Ep.563 – กลุ่มฮงรีบุกลอบโจมตี

 

แน่นอน ว่าทั้ง 47 ตระกูลที่สามารถตกลงร่วมมือกับฉินเฟิง ต่างก้าวเข้ามาแสดงความยินดีกับเขา

 

แต่ในตอนนั้นเอง อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงพลันสั่นไหว พอกวาดตามองข้อความที่ถูกส่งมา สีหน้าของฉินเฟิงกลายเป็นมืดมนทันที

 

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉินเฟิงแสดงสีหน้าเช่นนี้ ผู้คนโดยรอบต่างสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันน่าหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงกำลังลุกโชนด้วยความโกรธ!

 

“ขออภัยทุกท่าน พอดีผมมีธุระต้องไปจัดการ เชิญทุกท่านทำตัวตามสบาย”

 

สิ้นเสียง ฉินเฟิงก็แยกตัวเดินตรงมายังมุมหนึ่งของงานเลี้ยง โทรเรียกไป๋หลี จากนั้นภายใต้สายตาของผู้คนจำนวนมาก เขาได้เปิดตัวเชื่อมมิติทันที

 

ฉินเฟิงเดินทางกลับไปยังเฟิงหลี

 

โดยไม่กล่าวอธิบายใดๆแก่ตัวตนทรงอำนาจของเมืองหลวงมังกร ฉินเฟิงหายวับไปปรากฏกายในเมืองเฟิงหลี รัฐทะเลเหนือ

 

ตัวเชื่อมมิติได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นไม่สำคัญว่ามันจะถูกใช้งานต่อหน้าผู้คนหรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาต้องกลับไปให้เร็วที่สุด

 

“รีบไปดีกว่า!”

 

ฉินเฟิงไม่ได้ให้ไป๋หลีใช้เทเลพอร์ต เพราะมันไม่จำเป็น โครงสร้างของเมืองเฟิงหลีถูกจัดวางเป็นอย่างดี ฉะนั้นผู้บริหารระดับสูงทุกคนเลยอาศัยอยู่ในโซนเดียวกัน ที่นั่นเป็นสถานที่ที่มีระบบป้องกันสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องร้ายเพราะคนใน

 

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ” อุปกรณ์สื่อสารสั่นสะเทือนอีกครั้ง

 

คราวนี้ฉินเฟิงกดรับสายโดยตรง

 

“ผมกลับมาแล้ว สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงของฉินเฟิง ไม่ต่างจากคลื่นสึนามิที่พร้อมจะซัดชายฝั่งได้ทุกเมื่อ

 

“จากการเฝ้าระวังดูเหมือนว่าพวกเขากำลังโต้เถียงกันอยู่ ตอนนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม”

 

“ดีมาก จับตาดูต่อไป”

 

ฉินเฟิงวางสาย เปิดใช้งานรูนมืดปกคลุมตนเอง ไป๋หลีที่ติดตามเขามาก็เช่นกัน

 

ขณะเดียวกัน เหนือศีรษะเบื้องบน ภายในเมืองลอยฟ้า ซูซิงฝูเฝ้ามองหน้าจออย่างใกล้ชิด แม้เขาจะรู้ว่าฉินเฟิงกลับมาแล้ว แต่ทำได้แค่เพียงติดต่อไป มิได้มองหาตำแหน่ง เนื่องจากพลังทางเทคโนโลยีของเมืองลอยฟ้า ยังไม่สามารถตรวจหาฉินเฟิงในสภาวะลอบเร้นตัวตนได้ มิฉะนั้น เมืองลอยฟ้าคงไม่ถูกฉินเฟิงตีแตกตั้งแต่แรก!

 

ดังนั้น สิ่งที่ซูซิงฝูต้องทำในตอนนี้ก็คือ การเฝ้าสังเกตศัตรู หากได้รับคำสั่งจากฉินเฟิง ก็พร้อมโจมตีทุกเมื่อ!

 

เพียงแต่ เกรงว่าหากยิงออกไป มันอาจเป็นการทำร้ายคนของฝ่ายตนเองเช่นกัน

 

 

ฉินเฟิงว่องไวเป็นอย่างมาก เขาผสานเข้ากับความมืดมิด เดินทางมาถึงคฤหาสน์ของวังเฉิน

 

วิลล่าที่สร้างขึ้นที่นี่ มีพื้นที่ไม่น้อย ทว่าตั้งแต่ยามเฝ้าประตู ไล่จนมาถึงข้างในวิลล่า ทั้งหมดได้กลายเป็นศพไปแล้ว ฆาตกรไม่คิดแม้จะปกปิดมัน บุกเข้าทางประตูหน้าอย่างผ่าเผย

 

ฉินเฟิงเดินเข้าไปในวิลล่าอย่างรวดเร็ว

 

ชั่วเวลานี้ วังเฉินถูกกดลงกับพื้น ในฐานะมือปืน เขาไม่มีเวลาแม้จะได้หยิบอาวุธตนออกมา ก็ถูกอีกฝ่ายเข้าคุมตัวได้เสียก่อน

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ ศัตรูของเขาคือผู้ใช้พลังเลเวล C !

 

เทียนหยานแห่งกลุ่มฮงรี!

 

หลังจากเร่งเดินทางมาหลายวัน ในที่สุดเขาก็มาถึงเฟิงหลี ทำกระทั่งติดสินบนสมาชิกระดับกลางของเฟิงหลี เพื่อซื้อข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และสุดท้ายเลือกวังเฉินเป็นเป้าหมาย

 

แน่นอน ที่เลือกวังเฉิน เป็นเพราะคนที่ถูกติดสินบนเสนอมา!

 

“เซ่าเซี่ยง ไอ้ลูกสำส่อน ถ้าไม่ใช่เพราะท่านประธานช่วยเอาไว้ แกคงตายในเมืองหานไปตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้กลับทรยศเฟิงหลี ไอ้สุนัขเลี้ยงไม่เชื่อง สารเลว ไอ้คนขี้ขลาด!”

 

วังเฉินก่นด่าสาปแช่ง

 

เซ่าเซี่ยงผู้นี้ คือชายหนุ่มที่ฉินเฟิงพากลับมาด้วยจากเมืองหานในตอนแรก เดิมเป็นคนธรรมดามิได้มีสถานะใด แต่ต่อมาถูกแต่งตั้งให้เป็นนายพลหน่วยรักษาการณ์ภายนอกของสถานชุมชนเฟิงหลี

 

แต่ตอนนี้ เขากลับเลือกทรยศฉินเฟิง!

 

ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าฉินเฟิงเปี่ยมไปด้วยศักยภาพ เพียงแต่เขารู้สึกไม่พอใจกับสถานะของตนเองในปัจจุบัน

 

“วังเฉิน หยุดพล่ามไร้สาระเถอะ ในบรรดาคนที่เข้าร่วมกับเฟิงหลีตั้งแต่แรก ฉันคือคนที่ลำบากที่สุด ฉันทำได้แค่เฝ้ายามอยู่บนหอคอยรักษาการณ์ภายนอก ขณะที่แกกินดื่มอย่างดีในสถานชุมชน มีใครเคยเห็นใจฉันบ้างไหม?”

 

มากกว่าหนึ่งปี หรืออาจกล่าวว่าใช้เวลาไม่กี่เดือน สถานชุมชนที่ตนเข้าร่วมมาตั้งแต่ต้น เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

 

“ตอนนี้พอสถานชุมชนกลายเป็นเมือง ทุกคนต่างก้าวหน้า แต่ฉันกลับไม่ได้รับตำแหน่งที่ครอบครองอิทธิพลอย่างแท้จริง! ผู้บัญชาการกองร้อยบ้าอะไร! บิดาไม่รับ!”

 

ดวงตาของเซ่าเซี่ยงเต็มไปด้วยความเป็นปฏิปักษ์ ผสานกับความไม่พอใจในเฟิงหลี นำมาซึ่งความเกลียดชังในทุกสิ่ง

 

ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา จากเดิมเป็นผู้ใช้พลังในเลเวล F ปัจจุบันเซ่าเซี่ยงสามารถก้าวขึ้นมาถึงเลเวล E3 ได้แล้ว

 

วังเฉินรู้ดีว่าที่ผ่านมาเซ่าเซี่ยงเริ่มทำตัวมีปัญหา ก่อนหน้านี้เขาก็ระแคะระคายเล็กน้อยแล้ว จึงคอยจับตาดูเซ่าเซี่ยงแทบตลอดเวลา แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ก่อความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไม่อาจให้อภัยจนได้

 

เขากับเซ่าเซี่ยงเข้าร่วมกับเฟิงหลีมาด้วยกันตั้งแต่ต้น ความแข็งแกร่งของเซ่าเซี่ยงตอนแรกเป็นแค่เลเวล F เท่านั้น ทว่าแม้ต่ำต้อย แต่ก็ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นนายพล เซ่าเซี่ยงยามนั้นตระหนักดีว่าตนเองกำลังติดตามเจ้านายซึ่งมีอนาคตไร้ขีดจำกัด แต่ยามพบปะ เขากลับพร่ำบ่นว่ารู้สึกไม่มีความสุข และพูดว่าวังเฉินโชคดีกว่าตนเสมอ

 

จนท้ายที่สุด นั่นได้กลายมาเป็นข้ออ้างในความไม่พอใจของเซ่าเซี่ยง

 

สิ่งนี้ทำให้วังเฉินรู้สึกว่า มันช่างไร้สาระ!

 

“ความสำเร็จของผู้ใช้พลัง มันขึ้นอยู่กับว่านายมีความสามารถแค่ไหน ทำผลงานได้มากเท่าไหร่ แต่นายดันตั้งใจไม่มากพอ! ฝึกไม่หนักพอ! ถึงเวลาก็เลยมาโทษคนอื่นว่าไม่ได้มอบตำแหน่งที่ดีให้เนี่ยนะ?”

 

“ผายลม! บิดาไม่ได้มีพรสวรรค์แบบแก ฉันตั้งใจทุ่มเทอย่างหนักเหมือนกัน แต่มันไม่เห็นจะได้ผลเลย ไอ้คำพูดที่ว่าสวรรค์มักตอบแทนแก่ผู้หมั่นเพียร ทั้งหมดมีไว้ใช้กับคนโง่เท่านั้น!” เซ่าเซี่ยงคำรามเดือด

 

สิ่งที่เรียกกันว่าพรสวรรค์ หรืออีกแบบหนึ่งว่า ‘โชค’

 

หากโชคร้าย ตลอดชีวิตทุ่มเทไปเท่าไหร่มันก็แค่นั้น

 

มิใช่ว่าหากเพียรพยายามอย่างหนักแล้ว ทุกคนจะสามารถทำสิ่งที่ตนหวังได้!

 

“ระยำเถอะ หยุดผายลมสักที แล้วลองเปิดตากว้างๆ มองมาที่ฉัน ฉันมีพรสวรรค์ซะที่ไหนกัน? ที่มาได้ขนาดนี้เพราะทุ่มเทต่างหาก แต่ตอนนี้นายกลับโทษสวรรค์ ถุ้ย! ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ไอ้คนตาขาว สันหลังยาวแต่ดันอยากได้ดี ฝันเถอะ!” วังเฉินด่ากราด

 

“เชื่อไหมว่าฉันฆ่าแกได้!”

 

“ฆ่าก็ฆ่าสิวะ เข้ามาเลย ฆ่าเลยสิ!”

 

ต่างฝ่ายต่างถลึงมองใส่กัน โต้เถียงไปๆมาๆไม่มีที่สิ้นสุด จนความอดทนของเทียนหยานมาถึงขีดจำกัด

 

“หุบปาก!”

 

แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C ส่งผลให้ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E ตรงหน้า กับมือปืนอย่างวังเฉินในเลเวล D1 ถูกกดดันจนแทบหายใจไม่ออก

 

“ชื่อวังเฉินใช่ไหม? ฉันจะให้โอกาสแกอีกสักครั้ง เอาบัตรหยกสุสานเทพสงครามออกมา แล้วนำทางพวกเราไปยังวิหารเทพสงคราม ช่วยฉันตามหาของบางอย่าง ไม่งั้น ฉันจะฆ่าแกซะเดี๋ยวนี้!”

 

เซ่าเซี่ยงกล่าวทันที “ท่านเทียน วังเฉินคนนี้ปากมาก ทำไมเราไม่ฆ่าเขาซะเลย แล้วไปหาคนอื่นแทน ผมทราบมาว่านังผู้หญิงหลิวที่เป็นคนดูแลคลังสินค้าก็มีบัตรเทพสงครามเหมือนกัน ถ้าเธอไม่ยอมก็ฆ่าซะ แล้วพวกเราไปหาซูซิงฝูก็ได้ เจ้าหมอนั่น เป็นถึงรองเจ้าเมือง มีบัตรหยกเหมือนกัน!”

 

หน้าผากของเทียนหยานเริ่มยับย่น เห็นได้ชัดว่าเขารังเกียจการกระทำของเซ่าเซี่ยง ในความคิดของเขา ไอ้เรื่องคนจะตายมากหรือน้อยมันไม่สำคัญ แต่การไม่เร่งบรรลุภารกิจในทันทีนี่สิปัญหา

 

ตอนนี้ เซ่าเซี่ยงพาเขามาหาวังเฉินก่อนเป็นคนแรก มิใช่เพราะวังเฉินเป็นเป้าหมายที่ง่ายที่สุด แต่มันเป็นเพราะเซ่าเซี่ยงเกลียดชังวังเฉินมากที่สุด

 

“หุบปากซะ!” เทียนหยานตำหนิอีกครั้ง ไม่สนใจคำยั่วยุของเซ่าเซี่ยง แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมา เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย กล่าวข่มขู่ว่า “ถ้าอยากให้เฟิงหลีเกิดการสูญเสียน้อยที่สุด แกก็ควรทำตามอย่างเชื่อฟัง เลิกทะเลาะไร้สาระกันซักที คิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่ากำลังโดนถ่วงเวลา? อยากจะใช้เมืองลอยฟ้าโจมตีฉันล่ะสิใช่ไหม? แต่ขอบอกว่าเปล่าประโยชน์ เพราะตอนนี้แกกับฉันอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ถ้าถูกยิง คงตายด้วยกัน!”

 

คิ้วของวังเฉินกระตุกวูบ เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ที่เขาทะเลาะกับเซ่าเซี่ยง ถูกเปิดโปงอย่างง่ายดายโดยผู้ใช้พลังเลเวล C คนนี้