โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.499 – กวงเว่ยบุกโจมตี

 

“ทำการแลกเปลี่ยนเกราะหวังหมิง!”

 

“ส่วนแต้มที่เหลืออีก 10,000 คะแนน ขอแลกเปลี่ยนแก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C แล้วเอาไปให้ไป๋หลี”

 

ฉินเฟิงส่งคำสั่งแลกเปลี่ยนออกไป

 

 

ขณะเดียวกัน ภายในวิลล่าระดับสูงของเมืองเป่ยหัว เสียงตวาดด้วยความโกรธเคืองดังสะท้อนออกมา

 

“ใครกันที่มันแลกเปลี่ยนเกราะหวังหมิงไป!”

 

หากฉินเฟิงอยู่ที่นี่ เขาจะสามารถจดจำเสียงนี้ได้ทันที มิใช่ใครอื่น เป็นกวงเว่ย

 

กวงเว่ยถูกทางพันธมิตรมนุษย์ลงโทษ ระงับเงินอุดหนุน นั่นคือเหตุผลที่เขาอยู่เฉยๆ ไม่ได้ภารกิจ ฝั่งซางฮันเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน เลยไม่ส่งภารกิจให้กวงเว่ย

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าหลงฉวนได้หายไปแล้วภายใต้การระดมยิงของฉินเฟิง และตอนนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าเผ่ากริมจะโผล่หัวออกมาอีก ดังนั้นหลงฉวนจึงเริ่มก่อสร้างขึ้นใหม่ และไม่จำเป็นต้องมีเลเวล B ประจำการอยู่ที่นั่นอีกต่อไป

 

สุดท้าย กวงเว่ยเลยได้กลับคืนสู่เมืองเป่ยหัว

 

เนื่องจากถูกลงโทษลดรางวัลลง 50% ในช่วงที่ผ่านมา แม้กวงเว่ยจะออกล่าสัตว์ร้าย แต่ก็ได้แต้มสงครามมาแค่ครึ่งเดียว ทว่าก่อนหน้านี้กว่าครึ่งปี เขาพยายามอย่างหนัก เก็บหอมรอมริบให้ได้ 50,000 แต้มสงคราม จนตอนนี้เหลืออีกไม่ถึง 10,000 แต้มแล้ว กวงเว่ยก็ยังกัดฟันอดทนเก็บออมต่อไป

 

เพื่อที่จะละทิ้งความคิดเกี่ยวกับฉินเฟิง กวงเว่ยตัดสินไปพื้นที่ลับที่ซางฮันเคยกล่าวถึง ว่าจะเกิดกองทัพสัตว์ร้ายขึ้นในอีกราวๆครึ่งเดือนจากนี้

 

ด้วยเหตุนี้เอง กวงเว่ยเลยไม่รู้ว่าฉินเฟิงมายังเป่ยหัว หลายวันมานี้เขาหมกตัวอยู่กับการสะสมแต้มสงคราม เพื่อต้องการแลกเปลี่ยนชุดเกราะหวังหมิงที่ตนเฝ้ารอมานาน

 

แต่ตอนนี้ กวงเว่ยในที่สุดก็รู้แล้ว!

 

“ไม่คิดเลย ว่าคนที่แย่งซื้อมันไปจากฉันจะเป็นฉินเฟิง นี่เขาเข้ามาเป่ยหัวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

กวงเว่ยอ่านข้อมูลที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาส่งมา แทบกลายเป็นบ้าด้วยความโกรธ

 

ใบหน้าเย็นชา เริ่มฟุ้งไปด้วยเจตนาฆ่า

 

“แต่ก็ดีเหมือนกัน เดิมทีคิดว่าตามหาตัวแกจะเป็นเรื่องลำบาก แต่ไม่คิดเลย ว่าจะมาเคาะประตูถึงที่!”

 

แต่กวงเว่ยก็รู้ตัวเช่นกัน ว่าเขาไม่สามารถกำจัดฉินเฟิงได้เพียงลำพัง ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงแม้เข้มแข็งทรงพลัง แต่คงไม่ถึงขั้นรับมือกับเลเวล B ทีเดียวหลายคนได้หรอกกระมัง

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ กวงเว่ยก็เปิดอุปกรณ์สื่อสาร และเริ่มเลือกติดต่อคนรู้จักที่ไว้ใจได้

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว สถานะของฉินเฟิง ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน อีกฝ่ายเป็นถึงผู้การรัฐ คอยรับใช้พันธมิตรมนุษยชาติ

 

หากข่าวหลุดออกไป แล้วคนของพันธมิตรมนุษย์รู้ว่าฉินเฟิงถูกฆ่าตาย มันคงไม่ส่งผลดีต่อกวงเว่ย

 

ดังนั้น ในครั้งนี้ กวงเว่ยจึงติดต่อคนที่ไว้ใจได้มากกว่า 3 คน!

 

หนึ่งเป็นคนจากพันธมิตรมนุษย์ และอีกสองเป็นคนจากองค์กรมืด

 

ด้วยทีมๆนี้ หากมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น ก็ยังพอสามารถบอกปัดพันธมิตรมนุษย์ได้

 

อันที่จริง การที่กวงเว่ยรู้จักคนขององค์กรมืดไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเมื่อแข็งแกร่งขึ้น ขาวกับดำย่อมพานพบและเกี่ยวข้องกันเสมอ

 

ไม่นาน ทั้งสามคนก็ตอบรับคำขอของกวงเว่ย ชายอีกคนจากพันธมิตรมนุษย์ เคยติดหนี้กวงเว่ยมาก่อน ในขณะที่ทั้งสองคนจากองค์กรมืด ยอมรับเพราะสนใจในผลประโยชน์

 

“บนตัวของฉินเฟิงมีสมบัติจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นมีดกษัตริย์ครามในมือเขา , แส้มิติในมือไป๋หลี และตอนนี้ยังมีสมบัติล้ำค่าอย่างเกราะหวังหมิง!” ตัวเขาราวกับคลังสมบัติ ผู้คนเพียงคิดว่าจะได้มาครอบครอง ก็รู้สึกตื่นเต้นในหัวใจ

 

“แต่น่าเสียดาย ที่ไม่สามารถเข้าถึงบัญชีส่วนตัวของอีกฝ่ายได้ เพราะเงินในบัญชีเขา มีจำนวนมหาศาล”

 

มันไม่ใช่แค่หลักแสนล้าน แต่เป็นหลักสิบล้านล้าน!

 

เป็นเม็ดเงินที่ผู้ใช้พลังเลเวล B ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อแสวงโชค!

 

“ฉินเฟิง คราวนี้แหละ ถ้าจะโทษ ก็จงโทษที่ตัวแกเองร่ำรวยเกินไป!”

 

 

ฉินเฟิงไม่รู้ว่าเขากำลังตกเป็นเป้าหมาย เจ้าตัวสั่งซื้อสินค้า เฝ้ารอไม่ถึง 15 นาที ของก็ถูกส่งมายังโรงแรม ฉินเฟิงได้รับเกราะล้ำค่าในที่สุด

 

เนื่องจากโลกมันเต็มไปด้วยความไม่เสถียร ดังนั้นเลยสามารถเชื่อมต่อกับมิติอื่นๆได้มากมาย ส่งผลให้พวกเขาได้รับเทคโนโลยีอันแข็งแกร่ง , อาวุธเย็นที่เหมือนมาจากยุคโบราณได้รับการพัฒนา และในบรรดาอาวุธเย็นที่แข็งแกร่งที่สุด แน่นอนว่าย่อมเป็นสมบัติที่เรียกกันว่าอาวุธเทวะ

 

อย่างมีดกษัตริย์ครามเอง หลังได้รับการปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดมันก็ก้าวเข้าสู่ระดับอาวุธเทวะ แต่ฉินเฟิงก็ยังคิดสร้างมันต่อไป เพื่อให้มันกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดจริงๆ

 

และเกราะหวังหมิงชิ้นนี้ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ติดตรึงอยู่ในครามทรงจำของฉินเฟิง

 

เพราะ เกราะหวังหมิง (明王 เกราะราชาจรัส) ชื่อของมัน ยังเป็นคำพ้อง อ่านออกเสียงได้อีกความหมายหนึ่ง ว่า เกราะหวังหมิง (冥王เกราะราชานรก) เนื่องจากยามเมื่อเกราะในชิ้นนี้สวมทับลงบนร่างกาย ยามเมื่อคุณพบเผชิญกับภัยคุกคามถึงชีวิต ชุดเกราะจะเปลี่ยนสภาวะของผู้สวมใส่ ช่วยให้เขารอดจากภยันตรายไปได้

 

แน่นอน นอกเหนือไปจากคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์นี้แล้ว หวังหมิงยังเป็นเกราะที่ครอบครองพลังป้องกันสูงลิ่ว มันมิใช่สิ่งที่อาวุธธรรมดาจะสามารถทำลายได้

 

หากให้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ทุกท่านคงจำความน่าหวาดกลัวของพลังปืนใหญ่ในเมืองลอยฟ้าได้ใช่หรือไม่ แต่ถ้าฉินเฟิงใส่ชุดเกราะหวังหมิง เขาก็ไม่ต้องหวาดกลัวมันอีกต่อไป!

 

และนั่นคือเหตุผลที่ว่า แม้กวงเว่ยจะถูกลงโทษลดรางวัลลง 50% แต่เขาก็ยังออกล่า เพื่อหมายจะได้รับชุดเกราะหวังหมิงมาครอบครอง ถึงเวลานั้นเขาก็ไม่ต้องหวาดกลัวเมืองลอยฟ้าของฉินเฟิงอีกต่อไป!

 

“สมบัติที่ดี!” ฉินเฟิงหยดเลือดลงบนชุดเกราะหวังหมิง เพื่อให้มันจดจำเจ้าของ จากนั้นสวมทับลงบนร่างกาย วินาทีต่อมา เกราะหวังหมิงพลันกลายเป็นความว่างเปล่า จมหายเข้าไปในกายของฉินเฟิง

 

นี่ช่างเป็นภาพที่น่าแปลกประหลาดใจ

 

แต่ในฐานะที่เป็นเจ้าของชุดเกราะหวังหมิง ฉินเฟิงสามารถสัมผัสได้ ว่าบนผิวหนังและกระดูกของเขา พลังงานเริ่มเพิ่มพูนขึ้นอย่างฉับพลัน พลังงานนี้ เป็นพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมาก มันแทบนำพาไปไปอยู่สภาวะคงกระพัน

 

“ช่างเป็นเกราะที่น่าประทับใจซะจริงๆ”

 

ก่อนกลับมาเกิดใหม่ ฉินเฟิงก็พอรู้ถึงเรื่องนี้มาบ้างเหมือนกัน แต่ยามสวมใส่มันด้วยตัวเอง เขารู้สึกจริงๆ ว่าที่ได้ยินมาไม่ใช่ข่าวลือไร้สาระ

 

“ไป๋หลี แก่นอบิลิตี้นี้ มอบให้เธอ” ฉินเฟิงมอบกล่องอีกใบให้ไป๋หลี

 

ไป๋หลีเปิดกล่องออก และพบว่าภายในมีแก่นอบิลิตี้ขนาดเท่าลูกบาสเกตบอล

 

ยิ่งไปกว่านั้น บนแก่นอบิลิตี้ ยังแผ่แรงกดดันบางอย่างออกมา

 

มันคือแรงกดดันชนิดหนึ่งที่บีบคั้นหัวใจ ทำให้ผู้คนรู้สึกยากจะหายใจ

 

แต่ไป๋หลีเหมือนจะไม่ได้รับแรงกดดันจากมัน เธอหยิบแก่นอบิลิตี้ขึ้นมา และเริ่มอ้าปากลามเลีย ด้านฝั่งที่ถูกเลียของแก่นอบิลิตี้จมลึกเป็นหลุมทันที

 

ความสามารถในการดูดซับของไป๋หลี แข็งแกร่งจริงๆ

 

อย่างไรก็ตาม แก่นอบิลิตี้มีขนาดใหญ่เกินไป ถ้าจะให้ถือมันแล้วคอยเลียไปเรื่อยๆแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเหนื่อยมาก

 

แต่แล้วฉินเฟิงก็มองเห็น ว่าบนหน้าผากของไป๋หลี ปรากฏรอยแยกมิติขึ้นตรงหว่างคิ้วเธอ และแก่นอบิลิตี้ชิ้นนั้นก็ถูกมันกลืนเข้าไปทันที

 

“มีอะไรงั้นหรอ? ทำไมเธอถึงไม่กินมันต่อล่ะ? ฉันกำลังรอให้เธอประเมินจำนวนแก่นสัตว์ร้ายที่ต้องการคร่าวๆอยู่นะ ” ฉินเฟิงกล่าว

 

“ฉันก็กำลังทำอยู่ แค่ใส่มันลงไปในจิตสำนึกของฉัน แล้วค่อยๆดูดซับมันอย่างช้าๆ ด้วยวิธีนี้วันเดียวก็น่าจะหมด อืม … จากที่ลองประมาณการคร่าวๆ ดูเหมือนว่าจำเป็นต้องใช้แก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายสัก 20 ก้อน ฉันถึงจะสามารถยกระดับได้!”

 

“20 ก้อน โอเคไม่มีปัญหา!” ฉินเฟิงเหมือนจะไม่ใส่ใจนัก

 

เพราะตอนนี้เขาสามารถออกล่าได้วันละ 10,000 แต้มสงคราม ถ้ามีเวลาสัก 20 วันก็จบแล้ว เรื่องกล้วยๆ

 

อย่างไรก็ตาม หากคนอื่นทราบว่าฉินเฟิงคิดยกระดับให้แก่ไป๋หลี โดยใช้แก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C ถึง 20 ก้อน เกรงว่าบางคนคงหน้ามืดเป็นลมไป

 

และนี่ยังเป็นสาเหตุหลักของผู้คนเช่นกัน เป็นสาเหตุที่พวกเขาไม่สามารถเลี้ยงสัตว์พันธะสัญญาระดับสูงได้ เพราะทรัพยากรที่จำเป็นต่อการยกระดับ มันน่าหวาดกลัวเกินไป!

 

“อื้ม งั้นพรุ่งนี้ฉันจะออกล่าด้วย ช่วยๆกัน!” ไป๋หลีกล่าว

 

“ยอดเยี่ยม เธอสามารถล่าเท่าไหร่ก็ได้ ตามที่ต้องการ” ฉินเฟิงกล่าว “สัตว์ร้ายในหุบเหวทางเหนือ มีอยู่มากมาย ยิ่งลึกลงไปก็ยิ่งทรงพลัง!”

 

ในชีวิตที่แล้ว ฉินเฟิงเคยมายังหุบเหวทางเหนือมาก่อน แต่ในช่วงเวลานั้น เขาได้ไปถึงเลเวล B แล้ว ทว่าก็ยังเกือบจบชีวิตลงอยู่หลายครั้ง

 

ส่วนเหตุผลก็ง่ายๆ สัตว์ร้ายที่ดาหน้าเข้ามา ดูเหมือนว่าจะมีให้สังหารไม่จบสิ้น

 

กระทั่งฉินเฟิงเอง ในช่วงเวลานั้น เขาออกล่าสังหารตลอดทั้งวันคืน และเมื่อกลับออกมา ก็ได้รับยอดสะสมมากถึง 50,000 แต้ม ทว่าในวันถัดมา พอเขากลับเข้าไป พวกสัตว์ร้ายกลับยังคงปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา ราวกับไม่ลดน้อยลงเลย

 

“ว่ากันว่าเคยมีผู้ใช้พลังเลเวล A จบชีวิตลงในหุบเหวทางตอนเหนือ บางทีพวกเราอาจลองลงไปสำรวจจุดที่ลึกกว่านี้ดูในวันพรุ่งนี้”

 

ฉินเฟิงเมื่อได้ลองคิดถึงมัน ก็ตัดสินใจทันที