Ep.577 – เบาะแสจากรอยสัก

 

หลังเตรียมตัวกันจนเสร็จสิ้น ทั้งกลุ่มก็เริ่มเดินทางอีกครั้ง ทุกย่างก้าวของฉินเฟิงกับไป๋หลีที่เหยียบย่างลงบนหิมะ กลับไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ อีกทั้งความเร็วในการก้าวเดิน ยังไวกว่าเฮยฉงและคนอื่นๆ

 

ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงทางเข้าถ้ำเทือกเขาหิมะ

 

ช่างเป็นสถานที่ที่ลึกลับซะจริง เส้นทางกว่าจะมาถึงก็คดเคี้ยว ผู้คนในรัฐซูหยวน , ผู้ใช้พลังฝั่งพันธมิตรจากสองเมืองใหญ่ หรือกระทั่งนักล่าเงินรางวัล ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมาถึงและสามารถปิดล้อมสถานที่แห่งนี้ได้!

ฉินเฟิงเดินตามเข้าไปในถ้ำ หน้าทางเข้ามันมืดสนิท แต่หลังจากเดินไปตามทางคดเคี้ยวกว่า 30 เมตร ทันใดนั้นแสงสว่างพลันสะท้อนเข้ามาในสายตาเขา

 

แสงสว่างนี้ เกิดจากหินชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเรืองแสงได้ ไม่ใช่ของหายากอะไร มันถูกนำมาติดตั้งเพื่อนำทาง

 

เดินไปสักพัก พวกเขาก็พบกับโพรงถ้ำขนาดใหญ่ กะดูคร่าวๆน่าจะยาวสักร้อยเมตร กว้างประมาณห้าสิบเมตร สูงถึงสามสิบเมตร ซึ่งที่กล่าวมาก็ฟังดูไม่ได้ผิดปกติอะไร

 

แต่ภายในโพรงใหญ่นี้ ผนังถ้ำทั้งสองด้านได้รับการดัดแปลง ปรับเปลี่ยบให้เหมาะสมต่อการต่อเติมตึกราม ที่สูงอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดชั้น ส่วนในเรื่องการตกแต่งภายในจะเป็นอย่างไร ฉินเฟิงไม่ทราบ แต่เชื่อว่ามันไม่น่าจะเลวร้ายแน่นอน

 

เบื้องหน้าสายตา ปรากฏทางเดินยาวไปถึงใจกลางโพรงที่เป็นจุตุรัส เชื่อมต่อทอดยาวไปถึงปลายถ้ำ นำพาไปสู่พื้นที่ใหม่ จากรูปการ สามารถคาดเดาได้ว่า ยังมีอีกหลายโพรงอยู่ข้างใน

 

ปัจจุบันเนื่องจากการดำรงอยู่ของผู้ใช้อบิลิตี้ดิน ส่งผลให้ทุกวัสดุที่เกี่ยวข้องกับดิน สามารถก่อสร้างได้ในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม ประชากรที่อยู่ที่นี่ ทำให้ฉินเฟิงต้องประหลาดใจ

 

ตามทางเดินทั้งสองฝั่ง ผู้คนต่างจับจองสถานที่ วางอุปกรณ์รูน , วัตถุดิบสัตว์ร้าย และที่มากที่สุดคือสมุนไพรวิญญาณมาตั้งขายกัน

 

“โสมภูเขาหิมะ สมุนไพรวิญญาณที่มีอายุอย่างน้อยสิบปี ราคา 3 ล้านจ้า!”

 

“บัวหิมะเลเวล F จ้า เม็ดบัวก็ยังมีอยู่ข้างในด้วยนะ!”

 

“สมุนไพรสกัดวายุ … ”

 

“ผลไม้ขุนเขานภา … ”

 

เสียงร้องตะโกนของพ่อค้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอน สินค้าในมือคนเหล่านี้ล้วนเป็นของดีสำหรับเลเวลต่ำ บางคนมีสินค้ากองใหญ่นำมาขาย แต่ขณะเดียวกัน สายตาของเหล่าพ่อค้ากลับดูหวาดระแวง เหลียวซ้ายแลขวา สังเกตสถานการณ์รอบข้างอยู่ตลอดเวลา

 

“ท่านผู้ใหญ่ ฉันขอมอบแผนที่ให้แก่คุณ คุณจะได้ไม่หลงทาง เพราะที่แห่งนี้กว้างใหญ่ และค่อนข้างซับซ้อน”

 

เฮยฉงเปิดอุปกรณ์สื่อสาร และส่งผ่านแผนที่ให้แก่ฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงก้มลงมอง และจดจำแผนที่นี้เอาไว้ในใจ

 

“ขอบคุณ ว่าแต่นายจะพาฉันไปหาคนขายยาได้รึยัง” ฉินเฟิงถาม

 

“ขอรับ ไปเดี๋ยวนี้ขอรับ”

 

เฮยฉงนำทางฉินเฟิง ก้าวลึกเข้าไปในถ้ำ

 

ตามเส้นทางสายหลัก หลังจากผ่านโพรงถ้ำหลายแห่ง ฉินเฟิงพบว่ารูปแบบการจัดวางของแต่ละโพรงถ้ำมีบทบาทแตกต่างกันออกไป แม้มองดูแว่บแรกจะคล้ายๆกันแต่ไม่เหมือน

 

ทางด้านไป๋หลี เธอกำลังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เนื่องจากตามรายทางเต็มไปด้วยสมุนไพรที่นำออกมาวางขาย และจมูกของเธอไวต่อกลิ่นมากๆ ดังนั้นทำหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

 

กลุ่มของฉินเฟิงไม่มีใครชักช้า ใช้เวลาเดินประมาณสิบนาที ก็เข้าสู่โพรงถ้ำอีกแห่งหนึ่ง สิ่งที่แปลกก็คือ โพรงถ้ำนี้ด้านในกลับกลวงเปล่า แทบจะไม่มีสิ่งปลูกสร้างอะไร แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือใจกลางโพรงถ้ำ มันสโลฟลงไป และล่างสุดเป็นพื้นเรียบสี่เหลี่ยมจัตุรัส เส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 50 เมตร โดยรอบๆมันทั้งสี่ทิศ เป็นขั้นบันไดทอดยาวลงไป หรืออาจเรียกว่าเป็นที่นั่งก็ได้

 

กลุ่มคนนั่งกระจัดกระจายอยู่ตามที่นั่งขั้นบันได นอกจากนี้ทั้งสี่ทิศยังติดตั้งไว้ด้วยจอภาพขนาดใหญ่

 

สถานที่แห่งนี้ … คือสังเวียนต่อสู้!

 

ฉินเฟิงสามารถระบุได้ในทันที

 

เฮยฉงยื่นหน้าใกล้เข้ามา ลดเสียงลงพลางชี้ไปยังจุดเดิมพันที่อยู่ห่างออกไป

 

“ที่นี่อยู่ในเขตปกครองของกองกำลังพันธมิตรชูฉี กองกำลังนี้แยกตัวออกมาจากปราการหานตง และเป็นหนึ่งในกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดของรัฐซูหยวน ว่ากันว่าผู้นำกองกำลังเป็นถึงผู้ใช้พลังเลเวล D !”

 

ฉินเฟิงไม่ตอบคำ หากศัตรูเป็นเพียงผู้ใช้พลังเลเวล D ก็ไม่นับว่าอยู่ในสายตาเขา

 

“พวกเขาเป็นคนขายยาใช่ไหม?” ฉินเฟิงถาม

 

“ใช่ แต่พวกเขาไม่ได้ขายให้กับทุกคน และทุกคนต่างก็รู้ดี ว่ายานี้แม้ช่วยให้แข็งแกร่ง แต่ก็มีผลข้างเคียงร้ายแรง เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายเพียงครั้งเดียว อาจรุนแรงถึงตาย!” เฮยฉงอธิบาย

 

ฉินเฟิงพยักหน้า ดูเหมือนคนของกลุ่มพันธมิตรองค์กรมืด ก็ใช่ว่าจะเป็นคนโง่กันซะทุกคน แม้ยาตัวนี้จะช่วยให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่สิ่งที่ต้องจ่ายคือจมอยู่กับมันตลอดชีวิต

 

และไม่ใช่ทุกคนที่สามารถยอมรับตัวเองในสภาพครึ่งคนครึ่งสัตว์ได้

 

เฮยฉงกล่าวเสริมว่า “ยามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ว่ากันว่าหากผู้ใดสามารถรับฤทธิ์ของตัวยาได้ ก็จะสามารถเข้าร่วมกับพันธมิตรชูฉีได้ทันที นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนที่นี่ใฝ่ฝัน ท่านผู้ใหญ่ลองมองดูชายข้างล่างคนนั้นสิ เขาเป็นหนึ่งในคนที่สามารถเข้าร่วมกับพันธิมตรชูฉี”

 

เฮยฉงชี้นิ้วไปยังคนๆหนึ่งที่กำลังต่อสู้อยู่บนสังเวียนเบื้องล่าง อีกฝ่ายเป็นผู้ใช้พลังเลเวล F5

 

ความแข็งแกร่งแค่นี้ สำหรับฉินเฟิง แค่เขาเป่าลมที่แฝงไปด้วยกำลังภายในออกจากปาก ก็สามารถบดขยี้อีกฝ่ายจนตายได้แล้ว

 

ทว่าในตอนนั้นเอง สายตาของฉินเฟิงกลับมิอาจละจากอีกฝ่าย คล้ายพบเจอสิ่งที่เคยเห็นในอดีต ดวงตาเขาสว่างไสวขึ้นทันใด

 

ผู้ใช้พลังเลเวล F5 คนนี้ หากเทียบในด้านความแข็งแกร่งกับระดับเดียวกัน ถือว่าเก่งกาจยิ่งกว่าก็จริง แต่สิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงตาค้างมิใช่พรสวรรค์ของเขา หากแต่เป็นตรงคอของอีกฝ่าย มันปรากฏรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์!

 

–รอยสักขององค์กร Z !

 

“เป็นคนของพันธมิตรชูฉีสินะ … ” ดวงตาของฉินเฟิงสาดประกายคมกล้า

 

ไม่ว่าที่นี่จะเป็นสำนักงานใหญ่ของพันธมิตรชูฉี , สาขาย่อยขององค์กร Z , สาขาอื่นของพันธมิตรองค์กรมืด หรือจะเป็นอะไรก็ช่าง! เพราะในที่สุดฉินเฟิงก็พบเบาะแสของพวกมันแล้ว

 

หากให้วิเคราะห์ดู ผู้ใช้พลังเลเวล D ที่เป็นผู้นำของที่นี่ ความแข็งแกร่งคาดว่าน่าจะพอๆกับหยานฟางที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ หรือไม่ก็มีร่างกลายพันธุ์ระดับจักรพรรดิเช่นเดียวกับหยานชูว

 

ฉินเฟิงเคยพลาดไปแล้วในปราการชาตง ฉะนั้นคราวนี้ล่ะ เขาจะไม่ยอมปล่อยเบาะแสหลุดมือไปอีก

 

ตามที่นั่งรอบสังเวียน กลุ่มคนโห่ร้องคลุ้มคลั่ง แหกปากร้องเรียกชื่อผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F

 

“คังไล! คังไล!”

 

พรสวรรค์ในการต่อสู้ของคังไลคนนี้ดีมาก และเขาก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง เพียงระเบิดฝ่ามือรุกเข้าโจมตี ก็สามารถล้มศัตรูได้ในทันที และหากสังเกตดีๆในระหว่างต่อสู้ สองมือของเขามันเกิดการกลายพันธุ์ เปลี่ยนรูปเป็นกรงเล็บหมาป่าตลอดเวลา

 

แต่ผู้คนที่อยู่รอบๆ กลับไม่มีใครแปลกใจกับการกลายพันธุ์ของคังไลเลย คล้ายคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี!

 

ฉัวะ!

 

กรงเล็บหมาป่าจ้วงทะลุหน้าอกคู่ต่อสู้

 

“อ๊าาาาากกกก

 

คู่ต่อสู้ของคังไลกรีดร้องน่าสังเวช เลือดทะลักออกจากอกเขา มองไปยังชิ้นเนื้อเปื้อนเลือดขนาดใหญ่ในมือคังไล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผลแพ้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว!

 

“อย่าฆ่าฉัน ท่านคัง ฉันจะมอบเงินให้แก่คุณ จะมอบเงินทั้งหมดให้แก่คุณ!”

 

คังไลยิ้มเยาะ แลบลิ้นเลียเนื้อที่ติดอยู่ตามกรงเล็บเขา ตวัดมันเข้าปาก เคี้ยวๆ และกลืนลงไป เมื่อเนื้อสดๆไหลลงคอ คู่ดวงตาของเขาเริ่มแดงฉานยิ่งกว่าเดิม กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกาย เพิ่มพูนขึ้นเป็นสองเท่า!

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียใจด้วยนะ เพราะที่ฉันชอบมากกว่าเงิน ก็คือสภาพดิ้นรนของแกที่กำลังจะตาย!”

 

สิ้นเสียง นิ้วมือทั้งห้าของคังไลประกบชิด เหวี่ยงเป็นแนวนอน กรีดผ่านลำคอของคู่ต่อสู้ เปิดปากแผลให้เลือกกระฉุด กระเซ็นไปทุกที่

 

พื้นสังเวียนเป็นดำสนิทจนแทบมองไม่เห็นอะไร ยามเลือดหลั่งไหลลงบนมัน กลับซึมลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว

 

เกรงว่าพื้นสีดำบนสังเวียนนี้ คาดว่าคงถูกย้อมไปด้วยเลือด ทับถมกันนานวันจนมีสภาพกลายเป็นแบบนี้!

 

คู่ต่อสู้ไม่ดิ้นรนอีกต่อไป คังไลคว้าชัยชนะในที่สุด

 

ฝูงชนโดยรอบส่งเสียงโห่ร้อง ฉินเฟิงมองไปยังร่างของคังไล เอ่ยพึมพำว่า “ตกลง นายไปเถอะ ตามสัญญา ฉันจะไว้ชีวิตนาย แต่ครั้งต่อไปถ้านายปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฉันอีก รับประกันได้เลย ว่าจะไม่ไว้ชีวิต!”

 

ฉินเฟิงกล่าวเฉียบขาดกับเฮยฉง