Ep.574 – ไว้ชีวิตสุนัขอย่างแก

 

เพื่อไขข้อสงสัยนี้ ฉินเฟิงจึงปลดปล่อยพลังสมาธิออกไป

 

และสามารถ ‘เห็น’ ถึงฉากที่เกิดขึ้นภายนอกได้

 

ปรากฏว่าเป็นผู้ใช้พลังทั้งสิ้น 12 คนเข้ามาเยือนหน้าหมู่บ้าน หรือถ้าจะให้ตรงๆ สมควรพูดว่าเป็นมือปืนทั้งสิ้น 12 คน

 

โดยผู้นำคือผู้ใช้พลังเลเวล F ส่วนคนที่เหลือ เป็นผู้ใช้พลังเลเวล G ทั้งหมด แต่คนพวกนี้ ทั้งหมดมีอย่างหนึ่งที่เป็นเหมือนกัน

 

นั่นคือพวกเขากำลังขี่สัตว์ร้ายสายพันธุ์หนึ่งของรัฐซูหยวน เป็นสัตว์ร้ายที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป –หมีหิมะ

 

สัตว์ร้ายประเภทนี้ คล้ายคลึงกับหมาป่าที่ฉินเฟิงเคยสู้ด้วยตอนแรกๆในชุมชนเฉิงเป่ย หากสัตว์ร้ายประจำถิ่นของเฉิงเป่ยคือหมาป่า เช่นนั้นหมีหิมะตัวใหญ่นี้ก็เป็นเจ้าถิ่นของที่นี่

 

หมีหิมะมีขนาดตัวใหญ่โต ยามยืนสูงได้ถึงสามเมตร ต่อให้มันกำลังคลานสี่ขา แต่ก็ยังสูงถึงหนึ่งเมตรครึ่ง และยาวถึงสามเมตร

 

อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะคุ้นชินกับสภาพแวดล้อม หรือเป็นเพราะอำนาจของพลังสมาธิพันธสัญญา ปัจจุบันหมีหิมะพวกนี้เลยหมอบอยู่กับพื้น ทั้งยังแบกบางสิ่งบางอย่างเช่นอานแบบหนาบนร่างกาย

 

คนเหล่านี้ใช้สัตว์ร้ายเป็นพาหนะในการเดินทาง ยามอยู่บนทุ่งหิมะ เกรงว่าพวกมันอาจคล่องแคล่วยิ่งกว่ารถยนต์ตัวไปซะอีก

 

นี่อาจเป็นวิธีการเดินทางในพื้นที่แห่งนี้

 

ผู้คนที่ขับขี่มัน สวมใส่หมวกกันลม ชุดรบสีขาวราวหิมะ เห็นได้ชัดว่าทีมๆนี้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

 

ยังไงก็ตาม ทั้งหมู่บ้านเหมือนจะรู้ทันว่ามีขโมยบุกเข้ามา ทั้งหมดจึงไหวตัว ผู้คนบนท้องถนนแตกกระเจิง หลบหนีด้วยความหวาดกลัว

 

“เห~” พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดออกไป และพบอุปกรณ์สื่อสารที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้ออีกฝ่าย

 

“เจ้าพวกนี้เป็นคนขององค์กรมืด!”

 

อุปกรณ์สื่อสารขององค์กรมืด กับของฝั่งพันธมิตรมนุษย์ จะแตกต่างกัน อย่างน้อยก็ลักษณะภายนอก ที่มีการแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน

 

ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมพวกชาวบ้านถึงเกิดความโกลาหล ที่แท้ก็ตระหนักถึงสถานะของพวกมันอยู่แล้วนี่เอง

 

แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆแล้ว ฉินเฟิงไม่มีท่าทีลุกลี้ลุกลนหรือตื่นตระหนกใดๆเลย ตรงกันข้าม มุมปากเขากลับผุดรอยยิ้มน้อยๆ

 

เดินทางมาตั้งหลายวัน ในที่สุดก็ค้นพบร่องรอยขององค์กรมืดซักที

 

ภายใต้พลังสมาธิของฉินเฟิง เหล่าผู้ใช้พลังระดับต่ำเหล่านี้ ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด พวกมันปรากฏกายขึ้นอย่างหยิ่งผยองภายใต้การ ‘มอง’ ของฉินเฟิง

 

“อ๊า! พวกกลุ่มจ้านฉง( หมีสงคราม)บุกเข้ามาแล้ว!”

 

“รีบซ่อนตัวเร็วเข้า เจ้าเฮยฉงมันมาอีกแล้ว!”

 

“สารเลวเอ๊ย ทำไมพวกมันถึงยังบุกเข้ามาอีก? ไม่ใช่ว่าเพิ่งได้ของไปเมื่อห้าวันก่อนหรอกหรอ”

 

“เร็วเข้า ไปซ่อนในห้องใต้ดิน”

 

ฝูงชนแตกฮือ กระจัดกระจายอลหม่าน หมู่บ้านเล็กๆแบบนี้ ต่อให้มีผู้ใช้พลังเลเวล F หรือ G อยู่ก็ตาม แต่พวกเขาจะไม่ยอมโผล่หัวออกมา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีแค่ 12 คนเท่านั้น ในขณะที่พลเมืองอาศัยในหมู่บ้านมีอย่างน้อยก็ 3,000 คน แต่พวกเขากลับไม่มีใจคิดร่วมมือกันต่อต้านเลย!

 

ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ

 

คนเหล่านี้ ไม่คู่ควรได้รับความสงสารจากฉินเฟิง

 

แต่ในตอนนั้นเอง ชายที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มก็ยกหมวกกันลมขึ้น มองผู้คนที่กำลังหลบหนี มุมปากแสยะรอยยิ้มน่าหวาดกลัว

 

“จะวิ่งหนีทำไมกัน? บิดาแค่มาขอผู้หญิงสัก 10 คน จากนั้นจะยอมรามือจากไป อ้ออีกเรื่องหนึ่ง บ้านใครก็ตามที่มีของดีอะไร จงนำมันออกมาให้หมด! และถ้าไม่เอาออกมา แต่ฉันเจอด้วยตัวเอง จะได้เห็นดีกัน!”

 

ฉินเฟิงสามารถ ‘เห็น’ ได้อย่างชัดเจนถึงความตื่นตระหนกของหลายครอบครัว บ้านไหนที่มีผู้หญิง ทั้งหมดล้วนถูกพาไปซ่อน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันตลกสิ้นดี จะไม่ยอมออกมาใช่ไหม? อยากตายสินะ? ได้! ลูกรักของฉันยังกินไม่อิ่มพอดีเลย”

 

เฮยฉงตบลงบนตัวหมีหิมะ พลางโยนเศษเนื้อเข้าไปในปากที่เต็มไปด้วยเลือดของสัตว์เลี้ยงตน

 

ไม่ทราบเหมือนกันว่าหมีหิมะตัวนั้นกำลังกินอะไร บางทีอาจเป็นเนื้อทั่วๆไป แต่ความจริงแล้ว ชาวบ้านทุกคนย่อมคิดว่ามันเป็นเนื้อมนุษย์

 

ท่ามกลางความเงียบ ชายคนหนึ่งกัดฟันฝ่าลมหนาวก้าวออกมา ปรากฏว่าเป็นผู้ใช้พลังเลเวล G8

 

“เฮยฉง ต่อให้คุณต้องการคนสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องให้เวลาพวกเราด้วย! เดี๋ยวพวกเราจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง ตอนนี้ไปนั่งในร้านของหลี่ฉีกันก่อน เป็นอย่างไร?”

 

“เหอๆ เอาจริงๆนะจางฉวน ฉันคิดว่านายน่ะเป็นคนมีอนาคตสดใส ทำไมไม่มากับฉันเล่า รับรองเลยว่านายจะมีชีวิตที่ดีกว่าในหมู่บ้านห่วยๆแบบนี้”

 

เฮยฉงเบนสายตามองผู้ใช้พลังเลเวล G8 ที่ปรากฏตัว

 

คนที่ถูกเรียกว่าจางฉง มีใบหน้าที่ดูแข็งทื่อ เมื่อได้ฟังก็อดยิ้มและกล่าวประชดประชันไม่ได้ “ฉันคิดว่าที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ทุกอย่างแม้ล้าหลังแต่ก็พอเพียง ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าและการใช้จ่าย ฉันไม่ได้มีความทะเยอทะยานขนาดนั้น มิสเตอร์เฮยฉง เชิญทางนี้!”

 

“เหอ เหอ มีตาหามีแววไม่ ที่นี่มันมีอะไรให้น่าอยู่กัน ฉันอุตส่าห์หยิบยื่นน้ำใจให้แต่ก็ไม่รับ!”

 

จางชวนไม่ตอบคำ แต่ใบหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย ก็แล้วที่หมู่บ้านมันเป็นอย่างทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะพวกแกหรอกหรือ?

 

ภายใต้การนำทางของจางชวน คนเหล่านี้เดินตรงมาตามถนน ไม่ช้าก็มาถึงโรงแรมเพียงแห่งเดียวของหมู่บ้าน

 

และเป็นสถานที่ที่ฉินเฟิงอยู่

 

หลี่ฉี คือเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ แต่น่าเสียดาย ที่วันนี้เจ้าตัวดันไม่สามารถออกมาต้อนรับทุกคนได้!

 

แต่ในจังหวะนั้นเอง บางสิ่งที่ผูกไว้ตรงเอวของเฮยฉง จู่ๆก็ร้องเสียงแหลมขึ้นมา อีกทั้งท่าทีของมันยังดูวิตกกังวล

 

ฮงเฉยและลูกน้องของเขาชะงักไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงที่เจ้าตัวจ้อยตัวนี้จะกรีดร้องอย่างรุนแรงอย่างกะทันหัน

 

สิ่งที่ผูกอยู่ข้างเอวของเฮยฉง เป็นสัตว์ร้ายขนาดเล็กที่ดูมีเอกลักษณ์ ซ้ำยังจับตัวได้ยากเย็น มันเรียกว่าหนูด้ายเงิน

 

หนูด้ายเงินมีสีขาว ขณะเดียวกันเส้นด้ายสีเงินยาวออกมาจากแผ่นหลังของมัน

 

สิ่งมีชีวิตตัวนี้อ่อนแอมาก แต่มันสามารถอยู่ในทุ่งหิมะได้ตลอดทั้งปี ยามพบเจอกับสัตว์ร้ายระดับสูง จะกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวทันที ไม่เพียงเท่านั้น กระทั่งขนหรือวัตถุของสัตว์ร้ายที่ตายไปแล้ว ก็ยังเกิดปฏิกิริยาเช่นกัน

 

สัตว์ร้ายตัวนี้หากพกติดตัว จะสามารถตระหนักถึงอันตรายในทุ่งล่าได้ล่วงหน้า อีกทั้งเมื่อเข้ามาในหมู่บ้าน มันยังกลายเป็นกุญแจสำคัญในการค้นหาสมบัติ

 

นี่เองคือเหตุผลว่าทำไมเฮยฉงถึงผูกมันติดกับเอว

 

และตอนนี้ จู่ๆการเคลื่อนไหวของหนูด้ายเงินก็แปลกไป เฮยฉงแสดงออกถึงความสุขทันใด

 

“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าสถานที่เลวร้ายของนาย จะมีใครบางคนพกของดีมาด้วย!” เฮยฉงกล่าว พลางเข้าสู่ร้านของหลี่ฉี ก่อนจะเจอฉินเฟิงกับไป๋หลี

 

“จี๊ด จี๊ด!” หนูด้ายเงินส่งเสียงดัง หากสังเกตดีๆดูเสียขวัญอย่างหาใดเปรียบ

 

ไป๋หลีถูกดึงดูดความสนใจ มองหนูตัวน้อยด้วยความอยากรู้อยากเห็น หนูด้ายเงินในกรง เมื่อถูกมอง สองตาของมันเหลือกโพลนขึ้นข้างบน เหลือเพียงตาขาว ล้มหมดสติลงไปทันที

 

มันน่าจะหวาดกลัวจนช็อกตายไปแล้ว

 

แต่เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะหนูด้ายเงิน เป็นแค่สัตว์ร้ายเลเวล G มันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย ทว่าครอบครองความสามารถในการรับรู้อันน่าอัศจรรย์ เมื่อมันพบจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C6 อย่างไป๋หลี จะหวาดกลัวจนขี้ขึ้นสมอง ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา

 

อย่างไรก็ตาม เฮยฉงมิได้สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้ หลังจากที่เขาเห็นฉินเฟิงกับไป๋หลี สองเท้าของตนก็มิอาจก้าวเดินได้อีกต่อไป

 

เพราะการพบเจอไป๋หลีในสถานชุมชนซอมซ่อแบบนี้ มันราวกับเป็นเรื่องเพ้อฝัน

 

ผมยาวสีเงินของเธอห้อยลงมา , ศีรษะของเธอสวมหมวกสีแดงขนาดเล็ก , มีผ้าพันคอกำมะหยี่สีขาวหิมะพันรอบคอ , เสื้อคลุมแขนยาวที่ไม่ทราบว่าทำจากวัสดุอะไร แต่น่าจะเป็นแฟชั่น , ถุงมือหนัง , รองเท้าบูทที่ใช้ขี่ม้า พร้อมใบหน้าเรียวงามละเอียดอ่อน ทั้งหมดยามอยู่รวมกันราวออกมาจากภาพวาด

 

รูปลักษณ์ดังกล่าว ผู้ชายคนใดได้พบเห็น เป็นต้องเสพติด หลงเสน่ห์ไปทุกราย

 

“ฮึ่ม!”

 

ฉินเฟิงส่งเสียงเย็นชา โฉบกายมาบังหน้าไป๋หลี ขวางกั้นสายตาของอีกฝ่าย

 

เฮยฉงเมื่อเห็นสาวสวยหายไป และปรากฏไอ้บ้าคนหนึ่งมายืนขวางหน้าแทน ก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังยั่วยุ ถลึงมองฉินเฟิงด้วยความโกรธ

 

เขากวาดตามองชุดของฉินเฟิง ก่อนจะนึกไปถึงเสียงร้องของหนูด้ายเงินเมื่อครู่ แล้วยิ้มออกมาทันที “โย่ มาจากข้างนอกหรอ?”

 

ฉินเฟิงไม่มีอารมณ์เสวนากับอีกฝ่าย กล่าวเสียงเย็นชา “ไม่ใช่ธุระของแก”

 

ดวงตาของเฮยฉงลุกโชนด้วยความโกรธทันที

 

“เจ้าหนู รู้ขีดจำกัดของตัวเองซะบ้าง จงมอบสิ่งมีค่าทั้งหมดของแกมาซะ เห็นแก่หน้าสาวงามที่แกพามาด้วย ฉันจะยอมไว้ชีวิตสุนัขนั่น!”