Ep.572 – หมู่บ้านเมืองหนาว

 

นี่ถือเป็นราคาที่แพงแสนแพง

 

“ฉินเฟิง—!!”

 

ปากอ้ากู่ก้อง ความเกลียดชังฉายชัดในดวงตาของฮงรี แต่ที่มากกว่านั้น คือความหวาดกลัว!

 

 

หลังพาไป๋หลีไปรับชมผลงานจากระยะไกล แม้ทราบว่าฮงรียังไม่ตาย แต่ฉินเฟิงก็ไม่มีความคิดที่จะสังหารอีกฝ่าย เพราะอย่างไรเสียแม้ไม่ใช่มิตร แต่จุดยืนของพวกเขาคล้ายคลึงกัน

 

ฮงรีเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B ของภาคเหนือ ทั้งยังเป็นประธานกลุ่มใหญ่ หากเขาตายไปคนหนึ่ง ลูกน้องคงได้รับผลกระทบ เกิดปฏิกริยาลูกโซ่เป็นวงกว้าง

 

ฉินเฟิงไม่ต้องการให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาโหดเหี้ยมมากเกินไป จนไม่เอื้อต่อความสามัคคีร่วมมือ

 

อืม … ความสามัคคีร่วมมือ พอนึกถึงคำๆนี้ มุมปากของฉินเฟิงก็อดยกยิ้มไม่ได้

 

แน่นอน ฮงรีได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างน้อยครึ่งปีอย่าคิดเสนอหน้าออกมาให้ผู้คนพบเห็น และต่อให้ฮงรีมีความกล้ากว่านี้อีกหลายเท่า มันคงไม่มากพอหากคิดสร้างปัญหาให้ฉินเฟิงอีกรอบ

 

ดังนั้น ฮงรีเลยไม่อยู่ในสายตาฉินเฟิง แต่เขาต้องมากังวลกับเรื่องอื่นแทน

 

“ไม่มีเลย? ตรวจไม่พบอะไรเลยหรือ?”

 

“หึ ผมไม่เชื่อหรอก เรื่องนี้มันมีกลิ่นตุๆมาตั้งแต่ต้นแล้ว”

 

“ก็ได้ ผมหวังว่าคุณจะช่วยผมสืบหาเรื่องนี้ต่อไป”

 

“แล้วพบกันใหม่”

 

สายสื่อสารถูกวางลง หน้าผากของฉินเฟิง ย่นเข้าหากันเล็กน้อย

 

คนที่โทรมาเมื่อครู่ คือคนในเมืองหลวงมังกรที่ฉินเฟิงขอให้อีกฝ่ายค้นหาข่าวขององค์กร Z แต่ผลลัพธ์ก็คือ ในเมืองหลวงมังกร กลับไม่มีเบาะแสอะไรเลย

 

ในหัวใจของฉินเฟิง บังเกิดความคิดนับไม่ถ้วนวาบผ่านเข้ามา

 

ก่อนเกิดใหม่ เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับองค์กรนี้เช่นกัน แต่ในชีวิตนี้ เขาได้พบกับการทดลองมนุษย์กลายพันธุ์ขององค์กรมืดที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะรอยสักขององค์กร เช่นเดียวกันกับห้องทดลองต่างๆ และเหตุน่าสลดในปราการชาตง ฯลฯ

 

ทันใดนั้นเอง หัวใจของฉินเฟิงเริ่มสั่นไหว

 

“หรือเป็นเพราะว่าฉันทำเรื่องใหญ่ เปิดโปงพวกมันเร็วเกินไป? ความจริงแล้วตัวตนทรงอำนาจในเมืองหลวงมังกร การจะสืบหาองค์กรมืดเป็นแค่เรื่องง่ายแท้ๆ แต่เนื่องจากพวกมันยังไม่ได้ทำเรื่องใหญ่ เลยไม่มีอะไรให้น่าตรวจสอบ?”

 

“และพอเป็นแค่เรื่องเล็ก เลยไม่มีเหตุผลมากพอให้คนจากเมืองหลวงมังกรออกค้นหาเบาะแส ทำไมพวกเขาต้องเชือดไก่ด้วยมีดฆ่าวัวด้วย? บางนี้องค์กร Z ในเวลานี้ อาจเป็นแค่ ‘หนู’ อยู่ก็ได้!”

 

“องค์กรนี้ อาจทรงอิทธิพลอย่างไร้ที่สิ้นสุดในอนาคต กระทั่งองค์กรมืดกลุ่มอื่นๆ ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีของพวกเขา แต่ตอนนี้ องค์กร Z อาจเป็นกลุ่มอิทธิพลเล็กๆ งานวิจัยของพวกมันยังไม่ประสบความสำเร็จ จึงยังไม่เป็นที่เตะตา? ”

 

หลังเกิดใหม่ ฉินเฟิงมักคิดถึงและคาดเดาสถานการณ์ขององค์กร Z อยู่เสมอ

 

และเขาเชื่อในลางสังหรณ์ของตนเองตลอดมา!

 

อย่างไรจะต้องค้นพบการดำรงอยู่ขององค์กรนี้ให้จงได้

 

หลังขบคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจโทรหาเหอเล่อหมิง ให้ช่วยตรวจสอบสักครั้ง และในครั้งนี้ ฉินเฟิงเลือกที่จะตีวงแคบลง ให้อีกฝ่ายตรวจสอบเฉพาะในโซนภูมิภาคเหนือ

 

ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน เหอเล่อหมิงก็ติดต่อกลับมาหาฉินเฟิง

 

เนื่องจากเรื่องของฮงรี ทำให้เหอเล่อหมิงจำเป็นต้องเอาใจใส่ฉินเฟิง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา

 

“ผู้การฉิน ฉันพบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับองค์กรมืดที่คุณค้นหาแล้ว มันอาจจะเป็นประโยชน์กับคุณก็ได้”

 

ว่าจบก็ส่งไฟล์บางอย่างมา

 

ฉินเฟิงคลิกเปิดมัน ดวงตาของเขาสาดประกายคมกล้า มุมปากยกยิ้มทันใด

 

“รัฐซูหยวน?” (ที่ราบหิมะ)

 

“ใช่ ไม่นานมานี้ จำนวนองค์กรมืดในรัฐซูหยวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เกิดการต่อสู้ขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เดิมทีรัฐซูหยวก็วุ่นวายยากจะควบคุมอยู่แล้ว ดังนั้นเลยเป็นพื้นที่ชั้นเลิศ ตกเป็นเป้าให้องค์กรมืดทำการทดลองกับมนุษย์อย่างโหดร้าย และตอนนี้ยิ่งนานวันพวกมันยิ่งอาละวาดหนักข้อ!”

 

ระหว่างกล่าว เหอเล่อหมิงเห็นฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจากปลายสาย ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นหลายส่วน

 

“ไม่ทราบว่า ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์กับผู้การฉินหรือไม่”

 

“แน่นอน ท่านนายพลเหอ มันสำคัญสำหรับผมมากจริงๆ ถือว่ารบกวนคุณแล้ว”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า คนกันเองไม่ต้องสุภาพไป”

 

ฉินเฟิงก็ไม่ใช่ขี้เหนียวอะไร ตอบแทนมาย่อมตอบแทนกลับ เขาเอ่ยปากบอก “นายพลเหอยังอยู่ในเมืองเป่ยหัวใช่ไหมครับ? ตอนนี้กลุ่มของผมกำลังไปทำข้อตกลงที่นั่นพอดี ถ้ายังไงผมอยากมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆเป็นการตอบแทน”

 

“ในเมื่อต้องการจะให้ ฉันก็ไม่ขอเกรงใจ!”

 

ทั้งสองสนทนากันด้วยดี จากนั้นฉินเฟิงก็สั่งการลงไป ให้ใครบางคนไปมอบของขวัญให้แก่เหอเล่อหมิง มันเป็นผลึกชีพจรธรณีขนาดเท่าก้อนกรวด แต่สิ่งนี้ ปัจจุบันเริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆแล้ว กระทั่งนายพลซื่อฉิง ต้องใช้เวลาออกสำรวจกว่าหลายเดือนถึงจะพบมัน คุณสามารถจินตนาการดูได้ถึงความสำคัญของเจ้าสิ่งนี้สำหรับคนอื่นๆ!

 

ความแข็งแกร่งของเหอเล่อหมิงมิได้โดดเด่นอะไรก็จริง แต่บุคลิค ทัศนคติ และจิตใจยุติธรรมของอีกฝ่าย ฉินเฟิงล้วนชื่นชม

 

“บางทีหลังจากนี้ ฉันอาจดึงเหอเล่อหมิงมาเข้าร่วมกลุ่ม … !”

 

เกรงว่าเหอเล่อหมิงคงคาดไม่ถึงกับความคิดนี้ เพราะฉินเฟิงยังอยู่ในเลเวล C แต่กลับมีความคิดที่จะชักชวนผู้ใช้พลังเลเวล B

 

แน่นอน ฉินเฟิงไม่ได้รีบร้อนจนเกินไป เพราะเขามีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในปัจจุบัน มันคือข้อมูลที่ได้จากเหอเล่อหมิง

 

เป้าหมายต่อไปของเขาอยู่ในรัฐซูหยวน เป็นที่อยู่ของกลุ่มองค์กรมืดจำนวนมาก เกิดการทดลองขึ้นบ่อยครั้ง และมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ ก่อนหน้าอาจเป็นผู้ใช้พลังของพันธมิตรมนุษย์ในรัฐซูหยวน

 

“รัฐซูหยวน ที่นั่นดูเหมือนว่าจะขาดแคลนทรัพยากรมากกว่ารัฐสามเฉิงซะอีก ดังนั้นศัตรูไม่น่าจะร้ายกาจจนเกินไป”

 

แต่เมื่อฉินเฟิงลองนึกย้อนไปถึงสัตว์ร้ายที่ให้กำเนิดไป๋หลี ก็บังเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า เรื่องราวมันอาจไม่ง่ายดายแบบนั้น

 

การที่สามารถจับสัตว์ยักษ์ทรงพลังได้ อีกฝ่ายจะเป็นเพียงกลุ่มอิทธิพลเล็กๆจริงๆน่ะหรือ?

 

ยิ่งไม่กว่านั้น จากสามเฉิงไปจนถึงรัฐทะเลเหนือ แล้วตอนนี้ก็มายังรัฐซูหยวน กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าองค์กร Z นี้ ใช่กำลังทำตัวเป็นคนมือยาว สาวได้สาวเอาหรือไม่?

 

“จะยังไงก็ช่าง ไปดูก่อนแล้วกัน!”

 

เมื่อตัดสินใจได้ ฉินเฟิงก็ออกเดินทางอย่างไม่ลังเล

 

 

วันเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ปลายเดือนธันวาคม เลยยิ่งทำให้ทางภูมิภาคเหนือ มีอากาศเย็น อุณหภูมิลดต่ำ ไม่ต้องกล่าวถึงรัฐซูหยวน ที่ในหนึ่งปีหรือสิบสองเดือน ต้องมีอย่างน้อยหกเดือนจมอยู่ท่ามกลางหิมะ

 

ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ ส่งผลให้กระทั่งฮอลศึกที่สามารถลอยฟ้าได้ตลอดเวลา ก็ยังไม่สามารถสำแดงประสิทธิภาพออกมาได้

 

“ท่ามกลางสีขาวบริสุทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าภายใต้มันจะถูกกลบซ่อนไว้ด้วยความมืดมิด” ไป๋หลีกล่าวอย่างแผ่วเบา คู่ดวงตาสีเงินมองลอดออกไปนอกหน้าต่าง

 

แน่นอน นอกหน้าต่างรถมีผู้คนนับไม่ถ้วน และส่วนใหญ่ยังมองสวนกลับเข้ามา

 

“ใช่ อาศัยสภาพแวดล้อมที่หิมะตกหนัก ต่อให้ทำอะไร สุดท้ายร่องรอยทั้งหมดก็จะถูกหิมะกลบไป”

 

ฉินเฟิงกล่าว ขณะเดียวกันคอยกวาดสายตามองสภาพแวดล้อมโดยรอบ

 

ตอนนี้พวกเขาขับมาถึงสถานชุมชนที่อ่อนแอแห่งหนึ่ง หากให้เปรียบเทียบ สถานชุมชนแห่งนี้ มีขนาดเล็กกว่าเมืองหานด้วยซ้ำ ไม่มีกระทั่งอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติ

 

สิ่งนี้คงพอทดแทนคำอธิบายได้ว่ามันเลวร้ายขนาดไหน

 

ที่นี่แทบไม่มีผู้ใช้พลังเลเวล F อยู่เลย ชาวบ้านส่วนใหญ่มีฐานะยากจน แค่ผู้ใช้พลังเลเวล G ก็สามารถกลายเป็นผู้นำของหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ได้

 

หากจะกล่าวว่าที่นี่เป็นสถานชุมชน สมควรกล่าวว่ามันเป็นหมู่บ้านที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนเร่ร่อนจะเหมาะสมกว่า

 

ในรัฐซูหยวน มีเมืองอยู่เพียงสองเมืองเท่านั้น หนึ่งคือเมืองซูหยวน อีกหนึ่งคือปราการหานตง (ปราการฤดูหนาว)

 

ระหว่างเมืองทั้งสองมีเส้นทางเชื่อมถึงกัน ถนนสายนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับรัฐซูหยวน มันคือเส้นทางเดียวที่จะใช้เดินทางสู่โลกภายนอก ดังนั้น บนทางหลวงสายนี้ จึงมีองค์กรมืดมากมายคอยดักปล้นสะดม

 

วันเวลาล่วงเลยผ่านไป ผู้ใช้พลังที่ถูกทำร้ายโดยองค์กรมืด หรือมนุษย์ที่เคยถูกจับไปทดลองแต่รอดชีวิตมาได้ จึงมารวมตัวกันที่นี่ และสร้างหมู่บ้านขึ้น

 

และนี่เป็นหมู่บ้านที่สามแล้ว ที่ฉินเฟิงขับผ่านระหว่างทาง