4/4

 

Ep.756 – มังกรไฟโม่ลี่

 

เนื่องจากการดำรงอยู่ของไป๋หลี และทั้งสองร่วมเดินทางไปด้วยกัน ทำให้ทุกสถานที่ที่ก้าวผ่าน เรียงรายไปด้วยศพทุกหนแห่ง!

 

ฉินเฟิงไล่สังหารท่ามกลางความมืดมิด หากก่อนหน้านี้เคยอธิบาย ว่าบนร่างของฉินเฟิงมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารจากเลือดของมนุษย์ แต่บัดนี้มันติดเต็มไปด้วยกลิ่นอายเลือดของสัตว์ร้าย

 

หลังสังหารสัตว์ร้ายไปมากมาย เลือดที่กระเซ็นก็สะสมตามร่างของฉินเฟิง แม้เขาจะสวมใส่เกราะศักดิ์สิทธิ์อยู่ก็ตาม แต่กลิ่นอายนี้กลับไม่สลายไป

 

ตรงกันข้าม มันยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อตัวเป็นกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัว

 

ไม่เหมือนกับไป๋หลี เธอไม่มีกลิ่นอายพวกนี้ติดตัวเลย บางทีอาจเป็นเพราะวิธีการโจมตีของเธอมันแปลกประหลาดเกินไป ไม่ก็เป็นเพราะกลิ่นอายของสัตว์เทวะ ทำให้กลิ่นอายเลือดจากสัตว์ร้ายตัวอื่นๆไม่สามารถแทรกแซงเข้ามาได้

 

ความว่องไวในการเดินทางของไป๋หลีไม่มีใครเทียบ หากไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องคอยเก็บกวาดสัตว์ร้ายระหว่างทาง ฉินเฟิงคงไปถึงป้อมปราการมังกรดำตั้งนานแล้ว!

 

กระนั้น ทั้งสองก็ถือว่าไวมากอยู่ดี จากการคำนวณเดิมที่สมควรใช้เวลากว่าครึ่งเดือน ตอนนี้แค่เจ็ดวันก็มาถึง

 

ช่วงเวลานี้ ในพื้นที่มิติของฉินเฟิงกับไป๋หลี เกลื่อนไปด้วยซากศพของสัตว์ร้าย เฉพาะในส่วนของจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B ฉินเฟิงสามารถล่ามันมาได้มากกว่า 30 ตัว ขณะที่ไป๋หลีสามารถล่าจักรพรรดิสัตว์ร้ายได้มากถึง 7 – 8 ตัว!

 

กล่าวได้ว่าเงินที่ฉินเฟิงเคยใช้ซื้อแก่นสัตว์ร้ายให้แก่ไป๋หลี เขาได้รับมันกลับคืนมาแล้ว ทั้งยังมากกว่าเก่าซะอีก!

 

นอกจากนี้ บนเกาะนรกยังมีพวกสัตว์ร้ายทรงพลังที่คอยปกป้องสมบัติและพืชวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ตราบใดที่สภาพของพวกมันไม่เลวร้ายจนเกินไป ทั้งหมดล้วนถูกไป๋หลีนำไปปลูกในเขตแดนลับแห่งเวลา ปัจจุบันข้างในมันยังเต็มไปด้วยแก่นสัตว์ร้ายที่ใช้เปลี่ยนเป็นพลังงาน เชื่อว่าเร็วๆนี้ ไป๋หลีจะสามารถนำสมบัติฟ้าดินจากนั้นมิตินั้น มากินเป็นของหวานได้!

 

“เดินไปอีก 200 กิโลเมตร พวกเราก็น่าจะถึงแล้ว” ฉินเฟิงกวาดสายตามองแผนที่ของคลับมังกรดำ

 

“อืม” ไป๋หลีตอบรับ แต่แล้วใจเธอพลันกระตุกวูบ แหงนมองขึ้นไปในจุดที่ไกลออกไป

 

ช่วงเวลานี้ ปรากฏจุดสีดำขึ้นในแนวสายตาของเขาและเธอ

 

จุดสีดำที่ว่าค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งสองคนสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายสีแดง ตัวใหญ่โต ตั้งแต่หัวถึงหาง น่าจะยาวประมาณ 500 เมตร ยามสยายปีก ให้ความรู้สึกเหมือนสามารถบดบังผืนฟ้า

 

ฉินเฟิงเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

 

ตามข้อมูล เคยได้ยินมาว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างได้กลายเป็นตำนานของที่นี่

 

สาเหตุที่คลับมังกรดำสามารถยืนหยัดในเกาะนรกมาได้ถึงทุกวันนี้ เป็นเพราะผู้ใช้พลังเลเวล S ของคลับมังกรดำ หลังมาถึงที่นี่ ได้ทำการออกล่าสัตว์มังกรดำซึ่งเป็นสัตว์เทวะเลเวล A

 

ศิลามังกรดำที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงแห่งความมืด ก็ทำมาจากเกล็ดย้อนของมังกรดำตัวนั้นนั่นเอง

 

บนเกาะแห่งนี้ ในความเป็นจริงแล้วสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุด ก็คือสัตว์ร้ายประเภทมังกร

 

ในทำนองเดียวกัน การที่สิ่งมีชีวิตประเภทมังกรอาศัยอยู่ที่นี่ แน่นอนเป็นเพราะทรัพยากรของที่นี่ดีมาก มันคือห่วงโซ่อาหารชั้นเยี่ยม ช่วยบำรุงให้มังกรเติบโตได้

 

ช่วงเวลานี้ มังกรไฟตัวใหญ่หุบคู่ปีกของมัน ถลาลงไปในป่าใหญ่ หลังจากเกิดปรากฏการณ์สั่นสะเทือนขุนเขาและผืนดิน มันก็โผบินขึ้นมาอีกครั้ง

 

โดยคราวนี้ ตรงอุ้งเท้าหลังอันทรงพลังของมัน ได้คว้าสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อีกตัวติดมาด้วย

 

พอได้ลองเพ่งมองดู จะพบว่านั่นคือร่างของจักรพรรดิแมมอธในเลเวล B8!

 

ตัวตนทรงพลังถึงเพียงนั้น เวลานี้กลับกลายเป็นแค่อาหารของมังกรไฟ!

 

“คลับมังกรดำเรียกเจ้าตัวนั้นว่าโม่ลี่!” ฉินเฟิงอธิบาย

 

สำหรับสัตว์เทวะชั้นสูง ที่ครอบครอบภูมิปัญญาหลักแหลมเป็นพิเศษ พวกมันจะมีชื่อเรียกเป็นของตัวเอง!

 

มังกรไฟโม่ลี่อาศัยอยู่ไม่ไกลจากป้อมปราการของคลับมังกรดำ หลังจากเลเวล S ของคลับมังกรดำสามารถสังหารมังกรดำได้แล้ว พวกเขาก็ได้ทำข้อตกลงกับโม่ลี่

 

แน่นอน หากมีโอกาส เลเวล S ของคลับมังกรดำก็พร้อมที่จะสังหารโม่ลี่เช่นกัน!

 

ช่วงเวลานี้ ดวงตาของไป๋หลีแปรเปลี่ยนไป มันสว่างไสวขึ้นทันใด

 

“ที่รัก พวกเราไปฆ่ามันเลยไหม? ชิงแก่นอบิลิตี้มา ตัวมันเป็นธาตุไฟพอดี น่าจะเหมาะกับคุณ” ไป๋หลีถาม

 

ฉินเฟิงยิ้มขมอย่างช่วยไม่ได้และกล่าว “เอาล่ะๆ ล้มเลิกความคิดที่จะสู้กับโม่ลี่เถอะ ความแข็งแกร่งของมัน ไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอมากนัก ตอนนี้ถ้าสู้ไปคงได้ไม่คุ้มเสีย!”

 

ไป๋หลีแสดงออกถึงความไม่พอใจเล็กน้อย “คุณไม่ควรดูถูกสัตว์ยักษ์มิติ ในระดับเดียวกัน ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของฉันได้”

 

ฉินเฟิงรีบโอบไหล่ไป๋หลี เกรงว่าอีกฝ่ายจะเกิดแรงกระตุ้นแล้วออกไปล่ามันจริงๆ

 

“โม่ลี่เป็นสัตว์เทวะมาไม่รู้ตั้งกี่ปีแล้ว ตามข้อมูลของคลับมังกรดำ มันควรมีเลเวลอยู่ที่ A5 แต่เธอเพิ่งมาถึงเลเวล A0 ถ้ามันเลเวล A0 เหมือนกัน ฉันอาจยอมปล่อยให้เธอไป”

 

แต่ตอนนี้ไป๋หลียังไม่ถึง A1 ด้วยซ้ำ

 

ไป๋หลีรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ก้มลงตรวจสอบแก่นอบิลิตี้ในพื้นที่มิติ และพบว่ามันช่างน้อยนิด อาศัยเพียงแก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล A ที่เก็บรวบรวมมา มันยังไม่พอให้เธอยกระดับไปถึง A5 เอาจริงๆแม้แต่เลเวล A1 ก็อาจไม่พอด้วยซ้ำ

 

ตอนนี้ คงได้แต่ล้มเลิกความคิดที่จะสู้กับมังกรไฟตัวนั้น

 

ฉินเฟิงยังไม่มีความคิดที่จะยั่วโมโหโม่ลี่ ควงแขนพาไป๋หลีเดินต่อไป

 

ในอาณาเขตของโม่ลี่ ยังมีจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B อีกมากมาย จักรพรรดิแมมมอธที่มันล่าเมื่อครู่ ก็รวมอยู่ในกลุ่มด้วย แต่เนื่องจากการปรากฏตัวของโม่ลี่ ทำให้ทั้งฝูงเตลิดหนีด้วยความตื่นตระหนก และพวกมันดันตรงมายังทิศทางของฉินเฟิงพอดี

 

สัตว์ร้ายพวกนี้สูงเท่ากับตึกสามชั้น ยามควบวิ่งแต่ละก้าวส่งเสียงดังสนั่น พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

 

เบื้องหน้าฉินเฟิงกับไป๋หลี ปรากฏราชันย์สัตว์ร้ายอย่างน้อย 7 – 8 ตัว และนายพลสัตว์ร้ายอีกนับหลายร้อยตัว

 

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ สัตว์ยักษ์พวกนี้ ครอบครองกำลังรบอันน่าทึ่ง งาช้างยักษ์ของมันคล้ายสามารถทะลวงขุนเขาและหินผาได้ ความว่องไวก็ไม่น้อยเช่นกัน

 

ตึง ตึง ตึง

 

ระหว่างที่แมมมอธฝูงใหญ่กำลังวิ่งตรงเข้ามา รอบกายพวกมันฟุ้งไปด้วยอักษรรูนดินนับไม่ถ้วน ผืนดินพลิกตลบไปตลอดเส้นทาง

 

ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์คราม ทะยานออกไปอย่างไม่ลังเล

 

“มีดเปลวเพลิง!”

 

แมมมอธไม่สามารถต้านทานคมแหลมจากมีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงได้ ศีรษะใหญ่ถูกสะบั้นออกจากกันทันที

 

พรวดดด!

 

เลือดทะลักอย่างแรง พุ่งออกไปไกลกว่าสิบเมตร กลิ่นสาบของเลือดพวกเดียวกัน ทำให้พวกนายพลแมมมอธเริ่มคลุ้มคลั่ง ดวงตาของพวกมันแดงฉานด้วยความโกรธแค้น จ้องมองมายังผู้ร้ายอย่างเลือดเย็น

 

ความตื่นตระหนกในตอนแรกได้สลายไปแล้ว พวกมันทราบว่ามังกรไฟโม่ลี่จากไปเรียบร้อย

 

ดังนั้น ทั้งหมดจึงคิดระบายความเกลียดชังที่มี เพ่งเล็งมายังฉินเฟิง

 

“ฮู้มมมม!”

 

ราชันย์แมมอธอ้าปากคำรามเกรี้ยวกราด ก้อนหินขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า พุ่งเข้าหาฉินเฟิง

 

หวือ หวือ หวือ หวือ!

 

ฉินเฟิงปลดปล่อยทักษะหมื่นภูติ วูบไหวแทรกซึมเข้าไปกลางดงฝูงแมมมอธได้อย่างง่ายดาย

 

ฟัฟฟฟฟ

 

โดยไม่ทันได้ตั้งตัว พริบตาเดียวหัวแมมมอธตัวหนึ่งถูกสะบั้นอย่างสบายๆ ร่างใหญ่โตของมันล้มตึง สะเทือนไปทั่วบริเวณ

 

อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะร่างมหึมาที่ล้มลง ผสานไปกับอักษรรูนดินรอบๆ และอุกกาบาตใหญ่ที่ตกลงมา ทำให้บนพื้นเต็มไปด้วยฝุ่นผง รอบนอกสมรภูมิ ไม่สามารถมองเห็นข้างในได้เลยว่าเป็นอย่างไร

 

และในขณะนี้ มีคนจำนวนหนึ่ง กำลังแอบซุ่มดูอยู่รอบนอกจริงๆ

 

มีทั้งผู้ใช้พลังเลเวล A และเลเวล B

 

ในบรรดาพวกเขา มีหลายคนที่ทั้งตัวสวมทับไว้ด้วยชุดคลุมสีดำ และกำลังเผยให้เห็นถึงเจตนาฆ่าอันลึกล้ำ เย็นเยียบไปถึงกระดูก อาวุธของพวกเขาแต่ละคน ล้วนเป็นอาวุธสั้น บ้างเป็นมีดสั้น บ้างเป็นดาบสั้น

 

คนเหล่านี้ ไม่ว่าใครได้สัมผัสถึงกลิ่นอาย จะสามารถระบุสถานะของพวกเขาได้ทันที!

 

ว่าเป็นนักฆ่า!

 

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้เป็นแค่ทีมชั่วคราวที่รวมตัวกันแบบเฉพาะกิจ

 

“มีเหยื่ออีกตัวมาเคาะประตูถึงที่อีกแล้ว แต่เหมือนพวกมันจะซวยซ้ำซ้อน ดันปะทะเข้ากับฝูงแมมมอธ!”

 

“แบบนั้นก็ดีเลยไม่ใช่รึไง? เอาไว้หลังจากศพพวกมันถูกเหยียบย่ำจนเละเป็นพายเนื้อ แล้วพวกเราค่อยไปชิงอุปกรณ์รูนมิติมา!”

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันขอเข้าไปเลือกก่อนเป็นคนแรก!”