทะเล

 

ฉินเฟิงมองไปยังข้อมูลปัจจุบันที่เขาต้องการจะรู้ จัดการประมวลผลเอกสารบางส่วน แบ่งลำดับความสำคัญ แต่ในตอนนั้นเอง ข้อมูลหนึ่งก็สามารถทำให้สายตาของเขาหยุดนิ่งลงได้

 

【รายงานคัดเลือกผู้เข้าร่วมงานประลองลูกรักของพระเจ้า , ผู้ส่ง : เติ้งเหนียน】

 

ฉินเฟิงมองไปยังรายงานฉบับนี้ อดทอดถอนหายใจไม่ได้ “ผ่านมาปีนึงแล้วหรือนี่!”

 

เมื่อปีที่แล้ว เติ้งเหนียนยังขอร้องให้ลู่เหมิงเป็นตัวแทนของสถานชุมชนเฉิงเป่ยเข้าร่วมงานประลองลูกรักของพระเจ้าอยู่เลย แต่ในปีนี้ เติ้งเหนียนได้กลายเป็นหนึ่งในนักวิชาการของสถาบันสูงสุดประจำเมืองเฟิงหลีแล้ว

 

และงานประลองในปีนี้ เขาก็เป็นคนรับผิดชอบอีกเช่นเคย รวมไปถึงการจัดงานประลองของเฟิงหลี ก็ถูกควบคุมดูแลโดยเขา