2/3
Ep.58 – ภัยคุกคามจากการรุกรานของมอนสเตอร์
ฮังอวี่มักรู้สึกได้เสมอ ว่าความคิดของฮัสกี้ตัวนี้ค่อนข้างประหลาด
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเขาเองก็ประหลาดเหมือนกันหรอกหรอ?
อย่างการให้ฮัสกี้มานั่งอ่านหนังสือเนี่ย คนปกติเขาไม่คิดกันหรอก!
ฮังอวี่ใช้ปลายเท้าเขี่ยๆหวังเอ๋อที่นอนตัวแข็งอยู่บนพื้น
“ลุกขึ้น ไม่ต้องแกล้งตาย!”
หวังเอ๋อดีดตัว ลุกขึ้นยืนตัวตรง กรีดร้องทันที “เจ้านาย! ฉันรู้มาว่าโลกนี้มี พรบ. คุ้มครองสัตว์ มีองค์กรที่เรียกว่ากลุ่มคนรักหมา ยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจ ถ้าพวกเขารู้เข้า จะหาว่าเจ้านายเป็นพวกทารุณกรรมสัตว์!”
ฮังอวี่นั่งยองๆลงและเขกหัวสุนัข “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว! ตั้งแต่วันนี้ไป เวลาเรียนของนายต้องมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ไม่อย่างงั้นฉันไม่อนุญาตให้เล่นเกมและโทรศัพท์ ฉันจะยึดพวกมันคืน อาญัติบัญชีเกมทั้งหมดของนาย เข้าใจไหม?”
ฮัสกี้พอได้ยินแบบนั้น สองหูของมันตกทันที ร้องคร่ำครวญราวกับจะเป็นจะตาย
หวังเอ๋อมีศักยภาพที่จะกลายเป็นอัจฉริยะได้อย่างไม่ต้องสงสัย หากให้เวลามันสักสองเดือน ฮังอวี่จะพามันไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำให้ดู!
ผลไม้ห้าสีแห่งปัญญามีคุณภาพไม่ด้อยไปกว่าระดับมหากาพย์ ยากที่จะจินตนาการว่าพัฒนาการสมองของมันขยายขอบเขตไปถึงขั้นไหน
ความฉลาดเป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหวังเอ๋อ ฉะนั้นมันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย หากไม่ใช้สิ่งนี้ให้เกิดประโยชน์
…
หลังจากฮังอวี่จัดแจงแผนการเรียนให้หวังเอ๋อเสร็จ เขาก็กลับมาที่ห้องและเริ่มท่องเน็ต ล็อคอินเข้าสู่ระบบกระทู้ของสมาคมโลกวิญญาณ เพื่อทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ล่าสุดของเมืองเจียงเฉิง
เขาพบว่ากระทู้ของสมาคมโลกวิญญาณดีขึ้นมากหากเทียบกับเมื่อไม่กี่วันก่อน
เมื่อฮังอวี่ล็อคอินเข้าไป แผนที่ของเมืองเจียงเฉิงก็เด้งขึ้นมาทันที พร้อมข่าวกรองจำนวนมากที่ทางสมาคมได้รวบรวมมา
บนแผนที่ในปัจจุบัน มีมอนสเตอร์โลกวิญญาณที่ตรวจพบแล้วอยู่ทั้งสิ้น 528 แห่งในเจียงเฉิง ทุกจุดมีเครื่องหมายกำกับไว้
ตามการประมาณการของสมาคมโลกวิญญาณ ปัจจุบันสิ่งมีชีวิตวิญญาณในเขตตัวเมืองน่าจะมีจำนวนเกือบหนึ่งล้านตัวแล้ว
จำนวนสิ่งมีชีวิตโลกวิญญาณมีเพิ่มเข้ามาใหม่ทุกวัน คาดการณ์ว่าตกวันละ 300,000 ตัว
ทางสมาคมโลกวิญญาณตั้งข้อสังเกตว่า ในบางพื้นที่ หากสิ่งมีชีวิตโลกวิญญาณบริเวณไหนมีประชากรไม่หนาแน่น อัตราเร็วในการถูกส่งมายังโลกมนุษย์ของพวกมันจะสูงขึ้น
ก็เหมือนกับต้นหญ้า ที่ยิ่งตัดยิ่งถอนเท่าไหร่ ก็ยิ่งโตเร็วขึ้นเท่านั้น ไม่มีทางทำลายมันได้
ฮังอวี่ขมวดคิ้ว ข้อมูลนี้ไม่ใช่เรื่องดี
เขาไม่นึกเลย ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ จะมีมอนสเตอร์มากมายปรากฏขึ้นในเจียงเฉิง
แถมตอนนี้ยังมีอีกหลายจุดที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ ดังนั้นเกรงว่าสถานการณ์จริงอาจร้ายแรงยิ่งกว่านี้
จริงอยู่ว่ามอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวตอนนี้จะอ่อนแอ แต่รับประกันได้เลย ว่าเมื่อเวลาผ่านไป มอนสเตอร์ที่บุกเข้ามาจะแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ
สมาคมโลกวิญญาณประจำเมืองเจียงเฉิงได้ประกาศถึงสถานการณ์ของโลกใต้ดินแล้วเช่นกัน ว่าลึกลงไปใต้เจียงเฉิงได้ถูกเกัดเซาะเป็นเขาวงกตขนาดใหญ่ มันเชื่อมกับอุโมงค์ทางรถไฟใต้ดิน ทำให้มีทางเข้ามากมาย และมอนสเตอร์ข้างในก็อันตรายเป็นอย่างยิ่ง นับเป็นภัยร้ายแรงต่อเมืองใหญ่!
ส่วนเส้นทางที่ใช้ออกนอกเมืองเจียงเฉิง สถานการณ์นับว่าเลวร้ายไม่ต่างกัน ไม่สามารถเดินทางออกนอกเมืองได้!
ไม่มีใครรู้ว่าจะมีมอนสเตอร์ตัวใดปรากฏขึ้น แต่ตัดสินจากข้อมูลที่ค่อนข้างจำกัด ผ่านโดรน พบว่ามอนสเตอร์ในป่าภายนอกแข็งแกร่งกว่าภายในเขตเมือง
พวกมันเริ่มโจมตีและกินกันเอง ดังนั้นหากปล่อยไว้นานก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม เรื่องน่ากลัวที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่มอนสเตอร์ป่าพวกนั้นมีแนวโน้มที่จะรวมกลุ่มกัน!
ตอนนี้สมาคมโลกวิญยาณและผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งหมดต่างช่วยกันตั้งสมมติฐานการรวมกลุ่มกันของมอนสเตอร์
พวกเขาเชื่อว่าหากมอนสเตอร์รวมตัวกันได้ถึงจำนวนหนึ่ง มีแนวโน้มสูงว่าพวกมันจะบุกเข้ามาในเมือง
และหากเกิดการรุกรานขึ้น ผลที่ตามมายากจะคำนวณความเสียหายได้!
ซึ่ง ณ ตอนนี้ ทางสกายเน็ตได้เริ่มก่อตั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้แล้ว
ฮังอวี่ในที่สุดก็เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของชื่อสกายเน็ต
ปรากฏว่าแท้จริงแล้วมันหมายถึง ‘ตาข่ายฟ้าดิน’ เป็นตาข่ายที่ทำหน้าที่จับมอนสเตอร์ทั้งหมด คอยขัดขวางพวกมัน เพื่อปกป้องเมืองและความปลอดภัยของประชาชน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตอบสนองต่อเรื่องนี้รวดเร็วมาก พวกเขาเริ่มอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่รอบนอกและหมู่บ้านใกล้เคียงแล้ว
มิฉะนั้น เมื่อไหร่ที่มอนสเตอร์บุกเข้ามา ผู้คนนับล้านจะตกอยู่ในอันตราย
กระทั่งฮังอวี่ เมื่อเห็นข่าวนี่ เขายังรู้สึกตกใจ
ฮังอวี่คือผู้เล่นที่ได้รับประสบการณ์และความรู้มากมายจากจอมปราชญ์ ทว่าที่กล่าวมาเหล่านั้นจำกัดอยู่แค่ในโลกวิญญาณ
บัดนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปรตลอดเวลา กระทั่งตัวเขาก็ยังไม่สามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ ไม่อาจทราบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ คือนี่ไม่ใช่เกมผจญภัย แต่เป็นเกมเอาชีวิตรอด!
สมาคมโลกวิญญาณเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนเอาชนะความหวาดกลัว ผลักดันให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นในโลกวิญญาณ
เจ้าหน้าที่ของพวกเขายังสนับสนุนให้ประชาชนฆ่าสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณ ลงมือด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่เมือง
แต่รณรงค์เฉยๆแล้วผู้คนจะออกมาขยับตัวได้อย่างไร?
ฮังอวี่ตัดสินไปไม่ปล่อยเลยตามเลย เขาลงทะเบียน ID ของสมาคมโลกวิญญาณ เริ่มเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ รวมไปถึงเทคนิคในการล่ามอนสเตอร์เหล่านั้น โดยที่ผู้ล่ามีโอกาสได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด
นี่คือเรื่องที่เขาพอจะช่วยได้
ฮังอวี่ไม่กลัวว่าทำแบบนี้จะเป็นการดึงดูดความสนใจ เพราะเดิมกระทู้ของทางสมาคมโลกวิญญาณก็เป็นสถานที่แบ่งปันกลยุทธ์สำหรับผู้เล่นอยู่แล้ว
ผู้คนทั่วโลกสามารถตั้งกระทู้เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ความช่วยเหลือ และข้อมูลที่พบเจอได้
ตัวอย่างเช่น หลังจากกลับมาจากโลกวิญญาณในครั้งนี้ มีผู้คนจำนวนมากสามารถอัพเลเวล 2 กันได้แล้ว ซึ่งหลังจากก้าวสู่เลเวล 2 สิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญคือสภาวะอ่อนแอ
บางคนค้นพบว่า สภาวะอ่อนแอนี้สามารถฟื้นฟูได้โดยการรับประทานอาหารที่มีพลังงานทางวิญญาณ และหาได้จากการปรุงโดยเชฟวิญญาณ
ซึ่งอาหารที่พวกเขาปรุง จะได้รับแต้มวิญญาณอีกด้วย
เมื่อข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่ลงในกระทู้ของสมาคมโลกวิญญาณ ผู้คนจึงเริ่มตระหนักถึงประโยชน์และความสำคัญของอาหารวิญญาณ พวกเขาจะเริ่มออกล่ามอนสเตอร์อย่างแข็งขัน และนั่นถือเป็นการช่วยให้เมืองกลับมาสู่ความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี สามารถบรรเทาแรงกดดันที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเผชิญได้มาก
แล้วอีกอย่าง การทำแบบนี้สามารถทำเป็นธุรกิจได้เช่นกัน หากมีคนเริ่มคิดได้ พวกเขาจะลงมืออย่างเป็นจริงเป็นจัง
อย่าได้ประมาทความสามารถของผู้ประกอบการเมื่อค้นพบโอกาสคว้าผลกำไรเชียว!
อย่าได้ดูถูกความทุ่มเท และการแสวงหาอาหารของเหล่านักชิมในโลกใบนี้!
กระทู้ของสมาคมโลกวิญญาณไม่ได้มีไว้แค่เผยแพร่ข้อมูลเท่านั้น แต่มันยังเป็นสถานที่สำหรับให้ผู้คนสื่อสารกัน ส่งผลให้เกิดข่าวลือมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวของพวกเถ้าแก่ใหญ่บางคน เขาเหล่านี้จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
《วอร์เรน บัฟเฟตต์ เทพแห่งการลงทุนหุ้นได้จัดตั้งกองทุน 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลงทุนในสินทรัพย์โลกวิญญาณ!》
《ช็อค! มีภาพและวิดีโอเป็นหลักฐาน! หม่าเต็งแห่งเพนกวินกรุ๊ปได้ขึ้นเป็นเลเวล 3 แล้ว แถมเขายังสวมชุดสีขาวทั้งตัว!》
《หลี่เจียเฉิง(ลีกาชิง) มหาเศรษฐีแห่งฮ่องกง แม้แก่ชราแต่ยังแข็งแรง ประสบความสำเร็จในการนำทีมในโลกวิญญาณ เข้ายึดค่ายมอนสเตอร์ ได้รับผลกำไรก้อนโต!》
《แจ็คหม่าแห่งกลุ่มอาลีบาบา ควักเงินมหาศาลเพื่อรวบรวมซื้อหินสกิลในหางโจว หากเป็นหินสกิลคุณภาพสูง อาจได้รับการประเมินราคาสูงถึง 100 ล้านหยวน!》
…
ผู้คนต่างวิตกกังวล มีข้อมูลมากมายในกระทู้ ข่าวลือ ข่าวซุบซิบเต็มไปหมด
แต่ในตอนนั้นเอง อ้วนต้าไห่โทรเข้ามาพอดี และประโยคแรกที่อีกฝ่ายเอ่ยกับเขาก็คือ “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
ฮังอวี่เหมือนเดจาวู เขาจำได้ว่าคราวก่อนที่โทรมา ผังต้าไห่ก็พูดแบบนี้ จึงไม่ตื่นเต้นอะไร “ทำไม นายถูกแม่เลี้ยงรวยๆทิ้งแล้วรึไง?”
“แย่กว่านั้นอีก เพราะข้อมูลในกระทู้ของสมาคมโลกวิญญาณ ตอนนี้เลยมีผู้คนเต็มถนน พากันออกล่าสัตว์จากโลกวิญญาณ บางส่วนก็เก็บไว้กินเอง บางส่วนก็เอาไปเก็งกำไรขาย ทำให้วัตถุดิบของพวกเราราคาสูงขึ้น!”
“เป็นเรื่องปกติ เพราะงั้นพวกเราถึงเตรียมวัตถุดิบสำรองเอาไว้ไง”
“แต่โอกาสทางธุรกิจถูกเปิดโปงแล้วนะ!” อ้วนต้าไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล “แถมฉันยังได้ข่าวมา ว่ามีร้านอาหารและโรงแรมในเจียงเฉิงเป็นสิบๆแห่งเริ่มวางแผนขายอาหารจากโลกวิญญาณกันแล้ว ฉันกลัวว่ามันจะส่งผลกระทบต่อพวกเรา”
มีเรื่องแบบนี้ด้วยแฮะ?
แต่สถานการณ์นี้สามารถคาดเดาได้ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น
จำนวนประชากรเลเวล 2 เริ่มเพิ่มสูงขึ้น แม้ทางสมาคมโลกวิญญาณจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ แต่สุดท้าย ผู้คนก็จะตระหนักถึงความสำคัญของอาหารวิญญาณผ่านช่องทางออนไลน์หรือปากต่อปากอยู่ดี
กระดาษเมื่อไหม้ไฟก็ยากที่จะปิดให้มิด ทำยังไงก็ไม่มีทางดับได้ ดังนั้นโอกาสทางธุรกิจนี้จึงไม่อาจเก็บงำได้ตลอดไป
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่คาดไม่ถึงเช่นกัน ว่าผู้คนจะตอบสนองกันไวขนาดนี้
ร้านอาหารใหญ่ในเจียงเฉิงเริ่มวางแผนเปิดขายอาหารโลกวิญญาณแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมจัดเลี้ยงเริ่มกำลังเริ่มต้นขึ้น เกรงว่านับจากนี้ไปจะกลายเป็นสงครามช่วงชิงพื้นที่ขายอาหาร
เขาพูดกับอ้วนต้าไห่ “ไม่ต้องกังวล ร้านอาหารของโรงแรมพวกนั้นทำแบบรีบร้อน ไม่มีทางจ้างเชฟวิญญาณจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆได้ ”
“และถ้าฉันเดาไม่ผิด ส่วนใหญ่ที่จ้างมาคงมีแค่เทคนิคทำอาหารทั่วๆไป แล้วจัดการปรุงเนื้อจากโลกวิญญาณโดยตรง”
“วิธีนั้นสามารถปรุงอาหารได้ก็จริง แต่เมื่อเนื้อสัตว์ไม่ได้ผ่านสกิลรวบรวมวัตถุดิบ สุดท้ายอาหารของพวกเขาจะไม่ได้ดีไปกว่าอาหารธรรมดามากนัก ในแง่คุณภาพเทียบพวกเราไม่ได้”
“สิ่งที่นายต้องทำก็คือ รีบเปิดร้านอย่างเป็นทางการโดยเร็วที่สุด ส่วนฉันขอเวลาอีกสองวัน แล้วจะแก้ปัญหาเรื่องปริมาณอาหารที่ทำได้จำกัดในแต่ละวันให้”
ได้ยินฮังอวี่พูดแบบนั้น ผังต้าไห่โล่งใจขึ้นเล็กน้อย
หลังจากฮังอวี่วางสายโทรศัพท์ เขาตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องการกลั่นยา ไม่สามารถล่าช้าได้อีกต่อไป ต่อสายถึงซูหยุนปิงทันที
และอาจารย์ซูก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง อีกฝ่ายได้รับหินสกิลกลั่นยามาแล้ว
ทั้งสองนัดพบกันที่ร้านคาเฟ่ครั้งก่อนทันที