2/2
Ep.383 – ทะเลทรายมรณะ
สิ่งที่ฮังอวี่ตัดสินใจไปแล้ว เจ้าหมาจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?
หลังจากเสี่ยวไป๋กลั่นโพชั่นมนตรา ‘อินทรีจ้าวสายลม’ เสร็จแล้ว ฉูเทียนหัวกับจ้าวหมิงก็มาถึงเมืองหุบเขาเดียวดาย ทั้งหมดรวมตัวกัน ออกเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหุบเขาเดียวดาย
สมาชิกในทีมได้แก่ ฮังอวี่ จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว เจียงหนาน จางเสี่ยวเฉียง ฉินมู่ และเจ้าหมาหวังเอ๋อ
ด้านพลังรบอาจมีมากน้อยต่างกัน แต่เนื่องจากทุกคนสามารถร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ใช่ปัญหา
เป็นทีมที่เชื่อถือได้!
ส่วนฮังเสี่ยวไป๋ เธอรั้งอยู่ในเมืองหุบเขาเดียวดาย ทำหน้าที่เป็นรองขุนนางเมือง เพราะคนอื่นๆที่ฮังอวี่ไว้ใจนอกจากทีมๆนี้ ก็คือเสี่ยวไป๋
แม้บุคลิกของเสี่ยวไป๋จะค่อนข้างทึ่ม แต่เด็กสาวมีประสบการณ์มากมายในฐานะขุนนางโลกวิญญาณ แค่ทำหน้าที่ผู้รักษาการสักสองสามวัน ป้องกันการโจมตีจากศัตรูเป็นครั้งคราว ด้วยความสามารถของเธอ ยังไงก็ทำได้
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเมืองหุบเขาเดียวดาย มียอดฝีมือจากมังกรครามมากมายคอยช่วยเหลือ
ทางด้านจ้าวหมิง เขาทิ้งเมืองเตาหลอมศิลาให้ปันหลงลูกน้องที่เชื่อใจได้จัดการ ฝั่งเมืองขุนเขาเหล็กฉูเทียนหัวก็เลือกรองขุนนางที่ไว้ใจให้ดูแล
…
ณ ทะเลทรายมรณะ
สภาพแวดล้อมของที่นี่กว้างขวางและแห้งแล้ง
แม้ในโลกวิญญาณจะมีเมืองและอาณาเขตอยู่ แต่แท้จริงแล้วพื้นที่อาณาเขตที่เมืองครอบครองมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น อาณาจักรมังกรโลกา อาณาเขตที่อยู่ในรัศมีควบคุมของเมือง มีน้อยกว่า 1 %ในแผนที่
หรือก็คือพื้นที่ส่วนใหญ่ในโลกวิญญาณ เกือบทั้งหมดเป็นสถานที่ที่ไม่มีเจ้าของ
เมื่อทีมของฮังอวี่เดินเข้ามาในทะเลทรายแห้งแล้งนี้ มองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา พวกเขาเห็นแค่เนินทรายสีเหลือง ขยายออกไปไร้ที่สิ้นสุด
สุดายตาไม่มีอะไรเลย ไม่มีสิ่งมีชีวิต ไม่มีพืชพรรณ อ้างว้างและเดียวดาย
และด้วยอุณหภูมิที่สูง ทำให้ทรายเกิดความร้อน อากาศบิดเบี้ยว ความแข็งแกร่งทางกายภาพถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็ว
หากไม่จัดเตรียมอุปกรณ์ในการรับมือมามากพอ คงเป็นเรื่องยากที่จะอยู่รอดที่นี่
อย่างไรก็ตาม ทะเลทรายที่ว่างเปล่าแห้งแล้งเบื้องหน้านี้
แท้จริงแล้วมันเป็นแค่รูปลักษณ์เพียงผิวเผินเท่านั้น
ภายในทะเลทรายถูกฝังไว้ด้วยซากปรักหักพังและเขตแดนลับมากมาย หากขุดคุ้ยลงไปอาจมีสมบัติอันน่าทึ่งซ่อนอยู่ ไม่ก็กับดักมรณะที่อาจทำให้ถึงตาย
ที่กล่าวมามักเปิดขึ้นตามเวลาหรือโอกาสพิเศษ จึงดึงดูดชาวโลกวิญญาณมากมายในบริเวณใกล้เคียงให้มาสำรวจ
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว
ยังมีภัยอันตรายถึงตายอื่นๆอยู่ทั่วทุกที่
นอกจากพายุทรายอันน่าสยดสยองที่โล่มาเป็นครั้งคราวแล้ว ในทะเลทรายยังเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกอันเดธและแมลง
ตามปกติแล้วเจ้าพวกนี้มักซ่อนอยู่ใต้ดิน ลูกเล่นที่ใช้สอดแนมตามปกติมักไม่ค่อยได้ผล กว่าจะรู้ตัวพวกมันอาจเข้าประชิดและถูกโจมตีแล้ว
“ฮ่ง เปิ่นหวังได้กลิ่นอันตราย … มีตะขาบฝูงใหญ่กำลังเข้าใกล้พวกเรา!”
หมาหวังเอ๋อส่งเสียงเตือน
ทุกคนสังเกตเห็นทันที ว่าท่ามกลางเนินทราย มีรอยยกขึ้นเล็กน้อย แถมจำนวนยังเยอะมาก คล้ายปฏิบัติการร่วมกันเป็นทีม ราวกับใต้ผืนทะเลทราย มีงูเหลือมขนาดใหญ่ซ่อนตัวอยู่
“โล่ผู้ปกปักษ์สวรรค์!”
จ้าวหมิงยกโล่ยักษ์และประทับมันลงใต้เท้าของเขา
โล่ยักษ์ราวกับมีม่านพลังงานถูกปลดปล่อยออกมา
เทคนิคการป้องกันหมู่จากสกิลขั้น 3 อันทรงพลังนี้ ช่วยปกป้องสมาชิกทีมทุกคนในทันที
“ฟ่อ ฟ่ออ ฟ่อออ!”
เสียงอันน่าขนลุกดังขึ้น
ทรายละเอียดกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง ฝุ่งทรายนับไม่ถ้วนปกคลุมทั่วฟ้า สภาพแวดล้อมโดยรอบมืดลงอย่างกะทันหัน และสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงรูปร่างของมอนสเตอร์อันน่าสยดสยองที่โผล่ขึ้นมา
กรงเล็บและขามากมายปรากฏขึ้นกลางฝุ่นทราย
เจียงหนานกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง “มอนสเตอร์ตัวนี้ … ชวนให้หนังศีรษะเสียวซ่านจริงๆ”
ถูกต้อง
มันคือตะขาบที่ถูกขยายใหญ่ขึ้นพันเท่า
ยาวกว่าสิบเมตร มีเหลืองเหลืองอมน้ำตาลทั้งตัว ทุกรายละเอียดสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เท้านับพันหรืออาจถึงหมื่นของตะขาบยักษ์ขยับไปมา นี่มากพอที่จะสั่นคลอนจิตใจผู้คนที่มอง
และประเด็นก็คือมันมีมากกว่าหนึ่ง
ยังมีอีกเป็นสิบตัวอยู่รอบๆ
และถ้านับตัวอื่นๆที่กำลังตามมาสมทบ คาดว่าน่าจะมีเกินหลัก 100
และในบรรดาพวกมันมีหนึ่งในห้ามีขนาดตัวสูงกว่าปกติ พวกมันคือตะขาบมรณะชั้นยอด และมีเลเวลสูงสุดถึง 13
ขณะที่ตะขาบมรณะที่เหลือ มีพลังรบไม่ด้อยไปกว่ามอนสเตอร์เลเวล 10 ชั้นยอด
“ฆ่าพวกมันให้หมด”
“เจ้าพวกนี้ใช้พิษได้”
“ถ้าต้องสู้กันนานๆ ต่อให้เป็นผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน”
ฮังอวี่หยิบหอกคลื่นมังกรปฐพีออกมา อันดับแรกเขาปลดปล่อยคลื่นมังกรปฐพี แรงสั่นสะเทือนฉีกกระชากร่างตะขาบมรณะ 4 -5 ตัวในชั่วพริบตา ชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนร่วงตกลง
จากนั้นเขาเปลี่ยนร่างเป็นขุนนางเลือดปีศาจ เปิดใช้งานชุบโลหิตเข้าเข่นฆ่ามัน
ฉูเทียนหัววิ่งตามไปติดๆ เขาเห็นตะขาบระดับเจ้าถิ่นซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง
ดั่งคำกล่าวที่ว่าคิดจับโจรต้องจับหัวหน้า พลังรบของตะขาบมรณะระดับเจ้าถิ่นเลเวล 13 ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะสามารถดูแคลนได้
ต้องรีบฆ่ามันให้เร็วที่สุด
นักรบสองคนที่มีพลังในการต่อสู้อันยอดเยี่ยมเปิดทาง
มองไปดั่งคมมีดทะลุทะลวงฝูงตะขาบ
จางเสี่ยวเฉียงภายใต้การปกป้องจากจ้าวหมิง เขาร่ายคาถาอย่างสบายใจ เปิดใช้งานสกิลขั้น 3 ‘ฝนเพลิงร่วงโรย’ ที่กินรัศมีโจมตีกว่า 200 ตารางเมตร และดาเมจที่ทำได้ก็น่าแตกตื่นตกใจเช่นกัน บดขยี้ตะขาบมรณะในบริเวณใกล้เคียง แผดเผาพวกมันจนตายในไม่กี่วินาที
ฉินมู่ขว้างมนตร์วาจาต้องห้ามใส่ตะขาบมรณะระดับเจ้าถิ่น
เจียงหนานร่ายสกิลสนับสนุนให้ฮังอวี่กับฉูเทียนหัวอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองตรงเข้าหาตะขาบเจ้าถิ่น ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังได้รับผลกระทบจากเอฟเฟกต์ใบ้ ทำให้ไม่สามารถเปิดใช้งานการโจมตีด้วยสกิลที่ทรงพลัง
จู่โจมอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว ขณะเดียวกันฝนเพลิงของเสี่ยวเฉียงยังคงโปรยปรายต่อไป ทำให้ตะขาบที่อยู่รอบๆเข้ามาแทรกแซงได้ยาก
ไม่นาน ตะขาบเจ้าถิ่นก็ได้รับดาเมจร้ายแรง มันมุดหัวลง เริ่มขุดเนินทราย พร้อมที่จะหนีเข้าไป
ฉินมู่พอเห็นแบบนั้นรีบเปิดใช้งานสกิลขั้น 3 ‘ผนึกแขนขา’ ทันที
นี่คือสกิลประเภทผนึก ตะขาบเจ้าถิ่นรู้สึกว่าตนเองสูญเสียการควบคุมร่างกายไป จู่ๆก็นิ่งงันขยับตัวไม่ได้
จางเสี่ยวเฉียงยกคทาขึ้น ตะโกนว่า “ระเบิดเพลิงต่อเนื่อง!”
ลูกไฟสี่ลูกถูกยิงออกไป ตกลงบนร่างตะขาบเจ้าถิ่น เกิดการระเบิดติดต่อกันอย่างรุนแรง เปลวไฟลุกลามและแผดเผาร่างมัน
ฮังอวี่ตะโกน “เหล่าฉูช่วยปกป้องผมที!”
ฉูเทียนหัวเหวี่ยงกระบี่หนักของเขาออกไปในสายลม ปราณกระบี่วินาศหลายสายสะบั้นตะขาบมรณะหลายตัวที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นฟันกระบี่อีกหลายครั้ง สับร่างตะขาบที่พยายามมุดขึ้นจากพื้นทราย
ร่างแยกของหวังเอ๋อก็กระโจนเข้ามาช่วยเหลือเช่นกัน
ปิดกั้นฝูงตะขาบเอาไว้
“ปลดปล่อยสัจธรรม!”
ฮังอวี่ใช้โอกาสนี้เปิดใช้งานสกิลใหม่ ช่วยให้ระยะเวลาคูลดาวน์ของสกิลหายไปอย่างรวดเร็ว
เขานำขวานปีศาจแมงป่องและกระบี่คำสาปกระดูกออกมา ฟาดฟันพวกมันด้วยปราณกระบี่ลมกรด 2 ครั้งติดกัน และตามต่อด้วยปราณสงครามคลั่ง
ร่างใหญ่ของตะขาบเจ้าถิ่นถูกยกลอยขึ้นไปกลางอากาศ
ทั้งคนทั้งร่างของฮังอวี่หายวับไปจากจุดเดิม กลายเป็นเงามืดหกสายในพริบตา โจมตีจากทิศทางต่างๆในฉับพลัน
ตะขาบเจ้าถิ่นถูกทุบตีเกือบตาย
ก่อนที่สุดท้ายจะถูกเขาปิดฉากด้วยสกิลปะทะเดือด
สะบั้นหัวตะขาบเจ้าถิ่นกระเด็น ทำลายพลังชีวิตทั้งหมดของมัน
เมื่อสังหารระดับเจ้าถิ่นเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นการกวาดล้างตะขาบตัวอื่นๆก็เป็นไปอย่างราบรื่น แม้จำนวนของพวกมันจะเยอะ แต่หกคนกับหนึ่งหมาไม่ใช่ตัวตนธรรมดา บวกกับการที่สามารถร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี การกำจัดมอนสเตอร์ทั้งฝูงจึงไม่มีอุปสรรคใดๆ
“ทะเลทรายนี่ดูแห้งแล้งมาก แต่กลับมีมอนสเตอร์ค่อนข้างเยอะ” เจียงหนานพูดขณะร่ายเทคนิครักษา ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของทุกคน “น่ากลัวว่าพวกเราคงถูกโจมตีแบบนี้อีกหลายครั้ง”
จางเสี่ยวเฉียงบ่นอุบ “มีมอนสเตอร์ตั้งเยอะในทะเลทรายมณะ แต่อัตราการดรอปต่ำชะมัด ตะขาบเส็งเคร็งพวกนี้ไม่ดรอปของดีๆสักชิ้นเลยด้วยซ้ำ”
นอกจากตะขาบเจ้าถิ่นที่ดรอปอุปกรณ์สีเขียวเลเวล 12 แล้ว
ตะขาบมรณะที่เหลือเป็นร้อยตัวไม่ดรอปของอะไรที่พอมีค่าเลย!
ฮังอวี่กล่าวว่า “พวกเรามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อฟาร์มมอนสเตอร์ป่าแล้วดรอปอุปกรณ์ แต่เป้าหมายของเราคือคุกโบราณในทะเลทรายมรณะ คำนวณจากที่เดินมาไกลถึงขนาดนี้ ฉันว่าน่าจะอยู่ไม่ไกลแล้ว”
หลังเก็บรวบรวมสินสงคราม
พวกเขาก็เดินหน้าต่อ
ทุกคนเปิดใช้งานคัมภีร์อัญเชิญสัตว์ขี่เพื่อมุ่งหน้าลึกเข้าไปในทะเลทราย
ต่อมา ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หวังเอ๋อก็ร้องขึ้น
“ฮ่ง เจ้านาย เปิ่นหวังสัมผัสได้!”
“มีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งมากๆเคยผ่านมาทางนี้!”
“หนึ่งในนั้นร้ายกาจเป็นพิเศษ อย่างน้อย … อย่างน้อยต้องมีเลเวล 14 และอยู่ในระดับทรราช สมควรเป็นขุนนางใหญ่คาลิมัว”
ทุกคนพอได้ยินเรื่องนี้
ก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาทันที
ฮังอวี่รีบถาม “พวกมันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?”
หวังเอ๋อตอบว่า “น่าจะยังไม่นาน ประมาณ 4 ชั่วโมงได้ ดูเหมือนพวกมันไม่คิดว่าจะมีคนตาม เพราะงั้นเลยไม่จงใจซ่อนกลิ่นอาย”
ยอดเยี่ยม!
ในที่สุดก็เจอพวกมัน!
“อีกฝ่ายเหนือกว่าเรา อย่าเผชิญหน้าตรงๆ ไม่งั้นพวกเราจะตายกันหมด” ฮังอวี่ไม่กล้าประมาท
เขาสั่งทันที “เจ้าหมา นายไปสำรวจทางข้างหน้า รายงานทันทีที่พบศัตรู”
“น้อมรับคำสั่ง!”
หวังเอ๋อทิ้งร่างแยกไว้ข้างหลัง
ส่งร่างจริงออกไปเอง รีบตามกลิ่น ตามรอยทีมเมืองธารทะเลทราย
มีร่องรอยการต่อสู้ตลอดเส้นทาง เนื่องจากทีมเมืองธารทะเลทรายเก็บกวาดให้แล้ว กลุ่มของฮังอวี่ในหลายชั่วโมงต่อมาจึงไม่พบการโจมตีจากมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่อีกเลย
ร่างแยกของหวังเอ๋อพูดขึ้น “ฮ่ง เจ้านาย ดูเหมือนพวกเราจะมาถึงแล้ว!”
คนอื่นๆเงยหน้าขึ้น
มองไกลๆผ่านพายุทราย
เห็นแค่เพียงใจกลางเนินทรายนับไม่ถ้วนที่อยู่ไกลๆ ปรากฏอาคารลึกลับที่ดูเก่าแก่และงดงาม
หมาหวังเอ๋อกล่าวต่อว่า “มีศัตรูสองตนอยู่ข้างหน้า พวกมันน่าจะคอยเฝ้าทางเข้า พวกเราจะเอายังไงดี?”
จ้าวหมิงดูเคร่งขรึม “เป็นยอดฝีมือของเมืองธารทะเลทรายรึเปล่า?”
“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น” ฉูเทียนหัวเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ กำกระบี่หนักในมือแน่น “ถึงแม้ศัตรูจะมีแค่สองตน แต่การที่ได้ติดตามขุนนางใหญ่ แสดงว่าพวกมันต้องไม่ธรรมดา ไปดูกันดีกว่า ว่าพลังรบของเมืองธารทะเลทรายจะแน่ซักแค่ไหน!”