2/2

Ep.47 – สถานการณ์ภายใต้น้ำนิ่ง

“อาจารย์ซูไม่คิดว่าตัวเองเรียกราคาสูงไปหน่อยหรอ?”

ฮังอวี่ถามย้ำอีกครั้ง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคุณไม่รู้สึกเจ็บปวดบ้างเลยหรือ ที่มากรีดเลือดกรีดเนื้อคนอื่นเช่นนี้?

สีหน้าของซูหยุนปิงยังคงสงบไม่หวั่นไหว ราวกับว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรสามารถสั่นคลอนเธอได้

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่รู้ดี ว่าภายใต้รูปลักษณ์อันงดงามและแสนเย็นชานี้ ข้างในซ่อนความหน้าเนื้อใจเสือและอารมณ์ขันเอาไว้

หลักฐานก็คือครั้งก่อนที่เธอระเบิดร่างเงาเพื่อทำให้เขาตกใจ

“ตามสถานการณ์ในปัจจุบัน นี่เป็นราคาที่สมเหตุสมผลแล้ว” ซูหยุนปิงกระพริบตาและกล่าว “ยังไงซะ หินสกิลเป็นของหายากมาก ต่อให้นายต้องการแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะสามารถซื้อมันได้”

“ขณะที่ฉันผู้รับหน้าที่ค้นหาต้องพยายามอย่างหนัก อาจถึงขั้นติดหนี้บุญคุณคนอื่น ฉะนั้นนายควรให้กำไรฉันสักหน่อย ถูกไหม?”

ฮังอวี่ต้องการหินสกิลจริงๆ ดังนั้นไม่ต้องการเสียเวลาต่อราคาเหมือนพวกป้าๆในตลาดสด

สำหรับช่วงเริ่มต้นแบบนี้ ผลไม้วิญญาณของเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยมีค่านัก อาจต้องรอถึงช่วงกลางๆหรือหลังๆ คุณค่าของมันจึงปรากฏออกมา

กล่าวได้ว่าอุปสงค์และอุปทานไม่สัมพันธ์กันในตอนเริ่มต้น ดังนั้นต้องยอมขาดทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้รับหินสกิล เงื่อนไขของอาจารย์ซูไม่น้อยเลย แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่เขาสามารถทนรับได้

ฮังอวี่ครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ผมคงมอบอุปกรณ์สีขาวให้อาจารย์ไม่ได้ ค่าภาษีโลกวิญญาณของอุปกรณ์สีขาวแพงเกินไป ให้มากสุดได้แค่อุปกรณ์สีเทาใสสองชิ้น”

ซูหยุนปิงจับข้อมูลสำคัญบางอย่างได้จากประโยคนี้

ข้อมูลแรกคือในพื้นที่จัดเก็บของฮังอวี่ไม่ได้มีอุปกรณ์สีขาว

ข้อมูลที่สอง ฮังอวี่มีอุปกรณ์สีเทาใสอย่างน้อยสองชิ้นขึ้นไป ไหนจะเรื่องที่เขามีผลไม้วิญญาณในครอบครองถึงสามผลอีก เจ้าเด็กคนนี้เหมือนจะมีภูมิหลังไม่ธรรมดา

ซูหยุนปิงกล่าว “งั้นฉันคงต้องขอดูคุณสมบัติของมันก่อน”

ฮังอวี่เปิดผู้ช่วยโลกวิญญาณของเขา แสดงอุปกรณ์ทั้งสองชิ้น

“ไม้เท้าไม้ม่วงสภาพดีเยี่ยม เลเวล 3 สีเทาคุณภาพสูง โจมตีกายภาพ +1 โจมตีทางเวทมนตร์ +3 ค่าความทนทาน 15 (ต้องใช้หินคริสตัลเทาหกก้อนในการนำกลับสู่โลกมนุษย์)”

“เกราะเถาวัลย์แบล็ควูดสภาพดีเยี่ยม เลเวล 3 สีเทาคุณภาพสูง พลังป้องกันทางกายภาพ +3 ความต้านทานธาตุ +3 ค่าความทนทาน 15 (ต้องใช้หินคริสตัลเทาหกก้อนในการนำกลับสู่โลกมนุษย์)”

ทั้งสองชิ้นเป็นอุปกรณ์สีเทาใส่เลเวล 3!!

ของชิ้นนี้คาดว่าคงดรอปจากการสังหารมมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 3 ขั้นบรอนซ์!

ดวงตาของซูหยุนปิงสว่างไสวขึ้นเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันเธอเริ่มรู้สึกหวาดกลัวฮังอวี่

นี่เขาสามารถสังหารมอนสเตอร์เลเวล 3 ขั้นบรอนซ์ได้แล้วหรือ? ตอนนี้พลังรบของเขาอยู่ในระดับไหนกัน?

ซูหยุนปิงเคยสังหารมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 3 ขั้นบรอนซ์มาก่อนครั้งหนึ่ง และเพราะเคยฆ่ามาแล้ว จึงรู้ว่ามันไม่ง่ายเลย

ครั้งนั้นเธอร่วมมือกันเป็นทีม และมีถึงสองคนถูกฆ่าตาย เป็นราคาแสนสาหัสที่ต้องจ่าย แม้ฟันกำไรได้มหาศาลแต่ก็ยังไม่คุ้มทุน

“อุปกรณ์สองชิ้นนี้ถึงจะไม่ใช่สีขาว แต่เป็นสีเทาใสเลเวล 3 เทียบกับอุปกรณ์ขาว เลเวล 1 ถือว่าไม่เลวร้ายไปกว่ากันมากนัก แต่ถ้าถึงขนาดนี้แล้วอาจารย์ซูยังโลภมากอีก … ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคุยกัน ถ้ารับได้ก็ปิดการขาย ถ้าไม่ผมจะไปหาคนอื่น”

ฮังอวี่จะไม่ยอมถูกเอาเปรียบมากเกินไป นี่คือบรรทัดฐานสูงสุดที่เขารับได้

หินสกิลมีค่ามากก็จริง แต่สกิลสายผลิตไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้น

เอาจริงๆตอนนี้มีหลายคนที่หางานทำไม่ได้เพราะได้รับสกิลกลั่นยามา ตราบใดที่พวกเขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะกลั่นยาด้วยตัวเอง ฮังอวี่ก็สามารถจ้างพวกเขาเหล่านั้นได้

เห็นได้ชัดว่าซูหยุนปิงเข้าใจทัศนคติของฮังอวี่ เธอรู้ว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มราคาอีกต่อไป

“ฉันตกลงรับข้อเสนอ แต่ฉันยังมีอีกข้อเสนอหนึ่งถ้านายสนใจ”

“ข้อเสนออะไร”

“นายไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรทั้งนั้น สามารถเอาหินสกิลนี้ไปได้เลย ทั้งยังจะได้มากกว่าที่คุยกันไว้ด้วย” ซูหยุนปิงค่อยๆยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบเบาๆแล้วทิ้งท้ายว่า “ตราบใดที่นายยอมเข้าร่วมทีมของฉัน”

ฮังอวี่หัวเราะ “งั้นผมก็มีอีกข้อเสนอนึงเหมือนกัน นอกเหนือจากผลไม้และอุปกรณ์พวกนี้แล้ว ผมยินดีเพิ่มอุปกรณ์ชิ้นอื่นและทรัพยากรจำนวนมากให้อาจารย์ แต่เงื่อนไขคืออาจารย์ซูต้องเป็นลูกน้องผม ติดตามช่วยพัฒนาธุรกิจไปด้วยกัน อาจารย์จะยอมไหม?”

ทั้งสองมองหน้ากันเงียบๆสองสามวินาที จากนั้นทั้งคู่ก็ยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร

ข้อเสนอของทั้งคู่ไม่อาจเป็นไปได้ พวกเขาต่างรู้ดีว่าไม่สามารถใช้งานอีกฝ่ายในฐานะลูกน้องของตัวเอง

ขณะนี้ซูหยุนปิงยังไม่มีหินสกิลในครอบครอง ส่วนฮังอวี่ตอนนี้มีผลไม้วิญญาณเพียงลูกเดียว ทั้งยังเหลือหินคริสตัลเทาไม่พอที่จะจ่ายภาษีโลกวิญญาณสำหรับอุปกรณ์ทั้งสองชิ้น ดังนั้นเวลาซื้อขายจึงตกลงกันว่าเป็นหลังกลับมาจากโลกวิญญาณในครั้งถัดไป

“เอาล่ะ ในเมื่อการหารือทางธุรกิจจบลงแล้ว ก็ได้เวลากินดื่มของผมซักที วันนี้อาจารย์ซูเรียกเลือดของผมไปเยอะ อาหารมื้อนี้อาจารย์คงต้องเสียเลือดเสียเนื้อกันบ้าง”

ซูหยุนปิงพูดติดตลกว่า “เชิญเลือกได้ตามสบาย แล้วมาดูกันว่านายจะเติมเลือดที่เสียไปกลับมาได้บ้างรึเปล่า”

ฮังอวี่คิดในใจ อาหารมื้อนี้ไม่สามารถเรียกเลือดเขากลับมาได้แน่นอน แต่อย่าพึ่งชะล่าใจไป! ไม่ช้าก็เร็วอาจารย์ต้องชดใช้!!

ครั้งนี้อาจารย์เป็นฝ่ายกรีดเลือดกรีดเนื้อ แต่ครั้งหน้าขอสาบานว่าฉันเอาคืนเป็นสิบเท่า!

หลังจากได้รับหินสกิลกลั่นยามาเมื่อไหร่ ฉันจะกลายเป็นผู้จัดจำหน่ายโพชั่นรายใหญ่ที่สุดในช่วงเริ่มต้นของเมืองเจียงเฉิง!

ถึงเวลานั้น ซูหยุนปิงเอ๋ย แม้แต่ต้นขาฉันเธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้มาเกาะแกะ รอก่อนเถอะ ฮึ่ม!

พวกเราจะได้เห็นดีกัน!

ตอนนี้ภูมิใจกับชัยชนะไปก่อนเถอะ!

ทั้งสองทานอาหารมื้อเบาๆในคาเฟ่ แม้อาหารในคาเฟ่จะอยู่ในระดับไฮเอนด์ แต่สุดท้ายก็ยังเป็นอาหารธรรมดาทั่วไป

อาหารประเภทนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรกับซูหยุนปิงและฮังอวี่มากนัก ใช้เป็นแค่ของว่างได้เท่านั้น

การได้รับประทานอาหารกับสาวสวยเอาจริงๆก็เป็นเรื่องน่ายินดี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นอะไรที่เหนื่อยมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเทพธิดาผู้งดงามและมี IQ สูง

เธอเป็นคนพูดน้อย แต่เอ่ยอะไรออกมากลับให้ความรู้สึกเหมือนถูกสั่งสอน ทักษะทางภาษาเองก็ดีมาก เวลาฟังฮังอวี่รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม อาหารมื้อนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว ทางหนึ่งฮังอวี่สามารถเจรจาซื้อขายหินสกิลกลั่นยาได้ อีกทางหนึ่งฮังอวี่ได้รู้ข้อมูลบางอย่างจากซูหยุนปิงที่ไม่สามารถหาอ่านจากในเน็ต

นั่นคือ ‘น้ำนิ่งไหลลึก’

สี่คำนี้สามารถใช้อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันได้

ขุมกำลังอันทรงพลังอย่างสกายเน็ตและสมาคมโลกวิญญาณได้เผยโฉมออกมาแล้ว

แต่ขณะเดียวภายใต้น้ำนิ่งของเมืองเจียงเฉิง นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมียอดฝีมืออีกมากมายที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ และคนเหล่านี้มีกำลังมากพอที่จะสามารถก่อคลื่นลมคลื่นฝนได้

ไม่มีใครในโลกใบนี้ยินยอมที่จะเป็นคนธรรมดาหรอก อย่าได้ประมาทความทะเยอทะยานและความใฝ่ฝันของมนุษย์ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยแรงผลักดันในการเอาชีวิตรอดเชียว

ภายใต้วิกฤต พวกเขาจะระเบิดสติปัญญาและศักยภาพออกมา มิเช่นนั้นมนุษย์คงพบจุดจบอันน่าสังเวชไปตั้งนานแล้ว

ซึ่งฮังอวี่กับซูหยุนปิงต่างก็เป็นคนประเภทหลัง นั่นคือเหตุผลที่ทั้งคู่พยายามทำตัวให้ติดดินเข้าไว้ในช่วงนี้

ยังไม่หมด ฮังอวี่ยังได้รับข้อมูลสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือซูหยุนปิงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางสมาคมโลกวิญญาณ ผู้อาวุโสในตระกูลเธอคือหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของสมาคมโลกวิญญาณ

และถึงแม้เธอจะตั้งตัวเป็นผู้ประกอบการอิสระ แต่เอาจริงๆเธอเองก็มีตำแหน่งในสมาคมโลกวิญญาณเช่นกัน สังคมของที่นั่นไม่ต่างจากสกายเน็ต เป็นองค์กรที่เหมือนกับกิลด์ โครงสร้างค่อนข้างหละหลวม ยังไม่ค่อยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันซักเท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม แม้ฮังอวี่ไม่มีความตั้งใจจะเข้าร่วมกับทางสมาคมโลกวิญญาณ แต่เขามีตัวแทนในใจอยู่แล้ว นั่นคืออ้วนต้าไห่และเจ้าโล้นซ่า หากมีโอกาสก็อยากให้ทั้งคู่ไปเข้าร่วมกับทางนั้น เพราะอย่างไรเสีย องค์กรที่ว่าก็ไม่ได้ฟังดูแย่อะไร

พลบค่ำ

ตะวันลับกำลังลับขอบฟ้า

ขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่โลกวิญญาณจะเปิดขึ้นอีกครั้ง คฤหาสน์หลังเก่าเต็มไปด้วยเสียงจี๊ดๆของแมลง ให้ความรู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในชนบทอีกครั้ง

ฮังอวี่ตรวจดูสภาพของพวกพืชวิญญาณ เขาพบว่ามันกำลังเติบโตได้ดี ด้วยอัตราเร็วระดับนี้ น่าจะพอนำมาใช้กลั่นยาได้หลังจากกลับจากโลกวิญญาณ เขาตั้งตารอแทบไม่ไหวแล้ว!

ว่าแต่เจ้าฮัสกี้ไปอยู่ที่ไหนกัน?

ฮังอวี่มองหามัน และเมื่อกลับมาถึงห้องนอนของเขา ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากข้างใน

“ฮ่ง! ยิงป้อม! ยิงป้อม!”

“เชี่ยเหอะ Yasuo ไม่มาช่วยสู้วะ! ฟาร์มอยู่นั่นแหละแม่งเอ๊ย!”

“ฮ่ง! TRYNDAMERE สกิลหมุนดาบไปทำไมตรงนั้น ฮ้าาาา … นี่แกโง่ใช่ไหม!”

หมาฮัสกี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวม สวมหูฟังครอบหูของมัน แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง มันแลบลิ้นตลอดเวลา อุ้งเท้าข้างหนึ่งวางเหนือเมาส์และคลิกๆๆอย่างเมามัน ส่วนอีกเท้ากดแป้นพิมพ์รัวเป็นหุ่นยนต์ ควบคุมแชมเปี้ยนส์ต่อสู้อย่างดุเดือดบนหน้าจอ

และภายใต้การนำทีมของมัน สุดท้ายสามารถทำลายคริสตัลฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ ตัวอักษร VICTORY ลอยขึ้นมา

“พี่หวังสุดยอดมาก!”

“พี่หวังร้ายกาจสุดๆ!”

“ขอเพิ่มเพื่อนนะพี่รองหวัง ครั้งหน้าฉันจะพาน้องสาวมาเล่นด้วย!”

หวังเอ๋อกดรับเพื่อน เอ่ยสองสามคำกับเพื่อนร่วมทีม แล้ววางหูฟังลง แต่ยังคงนั่งในท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มันเอียงศีรษะมา มองไปยังฮังอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าตกตะลึง

“ฮ่ง! เจ้านาย คุณกลับมาแล้ว!”

ฮังอวี่ “ … ”