3/4

 

Ep.809 – ผู้มาเยือนที่คาดไม่ถึง

 

ต้องขอบอกว่า การตัดสินใจของหนิงซิน ทำให้ เลเวล B ที่เหลือตกตะลึง

 

“ลูกพี่หนิง นี่คุณ … ” โจวเจ๋อมองหนิงซินอย่างระแวดระวัง เขานึกไม่ถึงเลย ว่าหนิงซินจะตัดสินใจเช่นนี้

 

หนิงซินไม่ยอมอธิบายอะไร แต่ทัศนคติที่แสดงออกมาดูหนักแน่นมาก ท่าทีของเขาทำให้สองผู้ใช้อบิลิตี้ต้องขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง

 

 

ภายในมิติทับซ้อน โซนจัตุรัส กลางทะเลสาบเลือด เหลือมนุษย์เพียงคนเดียว คนผู้นั้นกุมมีดในมือ คมกล้าของมีดไม่มีร่องรอยใดๆของเลือด แต่ทั้งคนทั้งร่างของเขา คล้ายเพิ่งแหวกว่ายออกมาจากทะเลสาบเลือด

 

ตามร่างกายและใบหน้า ชุ่มไปด้วยเลือด หยาดเลือดย้อยตามเส้นผม บ้างหยดลงบนเสื้อเขา บ้างลงไปผสมกับแอ่งเลือดเบื้องล่าง

 

“ฟู่ว … ”

 

ฉินเฟิงผ่อนลมหายใจยาว แต่เมื่อสูดกลับเข้ามา ยังคงสาบไปด้วยกลิ่นฉุนของเลือด

 

แต่เขาไม่สนใจ เพราะก่อนเกิดใหม่ การต่อสู้ประมาณนี้เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เลือดได้ซึมซับเข้าไปในไขกระดูกของเขาตั้งนานแล้ว ดังนั้นชินชา นี่ถือเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยดีสำหรับเขา

 

ในเมืองฉงโหลว พวกสัตว์ร้ายไม่โผล่มาให้เห็นอีกต่อไป ทุกแห่งหันไปทางใดก็ถูกแทนที่ด้วยเลือดและซากศพขาดวิ่น

 

การต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เบื้องบนไม่ปรากฏช่องว่างมิติขนาดใหญ่อีกต่อไป เลยไม่เป็นการดึงดูดสัตว์ร้ายตัวอื่นๆเข้ามา

 

กระนั้น เมืองๆนี้ไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไป!

 

เพราะพวกสัตว์ร้ายยังคงอยู่ ในอนาคตพวกแมลงอาจแพร่พันธุ์ ทั้งหมดล้วนเป็นวิกฤตที่นำไปสู่การล่มสลาย

 

ฉินเฟิงหันไปมองรอบๆ แต่ไม่มีใครร้องขอความช่วยเหลือหรือปรากฏตัวขึ้น

 

บางทีอาจเพราะพวกเขาเห็นกระแสกองทัพสัตว์ร้าย ทำให้ไม่กล้าออกมาอีก

 

เกิดความรู้สึกกลัวตาย เลยยอมทิ้งโอกาสหลบหนีครั้งสุดท้ายนี้ไป!

 

‘ฉันเองก็กลับบ้างดีกว่า เอาไว้หลังจากนี้ค่อยหาสมาชิกหลายๆคนกลับมาที่นี่อีกครั้ง’ ฉินเฟิงวางแผนในใจ

 

สำหรับมิติทับซ้อนแห่งนี้ เขาเกิดความรู้สึกสนใจเกี่ยวกับมันมากๆ

 

เมื่อได้ข้อสรุป ฉินเฟิงก็ยกเท้าอันหนักอึ้งของเขา แบกร่างเดินขึ้นบันไดสวรรค์ นับแต่ช่วงต้นของการต่อสู้จนถึงบัดนี้ ฉินเฟิงรีดเร้นพละกำลังกายออกมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไร้การสนับสนุนจากพลังพิเศษดูดกลืน ฉินเฟิงเลยไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้

 

ค่อยๆขึ้นไปตามทางบันไดสูง ฉินเฟิงใช้เวลากว่า 3 นาทีจึงถึงที่หมาย ดูจากสภาพเหมือนเขาเหนื่อยมากๆ หากสามารถใช้กำลังภายในได้ บันไดแค่นี้ ขอเวลาแค่ 3 วินาทีก็ถึงแล้ว

 

ในที่สุด ฉินเฟิงก็ก้าวผ่านช่องว่างมิติสีดำ ความรู้สึกของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

กำลังภายในและพลังสมาธิกลับคืนสู่เจ้าของร่างทันที หรือจะให้พูดว่า เดิมมันแค่ถูกสะกดไว้เลยไม่สามารถใช้งานก็คงมีความหมายเดียวกัน

 

ทว่าตอนนี้ ทุกอย่างกลับคืนมาแล้ว!

 

ไม่เพียงแค่นั้น บนใบมีดกษัตริย์คราม เริ่มบังเกิดเสียงหึ่ง หึ่ง คล้ายกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง

 

แต่ฉินเฟิงไม่ทันได้ตั้งใจดู กลิ่นอายอันทรงพลังพลันถาโถมเข้ามา

 

เป็นกลิ่นอายของผู้ใช้พลังเลเวล A !

 

ไม่ใช่แค่ฉินเฟิง แต่ผู้ใช้พลังคนอื่นๆ ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงมัน

 

บนท้องฟ้าไม่ไกลออกไป มนุษย์คนหนึ่งกำลังก้าวอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่า และทิศทางที่เขาจากมา ดูเหมือนว่าจะเป็นตำแหน่งประตูตัวเชื่อมมิติของเมืองฉงโหลว

 

อีกฝ่ายใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆจนบางคนสามารถระบุตัวตนของเขาได้

 

เป็นเจ้าเมืองฉงโหลว — รุ่ยฉง!

 

ช่วงก่อนการล่มสลายของเมืองฉงโหลว รุ่ยฉงไม่ได้มา แต่ขณะนี้ พอชาวเมืองกับลูกน้องของเขาได้รับการช่วยเหลือ เขากลับปรากฏตัวขึ้นทันที!

 

แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหน การมาเยือนของบุคคลคนนี้ ย่อมนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

 

ณ ขณะนี้ ชาวเมืองกำลังขึ้นพาหนะล่องเวหาที่ทางฉินเฟิงเตรียมเอาไว้ให้ รวมไปถึงผู้ใช้พลังระดับต่ำจำนวนมากก็เช่นกัน

 

ผู้ใช้พลังเหล่านี้ไม่แข็งแกร่งอะไรมากมาย แต่ถือเป็นความหวังของอนาคต อีกอย่างในกลุ่มพวกเขา ย่อมสามารถได้รับข่าวสารมากกว่าคนธรรมทั่วไป

 

พวกเขารู้มาว่ารุ่ยฉงไม่ได้ส่งใครมาช่วยเหลือ หรืออาจพูดได้ว่า ไม่มีใครยอมมาช่วย มีแค่กลุ่มเฟิงหลีเท่านั้น

 

อย่างบันไดสวรรค์เอง ก็เป็นฝีมือของกลุ่มเฟิงหลี พวกเขาเลยบังเกิดความซาบซึ้งบุญคุณ และตัดสินใจเดินทางกลับเมืองเฟิงหลี

 

อย่างไรก็ตาม รุ่ยฉงปรากฏตัวขึ้น การมาเยือนของเขาดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก ทุกคนล้วนเหลียวมอง เจ้าตัวกล่าวเสียงจม “ผู้รับผิดชอบที่นี่อยู่ไหน? และกำลังจะทำอะไร คิดส่งชาวเมืองไปที่ใดกัน?”

 

บนห้องโดยสารเรือเหาะ ไป๋หลีเจอฉินเฟิงแล้ว เธอตัดสินใจสื่อสารผ่านความคิด บอกกล่าวการตัดสินใจของเธอแก่เขา

 

ฉินเฟิงพอได้ฟัง ก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องผิดพลาด เขาพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของไป๋หลี ถ่ายทอดเสียงผ่านกำลังภายในออกไป “ผมคือฉินเฟิง เป็นประธานกลุ่มเฟิงหลี เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ อยู่ในการดูแลของผมเอง”

 

เวลานี้ ฉินเฟิงไม่ได้ใช้ตำแหน่งนายพลของพันธมิตรมนุษย์ เนื่องจากรุ่ยฉงละทิ้งเมืองไปแล้ว ซางฮันเองก็ถอนภารกิจเขา ดังนั้นเรื่องที่เกิดในที่นี้ ถือว่าฉินเฟิงลงมือเป็นการส่วนตัวเท่านั้น และไป๋หลีก็ลงมือในฐานะตัวแทนของกลุ่มเฟิงหลีเช่นกัน

 

ฉินเฟิงกล่าวต่อว่า “ผมได้สั่งการลงไปแล้ว ว่าผู้ลี้ภัยทุกคนที่ได้รับการช่วยเหลือ ขอให้เลือกเมืองที่ต้องการจะไป หรือสามารถเลือกตามผมกลับไปเมืองเฟิงหลีก็ได้เช่นกัน”

 

ดวงตาของรุ่ยฉงตกลงบนร่างของฉินเฟิง หน้าผากเขาเริ่มยับย่นทันที คล้ายไม่พอใจเป็นอย่างมากกับการปรากฏตัวในสภาพโชกเลือดของฉินเฟิง

 

ยิ่งไปกว่านั้น คราบเลือดเหล่านี้ เป็นเพียงเลือดของสัตว์ร้ายระดับต่ำ หากเป็นเขาสามารถสังหารพวกมันเท่าไหร่ก็ได้ตามต้องการ –แต่ที่ออกมาในสภาพนี้ใช่ต้องการเรียกร้องเครดิตตนเองใช่หรือไม่?

 

รุ่ยฉงกล่าวอย่างไม่พอใจ “ทำไมต้องให้พวกชาวเมืองไปกับคุณด้วย? ตราบใดที่ยังมีประชากร ไม่ช้าเมืองก็จะถูกจัดตั้งขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว ขอเวลาแค่ครึ่งเดือน เมืองฉงโหลวแห่งใหม่ก็สร้างเสร็จแล้ว!”

 

ท้ายที่สุดแล้วรุ่ยฉงยังต้องการมีลูกน้องไว้ในกำมือเช่นกัน และจะเป็นการดีที่สุดหากผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นมาจากเมืองของตัวเอง มิฉะนั้นการรับสมัครลูกน้องจากที่อื่น คงยุ่งยากและใช้ทรัพยากรมากกว่าปกติ

 

แน่นอน ที่รุ่ยฉงกลับมา เหตุผลสำคัญที่สุดก็คือต้องการยื้อตัวเลเวล B ทั้งหกคนไม่ให้จากไป

 

นี่คือการตัดสินใจของเขา

 

ในกรณีที่ไม่มีใครรอดมาได้ เขาก็คงไม่คิดออกมาไถ่ถามถึงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อคนเหล่านี้ออกมาแล้ว เขาย่อมไม่ยินยอมให้ลูกน้องเหล่านี้จากไป

 

“ส่วนคุณ สำหรับภารกิจนี้ ฉันจะไปตกลงกับจ้าวพรมแดนให้เอง ว่าให้มอบแต้มสงครามบางส่วนให้” รุ่ยฉงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ คล้ายกำลังส่งขอทาน ขับไล่ฉินเฟิง

 

ใบหน้าของฉินเฟิงเริ่มแปรเปลี่ยนไป

 

“ผมมาที่นี่ในนามส่วนบุคคล ดำเนินการในนามกลุ่มของผม ผมช่วยชีวิตชาวเมือง ฉะนั้นผมมีสิทธิ์ดูแลพวกเขา และพวกเขาก็มีสิทธิ์เลือกว่าจะอยู่หรือไปเช่นกัน สำหรับเรื่องนี้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณคนเดียว!”

 

รุ่ยฉงหรี่ตามองฉินเฟิงด้วยความโกรธ “แกกำลังคิดว่าตัวเองพูดอยู่กับใคร กล้าดียังไงมาเถียงฉันแบบนี้?”

 

ฉินเฟิงกล่าวเสียงหยัน “คุณเป็นใครน่ะหรอ? คุณก็เป็นเจ้าเมืองฉงโหลวน่ะสิ แต่ไม่รู้ทำไมตอนเกิดเรื่อง คุณถึงหายหน้า ไม่ปรากฏตัวขึ้นเลย แต่พอทุกอย่างจลง กลับต้องการแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ในเมื่ออยากครอบครองพวกเขา ทำไมไม่ยอมไปช่วยชาวเมืองด้วยตัวเองตั้งแต่แรก!”

 

รุ่ยฉงยิ้มเยาะ “แกนะแก คิดว่าช่วยเหลือแค่ครั้งเดียว จะสามารถมีอิทธิพลต่อความคิดของคนพวกนี้ได้งั้นหรอ? งั้นลองถามพวกเขาดูไหม ว่าพอฉันมาแล้ว ยังมีคนเต็มใจจะจากไปรึเปล่า?”

 

ฉินเฟิงกล่าว “ไม่มีปัญหา งั้นมาลองดูกัน!”

 

ฉินเฟิงหันไปพยักเพยิดคางให้ไป๋หลี และกล่าว “เปิดตัวเลือกสาธารณะให้ทุกคนอีกครั้ง ลองดูว่าพวกเขาจะเลือกทางไหน!”

 

ไป๋หลีพยักหน้า ส่งข้อความออกไปอย่างไม่ลังเล

 

ครั้งนี้ ตรงข้อหลังสุด มีตัวเลือกเพิ่มมาอีกหนึ่งรายการ–

 

–เป็นตัวเลือกสร้างเมืองฉงโหลวขึ้นมาใหม่!