3/10

 

Ep.367

 

พวกต่างเผ่าและมนุษย์ใกล้เข้ามาถึงระดับหนึ่งก็หยุดลง

 

“พวกแกมาหาฉันหรอ?” ซูเฉินปาดจมูก เอ่ยถามอย่างเฉยชา

 

ดูจากท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกมันมาที่นี่เพราะเขา

 

ยกโขยงมากันขนาดนี้ คงไม่พ้นมาถามปัญหาเรื่องที่เขาสังหารนิกายวูหยินและภูเขาชิงเฉิงไปก่อนหน้านี้

 

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ก็ได้นี่?

 

มนุษย์กับพวกต่างเผ่าร่วมมือกัน เตรียมพร้อมเปิดสมรภูมิครั้งใหญ่!

 

ณ เวลานี้ ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวก้าวออกมาจากกลุ่มฝั่งตรงข้าม รูปร่างของเขาสง่าผ่าเผย เจ้าตัวกวาดมองซูเฉิน กล่าวเย้ยหยัน “ซูเฉิน! หลายวันมานี้ แกฆ่าคนไปมากมาย อาละวาดหนักข้อจนเกินไปแล้ว วันนี้มาดูกันว่าแกจะหนีไปได้อย่างไร?”

 

ซูเฉินงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “แกรู้จักชื่อฉันได้ยังไง?”

 

นับแต่เข้ามาในเขตหยูหลิน เกือบทุกที่ที่เขาผ่าน ฆ่าล้างอย่างเมามัน ไอ้เรื่องข่าวเล่าข่าวลือเกี่ยวกับเขาน่ะเข้าใจได้

 

แต่ประเด็นก็คือ ทุกครั้งเขามักประกาศชื่อโม่เฉิงกงแห่งภูเขาฉีหลินออกไป แล้วอีกฝ่ายรู้ชื่อเขาได้อย่างไร?

 

ชายวัยกลางคนฉีกยิ้มมืดมน “นั่นเพราะพวกเราจับตาดูแกมาตั้งนานแล้ว เริ่มตั้งแต่เทือกเขาฮวงเจ๋อ ตลอดทางนั้นแกฆ่าสมาชิกเมืองทงเทียนของพวกเราไปมากมาย แต่ก็ยังกล้ามาเหยียบที่นี่!”

 

ซูเฉินค่อยเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นในเทือกเขาฮวงเจ๋อ , สถานชุมชนฮั่วหลาง หรือเมืองหวังเยว่ เขาล้วนสังหารคนจากเมืองทงเทียน ดูเหมือนว่าเขาจะดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายมาตั้งนานแล้ว

 

ส่วนสาเหตุที่อีกฝ่ายไม่ยอมลงมือ อาจเป็นเพราะหวาดกลัวในความแข็งแกร่งของเขา

 

การที่ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม จนเลือกตัดสินใจลงมือในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะได้พวกต่างเผ่ามาเป็นกำลังเสริม เลยคิดว่าจะเอาชนะเขาได้

 

“ในเมื่อรู้ถึงที่มาที่ไปของฉัน แต่ยังกล้าบุกเข้ามาสร้างปัญหา พวกแกไม่กลัวตายหรอ?”

 

ท่าทีของซูเฉินยังคงดูผ่อนคลาย แต่ในแววตาทอประกายหยามเหยียด

 

ฝ่ายตรงข้ามกำลังคุกคามเขา ยกพลมาเป็นโขยง แค่กลิ่นอายก็สามารถกดดันผู้คนจนหายใจไม่ออกแล้ว

 

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 เกรงว่าคงหวาดกลัวจนหันต้องหลังหนีไปนานแล้ว

 

แต่ซูเฉินคือใคร? ต่อให้มีลมพายุหรือคลื่นยักษ์โถมเข้ามา เขาก็ไม่เคยเห็นพวกมันอยู่ในสายตา

 

นับตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง เขาได้ต่อกรกับสุดยอดผู้แข็งแกร่งมาแล้วไม่ต่ำกว่าหลักสิบคน กระทั่งผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 ก็ยังสามารถสังหารได้ในไม่กี่วินาที

 

ฉะนั้นสมรภูมิเล็กจ้อยตรงหน้าก็ไม่ต่างจากสมรภูมิอื่นๆ ไม่นับเป็นสิ่งใดในสายตาเขา

 

“ไอ้หนู เจ้ามันบ้าไปแล้ว!”

 

สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าที่ขี่หมูดำทั้งตัวก้าวออกมา ใช้วาจาดูถูกซูเฉิน

 

“บิดาก็บ้าคลั่งเช่นนี้มาโดนตลอด แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทำอะไรฉันได้ซักคน” ซูเฉินตอกกลับไป แล้วเอ่ยถาม “แกมาจากเผ่าพันธุ์ไหน?”

 

พวกต่างเผ่าตอนแรกกำลังโกรธเคือง แต่เมื่อได้ยินซูเฉินพูดภาษาของพวกมัน ก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยปากว่า

 

“เด็กน้อย เจ้ารู้จักภาษาเผ่าราชวงศ์อสูรของเราได้อย่างไร? หรือว่าเจ้าจะมาจากภูเขาฉีหลิน?”

 

ภาษาของเผ่าราชวงศ์อสูร ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถพูดได้

 

และสถานที่ที่เผ่าราชวงศ์อสูรอาศัยอยู่มาอย่างช้านาน มีแค่บนภูเขาฉีหลินเท่านั้น เฉพาะที่นั่นที่พวกมันสนทนาสื่อสารกับมนุษย์

 

พวกมันเลยสงสัยว่าซูเฉินอาจมาจากภูเขาฉีหลิน

 

ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินก็ตกตะลึงไปเช่นกัน

 

เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นเผ่าราชวงศ์อสูร สามารถเข้าออกภูเขาฉีหลินได้อยู่แล้ว งั้นทำไมถึงต้องมาเปิดทางผ่านเขตแดนแห่งใหม่เพิ่มอีก?

 

เพราะทำแบบนี้มันไม่ต่างจากทำอะไรซ้ำซ้อนจนเสียเปล่าหรอกหรือ?

 

“ภูเขาฉีหลินก็แค่มดในสายตาฉัน”

 

ซูเฉินหัวเราะเบาๆ กล่าวด้วยความรังเกียจ กวาดมองเผ่าราชวงศ์อสูร “บอกจุดประสงค์ที่เปิดทางผ่านเขตแดนในเมืองทงเทียนมา แล้วฉันจะยอมปล่อยให้ศพแกอยู่ในสภาพสมบูรณ์”

 

“ฮะ ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

 

พวกต่างเผ่าทุกตนระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สายตาที่มองซูเฉินไม่ต่างจากกำลังมองคนโง่

 

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันเจอคนอวดโอ้แบบหน้าด้านๆเช่นซูเฉิน รู้สึกว่าประโยคเมื่อครู่ช่างน่าขันเสียจริง

 

4/10

 

Ep.368

 

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงหัวเราะก็หยุดลง

 

เผ่าราชวงศ์อสูรที่ขี่หมูดำกลายพันธุ์ หันไปส่งสายตาให้ชนเผ่าของมันที่อยู่เบื้องหลัง “ต้ารู่ โค่นมันเสีย แต่จงจำไว้ ว่าต้องจับมันมาแบบมีชีวิต”

 

“ขอรับนายท่าน”

 

ชาวเผ่าราชวงศ์อสูรที่ขี่กระทิงกลายพันธุ์ตอบกลับด้วยความเคารพ จากนั้นสั่งการสัตว์คู่กายจน ควบเข้าหาซูเฉินด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม

 

ตึง ตึง ตึงง!

 

กระทิงกลายพันธุ์มีร่างกายที่ใหญ่โตมาก แข้งขาของมันทั้งหนาและแข็งแรง ทุกย่างก้าว เหยียบย่ำพื้นดินจนแตกร้าว แผ่นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น

 

“สัตว์กลายพันธุ์เลเวล 4 … ”

 

ดวงตาของซูเฉินค่อยๆหรี่ลง มุมปากเขาโค้งมนเป็นรอยยิ้ม

 

สัตว์กลายพันธุ์เลเวล 4 นับว่าหาได้ยากและมีน้อยนิดยิ่ง การสังหารมันเท่ากับได้รับ หินพลังงานเลเวล 4 และโอกาสที่จะดรอปชิ้นส่วนก็สูงมากเช่นกัน

 

“เจ้าหนู จงลิ้มรสถึงความร้ายกาจของเผ่าราชวงศ์อสูรของพวกเรา!”

 

ในชั่วพริบตา เผ่าราชวงศ์อสูรควบกระทิงกลายพันธุ์เข้าประชิดถึงตัวซูเฉิน ยกแส้ยาวในมือมันฟาดออกไป

 

ซูเฉินเบ้ปาก ตวัดดาบสวนกลับไป

 

ชิ้ง … เปรี้ยง!

 

บังเกิดเสียงฟ้าคะนองดังกึกก้อง สายฟ้าสีฟ้าสาดประกายระยิบระยับบนใบดาบ พริบตาเดียวกวาดไปทางเผ่าราชวงศ์อสูร

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นอสนีบาตอันน่าสยดสยองฟาดลงมา สีหน้าของเผ่าราชวงศ์อสูรก็แปรเปลี่ยนไป ตบลงบนหัวกระทิงกลายพันธุ์ ตะโกนขึ้นอย่างร้อนรน “ปลดปล่อยโล่พสุธา!”

 

กระทิงกลายพันธุ์เองก็สัมผัสได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา มันแหงนหน้ากู่ก้องฟ้า อ้าปากพ่นหมอกสีเหลือง

 

หมอกลอยขึ้นต่อหน้าต่อตามัน หลังกระเพื่อมเป็นคลื่นระลอกหนึ่ง พลันก่อตัวเป็นกำแพงดินหนาสูงหลายเมตร

 

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ซูเฉินได้พบกับสัตว์กลายพันธุ์ที่สามารถปลดปล่อยเวทย์ธาตุดินได้ อย่างไรก็ตาม เขายังคงมั่นใจในเวทย์สายฟ้าของตน ดังนั้นไม่พะวงว่าจะพ่ายแพ้

 

วินาทีถัดมา คลื่นสีฟ้าก็กระแทกเข้าใส่กำแพงดิน เพียงเสี้ยวเดียว กำแพงดินก็แหลกเป็นเสี่ยงๆทันที จากนั้นสายฟ้าก็โถมกลืนร่างของเผ่าราชวงศ์อสูรกับกระทิงกลายพันธุ์

 

ซี่ ซี่ …

 

หลังจากเกิดฟ้าร้องและฟ้าผ่าอย่างรุนแรง เผ่าราชวงศ์อสูรและกระทิงกลายพันธุ์ ทั้งสองกลายเป็นศพไม่เกรียม

 

ในเวลาเดียวกัน ลำแสงกว่าห้าสายสาดเข้ามาในสายตาเขา

 

“ชิ้นส่วน 5 ชิ้น!”

 

มุมปากของซูเฉินอดยกยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ สายตาจับจ้องไปยังพวกต่างเผ่าตัวอื่นๆ นัยน์ตาฟุ้งไปด้วยความละโมบจนสังเกตเห็นได้ชัด

 

สังหารเผ่าราชวงศ์อสูรตัวเดียว สามารถดรอปชิ้นส่วนได้มากถึง 5 ชิ้น ฉะนั้นแล้วเขาจะดรอปชิ้นส่วนได้มากมายขนาดไหนกัน หากฆ่าพวกมันทั้งหมด?

 

ซูเฉินเริ่มจินตนาการถึงภาพที่มีชิ้นส่วนมหาศาลกองอยู่บนพื้น

 

ในเวลาเดียวกัน เผ่าราชวงศ์อสูรฝั่งตรงข้ามตะลึงลาน ในแววตาเริ่มปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัว

 

เผ่าราชวงศ์ที่ขี่หมูดำ เผลอกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ มุมปากของเขากระตุกโดยไม่รู้ตัว

 

ต้องรู้นะว่า ลูกน้องที่มันส่งไปเมื่อครู่คือผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 และสัตว์กลายพันธุ์ก็เป็นเลเวล 4 เช่นกัน

 

ทว่ากลับถูกซูเฉินสังหารในพริบตา แม้ว่าจะเห็นกับตาตัวเอง แต่ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อนัก

 

ความแข็งแกร่งของซูเฉินเกินความคาดหมายอย่างสิ้นเชิง

 

กระทั่งตัวมันในฐานะผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 ช่วงเวลานี้ยังอดคิดในใจไม่ได้ ว่าหากเป็นตน จักสามารถต่อกรกับซูเฉินได้หรือไม่?

 

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมขาวใกล้ๆมัน สีหน้าของอีกฝ่ายกลายเป็นปั้นยากอย่างถึงที่สุด

 

เขารู้อยู่แล้วว่าซูเฉินน่ะแข็งแกร่งมาก ดังนั้นจึงเฝ้ารอจนกว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าราชวงศ์อสูรปรากฏตัว ถึงค่อยเข้ามาจัดการกับซูเฉิน

 

แต่ไม่เคยคิดเลย ว่าเขายังคงประเมินความแข็งแกร่งของซูเฉินต่ำไป

 

สังหารผู้วิวัฒนาการและสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 4 ลงได้ในดาบเดียว ผลลัพธ์นี้เกรงว่าแม้แต่ผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 ก็ยังไม่สามารถทำได้

 

ณ ขณะนี้ เขาเริ่มสัมผัสได้ถึงลางไม่ดี ในใจเกิดความคิดว่าอยากจะหลบหนีไปในทันที

 

อย่างไรก็ตาม เขาจะสามารถหนีได้หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับความปรารถนาของเผ่าราชวงศ์อสูร เลยอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเผ่าราชวงศ์ที่ขี่หมูดำกลายพันธุ์