Ep.567 – ร่วมมือ

 

ในเมืองเฟิงหลี

 

บางทีอาจเป็นเพราะการกลับมาของฉินเฟิง บรรยากาศทั่วทั้งเมืองเฟิงหลีเลยเปลี่ยนไป ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เหมือนว่าทุกคนจะเข้มงวด มีวินัยกับตัวเองมากกว่าเดิม ความคิดที่จะคดโกงมลายหายไปสิ้น

 

แต่ฉินเฟิงไม่สนหรอกว่าที่เป็นอยู่นี้ คือการแสดงละคร หรือคนเหล่านี้สำนึกแล้วจริงๆ ตราบใดที่ผลลัพธ์ออกมาดีก็โอเค แต่ถ้าถูกตำหนิแล้วยังทำงานเหมือนเดิม ก็อย่าหาว่าเขาไร้เมตตา!

 

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!

 

เสียงอุปกรณ์สื่อสารดังขึ้น ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มันดังบ่อยมาก จนฉินเฟิงชินชา เขาไม่ได้มองว่าใครโทรมา แต่กดรับสายโดยตรง

 

แต่เมื่อใบหน้าของบุคคลที่โทรหาปรากฏขึ้น มันทำให้ฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

“นายพลเหอ?”

 

ฉินเฟิงเอ่ยปาก ในแววตาสะท้อนถึงความสงสัย ว่าทำไมเหอเล่อหมิงถึงโทรหาเขา

 

เหอเล่อหมิงผู้นี้ นอกจากเป็นผู้ตัดสินฉินเฟิงว่าผ่านเกณฑ์เป็นผู้การรัฐในตอนแรกหรือไม่ ในเวลานั้นเขายังไม่เห็นด้วยกับกวงเอ่ย แต่น่าเสียดาย ที่สุดท้ายเป็นกวงเว่ยได้ชัยไป ส่วนฉินเฟิงถูกออกหมายจับ

 

แม้จะถูกช่วยไม่สำเร็จ แต่ความประทับใจที่ฉินเฟิงมีต่ออีกฝ่ายถือว่าดีมาก

 

ครั้งนี้จึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

“ผู้การฉิน พวกเราไม่ได้พบกันสักพักแล้ว สบายดีไหม?” เหอเล่อหมิงยิ้ม ในน้ำเสียงไม่ได้แฝงถึงความเย่อหยิ่งที่ผู้ใช้พลังระดับสูงมีต่อระดับต่ำเลย เขาพูดเหมือนฉินเฟิงกับตนยืนอยู่ในสถานะเดียวกัน

 

แต่แน่นอน ว่านี่มิใช่เพราะทั้งสองไม่ได้เป็นศัตรูกันเท่านั้น แต่เหอเล่อหมิงยังตระหนักถึงความแข็งแกร่งของฉินเฟิง และความอาจหาญที่กล้าสังหารกวงเว่ย แต่ผลลัพธ์กลับยังปลอดภัยไม่ได้รับการลงโทษ ดังนั้นการใช้น้ำเสียงราวกับอีกฝ่ายเท่าเทียม ถือเป็นเรื่องธรรมดา

 

“ไม่ได้พบกันนานเลยครับ ผมยังสบายดี ไม่ทราบนายพลเหอมีเรื่องอะไรให้รับใช้?”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ตัวฉันน่ะไม่มีอะไรให้ช่วยหรอก” เหอเล่อหมิงยิ้ม และบอกจุดประสงค์ของเขาอย่างรวดเร็ว “แต่เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนหนึ่งของฉันต่างหาก ที่ขอร้องฉันมา เขาอยากสนทนากับคุณ ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากขอร้องให้คุณไปพบเขาในโลกแห่งจิตสำนึกของพันธมิตรมนุษย์จะได้ไหม”

 

ฉินเฟิงนิ่งงันไปพักหนึ่ง มีเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องไปคุยกันแบบเห็นหน้าตรงๆ?

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่ได้เอ่ยถามออกไป เพราะอย่างไรเสีย เหอเล่อหมิงเป็นเพียงคนแนะนำ

 

“ขออนุญาตถาม ว่าท่านผู้ใหญ่คนไหนต้องการติดต่อกับผม?”

 

“ไม่ใช่สมาชิกระดับสูงของภูมิภาคเหนือหรอก แต่คุณน่าจะรู้จักเขา เขาเป็นผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มฮงรี มิสเตอร์ฮงรี!”

 

พริบตานั้นร่องรอยความสับสนสลายไปจากแววตาของฉินเฟิง

 

“ผมเข้าใจแล้ว เห็นแก่หน้านายพลเหอ ผมจะไปพบเขา”

 

“ฮ่าฮ่า ขอบคุณมาก ผู้การฉิน”

 

หลังวางสาย ฉินเฟิงหยิบอุปกรณ์เชื่อมต่อขึ้นมา และเข้าสู่โลกแห่งจิตสำนึกทันที ไม่นาน ฉินเฟิงก็ได้รับข้อความเชิญ ให้เข้าสู่คฤหาสน์หลังหนึ่ง

 

ที่นี่ คือพื้นที่ส่วนตัวของฮงรี แน่นอนในโลกแห่งจิตสำนึก สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างได้ วัตถุประสงทั้งหมดเพื่อใช้พบปะแขก

 

เวลานี้ ฮงรีได้มารอฉินเฟิงอยู่ก่อนแล้ว”

 

“ประธานฉิน ยินดีที่ได้พบ”

 

“เหอๆ ได้พบกับประธานฮง บอกตรงๆว่าผมรู้สึกยินดีเช่นกัน” แม้ปากจะกล่าวประชดประชัน แต่ฉินเฟิงยังคงยื่นมือไปเชคแฮนด์ฮงรี แต่หากใครได้มอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันไม่ใช่ท่าทีเป็นมิตร

 

อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะฉินเฟิงกับฮงรีแม้ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อกันโดยตรง แต่ระหว่างลูกน้องของพวกเขามี

 

“ประธานฮง เรียกตัวผมมาในครั้งนี้ เพื่อต้องการทวงถามความผิดใช่ไหม?” ฉินเฟิงเปิดประเด็น

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตามสามัญสำนึก ฉินเฟิงได้สังหารเลเวล C ของอีกฝ่ายไป เรื่องแบบนี้ หากเกิดขึ้นกับใคร ทุกคนคงโมโหเป็นธรรมดา

 

ก็เหมือนกับที่อีกฝ่ายเกือบสังหารวังเฉิน นั่นทำให้ฉินเฟิงโกรธมาก และเขาไม่ลังเลเลยที่จะล่วงเกินเลเวล B สังหารลูกน้องอีกฝ่ายโดยตรง!

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มันจะใช่เรื่องนั้นได้ยังไง เรื่องที่เกิดขึ้น ต้องเป็นการเข้าใจผิดกันแน่ๆ ใช่! เข้าใจผิด สิ่งที่เทียนหยานทำลงไป ฉันเองก็ไม่รู้เรื่องมาก่อน ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่ปล่อยให้เขาทำเรื่องโง่ๆแบบนี้” ฮงรีรีบอธิบาย

 

ฉินเฟิงเลิกคิ้ว ฮงรีแสดงทัศนคติเช่นนี้ออกมา ฉินเฟิงพอเข้าใจได้ ว่าอีกฝ่ายอยากจะวางเรื่องนี้ลง ยุติความเบาะแว้งและสร้างสันติ

 

ในเมื่อเอ่ยถึงขนาดนี้ ฉินเฟิงก็ไม่คิดต่อความยาวสาวความยืด

 

“ในเมื่อประธานฮงพูดแบบนี้ เกรงว่าผมคงเข้าใจผิดไปเอง!”

 

“ฉันชื่นชมในตัวประธานฉินมานาน ในเมื่อพวกเราปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ครั้งนี้ก็ถือโอกาสทำความรู้จักกันซะเลย!”

 

ฉินเฟิงยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ท่าทีและคำพูดของฮงรีคนนี้ แม้ดูนอบน้อม ยอมรับผิด แต่ในความเป็นจริง สถานการณ์ปัจจุบันที่เหมาะสมกับเขา สมควรเรียกว่า ‘ถูกต่อยจนฟันร่วง แต่ก็ยังฝืนกลืนมันลงไป’

 

ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงไม่คิดเปิดโปงอีกฝ่าย เรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป

 

จากนั้น ทั้งสองสนทนากันเล็กๆน้อยๆ เดิมฮงรีคิดว่าฉินเฟิงเป็นเพียงเด็กเหลือขอ เลยคิดเอาใจฉินเฟิง โน้มน้าวให้อีกฝ่ายสงบลง แต่ไม่คิดเลย ว่าหลังจากได้สนทนากัน ฉินเฟิงกลับยังคงสงบเยือกเย็น ไม่ปล่อยข้อมูลใดรั่วไหลออกมาเลยแม้แต่คำเดียว

 

ทั้งเจ้าภาพและแขกต่างครื้นเครงสนุกสนาน

 

แต่ไม่นาน ฮงรีก็ตัดสินใจเด็ดขาด กล่าวเปิดประเด็นถึงเป้าหมายที่สองของเขาอย่างรวดเร็ว

 

“ประธานฉิน ฉันขอสารภาพกับคุณตามตรง ที่ฉันต้องการพบคุณในครั้งนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง .. ไม่ทราบว่าในตอนที่เทียนหยานไปยังเมืองเฟิงหลี เขาได้บอกจุดประสงค์หรือไม่?”

 

“ผมก็พอได้ยินมาบ้าง” ฉินเฟิงตอบอย่างใจเย็น จริงๆแล้วเขาไม่ใช่แค่ได้ยินมาบ้าง แต่แทบทุกอย่างที่เทียนหยานรู้ กระทั่งบางเรื่องที่อีกฝ่ายยังไม่เอ่ยกับฮงรี ภายใต้การเค้นถามของไป๋หลี ทุกอย่างถูกสารภาพออกมาจนหมดเปลือก

 

ฮงรีดูไม่แปลกใจ ยังคงกล่าวต่อ “สารภาพตามตรง ตอนนี้พวกเรากำลังค้นหาเสื้อคลุมหยก มันคืออุปกรณ์ที่สามารถใช้เปิดเขตแดนลับได้ เขตแดนลับนี้ อยู่ในมือฉันมานานกว่าสองปีแล้ว ต้องหมดเงินไปเป็นจำนวนมาก และฉันไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป ถ้าประธานฉินไม่รังเกียจ สนใจมาร่วมมือกันเปิดเขตแดนลับแห่งนี้หรือไม่ ส่วนสมบัติที่ได้ พวกเรามาแบ่งกัน 40/60 เป็นอย่างไร?”

 

ในกรณีนี้ 40 ที่ว่าแน่นอนเป็นฉินเฟิง ส่วนฮงรี 60

 

แต่นั่นก็มากพอแล้วที่จะทำให้ฮงรีเฉือนเนื้อตัวเอง!

 

“มันก็ฟังดูน่าสนใจดี แต่ผมมีเงื่อนไข นั่นคือขอมีส่วนร่วมในการเข้าไปยังเขตแดนด้วย” ฉินเฟิงพยักหน้าตกลง เขาไม่ได้กังวลเรื่องแบ่งสมบัติ จะแบ่งแบบยุติธรรม 50/50 หรือไม่ฉินเฟิงไม่ได้สนใจ

 

ที่ฉินเฟิงตอบตกลงเช่นนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฮงรีเหมือนจะยังไม่ล่วงรู้ถึงเทคนิคหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ ในความคิดอีกฝ่าย สิ่งนี้มีไว้เป็นกุญแจสำหรับเปิดเขตแดนลับชั้นห้าเท่านั้น หลังจากทั้งสองตกลงกัน ฉินเฟิงก็ถอนตัวจากโลกแห่งจิตสำนึก

 

 

สามวันต่อมา ณ ทางเข้าเขตแดนลับของกลุ่มฮงรี ฮงรีได้มาถึงที่นี่ก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังมีสมาชิกเลเวล C ตามมาคอยคุ้มกันถึง 10 คน หนึ่งในนั้นคือเหวินไห่ที่ประจำการอยู่ที่นี่

 

“เจ้านาย จะมอบของในชั้นห้าให้กับฉินเฟิงด้วยหรอ? แบบนี้มันจะเกินไปแล้ว!” เหวินไห่กล่าวอย่างไม่ยินยอม

 

ฮงรีมองอีกฝ่ายและกล่าว “หัดปล่อยวางความคิดเล็กๆน้อยๆไปซะบ้าง นายคิดหรอว่าฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่?”

 

เหวินไห่ฮึดฮัดไม่พอใจ เขากับเทียนหยานเสียเวลาในเขตแดนลับแห่งนี้มานานกว่าสองปี แม้ในช่วงสองปี เวลาส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นการฝึกยุทธที่นี่ก็ตาม พอได้จักรกลดีๆมา ก็แค่ทดลองว่าสามารถใช้ได้ผลรึเปล่าก็เท่านั้น แต่ผลลัพธ์ก็คือต้องอยู่ในที่เดิม ไม่ได้ออกไปไหนเป็นเวลานานอยู่ดี

 

แต่สุดท้าย พอมาได้ครึ่งทาง ฉินเฟิงกลับโผล่มาแย่งส่วนแบ่งอย่างกะทันหัน นั่นไม่ใช่หมายความว่ารางวัลของเหวินไห่จะลดลงหรือ?

 

แล้วแบบนี้จะไม่ให้เหวินไห่เครียดได้อย่างไร? จะไม่ให้เขาไม่มีปัญหากับฉินเฟิงได้ยังไงกัน!