โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.407 – ออกเดินทางในยามค่ำคืน

 

ฉินเฟิงถูกตรึงด้วยสีหน้าและสายตาของคนเหล่านี้ ใบหน้าของเขา เริ่มแสดงออกถึงความจริงจังมากขึ้น

 

“ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

 

ฉินเฟิงยื่นมือไปทางเจิ้งเฉียนและกล่าว “ผมไม่กล้าให้สัญญาเรื่องอนาคตแก่พวกคุณ แต่ในปัจจุบัน ผมขอสัญญาแก่ดวงวิญญาณของผู้การรัฐเกา ว่าจะชำระความคับข้องใจนี้ให้แก่เขา ขอให้คุณมั่นใจเถอะ ว่าคุณจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้”

 

เจิ้งเฉียนยิ้ม ท่าทีของเธอเหมือนจะร้องไห้

 

“ขอบคุณ”

 

เจิ้งเฉียนยื่นมือเชคแฮนด์ฉินเฟิง

 

จากนั้น ฉินเฟิงก็จัดการเรื่องราวบนอุปกรณ์สื่อสาร เพิ่มเจิ้งเฉียนเข้าร่วมกับกองทหารรับจ้างเฟิงหลี

 

ฉินเฟิงปรับเปลี่ยน โยกย้ายตำแหน่งตนลงมาเป็นรองหัวหน้า อยู่ในระดับเดียวกับเฉินเซี่ยง

 

เหตุผลก็เพราะปัจจุบันเจิ้งเฉียนคือผู้ใช้พลังเลเวล C และกลุ่มคนที่เข้าร่วมภายหลังคือคนของเกาหยูคัง ดังนั้นต้องการผู้นำที่ไว้วางใจ

 

ส่วนเรื่องที่ว่าการรับอีกกองกำลังหนึ่งเข้ามา มันอาจส่งผลต่อการแบ่งพรรคแบ่งพวกในกองกำลังเฟิงหลีในภายภาคหน้า ฉินเฟิงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้

 

นั่นเพราะ อัตราการยกระดับของคนเหล่านี้ ไม่มีทางสู้ฉินเฟิงได้

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่กองกำลังเดียวกันแล้ว แต่ฉินเฟิงก็ยังเอาร่างของจักรพรรดิสัตว์ร้ายที่เกาหยูคังออกล่าออกมา

 

ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ บวกกับเรื่องที่ไป๋หลีเป็นคนกำจัดจักรพรรดิสัตว์ร้าย วัตถุดิบของมันเลยถูกแบ่งสัดส่วนเป็น 5 : 5

 

แก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายมอบให้เจิ้งเฉียนไป

 

นั่นเพราะไม่ว่าจะในอดีต หรือจากนี้ไป เจิ้งเฉียนคงทำงานหนักไม่น้อย!

 

ในความเป็นจริงเกาหยูคังต้องการโอนเงินทั้งหมดมาฝากไว้กับเจิ้งเฉียน มิฉะนั้นคงไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากด้วยกำลังภายใน

 

หากเจิ้งเฉียนไม่เอ่ยคำใด เธอย่อมสามารถเบิกเงินออกมาได้โดยไม่มีใครทราบ

 

อย่างไรก็ตาม เธอกลับนำเงินเหล่านั้นไปซื้อแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้ายกว่า 9 ชิ้นจากบ้านประมูลกลุ่มหวันซ่งในราคาที่สูงลิ่ว

 

ในปราการชาตง แก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายสามารถก่อให้เกิดความวุ่นวาย การต่อสู้แย่งชิงกันได้เลยทีเดียว เนื่องจากที่นั่นมีทรัพยากรจำกัด

 

อย่างไรก็ตาม ในเมืองหลงฉวน แก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้ายได้กลายเป็นสินค้าสุดฮิตที่วางขายกันทั่วไป

 

แน่นอน ไม่ใช่ว่าไม่มีพ่อค้าคนไหนต้องการนำเอาแก่นอบิลิตี้สัตว์ร้ายออกไปขายในสถานที่ห่างไกล แต่ผลของการกระทำเช่นนั้น จะชักนำพวกเขาไปสู่อีก 2 เหตุการณ์

 

หนึ่งคือถูกลอบสังหารและชิงสมบัติไป อีกเหตุการณ์คือไม่สามารถทำราคาขายสูงๆได้

 

แต่ปัจจุบัน เนื่องจากการปรากฏตัวของเผ่ากริม แก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้ายเลยได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของเลเวล D แน่นอน ของพวกนี้สำหรับเจิ้งเฉียนแล้วมันไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก

 

แต่สำหรับสมาชิกผู้ใช้พลังของเกาหยูคัง หากทั้งหมดได้รับแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้าย ตราบใดที่ดูดซับมัน ประสิทธิภาพในการรบของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญ!

 

การกระทำนี้ เล่นเอาเฉินเซี่ยงและคนอื่นๆรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตาม สมาชิกทางฝั่งเขามีจำนวนค่อนข้างมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉินเฟิงจะช่วยพวกเขาแก้ปัญหานี้ ทั้งหมดคงต้องขึ้นอยู่กับผลงานในอนาคต

 

แต่กระนั้น การได้ติดตาม ร่วมรบไปกับฉินเฟิง และไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเกินไป ขอแค่ 6 เดือน ทางฝั่งพวกเขาก็น่าจะสามารถเก็บเงินมากพอที่จะซื้อแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้ายให้แก่ตนเองได้!

 

โดยเฉพาะตอนนี้ หากเข้าร่วมปฏิบัติการป้องกัน จะได้รับเงินรางวัลมหาศาล

 

ตลอดทั้งวัน มีการแจกจ่ายอุปกรณ์รูนเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับใช้กับกริม ช่วยสะท้อนพลังสมาธิ เป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับตรวจสอบความผันผวน

 

สิ่งเหล่านี้ใช้ได้กับพวกกริม หรืออาจไม่ได้ผลก็ได้ แต่อย่างไรทางกองทัพก็ได้ทำไปแล้ว

 

ปฏิบัติการซุ่มโจมตีในเมือง ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว คนเหล่านี้ทั้งหมดเป็นผู้ใช้พลังเลเวล D

 

และสิ่งที่คอยพยุงจิตใจของพวกเขาก็คือ กลยุทธมดล้มช้าง คิดใช้อาวุธปืนอันทรงอานุภาพโค่นล้มศัตรูระดับสูงกว่า

 

ภายในตึกรับรองผู้ใช้พลัง ปรากฏภารกิจนับไม่ถ้วน ทยอยถูกประกาศออกมาโดยกลุ่มพันธมิตรมนุษยชาติ

 

และที่มากที่สุด ก็คือภารกิจสอดแนม

 

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การได้รับข้อมูลของศัตรู ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก

 

วิดีโอที่ชัดเจนเพียงสิบนาที ก็เพียงพอที่จะได้รับรางวัลล้ำค่า

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครโง่ทำภารกิจที่เสี่ยงเกินไป

 

ฉินเฟิงเดินเข้ามาในตึกรับรองผู้ใช้พลัง แม้นี่จะเป็นช่วงเวลากลางคืน แต่กลับคึกคัก มีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง

 

มองไปรอบๆเท่าที่ตาเห็น ผู้ใช้พลังเลเวล C มีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 100 คน!

 

“โย่ นั่นมันฉินเฟิงไม่ใช่หรือ?” น้ำเสียงประชดประชันถากถางดังขึ้น

 

ในฐานะผู้ใช้พลังเลเวล C แต่ดันเดินทางกลับมาถึงสถานชุมชนที่ 3 ช้ากว่าฉินเฟิงเป็นเรื่องน่าอับอายนัก อย่างไรก็ตาม ข่าวที่เขาได้รับ มันทำให้เจ้าตัวมีความสุขมาก

 

“ฉินเฟิง ขอแสดงความยินดีด้วยที่นายรอดชีวิตมาได้ แต่ช่างน่าสงสาร เกาหยูคังกลับโชคร้าย ตายอย่างไม่มีใครคาดคิด ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ใครกันที่ปล่อยให้เขาทำตัวโลภมากแบบนั้น ทั้งๆที่นายเจตนาดีบอกให้หนีก่อนแท้ๆ”

 

เกาหยูคังเสียชีวิต อดีตอัจฉริยะผู้นี้ เป็นผู้ใช้พลังที่มีอนาคตสดใส ความก้าวหน้ามีไม่สิ้นสุด แต่กลับจบชีวิตลงอย่างไม่คาดฝัน

 

ตลอดทั้งสถานชุมชนที่ 3 มีขนาดเล็ก แวดวงไม่ใหญ่โตนัก ดังนั้นทุกคนเลยรู้จักกันเป็นธรรมดา

 

แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังมองมาทางนี้ มองไปยังบุคคลที่ชื่อเสียงสะท้านดั่งสายฟ้าฟาดในช่วงที่ผ่านมา

 

–เป็นฉินเฟิง!

 

ชายผู้ซึ่งสังหารจักรพรรดิช้างหวันเซี่ยง!

 

สังหารการดำรงอยู่ซึ่งผู้ใช้พลังมากมายไม่กล้ายั่วยุ

 

ขณะนี้ เมื่อเห็นการปรากฏตัวของฉินเฟิง พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กหนุ่มเท่านั้น ไหนจะมีไป๋หลีที่งามล่มเมืองเดินเคียงข้าง

 

“บางทีคุณอาจเป็นคนโชคร้ายคนต่อไปก็ได้นะ ฉะนั้นรีบไสหัวไปจากที่ก่อนที่จะเสียใจเถอะ!” ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงเย็นชา

 

คำเหน็บแนมนี้ เป็นวาจาร้ายกาจตอบโต้เล่ยหยิง

 

“ฉันน่ะหรือ? ฮ่าสฮ่าฮ่า นายกำลังพูดถึงตัวเองรึเปล่า? นายนั่นแหละ รีบกลับไปเมืองหลงฉวนดีกว่าน่า โอ้ ไม่สิ รีบกลับไปยังสี่เมืองทะเลเหนือดีกว่า ไปทำตัวเป็นทรรราชครองอำนาจที่นั่นเหอะ”

 

เล่ยหยิงตอนนี้มีความสุขมาก เขาไม่สนใจคำเหน็บแนมของฉินเฟิง

 

ทว่าสีหน้าของฉินเฟิงกลับยังคงเรียบเฉย ตั้งแต่ต้นจนจบไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลย แม้จะเห็นท่าทีราวกับคนบ้า และความสะใจของเล่ยหยิง แต่แววตาของเขากลับยังคงเฉยเมย

 

“งั้นมารอดูกัน”

 

มาดูกันว่าใครจะตายก่อน!

 

แน่นอน หากบังเอิญเจอกันในทุ่งล่า ฉินเฟิงจะกระทืบไอ้บัดซบนี่ให้จมดิน

 

แต่ในตอนนี้เขาทำไม่ได้ เพราะนี่คือช่วงเวลาสงครามมิใช่หรือ?

 

ฉินเฟิงเดินผ่านเล่ยหยิงไป หยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาเชื่อมต่อกับเครือข่ายของตึกรับรองผู้ใช้พลัง แล้วเลือกรับภารกิจ

 

ภารกิจสำหรับสังหารเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา ค่าหัว 1,000 ล้านต่อตัว

 

ภารกิจสำรวจ บันทึกวิดีโอ 10 นาทีแลกกับเงิน 10 ล้าน

 

ภารกิจสกัดกั้นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา มิให้เปิดช่องว่างมิติอีกครั้ง รางวัล 10,000 ล้าน

 

ภารกิจที่ประกาศโดยพันธมิตรมนุษยชาติ ละเอียดยิบย่อยมาก แต่ทุกอย่างที่ประกาศออกมา ล้วนมีรางวัลที่สูงลิ่ว มันมากพอที่จะกระตุ้นใจผู้คนให้ออกไปรับความเสี่ยง

 

ฉินเฟิงรับภารกิจ ไม่สนใจเล่ยหยิง เดินจากไปโดยตรง

 

เล่ยหยิงวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ของตึกรับรองผู้ใช้พลัง และเอ่ยถาม “เจ้าฉินเฟิงมันรับภารกิจอะไรไป?”

 

เจ้าหน้าที่เป็นแค่คนธรรมดา เขาอยู่ในเลเวล F เท่านั้น ดังนั้นไม่กล้าปิดบัง เฉลยต่อเล่ยหยิงด้วยความหวาดกลัว “นายท่านโปรดรอสักครู่ ทางเราจะเร่งทำการตรวจสอบให้”

 

เมื่อล็อคอินเข้าระบบ เจ้าหน้าที่ก็พบได้อย่างรวดเร็วว่าฉินเฟิงรับภารกิจอะไรไป เขาที่กำลังจ้องมองมันยังต้องตกตะลึง

 

เพราะภารกิจที่ฉินเฟิงรับ มันเกือบทุกภารกิจเลย!

 

ต้องรู้นะว่าหากรับภารกิจแล้วมันต้องมีการวางเงินประกัน มิฉะนั้น หากทุกคนเลือกรับเอาภารกิจทั้งหมดไปด้วยตัวคนเดียว แล้วดันทำไม่สำเร็จขึ้นมา นี่ไม่เท่ากับเป็นขาดขุดหลุมฝังพันธมิตรมนุษยชาติหรอกหรือ

 

เจ้าหน้าที่บอกข้อมูลแก่เล่ยหยิง เมื่อเห็นมัน เล่ยหยิงยังถึงขั้นผงะไป แต่สักพักก็ยิ้มเยาะออกมา

 

รับภารกิจไปตั้งมากมายขนาดนี้ เล่ยหยิงคงไม่ต้องลงมือด้วยตนเองอีกแล้ว อย่างไรฉินเฟิงย่อมจบชีวิตลง จมน้ำตายเพราะความมั่นใจของตัวเอง!

 

เล่ยหยิงคิดว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่อาจเห็นฉากนั้นด้วยตาตนเอง

 

เพียงแต่ เล่ยหยิงคงไม่คาดคิดเลย ว่าทุกภารกิจที่ฉินเฟิงรับ มันเป็ฯเพราะเขามั่นใจว่าสามารถทำได้จริงๆ!

 

ไป๋หลีใช้ท่ามิติไปยังพิกัดที่บันทึกไว้ เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกที ฉินเฟิงก็อยู่ในสถานที่ต่อสู้ก่อนหน้านี้เป็นที่เรียบร้อย