4/5

 

Ep.624 – ส่วนแบ่งของฉินเฟิง

 

แต่เหตุผลข้อนั้น ฉินเฟิงจะไม่พูดมันออกไป

 

ด้วยเหตุนี้ เขาเลยกล่าวว่า “หลังออกล่าสัตว์ร้ายเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนเต็ม ต่อให้เป็นผมก็รู้สึกเหนื่อยล้า อีกอย่างตอนนี้สถานการณ์ถือว่าค่อนข้างดีมากแล้ว ถ้าพวกเราสามารถควบคุมพวกแมลงให้เป็นแบบนี้ต่อไป คิดว่าน่าจะช่วยให้เมืองกลางตู่ซานปลอดภัยไปอีกสองถึงสามปี”

 

สำหรับผู้คนที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศ ระยะเวลาสองถึงสามปี มีค่าเป็นอย่างยิ่ง!

 

ซื่อฉิงเองก็ทราบว่าคำพูดของฉินเฟิงฟังดูมีเหตุผล เลยได้แต่ถอนหายใจ “ถูกของนาย ตัวนายเพียงคนเดียว ก็สามารถจัดการเรื่องที่เลเวล B หลายคนต้องร่วมมือกันได้แทบทั้งหมดแล้ว แถมยังเป็นในระยะเวลาสั้นๆ”

 

ถึงจุดนี้ กระทั่งคงโบะก็ถอดหายใจเฮือกหนึ่ง “ในฐานะชาวเมืองกลางตู่ซาน ขอขอบคุณมิสเตอร์ฉิน!”

 

อย่างไรก็ตาม ช่วงฤดูหนาวมิใช่ช่วงที่ครึกครื้นที่สุดของเมืองกลางตู่ซาน หากฉินเฟิงสำแดงประสิทธิภาพอันโดดเด่นของตนออกมาในช่วงฤดูร้อนที่ผู้คนพลุกพล่านที่สุดแล้วล่ะก็ เกรงว่ากระทั่งผู้ใช้พลังเลเวล A ที่ถูกส่งมาปกป้องสถานที่แห่งนี้ ก็คงมีปฏิกิริยาไม่แพ้พวกเลเวล B อย่างแน่นอน

 

“ช่างเถอะ นายอยากถอนตัวจากภารกิจก็ไม่เป็นไร แต่นายต้องยอมให้พวกเราเลี้ยงข้าวนายซักมื้อ! มานี่ซะดีๆ”

 

“ใช่ๆ ฉินเฟิง มาทำความรู้จักกันสักครั้ง หลังจากนี้พวกเราจะได้มีโอกาสร่วมมือกันมากขึ้น”

 

“ถ้าได้ร่วมมือกับคุณ พวกเราคงรู้สึกปลอดภัยกว่าเดิมเยอะ”

 

ฝูงชนพอคนหนึ่งพูด อีกคนก็เริ่มพูดตาม และทั้งหมดที่เอ่ยปากออกมา ล้วนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B กล่าวได้ว่ารอบกายฉินเฟิงในเวลานี้ ไม่มีใครเลยที่มองว่าเขาเป็นแค่เลเวล C

 

เพราะทั้งหมดต่างทราบดี ว่าความแข็งแกร่งของฉินเฟิง มันห่างชั้นจากเลเวล B ธรรมดาๆไปมากโขแล้ว

 

ฉินเฟิงยากจะปฏิเสธข้อเสนออันอบอุ่นนี้ เลยตอบตกลง พาไป๋หลีไปร่วมฉลองกับทุกคน

 

 

ในช่วงบ่าย ฉินเฟิงยืนอยู่เบื้องหน้าฝูงชน บดขยี้ตัวเชื่อมมิติ เปิดช่องว่างหวนคืนสู่เมืองเฟิงหลีแห่งรัฐทะเลเหนือ

 

จากนั้น ฉินเฟิงได้ทำการส่งหลักฐานภารกิจทั้งหมดแก่ซางฮันอีกครั้ง ในบันทึกเต็มไปด้วยความสำเร็จอันน่าประทับใจ

 

แต่ในเวลานี้ ฉินเฟิงไม่รู้ตัวเลย ว่าพวกเลเวล A ระดับสูง ต่างก็ได้เห็นบันทึกการต่อสู้ของเขาแล้ว

 

สำหรับเลเวล C มีแค่บางคนที่อยู่ในลุ่มน้ำตู่ซานเท่านั้นถึงจะรู้ว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ในโลกใบนี้มีเลเวล C อยู่มากมาย และพวกเขาแยกย้ายประจำการในแนวหน้า ต่างที่ ต่างเมืองกันไป ดังนั้นเป็นธรรมดาที่จะไม่มีเวลาสนใจแนวหน้าแห่งอื่นที่อยู่ห่างออกไปนับร้อยนับพันลี้ กล่าวง่ายๆว่าไม่มีใครคิดสนใจว่าจะมีเลเวล C ที่แข็งแกร่งกว่าตน หรือ ทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อหรือไม่นั่นเอง

 

แต่สำหรับผู้ใช้พลังในพันธมิตรมนุษย์ ผู้เป็นรองแค่กลุ่มเลเวล S ซึ่งมีเพียงน้อยนิด บรรดาตัวตนทรงพลังเลเวล A น่ะต่างออกไป โดยเฉพาะผู้ที่คอยบริหารอำนาจในที่ต่างๆอย่างแท้จริงของหัวเซี่ย

 

ช่วงเวลานี้ ซางฮันเพิ่งหลับตาฝึกฝน แต่เวลาต่อมา ไม่ถึงสิบนาที อุปกรณ์สื่อสารของเธอก็ดังขึ้น และบุคคลที่โทรมานี้ มิใช่คนธรรมดา ต่อให้เป็นซางฮันเองก็ไม่อาจปฏิเสธสายนี้

 

“ซางฮัน ไม่เจอกันนานเลยนะ” ผู้ชายปลายสายเร่งเอ่ยทักทายเธอ คนตรงข้ามเป็นชายผมขาวเหมือนกับสีซาลาเปา แม้ดูไปดูมาค่อนข้างแก่ แต่ที่จริงแล้วอายุไล่เลี่ยกับซางฮัน เนื่องจากการต่อสู้อย่างรุนแรงได้บั่นทอนพลังชีวิตเขา เลยทำให้เจ้าตัวตกอยู่ในสภาพนี้

 

“ตงหยาง มีเรื่องอะไร คงไม่ใช่ว่าโทรมาหาฉันเพราะอยากตัวใครบางคนไปหรอกนะ?” ซางฮันชิงถาม

 

ปลายสายของซางฮัน มีสถานะไม่ต่ำต้อย กระทั่งตำแหน่งก็ยังเทียบเคียงได้กับซางฮัน ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเลเวล A เป็นจ้าวพรมแดนภูมิภาคตะวันออก –ผู้ใช้อบิลิตี้น้ำเลเวล A3 ตงหยาง!

 

ตงหยางแปลกใจเล็กน้อย “อ้าว พูดแบบนี้แสดงว่ายังมีอีกหลายคนโทรมาขอยืมคนจากเธอด้วยงั้นสิ?”

 

ซางฮันถอนหายใจอย่างไร้หนทาง “คุณไม่ใช่คนแรกที่โทรมา ก่อนหน้านี้ก็มีอีก 7 – 8 คน ก่อกวนจนกฉันไม่มีเวลาฝึกฝนแล้ว”

 

“คนพวกนั้นมายืมตัวใครกัน? อาช่างเถอะ ซางฮัน พวกเราเองก็เป็นเพื่อนกันมาหลายสิบปี ฉันอยากขอยืมตัวผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ เจ้าหนูที่ชื่อว่าฉินเฟิงมาหน่อยจะได้ไหม?”

 

“ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณโทรมาเพราะเรื่องเขา” ซางฮันกล่าว

 

ได้ยินประโยคนี้ ตงหยางก็ได้รับคำตอบที่เพิ่งถามไป ดูเหมือนว่าคนอื่นๆก็สนใจเจ้าหนูต้นกล้าพันธ์ดีคนนี้เช่นกัน

 

อันที่จริงนี่สมควรเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะงานประลองลูกรักของพระเจ้าเพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่กี่เดือน ฉินเฟิงก็เจิดจรัสอีกครั้งในลุ่มน้ำตู่ซาน ทุกคนเล่นคิดว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ ดังนั้นต้องการดึงตัวมาใช้งาน

 

ตงหยางเร่งกล่าว “ซางฮัน เธอก็รู้นี่ว่าสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกของฉัน ในทุกๆฤดูใบไม้ผลิมักเกิดสงครามใหญ่ที่ ‘ทะเลนรก’ ฝั่งฉันกำลังขาดคนจริงๆ”

 

ประโยคสุดท้าย ก่อนหน้านี้ซางฮันได้ยินมาหลายครั้งแล้ว

 

มนุษย์ที่ยังรอดชีวิตต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายจากรอยแยกมิติ ทั้งสี่ฤดูใบไม้ผลิ , ฤดูร้อน , ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ไม่ว่าจะฤดูใดมักเกิดการต่อสู้ขึ้นเสมอๆ ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไร ก็ยิ่งต้องแบกรับความรับผิดชอบมากเท่านั้น

 

หากคนๆหนึ่งต้องต่อสู้ไม่หยุดตลอดทั้งปี ตัวเขาจะค้นพบว่า มีสถานที่มากมายต้องการกำลังเสริม มีสถานที่นับไม่ถ้วนกำลังตกอยู่ในอันตราย

 

เช่นเดียวกับสถานที่ที่เรียกกันว่าทะเลนรก ได้ยินคำนี้ ซางฮันเงียบไปเล็กน้อย

 

“เรื่องของทะเลนรกฉันก็พอรู้มาบ้าง แต่ฉินเฟิงเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ ถ้าให้สู่ในทะเล เขาคงไม่สามารถแสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่”

 

“เรื่องนั้นฉันก็รู้ แต่เขาก็เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเหมือนกันไม่ใช่หรอ เขาเป็นลูกรักของพระเจ้า ดังนั้นฉันเชื่อว่าถึงแม้จะยาก แต่เขาน่าจะสามารถผ่านมันไปได้” ตงหยางกล่าว

 

ซางฮันยกมือข้างหนึ่งขึ้นมานวดหน้าผากใช้ความคิด บังเกิดความรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองได้กลายเป็นเลขาของเจ้าเด็กปีศาจฉินเฟิงไปซะแล้ว

 

“เอาล่ะๆ ฉันจะบอกเขาให้ ฝั่งทะเลนรกน่าจะเหลือเวลาอีกราวๆหนึ่งเดือนใช่ไหม ฉันจะพยายามโน้มน้าวเขาแล้วกัน แต่คุณคงรู้นะ ว่าต่อให้เป็นลูกรักของพระเจ้า ก็จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน จะปล่อยให้เขาไปสู้อย่างเดียวไม่ได้”

 

ตงหยางไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ “นั่นมันในมุมมองของเธอ ถ้าให้ยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง ฉันขอบอกเลยว่าลูกรักของพระเจ้า หรือพวกอัจฉริยะน่ะ สามารถหมกตัวฝึกฝนที่ในที่ปลอดภัยได้ก็จริง ทว่าสำหรับตัวตนทรงอำนาจ สถานที่ๆพวกเขาจะถือกำเนิดขึ้นได้ มีแต่ในสนามรบเท่านั้น”

 

ซางฮันไม่คิดเชื่อคำเหล่านี้ พวกเขาก็พูดได้หนิเพราะฉินเฟิงไม่ใช่ลูกน้องของพวกเขา อีกฝ่ายไม่สนด้วยซ้ำว่าจะใช้งานฉินเฟิงยังไง มีแต่ซางฮันนี่แหละที่คำนึงถึงตัวฉินเฟิงก่อนเป็นอันดับแรก

 

แต่หากโต้เถียงกับตงหยางไป มันจะกลายเป็นข้อพิพาท ขัดแย้งทางความคิดกันซะเปล่าๆ ดังนั้นเงียบไว้ดีกว่า

 

“เออๆ ธุระแค่นี้ใช่ไหม งั้นฉันฝึกต่อแล้วนะ ลาล่ะ!”

 

ซางฮันรีบวางสายทันที ขณะเดียวกัน ทางหนึ่งก็ส่งคำเชิญนี้ในรูปแบบภารกิจให้แก่ฉินเฟิง ทางหนึ่งก็ส่งข้อความไปเตือนเขา

 

อีกด้านหนึ่ง ฉินเฟิงกำลังตรวจสอบว่ามีสมบัติอะไรบ้างในพันธมิตรมนุษย์ที่เขาสามารถแลกเปลี่ยนมันได้

 

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!

 

อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงดังขึ้น ขัดจังหวะช็อปปิ้งของเขา

 

อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิง ถูกตั้งค่าพิเศษเอาไว้ คนที่จะโทรหรือส่งข้อความมาได้ ต้องเป็นคนที่ฉินเฟิงพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถปฏิเสธ

 

และไม่น่าแปลกใจเลย คนๆนั้นคือซางฮัน

 

【ฉินเฟิง คุณนี่มันขายดีจริงๆ มีคนส่งคำเชิญมาอีกแล้ว รีบจ้างเลขาส่วนตัวเถอะ จะได้มีคนช่วยคุณจัดการกับเรื่องพวกนี้ ฉันจะได้อยู่อย่างสงบซักที!】

 

ฉินเฟิงยิ้ม ก่อนจะเลื่อนไปยังคำเชิญภารกิจที่ซางฮันส่งมาให้เขา

 

“ภูมิภาคตะวันออก? ทะเลนรก?”

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเฟิง ค่อยๆหดกลับคืนเล็กน้อย สีหน้าก็เริ่มเคร่งขรึมจริงจัง

 

“ที่นั่นมัน อา …”

 

หุบเหวทางตอนเหนือ ไม่นับเป็นสิ่งใดเลย หากเทียบกับที่นั่น กองทัพสัตว์น้ำจากเมืองไห่เอง ถ้าเทียบกันคงเหมือนการละเล่นของเด็กๆ

 

“อันที่จริง ฉันไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน”

 

ในชีวิตที่แล้ว ฉินเฟิงไม่เคยไปยังที่นั่น เพราะมันคือสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเท่านั้นถึงจะอยู่รอด!

 

แต่เมื่อได้รับคำเชิญนี้ ฉินเฟิงตัดสินใจที่จะรับมัน อย่างไรก็ตาม ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน

 

สำหรับภารกิจของคนอื่นๆ ฉินเฟิงไม่ได้รู้สึกสนใจ ปัดเลื่อนมันออกไปอย่างไม่ใยดี

 

เขาปิดข้อความ และเริ่มเลือกหาสมบัติตรงหน้าอีกครั้ง