2/4

Ep.377 – ภารกิจทางการทูตของมังกรคราม

การจับกุมชาร์โมโดเพื่อสอบปากคำ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อจับมันบิดแล้วรีดออกมา พบว่าเต็มไปด้วยข้อมูลสำคัญ!

ฮังอวี่สามารถได้รับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับขุนนางทั้งหมดในเขตเมืองธารทะเลทราย ที่สำคัญกว่านั้น เขายังได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคู่ต่อสู้คนต่อไป หรือก็คือคาลิมัว

เจียงหนานอดถามขึ้นมาไม่ได้ “คุกโบราณที่ผู้ส่งสารเมืองธารทะเลทรายพูดถึงคืออะไร? ทำไมขุนนางใหญ่คาลิมัวถึงอยากไปที่นั่นถึงกับยอมปล่อยพวกเราไว้ก่อน?”

ฮังอวี่ตอบว่า “มีซากปรักหักพังโบราณหรือเขตแดนลับมากมายในแคว้นเดียวดาย คุกโบราณแห่งนี้สมควรเป็นหนึ่งในคุกที่มีชื่อเสียงในแดนอ้างว้าง”

“ว่ากันว่าในส่วนลึกของทะเลทรายมรณะในแดนอ้างว้างทางตอนเหนือของแคว้นเดียวดาย มีคุกโบราณที่ลึกลับซ่อนอยู่ และมันจะไม่ปรากฏขึ้นง่ายๆ โดยเฉลี่ยแล้วจะรีเฟรชในทุกๆ 20 ปีเท่านั้น”

“ไม่เพียงแต่จะมีมอนสเตอร์ระดับทรราชหลายตัวเกิดขึ้นในนั้น แต่ยังมีสมบัติล้ำค่า รวมไปถึงอุปกรณ์สีฟ้าคุณภาพสูง หินสกิลขั้น 3 และถ้าโชคดีอาจได้อุปกรณ์สีม่วงหรือหินสกิลขั้น 4”

เจียงหนานตกใจมาก

ไม่น่าแปลกใจเลยที่คาลิมัววิ่งเต้นเข้าหามัน!

สถานที่แห่งนั้นไม่เพียงได้รับอุปกรณ์สีฟ้าและหินสกิลขั้น 3 แต่ถ้าโชคดีอาจได้รับอุปกรณ์สีม่วงและหินสกิลขั้น 4!

กระทั่งผู้ทรงอำนาจอย่างเมืองธารทะเลทราย กระทั่งขุมพลังระดับคาลิมัวในอาณาจักรมังกรโลกา ยังยากที่จะต้านทานสิ่งล่อใจอย่างอุปกรณ์สีม่วงและหินสกิลขั้น 4 !

เจียงหนานกล่าวว่า “ถ้าขุนนางใหญ่ต้องใช้เวลาราวๆ 10 – 15 วันวุ่นวายกับคุกโบราณ พวกเราก็น่าจะมีเวลาอีกมากในการเตรียมกองทหารและสร้างแนวป้องกัน”

“เด็กโง่ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ในเมื่อพวกเรารู้ว่าคุกโบราณกำลังจะเปิดเร็วๆนี้ แล้วจะพลาดโอกาสนี้ได้ยังไง?”

เจียงหนานเบิกตากว้างและกล่าวว่า “มหาเทพ นี่พี่ต้องการฉกสมบัติจากคาลิมัวงั้นหรอ? บ้าไปแล้ว! ศัตรูเป็นถึงขุนนางใหญ่เลยนะ!”

ฮังอวี่กล่าว “ไม่ช้าก็เร็วพวกเราต้องสู้กับคาลิมัว งั้นทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ตรวจสอบข้อมูลของมันล่ะ ไม่ใช่เรื่องเสียหายสำหรับพวกเราซักหน่อย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ามีสมบัติมากมาย ถึงพวกเราจะคว้ามันไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็จะไม่ปล่อยให้ตกอยู่ในมือศัตรู!”

ถูกต้อง!

ถึงแม้มันจะฟังดูบ้ามาก แต่เนื่องจากนี่เป็นความคิดของฮังอวี่

เช่นนั้นเจียงหนานก็ยินดีสนับสนุนอย่างเต็มที่

ก็ใครใช้ให้เธอเป็นแฟนตัวยงอันดับหนึ่งของฮังอวี่กัน เรื่องนี้แม้ฟังดูเหลือเชื่อ แต่เธอยังคงไว้ใจฮังอวี่อย่างเต็มที่

อันที่จริงเมื่อเทียบกันในด้านพลังรบ เขาด้อยกว่าคาลิมัวแน่นอน

แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็มีข้อได้เปรียบเช่นกัน อย่างระหว่างฮังอวี่อัพเลเวลอย่างต่อเนื่อง ความทรงจำและความรู้ของจอมปราชญ์ก็จะยิ่งปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆในใจเขา และนั่นรวมไปถึงที่ตั้งของซากปรักหักพัง วิธีการเข้าไป และกลยุทธ์โดยละเอียดอีกด้วย

ต่อให้มีคู่แข่งในแคว้นเดียวดาย แต่ข้อมูลที่พวกมันมีย่อมไม่ดีเท่าฮังอวี่แน่นอน

ฮังอวี่แค่ต้องใช้กลยุทธ์ที่มีให้เกิดประโยชน์ ทุกย่างก้าวนำหน้าศัตรู แบบนี้มีหรือจะไม่มีโอกาสได้ก่อกวนคาลิมัว?

ฮังอวี่ใช้โทรศัพท์มือถือโลกแห่งวิญญาณของเขาทันที

ติดต่อหาฉูเทียนหัว จ้าวหมิง และคนจากสำนักกระบี่วิญญาณ บอกพวกเขาเกี่ยวกับการจับกุมชาร์โมโดและข้อมูลใหม่ที่ได้รับ และย้ำให้เร่งสร้างกองทัพ พร้อมป้องกันการโจมตีที่คาดไม่ถึงจากเมืองธารทะเลทราย

ทั้งที่โดยพื้นฐานแล้วแน่นอนว่าคาลิมัวกับเมืองธารทะเลทรายจะไม่เคลื่อนไหวในอีกหลายวันข้างหน้า แต่สถานการณ์ของขุนนางเล็กตนอื่นๆในพื้นที่นั้นไม่แน่นอน

อย่าลืมว่าคาลิมัวสามารถใช้สถานะของมันในฐานะขุนนางใหญ่เพื่อกดดัน สั่งรวมพลเซนทอร์หลายขบวนบุกเข้าโจมตี หรือเรียกขุนนางเล็กมาจัดกองกำลังผสม เพื่อทดสอบเมืองหุบเขาเดียวดายได้

เผ่าพันธุ์เซนทอร์นั้นมีความคล่องตัวที่สูงมาก การเดินทัพของเซนทอร์ไวกว่าก็อบลินหมี 5 – 6 เท่า ถึงแม้จะใช้เวลาเดินมากกว่า 2 วัน แต่พวกมันสามารถบีบเวลา เร่งให้เหลือครึ่งวันได้ ดังนั้นต้องตื่นตัวตลอดเวลา

“เหล่าฉู คุณส่งทหารสอดแนมของมนุษย์จิ้งจอกออกไป เคลื่อนไหวพร้อมกับสมาชิกในกลุ่มที่มีความสามารถสอดแนม ตั้งเสาสังเกตการณ์ตามทางแยกและทางเดินทั้งหมด ถ้าเจอศัตรู ให้รายงานทันที”

ฉูเทียนหัวกล่าวว่า “รับทราบ!”

จ้าวหมิงเอ่ยขึ้นในเวลานี้ “ยังไงก็เถอะ ข้อมูลขุนนางเล็กที่นายพึ่งส่งมา ฉันได้อ่านทั้งหมดและวิเคราะห์ไว้คร่าวๆแล้ว คิดว่าพวกเราน่าจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อีกเล็กน้อย”

ฮังอวี่เอ่ยถาม “คุณตั้งใจจะทำอะไร?”  ​

“ฉันอยากสร้างกลุ่มผู้ส่งสารของมังกรคราม เพื่อติดต่อทางการทูตกับขุนนางเล็กที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเมืองธารทะเลทราย อย่างไรก็ตาม คิดว่างานนี้จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ไม่รู้ว่านายจะอนุมัติหรือเปล่า … ”

สมกับที่เป็นเหล่าจ้าว

ฮังอวี่ไม่จำเป็นต้องเตือนเรื่องนี้

เขาก็รู้ว่าควรทำอย่างไร

ฮังอวี่เอ่ยถาม “คุณอยากเริ่มมาตรการทางการทูตกับขุนนางเล็กใช่ไหม?”

จ้าวหมิงตอบ “บางครั้งวิธีการทางทูตก็มีประสิทธิภาพกว่าากรทำสงคราม มนุษย์ถึงยังค่อนข้างอ่อนแอ แต่ก็มีข้อดีบางอย่างที่แม้แต่เมืองธารทะเลทรายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ ฉันมั่นใจว่าสามารถแบ่งความสัมพันธ์ระหว่างขุนนางเล็กกับเมืองธารทะเลทรายได้ในระดับหนึ่ง”

ขุนนางเล็กแท้จริงแล้วภักดีต่อขุนนางใหญ่หรือไม่?

เอาจริงๆแล้วปฏิเสธไม่ได้ว่าขุนนางเล็กกกับขุนนางใหญ่ในบางพื้นที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกันมาก ราวกับเป็นเหล็กแผ่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่ในกรณีของเมืองธารทะเลทรายแน่นอน

พื้นที่ในเขตอำนาจเมืองธารทะเลทรายมีเผ่าพันธุ์เยอะเกินไป

อีกทั้งขุนนางใหญ่ยังเอาเปรียบขุนนางเล็ก แต่ละเขตต้องจ่ายอย่างน้อย 50% ของทรัพยากรที่เก็บเกี่ยวได้!

หากอยากได้รับการคุ้มครองจากเมืองธารทะเลทราย ก็ต้องจ่ายมากถึง80% หรือ 90% ของทรัพยากรที่เก็บเกี่ยวได้!

ถ้าคุณเป็นขุนนางเล็กเหล่านี้ แล้วถูกขุนนางใหญ่เอาเปรียบมาช้านาน ย่อมไม่พอใจเมืองธารทะเลทราย!

ซึ่งจ้าวหมิงสามารถมองออกถึงจุดนี้

แม้ขุนนางเล็กจะไม่สามารถโจมตีเมืองธารทะเลทรายได้โดยตรง แต่ตราบใดที่เมืองธารทะเลทรายออกคำสั่งให้โจมตีเมืองหุบเขาเดียวดาย ขุนนางเล็กที่ไม่พอใจขุนนางใหญ่อยู่แล้วอาจแสร้งบ่นเล็กน้อยเพื่อไม่ยินยอม นี่สามารถช่วยลดแรงกดดันของเมืองหุบเขาเดียวดายลงได้

ขณะที่หากขุนนางเล็กเหล่านั้นมีมังกรครามคอยออกหน้า ก็อาจสามารถท้าทายเมืองธารทะเลทรายอย่างเปิดเผยได้

มนุษย์มีประชากรในระดับสูงเยอะกว่า ไหนจะการสนับสนุนจากโลกจริง ซึ่งมากพอที่จะนำปัญหามากมายมาสู่เมืองธารทะเลทราย เชื่อว่าขุนนางเล็กส่วนใหญ่น่าจะยินดีร่วมต่อสู้กับพวกเขา

และมังกรครามสามารถทำสัญญากับขุนนางเล็กเหล่านั้นได้เช่นกัน ว่าตราบใดที่พวกเขาสนับสนุนฮังอวี่ซึ่งเป็นผู้นำของมังกรครามให้ขึ้นเป็นขุนนางเมืองธารทะเลทรายคนใหม่ ถึงตอนนั้นใครที่สนับสนุนเขา จะได้รับการลดหย่อนภาษีลงครึ่งหนึ่ง

หรือหากไม่มั่นใจว่าจะถูกหลอก? งั้นก็เซ็นสัญญากันก็ได้!

การทำงานร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังมีประโยชน์อีกมากมาย

มนุษย์สามารถได้รับทรัพยากร อุปกรณ์ และหินสกิลมากมายที่ไม่สามารถหาได้ในแคว้นเดียวดาย และพวกเขายังสามารถผลิต พัฒนาสิ่งของที่ขุนนางเล็กเหล่านั้นไม่เคยเห็นมาก่อน

ตราบใดที่ให้ความร่วมมือกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ มนุษย์ก็จะเริ่มเปิดการค้าขายกับพวกเขา

อุปกรณ์สีขาวจำนวนมากที่ขุนนางเล็กไม่เหมาะที่จะใช้ในดินแดนและทำได้แค่นำไปย่อยสลายเท่านั้น หากโยนพวกมันลงในโลกมนุษย์ แต่ละชิ้นจะกลายเป็นอุปกรณ์คุณภาพที่มีความต้องการสูง

กองกำลังมากมายในโลกมนุษย์ได้ผลิตโพชั่นมนตรา โพชั่นลับ และอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตรา รวมไปถึงไอเท็มอื่นๆอีกจำนวนมาก ไหนจะค่ายกลหรือเทคนิคการผลิตอื่นๆที่นำกลับมาจากอาณาจักรต่างๆ นอกจากนี้ยังมีหินสกิลระดับต่ำที่หาซื้อได้ทั่วไป เมื่อนำมาขายในแคว้นเดียวดาย มูลค่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองถึงสิบเท่าทันที

การร่วมมือกับมนุษย์

ประโยชนที่กล่าวมาสามารถมองเห็นได้

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องทำเงิน แต่ยังได้รับการลดหย่อนภาษี

ฮังอวี่กล่าว “ผมอนุมัติ คุณต้องการคนกี่คนและทรัพยากรเท่าไหร่ก็ส่งรายงานมา ตราบใดที่ไม่กระทบต่อการปกป้องดินแดน เรื่องนี้คุณสามารถขยับมือขยับเท้าได้ตามอิสระ”

แม้เหล่าจ้าวจะไม่เสนอ แต่ฮังอวี่ก็จะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอยู่ดี

ในเมื่อตอนนี้เหล่าจ้าวเสนอแล้ว ก็แปลว่าเขามีความคิดนี้ในใจมานาน นี่ทำให้ฮังอวี่พอใจมาก

แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้

ฮังอวี่เคยเป็นแค่คนธรรมดา ประสบการณ์ทางสังคมและประสบการณ์ชีวิตของเขาไม่สามารถเทียบกับฉูและจ้าวได้ ฮังอวี่ไม่มีทักษะการบริหารระดับสูง เขาไม่รู้วิธีเจรจาและทักษะอื่นๆ

แต่ในฐานะผู้นำสูงสุด เขาไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติครบทุกอย่าง ขอแค่รู้จักใช้คนก็พอแล้ว

และปรากฏว่า

บอสใหญ่อย่างเขาไม่จำเป็นต้องลงมือทำด้วยตัวเอง

มังกรฟ้ามี ซูหยุนปิง หวังเอ๋อ

มังกรครามมี ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง

ฮังอวี่สบายใจมาก

“ยังไงก็เถอะ เหล่าจ้าว เหล่าฉู หลังจากจัดการงานเรียบร้อยแล้ว ขอให้แต่งตั้งรองขุนนางที่เชื่อถือได้คุมดินแดนชั่วคราว ส่วนพวกคุณให้กลับมาเมืองหุบเขาเดียวดายทันที ผมตั้งใจจะคัดเลือกทีมชั้นยอดเข้าท้าทายคุกโบราณที่อยู่ลึกเข้าไปในทะเลทรายมรณะ”

“เข้าใจแล้ว”

ฮังอวี่ติดต่อหาลุคแห่งเมืองธารทะเลทรายต่อ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มงวดและไม่พอใจ “ลุค ประสิทธิภาพของสำนักกระบี่วิญญาณแย่มาก ผมผิดหวังจริงๆ”

ลุคเข้าใจได้ทันทีว่าฮังอวี่หมายถึงเรื่องอะไร เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อน

“เรื่องค่ายกลเทเลพอร์ต พวกเราก็พยายามกันอยู่ แต่เบื้องบนยังมีคนเห็นต่าง นายต้องอดทนหน่อย … ”

ฮังอวี่กล่าวว่า “เมืองธารทะเลทรายไม่ยอมให้เวลาพวกเราหรอก ในเมื่อสำนักกระบี่วิญญาณแก้ปัญหานี้ไม่ได้ งั้นพวกเราจะเป็นคนทำให้สมหวังเอง!”

“นายว่าอะไร?”

ลุครู้สึกสับสน

แต่หลังจากนั้นฮังอวี่ก็วางสายไป

เขาเรียกหวังเอ๋อเข้าพบและเอ่ยถาม “บทความที่สั่งให้เขียนไปถึงไหนแล้ว?”

“ฮ่ง เจ้านาย อย่าดูถูกเปิ่นหวัง ถึงเปิ่นหวังจะเป็นฮัสกี้ แต่เปิ่นหวังก็เก่งในด้านวรรณกรรม มีวิธีการเขียนที่เฉียบคม! ถ้าสามารถย้อนเวลา …”

ฮังอวี่ขัดจังหวะคุยโม้ของสุนัข “เอาล่ะๆ ถ้านายทำตามที่ฉันขอเสร็จแล้ว ก็ให้ใส่ชื่อของฉันในบทความ แล้วปล่อยมันลงโซเชียลซะ”