2/5

 

Ep.726 – มิติปิดล้อม

 

ยามค่ำคืน คฤหาสน์หลักของเจ้าเมืองมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก แค่มองก็บอกได้ว่าพวกเขากำลังจัดงานสังสรรค์

 

เจ้าเมืองไคลินซาร์ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เชิดคางของเธอขึ้น ส่งผลให้ภาพลักษ์ดูไม่ต่างจากหงส์ดำที่แสนภาคภูมิ แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ยังเหมือนกับแมงมุมแม่ม่ายดำที่เปี่ยมไปด้วยอันตราย!

 

อายุของเธอไม่สามารถระบุแน่นอนได้ ทว่าหากนับตั้งแต่ช่วงที่เธอมีชื่อเสียง เวลาก็ผ่านมานานกว่า 20 – 30 ปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านมืดของพันธมิตรวู้ดแลนด์หรือผู้ปกครองในด้านสว่างทั้งหลาย ล้วนขึ้นตรงต่อเธอ!

 

แน่นอน ว่ายังมีเลเวล S ที่เหนือกว่าเธอ แต่เอาจริงๆพวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในมิตินี้อีกต่อไป

 

ฉินเฟิงซ่อนกายตน กวาดพลังสมาธิออกไปรอบๆ และพบว่าภายในคฤหาสน์ของเจ้าเมือง มีผู้ใช้พลังเลเวล A อยู่ทั้งสิ้นสามคน และเลเวล B อีกมากถึง 30 คน!

 

พวกเขาเหล่านี้ ปัจจุบันทั้งหมดกำลังเอ่ยเยินยอไคลินซาร์

 

“ขอบพระคุณสำหรับการต้อนรับอันอบอุ่นของท่านเจ้าเมือง หากไม่ใช่เพราะน้ำใจของท่านเจ้าเมือง ฉันคงกลายเป็นคนไร้บ้านไปแล้ว!”

 

“ฮ่าๆๆ ช่างน่าสงสารนัก แต่เจ้าคนจากประเทศหัวเซี่ยนั่นก็ทำเกินไปจริงๆ”

 

“พวกเราต้องหาทางไล่เขาไปให้จงได้!”

 

“เช่นนั้นทำอย่างไรเล่า? ขอให้พวกเจ้าหน้าที่จากทางการเกลี้ยกล่อมรึไง? แบบนั้นผู้คนคงหัวเราะในความไร้ความสามารถของพวกเราแน่ ถูกไหม?”

 

คนเหล่านี้เห็นได้ชัดว่ากำลังวิตกกังวลเรื่องฉินเฟิง

 

ไคลินซาร์แกว่งแก้วไวน์ในมือ เผยรอยยิ้มเย้ายวนชวนหลงใหล กล่าวปนเสียงหัวเราะ “ทุกท่าน ไม่จำเป็นต้องกังวลไป เขาสามารถเอาชนะเลเวล A ได้ก็จริง แต่ฉันมั่นใจว่าสามารถรับมือกับเขาได้!”

 

“ฉันได้ยินมาว่าตอนเขาสู้กับซาบาห์ เขาใช้เทคนิคเพลิงบรรจบ แม้ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ชัดเจน แต่คงสูญเสียพลังงานไปมากเช่นกัน”

 

“อีกอย่างในครั้งนี้ พวกเราได้เชิญนายพลมูเซอร์กับท่านผู้ใหญ่ราล์ฟมาพร้อมกัน อีกฝ่ายสมควรไม่กล้าบุกเข้ามา!”

 

ไคลินซาร์กวาดสายตาทรงเสน่ห์ไปยังร่างของคนสองคน

 

นายพลมูเซอร์เป็นชายร่างใหญ่กำยำ แต่งกายด้วยชุดรบหลวมๆ ปลดกระดุมหน้าอกออก เผยให้เห็นแผงอกและขนดกหนา

 

ช่างตรงข้ามกับอีกคนหนึ่ง ราล์ฟดูเหมือนสุภาพบุรุษ ผมสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลา

 

คนอื่นๆ เมื่อเห็นทั้งสอง เป็นธรรมดาที่จะเอ่ยปากยกยอ ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

 

ณ เวลานี้ ฉินเฟิงซ่อนตัวอยู่ในเงามืด กวาดมองผู้คนรอบๆด้วยสายตาเย็นชา

 

สามผู้ใช้พลังเลเวล A ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ

 

นายพลมูเซอร์เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล A3 ส่วนราล์ฟเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไม้เลเวล A4 ไม่ว่าใครก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

 

อย่างไรก็ตาม คนที่ฉินเฟิงต้องการสังหารมีแค่ไคลินซาร์!

 

ดังนั้นจึงไม่เร่งร้อนอะไร เพียงเลือกซ่อนตัวอยู่เงียบๆในเงามืด ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไป

 

งานเลี้ยงดำเนินนานกว่า 2 – 3 ชั่วโมง ไคลินซาร์รู้สึกเบื่อหน่ายจนสังเกตได้ชัด ดวงตาของเธอเหม่อลอย คล้ายอดใจไม่ไหว เดินไปข้างกายราล์ฟ กระซิบกระซาบบางอย่างเบาๆข้างหูเขา

 

ราล์ฟเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ทั้งสองเดินเคียงคู่กันขึ้นไปตามบันไดชั้นบน

 

ในชั้นล่าง ใบหน้าหยาบกร้านของนายพลมูเซอร์แสดงออกถึงความไม่พอใจ กวาดสายตาไปยังสาวใช้คนหนึ่ง และกระชากเธอเข้าสู่อ้อมอก

 

“นั่งสำส่อนไคลินซาร์นั่น สุดท้ายก็เลือกไอ้หน้าขาว ถามหน่อยสิ ผู้หญิงทุกคนชอบหน้าขาวๆแบบนั้นหรือ?”

 

สาวใช้เป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล E เธอมีหน้าที่เสิร์ฟค็อกเทลในงานเลี้ยง ไม่นึกฝันเลยว่านายพลมูเซอร์จะเลือกเธอ แม้การกระทำของเขาจะรุนแรง ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่สาวเจ้าก็ยังเลือกเผยรอยยิ้มหว่านเสน่ห์

 

“ไม่ใช่ทุกคน ท่านนายพล ฉันชอบแบบป่าเถื่อนมากกว่า!”

 

“ฮ่าๆๆ ตอบได้ดี!”

 

แต่มูเซอร์ไม่ได้เดินขึ้นชั้นสองไปเหมือนราล์ฟ เขาปลดซิบกางเกงกลางงานเลี้ยงทันที ทั้งแสดงออกถึงความภาคภูมิใจภายใต้สายตาชาวประชา

 

ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา คร้านจะเสียสายตาจ้องมองฉากนี้ เคลื่อนกายอย่างเงียบงัน ผสมผสานเข้ากับความมืด

 

เขาพยายามหาทางขึ้นไปยังชั้นบน และไล่ตามราล์ฟกับไคลินซาร์จากเบื้องหลัง

 

ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงห้องสุดท้ายของสุดทางเดิน และหายเข้าไป ประตูถูกปิดลง แต่ยังสามารถใช้พลังสมาธิตรวจสอบได้

 

ฉินเฟิงกลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นไม่คิดตรวจสอบ

 

แม้สองผู้ใช้พลังเลเวล A คิดมาเล่นจ้ำจี้เผ็ดร้อนกัน แต่เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้ ถือว่าดีเกินพอ

 

และระหว่างทั้งสองกำลังสนุกสนาน ถ้าพวกเสื้อผ้าถูกถอดออกมันก็ยิ่งดี เมื่อไร้ซึ่งชุดเกราะในคอยปกป้อง ฉินเฟิงสามารถรับประกันได้เลย ว่ามีดกษัตริย์ครามจะสามารถทะลุร่างศัตรูได้ในคราวเดียว!

 

ฉินเฟิงเฝ้ารอนานกว่า 20 นาที ถึงเวลานี้ชักมีดกษัตริย์ครามออกมา

 

เมื่อมีดกษัตริย์ครามปรากฏขึ้น มันก็เริ่มปลดปล่อยคุณสมบัติของตัวเอง สร้างอุณหภูมิร้อนแรง แผดเผาประตูไม้เบื้องหน้าเขา พรมบนพื้นเริ่มติดไฟ

 

ฉินเฟิงเพียงโบกมือเบาๆ ประตูก็ผละเปิดออก

 

แต่ในจังหวะนั้นเอง บังเกิดแสงสีขาวพรั่งพราวจากภายในห้อง สะท้อนเข้ามาในสายตาของฉินเฟิง

 

“ฮึ่ม!”

 

ฉินเฟิงส่งเสียงอุดอู้ในลำคอ ดวงตาของเขาแสบร้อนอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาเอ่อคลอลงมา ส่งผลให้เขาไม่อาจมองเห็นฉากตรงหน้า

 

อย่างไรก็ตาม พลังสมาธิไม่มีทางหลอกลวงผู้คน

 

ฉินเฟิงใช้ออกด้วยพลังสมาธิ กวาดสำรวจทั้งห้อง เขาพบว่าไคลินซาร์กับราล์ฟซึ่งเดิมสมควรร้อนแรงลุกเป็นไฟ แท้จริงแล้วมิได้นอนกลิ้งอยู่บนเตียง หากแต่ทั้งสองแต่งตัวเรียบร้อย พร้อมสวมใส่อุปกรณ์รูนเต็มยศ ซึ่งมันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับชุดทางการที่พวกเขาสวมใส่ในงานเลี้ยง

 

ไคลินซาร์ในปัจจุบัน ไม่ต่างจากนักรบหญิงหุ้มเกราะ!

 

ฉินเฟิงหัวเราะเย็นเยียบ ถ่ายทอดคำพูดผ่านพลังสมาธิ

 

“ดูเหมือนพวกแกกำลังรอฉันอยู่สินะ!”

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ไคลินซาร์ได้เห็นฉินเฟิง ได้พบเจอกับปีศาจสังหารตามข่าวลือ หลายวันมานี้ ฝ่ายตรงข้ามไล่สังหารอย่างไร้ปราณี จนชื่อเสียงแพร่กระจายไปทั้งพันธมิตรวู้ดแลนด์

 

แต่คาดไม่ถึงจริงๆ ว่ายังเด็กถึงขนาดนี้

 

“เสียดายจัง น้องชายมีใบหน้าหล่อเหลา แต่หลังจากวันนี้ไป คงต้องกลายเป็นศพ!” ไคลินซาร์ถอนหายใจด้วยอารมณ์

 

ราล์ฟกล่าวอย่างไม่พอใจ “ไคลินซาร์ คุณมีแค่ผมก็พอแล้ว เขาเป็นแค่เด็กน้อยหน้าขาว จะมีดีอะไรกัน?”

 

ฉินเฟิงรู้สึกขบขันกับคำพูดอีกฝ่าย ราล์ฟเอ่ยเรื่องหน้าขาวๆ โดยไม่รู้เลยว่ามูเซอร์ก็เพิ่งเอ่ยถึงเขาแบบนั้นไป!

 

“เหอ เหอ หยุดพูดเรื่องไร้สาระเถอะ ใครจะกลายเป็นศพ เดี๋ยวสู้กันก็ได้รู้เอง!”

 

พลังสมาธิของทั้งสามส่งผ่านบทสนทนาอย่างรวดเร็ว และกระบวนการทั้งหมดกินเวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ฉินเฟิงเริ่มขยับตัว

 

ฉินเฟิงเริ่มกู้คืนสายตาของเขาซึ่งได้รับความเสียหายจากอบิลิตี้แสงบางอย่าง แต่ช่วงเวลานั้นก็อาจมากพอให้มูเซอร์ขึ้นมายังชั้นบน

 

ดังนั้นต้องรีบสังหารไคลินซาร์ก่อน!

 

ฉินเฟิงพอคิดได้ ก็เร่งลงมือทันที

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเอง ความผันผวนที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นจากทุกทิศทาง

 

ฉินเฟิงแม้มองไม่ชัด แต่เขาทราบดีว่านี่คืออบิลิตี้อะไร

 

–มันคืออบิลิตี้มิติ!

 

ช่วงเวลานี้ ทางเดินทั้งหมดสาดไสวด้วยแสงสีเงิน

 

ฉินเฟิงคุ้นเคยกับสิ่งนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

 

คาดไม่ถึงเลยว่ามันคือมิติปิดล้อมอย่างกะทันหัน

 

“หึ! เพื่อที่จะจับฉัน ถึงขั้นลงเงินก้อนโตขนาดนี้เชียวหรือ?”

 

การใช้มิติปิดล้อมของคนพวกนี้ แตกต่างจากเทคนิคมิติเอกเทศของไป๋หลี เพราะเธอสามารถปลดปล่อยมันได้ตามต้องการ หากแต่ไคลินซาร์จำเป็นต้องใช้ศิลามิติจำนวนมาก เพื่อสร้างมันขึ้นมา

 

นี่ถือเป็นการทุ่มเงินก้อนใหญ่!

 

ไคลินซาร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ว่าฉันกลัวเรื่องคุณจะหนีไปหรอกนะ เพราะคนแข็งแกร่งเช่นคุณ สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเลวร้ายที่สุด คือการทำให้คุณเจ็บปวดต่างหาก หลังจากผ่านไปสักสองสามวัน ถ้าคุณยังรอดมาได้ ฉันจะประทับใจมาก จะยอมเป็นฝ่ายขึ้นคร่อม มอบรางวัลให้เอง!”

 

ดวงตาของฉินเฟิงในตอนนี้ เริ่มดีขึ้นอีกเล็กน้อยแล้ว เขาสามารถลืมตาขึ้นได้ และพบกับสภาพแวดล้อมรอบตัวเขา จากนั้นสายตาก็เบนไปตกลงบนร่างของไคลินซาร์

 

“เรื่องนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะภายในมิติปิดล้อมแห่งนี้ มันจะกลายเป็นหลุมฝังศพของแก!”