1/5

 

Ep.807 – ภูเขาซากศพ ทะเลเลือด

 

ฉินเฟิงวูบไหวเห็นเพียงเงา ตลอดเส้นทางที่เขาไป เลือดจะสาดกระจาย เนื้อหนังถูกเชือดเฉือนบดขยี้ กลิ่นสาบอบอวล คละคลุ้งอยู่ในอากาศตลอดเวลา

 

สถานที่ที่ฉินเฟิงวิ่งผ่าน มองในมุมสูงไม่ต่างจากธารโลหิตที่คดเคี้ยว บ่อยครั้งที่ชาวเมืองถูกสัตว์ร้ายตะปบเข้าโจมตี ฉินเฟิงจะตรงเข้าสังหารพวกมันทันที

 

แม้ยามวิ่งฉินเฟิงจะว่องไวแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ช่วงจังหวะฟาดฟัน หลายคนยังพอสามารถมองเห็นเขาได้ เวลานี้ทั้งร่างฉินเฟิงอาบไปด้วยเลือด เขาราวกับเป็นจอมเชือดที่ไร้ความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายสายพันธุ์ใด เมื่ออยู่เบื้องหน้าเขาล้วนถูกสังหารอย่างไร้ปราณี

 

ตำแหน่งที่มนุษย์รวมตัวกัน เวลานี้ถูกบีบเป็นวงกลม ขณะเดียวกันตามขอบนอกสุดของวงกลมนี้ ปัจจุบันแปรสภาพเป็นธารโลหิต!

 

และเกือบทั้งหมดล้วนเกิดจากฝีมือฉินเฟิง!

 

เศษซากแขนขากระจัดกระจายไปทุกที่ เลือด , อวัยวะภายใน และเศษชิ้นเนื้อกองพะเนิน กลิ่นฉุนระคายจมูกชวนให้ผู้คนรู้สึกวิงเวียน

 

ชาวเมืองหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง พยายามวิ่งขึ้นบันไสสู่สวรรค์ เสียงฝีเท้ากระทบกับเหล็กดังสะท้อนรัวเป็นกลองชุด ทว่าแม้ดังเพียงใดก็ไม่สามารถกลบเสียงคำรามของสัตว์ร้ายได้

 

ช่วงเวลานี้ ผู้ใช้พลังที่ประจำการอยู่บนดาดฟ้าตึกค่อยๆหยุดการโจมตีลง เนื่องจากสัตว์ร้ายปรากฏขึ้นทุกหนแห่ง ต่อให้พวกเขาสาดห่ากระสุนออกไป ก็ไม่ต่างจากหยดน้ำลงในถังใหญ่ ไม่มีทางเติมเต็มได้ในระยะเวลาอันสั้นอยู่ดี

 

แต่สิ่งที่ควรรู้สึกยินดีก็คือ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของฉินเฟิง , เพราะพวกสัตว์ร้ายเกิดความโกรธ หรือด้วยเหตุผลอื่นกันแน่ แต่สัตว์ร้ายเหล่านี้ เอาแต่มุ่งตรงเข้าไปใจกลางจัตุรัส พวกมันไม่สนใจมนุษย์คนอื่นๆที่ซ่อนตัวอยู่ตามตึกรามเลย

 

ชาวเมืองที่ตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินและตัวอาคาร ได้ยินแต่เสียงคำรามของสัตว์ร้าย พวกเขาทำได้เพียงภาวนาให้วิกฤตนี้ผ่านพ้นไป

 

ส่วนจัตุรัสกลาง บัดนี้แปลงสภาพ ไม่ต่างไปจากนรกภูมิ

 

 

โลกภายนอก ชาวเมืองพากันวิ่งออกจากมิติที่ราวกับนรก บนเรือเหาะ ไป๋หลีกับแซดยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ก้มมองไปยังมิติอันแปลกประหลาดเบื้องล่าง

 

ใบหน้าของแซดเวลานี้ แสดงออกถึงความคลั่งไคล้

 

“ในบรรดาชาวเมืองพวกนี้ มีหลายคนได้กินเนื้อจากภายในมิติเบื้องล่าง และสามารถวิวัฒนาการขึ้นเป็นผู้ใช้พลังได้ … เหมาะเป็นหนูทดลองในการทำวิจัยจริงๆ!”

 

ไป๋หลีเอ่ยเสียงเย็นชา

 

“ถ้าพูดแบบนั้น หลังจบการอพยพในครั้งนี้ เดี๋ยวฉันจะเปิดช่องว่างมิติให้อีกครั้ง ถ้าคุณต้องการหนูทดลองจริงๆ ก็แค่โยนคนของตัวเองเข้าไป อย่าคิดใช้ผู้บริสุทธิ์!!”

 

แซดไม่เห็นด้วย แต่มิได้โต้เถียง ปัจจุบันเขาจดจ่ออยู่กับการเฝ้ามองสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนที่กำลังกรูเข้ามายังจัตุรัสกลาง เอ่ยปากอีกครั้งว่า “น่าเสียดาย ถ้าไม่ติดข้อจำกัดเรื่องพลังถูกยับยั้ง ฉันจะเข้าไปหาข้อมูลข้างในด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ”

 

“แต่เธอเองก็น่าจะรู้แล้ว ว่าเป็นเพราะช่องว่างมิติขนาดใหญ่ของตัวเอง ที่ปล่อยให้อากาศจากภายนอกถ่ายเทลงไป เกรงว่าอากาศเหล่านั้นจะชักนำพลังงานมหาศาล ไหลเข้าสู่มิติทับซ้อน และนั่นเองที่เป็นสาเหตุให้สัตว์ร้ายถูกดึงดูดเข้ามา”

 

สำหรับเรื่องนี้ ไป๋หลีไม่ได้ปฏิเสธ เอาจริงๆตอนนี้ช่องว่างมิติเปิดมาสักพักแล้ว และในโลกภายนอก แม้จะเลือนลาง แต่สามารถมองเห็นได้ ว่าปรากฏหมอกสีขาวจางๆกำลังไหลลงไป

 

นั่นมิใช่อักษรรูนใดๆ แต่เป็นคลื่นพลังงาน

 

และเป็นพลังงานเหล่านี้เอง ที่คอยชักนำสัตว์ร้ายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง!

 

ในความเป็นจริง หลังได้ศึกษามันมาสองสามวัน ไป๋หลีพอจะเข้าใจเกี่ยวกับมิติทับซ้อนแห่งนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว เธอค้นพบวิธีเปิดมันอีกหลายวิธี แต่ยังไม่พูดออกไป เก็บงำเอาไว้ก่อน

 

เอาไว้หลังจากการอพยพครั้งนี้จบลง แล้วฉินเฟิงออกมา ค่อยบอกแก่เขาและหารือว่าจะเอายังไงต่อไป

 

 

ภายในมิติทับซ้อน เวลาล่วงเลยไป สัตว์ร้ายเริ่มทยอยกันปรากฏตัวมากขึ้น ตรงกันข้ามกับมนุษย์ที่น้อยลงเรื่อยๆ ฉินเฟิงใช้ออกทั้งมือและเท้าของเขา ไล่ล่าสังหาร การต่อสู้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

บนตัวอาคาร หากก้มลงมองจะพบกับกระแสกองทัพสัตว์ร้าย หลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ

 

เห็นอยู่ว่าสัตว์ร้ายพวกนี้เป็นคนละสายพันธุ์กันชัดๆ แต่กลับไม่ฆ่ากันเอง ในทางตรงกันข้าม พวกมันจำฝังใจว่าต้องสังหารมนุษย์ มีแค่เฉพาะเวลาต้องการชิงมนุษย์เป็นอาหารเท่านั้น พวกมันถึงหันมาสู้กันเอง

 

“ได้เวลาที่พวกเราต้องไปแล้วล่ะ” หลี่หยวนซานกล่าว เขาก้มลงมองกองทัพสัตว์ร้ายเบื้องล่าง เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย ทว่ากลับสร้างความหวาดกลัวให้แก่พวกเขาอย่างไม่มีเหตุผล

 

ทั้งๆที่นี่คือกระแสกองทัพสัตว์ร้ายระดับต่ำ ความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ยอยู่ที่เลเวล E เท่านั้น แต่พวกเขาในปัจจุบัน ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะสู้กับมัน ในหัวใจฟุ้งไปด้วยความวิตกกังวล

 

“แต่ฉันว่าพวกเราไม่ควร … ” กวนฉานลังเลเล็กน้อย เพราะหากหนีตอนนี้ เท่ากับเป็นการละทิ้งฉินเฟิงให้ต่อสู้เพียงลำพัง

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีพวกเขาไว้ก็ช่วยอะไรมากไม่ได้อยู่ดี!

 

“ไม่คงไม่ควรอะไร พวกเราทำหน้าที่ในฐานะผู้ใช้พลังมามากพอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ต่อให้มีนาย ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี”

 

“เรื่องนั้น … ” กวนฉานกลืนคำพูดที่เหลือลงคอ เพราะมันคือเรื่องจริง พวกเขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้อีกแล้วในตอนนี้

 

เมื่อได้ข้อสรุป กวนฉานก็ยกธงในมือขึ้น ส่งสัญญาณล่าถอย

 

คนธรรมดาไม่ได้พกอุปกรณ์หลบหนีติดตัวไว้ก็จริง แต่สำหรับผู้ใช้พลังในบนยอดตึก หลังได้รับกล่องจากภายนอก และมีเวลาอีกนิดหน่อย พวกเขาก็ติดตั้งมันเตรียมพร้อมเอาไว้

 

เมื่อเห็นธงสัญญาณนี้ ทั้งหมดต่างตื่นเต้น พวกเขาแทบอดใจรอไม่ไหวอีกต่อไป ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครต้องการเสี่ยงตาย แต่เป็นเพราะมีฉินเฟิง และระดับอาวุโสคนอื่นๆในเมืองฉงโหลวอยู่ พวกเขาเลยไม่กล้าละเมิดกฏ

 

แต่ตอนนี้ หลี่หยวนซานประกาศคำสั่งแล้ว ในที่สุดพวกเขาจะได้ออกไปจากที่นี่เสียที!

 

หวือ หวือ หวือออ!

 

เหล่าผู้ใช้พลังกางปีกเครื่องร่อน กระโดดจากยอดตึกสูง บินขึ้นไปในอากาศ และร่อนลงช่วงบนๆของบันไดสู่สวรรค์

 

ฉากดังกล่าว หนิงซินที่อยู่ห่างออกไปสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

 

ในหัวใจของเขาเริ่มเกิดความกังวล

 

“ฉินเฟิง! พอแล้ว เตรียมถอยเถอะ!” หนิงซินหยิบโทรโข่ง ตะโกนสุดเสียง

 

อีกอย่างในเวลานี้ ชาวเมืองเกือบทั้งหมดได้ขึ้นไปบนบันไดสวรรค์แล้ว!

 

ฉินเฟิงไล่สังหารจนดวงตาแดงฉาน เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงซิน เขาหยุดฝีเท้าเล็กน้อย เงยขึ้นไปมองบนท้องฟ้า เห็นผู้ใช้พลังมากมายเปิดใช้งานเครื่องร่อน เริ่มล่าถอยกันแล้ว

 

ฉินเฟิงส่งสัญญาณมือให้หนิงซิน ว่าให้ไปก่อนได้เลย

 

หนิงซินเห็นสิ่งนี้ ในหัวใจค่อยคลายลง ราวกับสามารถยกหินที่กดทับออกไปได้

 

ไม่ใช่เฉพาะเขา แม้แต่กวนฉาน ในที่สุดก็เริ่มสั่งการ

 

“พวกเราถอย!”

 

ลูกน้องของกวนฉาน แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ยินคำนี้ คนแล้วคนเล่ากางปีกเครื่องร่อน โบยบินสู่บันไดสวรรค์

 

ชาวเมืองค่อยๆทยอยกันปีนขึ้นไป จนบัดนี้ เบื้องล่างของบันไดสวรรค์ ไม่มีมนุษย์เหลืออีกแล้ว อย่างไรก็ตาม กองทัพสัตว์ร้ายบุกมาถึงในที่สุด พวกมันครอบครองพื้นที่จัตุรัสอย่างสิ้นเชิง

 

ไม่มีมนุษย์อีกต่อไป เหลือแค่เพียงดงสัตว์ร้ายที่ยังคงอยู่

 

ณ จุดนี้ ฉินเฟิงไม่มีอะไรคอยถ่วงมือถ่วงเท้าอีกแล้ว สามารถไล่สังหารได้ตราบเท่าที่ตนต้องการ!

 

ฉินเฟิงวูบไหวราวกับทอนาโดร์ ทั้งสับทั้งหั่น กวาดทำลายทุกสิ่งรอบตัว

 

บนท้องฟ้า มนุษย์คนสุดท้ายได้ปีนออกมาจากบันไดสวรรค์แล้ว!

 

จากนั้น ช่องว่างมิติสีดำพลันหดแคบลงอย่างรวดเร็ว หดจนเกือบจะปิดลง เหลือที่ว่างให้มนุษย์เพียงคนเดียวเท่านั้นถึงจะผ่านมาได้

 

เจ้าสิ่งนี้ถูกเตรียมไว้ให้ฉินเฟิง

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังไม่ได้จากไปทันที เขายังไล่สังหารต่อไป

 

ซากศพสัตว์ร้าย เริ่มกองซ้อนกัน ทับถมกันมากขึ้น มากขึ้นจนกลายเป็นภูเขาซากศพและทะเลเลือด

 

จัตุรัสกลางถูกเปลี่ยนเป็นนรกภูมิโดยสมบูรณ์ เลือดไหลซึมลึกลงไปตามพื้น จนใต้ดินกักไว้ไม่อยู่ เจิ่งนองเป็นทะเลสาบเลือด

 

ฉินเฟิงไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาสังหารสัตว์ร้ายไปแล้วกี่ตัว อาจเป็น 10,000 หรือมากกว่า 100,000 ก็ได้!

 

แต่จะเป็นข้อไหนก็ช่าง เพราะที่แน่ๆ มีสัตว์ร้ายถูกฉินเฟิงสังหารไปนับไม่ถ้วน!

 

ภารกิจอพยพในครั้งนี้ สามารถช่วยเหลือชาวเมืองได้เป็นจำนวนมาก แม้ยังมีอีกหลายคนติดอยู่ในเมือง แต่ฉินเฟิงไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว

 

กำลังของคนเดียวๆ มันน้อยเกินไปในพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ ไม่สามารถใช้ช่วยเหลือคนจำนวนมากได้ คนธรรมดาที่ยังเหลือ คงได้แต่พึ่งพาตนเองหรือรอความตายเท่านั้น

 

ฉินเฟิงไม่ใช่พระเจ้า สิ่งที่เขาทำได้ คือการเบนเข็มสถานการณ์เพียงเล็กๆน้อยๆ

 

เมืองฉงโหลวได้ตกอยู่ในมือศัตรูอย่างสิ้นเชิง แต่เวลานี้มีชาวเมืองได้รับการช่วยเหลือมากกว่า 100,000 คน …

 

–แค่นี้ก็สุดยอดแล้วไม่ใช่หรือ?