1/3

Ep.365 – เปิดธุรกิจเดินเรือ

เมื่อชาลูกลับมา

ความจริงที่ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้เกิดการบาดเจ็บล้มตายแม้แต่คนเดียวทำให้ชาวเผ่าทะเลผู้นี้ตกใจมาก

แม้มันจะรู้ว่านักผจญภัยเหล่านี้มีศักยภาพสูง แต่อัตราการพัฒนาระดับนี้น่าทึ่งเกินไป ในตอนที่มันสู้กับฮังอวี่ครั้งก่อน ฮังอวี่ยังเป็นแค่ไก่อ่อนต้องสู้กับตัวเองแทบตาย แต่ตอนนี้ … พลังรบของเขาแก่กล้าเสียยิ่งกว่าตอนที่ชาลู่ข้ามมิติมา!

ฉูเทียนหัวเดินมาหาฮังอวี่ “นี่คือข้อดีของโลกจริง อุปกรณ์ใดก็ตามที่ศัตรูสวมใส่ เวลาตายพวกเราสามารถนำมันออกมาได้ ลองดูนี่สิ พวกเราริบสินสงครามมาได้เป็นสิบๆชิ้นในครั้งนี้”

ผู้เบิกทางทั้งสามถูกเปลื้องผ้า

สองพี่น้องตระกูลเหลียงเดินมาพร้อมกับกองอุปกรณ์

เหลียงชิวกล่าวขึ้นว่า “เป็นของดีทุกชิ้น ทั้งหมดมีคุณภาพสีเขียว และในนี้มีอุปกรณ์สีเขียวเลเวล 11 12 อยู่หลายชิ้น!”

ฮังอวี่กวาดสายตามอง

ไม่มีชุดสีฟ้าแม้แต่ตัวเดียว

เขาอดส่ายหัวไม่ได้ “มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การถอดอุปกรณ์จากศพได้มันดีก็จริง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีโอกาสดรอปไอเท็มในมิติเก็บของ รวมไปถึงสกิลมรดก คุณก็เห็นใช่ไหมว่าเจ้าพวกนี้มีทั้งสกิลขั้น 3 กับ 4 ช่างน่าเสียดาย!”

สกิลขั้น 3 ขึ้นไปที่ยังไม่สามารถทืบทอดมรดกได้สมบูรณ์จะมีโอกาสดรอปสูง

นั่นหมายความว่าหากฮังอวี่ฆ่าปาซาร์ได้ในโลกวิญญาณ อย่างน้อยศัตรูก็น่าจะดรอปหินสกิลขั้น 4 สักก้อนถูกไหม?

ฮังอวี่เหลียวมองพวกเหลียงตงและกล่าวว่า “พวกคุณช่วยเราได้เยอะในครั้งนี้ เพราะงั้นเลือกหยิบไปได้คนละชิ้น ถือว่าเป็นการขอบคุณของผม” ​

“จริงๆหรอ?”

“เยี่ยมไปเลย!”

เจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองโลกวิญญาณทั้งสี่ต่างดีอกดีใจ

อุปกรณ์สีเขียวเลเวล 10 หรือสูงกว่านั้นไม่ค่อยมีค่าเท่าไหร่สำหรับฮังอวี่

แต่สำหรับคนอื่นๆ มันคือสิ่งล้ำค่าอย่างแน่นอน แม้แต่นักผจญภัยในระดับหัวหน้าทีมของสกายเน็ต จำนวนอุปกรณ์สีเขียวบนตัวพวกเขา สูงสุดมีใส่กันแค่ 2 3 ชิ้นเท่านั้น

ฮังอวี่มอบอุปกรณ์สีเขียวที่เหลืออีกสิบชุดให้ซูหยุนปิง

แม้จะไม่มีไอเท็มสีฟ้า แต่อุปกรณ์เหล่านี้มีคุณภาพไม่เลว

บอสฮังไม่ใช้งานมัน แต่คนของเขาต้องใช้ หรืออย่างแย่ที่สุด อย่างน้อยนำออกขายแล้วแลกเปลี่ยนเป็นหินคริสตัลเขียวซัก 100 – 200 ก้อนก็ยังได้

ซูหยุนปิงเดินไปหาชาลู่ “ปัญหาของนายพวกเราแก้ไขให้แล้ว คราวนี้ถึงเวลานายแสดงผลกำไรที่ได้ให้พวกเราดูบ้างแล้ว”

ชาลู่ตอบทันที “โปรดมากับข้า!”

ฐานทัพในเมืองหยุนสุ่ยได้รวบรวมเอาส่วนที่เหลือของปาซาร์เข้ามา

จำนวนทหารฝ่ายผลิตจึงเพิ่มมากขึ้นกว่า 1000 นาย และทหารต่อสู้เพิ่มมากกว่า 500 นาย

นี่เป็นเพียงจุดเร่มต้น ยังมีทหารที่กระจัดกระจายอีกมากมาย รวมไปถึงทหารของผู้เบิกทางตนอื่นๆที่พ่ายแพ้ หากสามารถฮุบเอาทั้งหมดได้โดยเร็วแล้วรวมเข้ากับเมืองหยุนสุ่ย ชาลู่อาจมีกำลังพลทะลุ 6000 นายได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นฐานผ้เบิกทางขนาดใหญ่

และประโยชน์ที่จะได้จากเรื่องนี้ชัดเจน

ตราบใดที่ฐานหยุนสุ่ยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ตำแหน่งในฐานะผู้เบิกทางของชาลู่ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

ตราบใดที่ชาลู่ขึ้นเป็นกองทัพมนุษย์ปลาที่ใหญ่และทรงพลังที่สุดในกองพลวายุคลั่ง ในอนาคตทรัพยากรทสนับสนุนที่ส่งผ่านจากรอยแยกมิติส่วนใหญ่ก็จะถูกมอบให้แก่มัน

และสุดท้าย

กองพลวายุคลั่งต้องจ่ายราคามหาศาล

เพราะเป้าหมายของพวกมันไม่เพียงไม่สามารถบรรลุ แต่การกระทำของเมืองมันยังเป็นการหล่อเลี้ยงเจียงเฉิง เพิ่มประสิทธิภาพแก่กลุ่มของฮังอวี่ ถึงเวลากว่าพวกมันจะตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก็สายเกินไปแล้ว

ผลกำไรของชาลู่ไม่ใช่แค่ด้านสมุนทหารเท่านั้น

แต่ครั้งนี้ผลกำไรด้านวัสดุก็น่าพอใจเช่นกัน

สกายเน็ตยึดวัสดุและเสบียงมากกว่า 80,000 ชุดจากรังของปาซาร์

ตามข้อตกลง หลังจากสกายเน็ตบุกทำลายฐานผู้เบิกทางโดยใช้ข้อมูลของชาลู่ พวกเขาต้องส่งมอบครึ่งหนึ่งมายังฐานเมืองหยุนสุ่ย เพื่อช่วยให้ฐานๆนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับกลุ่มมังกรฟ้าและองค์กรมังกรคราม หรือก็คือดีต่อฮังอวี่อย่างแน่นอน

“พวกเรายังได้เรือเดินทะเลของปาซาร์มาด้วย!”

“ทั้งหมด 15 ลำ เชิญดู”

ชาลู่พาคนอื่นๆมายังท่าเรือริมแม่น้ำ ท่ามกลางหมอกหนา ทุกคนสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่ามีเรือใบขนาดใหญ่นับสิบลำ เมื่อมองแวบแรกดูเก่าแก่ รูปร่างค่อนข้างแปลก ปรากฏบนผิวน้ำ

แต่ละลำสามารถบรรทุกได้ประมาณ 1000 คน!

นอกจากนี้ ทุกลำยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราและค่ายกลรูปแบบต่างๆได้

นี่คือเรือขนส่งที่กองพลวายุคลั่งใช้ในมหาสมุทรบนโลกวิญญาณ

มันไม่ใช่เพียงพาหนะ แต่ยังเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ของเผ่าทะเลด้วย ด้วยความสามารถของมนุษย์ในปัจจุบันบันยังไม่สามารถสร้างมันขึ้นได้ แต่ในฐานะเรือที่แล่นในมหาสมุทรโลกวิญญาณ การใช้งานมันในน่านน้ำของโลกมนุษย์จะช่วยให้คนหรือของข้างในปลอดภัยขึ้นเยอะ

ซูหยุนปิงกล่าว “พวกเรามีเรือแบบนี้อยู่แล้วสองลำ เมื่อเพิ่มของใหม่เข้ามาก็จะรวมเป็น 17 ลำ เรียกได้ว่าสามารถสร้างหน่วยขนส่งที่ไม่อ่อนแอ”

“เรือพวกนี้พอจะให้ทางรัฐบาลเมืองเจียงเฉิงเช่าได้ไหม?” ดวงตาของฉูเทียนหัวสว่างไสว “รัฐบาลเจียงเฉิงกำลังปวดหัวเรื่องโยกย้ายคนมาเจียงเฉิง ตอนนี้ทั้งทางบกและทางอากาศอันตรายเกินไป แต่ถ้ามีเรือที่แข็งแกร่งไว้แล่นบนน้ำหรือดำน้ำได้ นี่น่าจะช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น เหมาะสำหรับการขนส่งประชาชนมากที่สุด”

ฮังอวี่พยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล เมืองหยุนสุ่ยไม่น่าได้ใช้เรือมากขนาดนั้นในตอนนี้ เพราะงั้นเรื่องมอบบางส่วนให้รัฐบาลเช่าไม่ใช่ปัญหา ตรงกันข้าม แบบนี้สิถึงจะเป็นการใช้ทรัพยากรได้อย่างเต็มที่” ​

ถ้ามีเรือพวกนี้

เรื่องการขนส่งก็สามารถมั่นใจได้มากขึ้น

ต่อไปเมืองทางใต้ส่วนใหญ่อาจเชื่อมต่อกันทางน้ำ

ในยุคที่แต่ละเมืองปกครองตนเองเช่นนี้ หากสามารถทำการค้าข้ามเมืองได้ย่อมฟันกำไรมหาศาล อย่างในเจียงเฉิงแร่เหล็กเย็นมีราคาต่ำ แต่ในเมืองหงเฉิงมันมีราคาแพงมาก ขณะที่แร่มิธริลในเจียงเฉิงแพง แต่หงเฉิงราคาต่ำเพราะหาซื้อได้ง่าย

ฮังอวี่สามารถจัดส่งแร่เหล็กเย็นหลายพันก้อนทางเรือไปยังหงเฉิงและที่อื่นๆเพื่อฟันกำไร

และขากลับ พวกเขาจะกว้านซื้อแร่มิธริลหลายพันก้อนขนมายังเจียงเฉิง

ถือได้ว่าเป็นการฟันกำไรทั้งสองรอบ

ก่อนหน้านี้ฮังอวี่มีเรือและกำลังพลค่อนข้างน้อยจึงไม่สามารถทำได้

แต่ตอนนี้อาณาเขตของชาลู่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เรือในมือก็มีมากขึ้น ในอนาคตตราบใดที่สามารถควบคุมน่านน้ำได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการค้าข้ามเมือง หรือดัดแปลงมันเป็นการขนส่งผู้โดยสารก็สามารถทำได้

หลังจากแก้ไขปัญหาในเมืองหยุนสุ่ยแล้ว

ฮังอวี่กลับมายังชุมชนมังกรฟ้า

เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายดินแดนทางฝั่งโลกวิญญาณ

เขาได้รับข่าวลือมาว่าเมืองทรายดำ , เมืองเตาหลอมศิลา , และเมืองขุนเขาเหล็กน่าจะบุกโจมตีในเร็วๆนี้ แม้พลังรบของเมืองหุบเขาเดียวดายในปัจจุบันจะไม่ต้องกังวลเรื่องการป้องกันเมือง แต่ฮังอวี่ไม่ต้องการแค่ป้องกัน –เขาจะถือโอกาสนี้ยึดเมืองทั้งสามในคราวเดียว แผ่ขยายอำนาจของมนุษย์ในโลกวิญญาณ

และตราบใดที่ทำสำเร็จ

ขุนนางใหญ่คาลิมัวแห่งเมืองธารทะเลทรายต้องหันมามองอย่างแน่นอน

อันตรายที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การต่อสู้เมืองกับธารทะเลทราย ดินแดนเล็กๆสี่แห่งจะสามารถทนต่อแรงกดดันจากเมืองธารทะเลทรายได้หรือไม่? แน่นอน ย่อมถูกอีกฝ่ายบดขยี้อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ฮังอวี่มีความมั่นใจที่จะสู้

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะสิ่งที่พวกเขามีไม่ใช่แค่ดินแดนเล็กๆสี่แห่งในโลกวิญญาณ

แต่ยังมีผู้สนับสนุนเบื้องหลังอย่างมนุษย์ในโลกจริง!

กุญแจสู่ชัยชนะ

ไม่ได้อยู่ในด้านที่ว่าทหารฝั่งโลกวิญญาณเข้มแข็งขนาดไหน

แต่มันอยู่ในด้านที่ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะสามารถรวมพลังกันได้มากเพียงไร

และจะใช้ทรัพยากรในโลกจริงให้เกิดประโยชน์ได้ถึงขนาดไหน!