1/3

Ep.328 – ข้ารับใช้

ทหารรักษาดินแดนถูกเรียกออกมาทีละคน

ฮังอวี่ได้แสดงค่าคุณสมบัติของทหารเหล่านั้นให้ฝูงชนดู

ข้อมูลที่เปิดเผยสร้างความประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากผู้ชมทั้งในที่โลกวิญญาณและโลกจริงที่รับชมการถ่ายทอดสด

ทหารต่อสู้ทั้งสี่ประเภทมีค่าคุณสมบัติคล้ายๆกัน และทั้งหมดเป็นชนชั้นยอดขั้นบรอนซ์

ในแง่ของอุปกรณ์ พวกเขาล้วนสวมใส่ชุดสีขาวขุ่นเลเวล 10 ในส่วนของสกิล ทั้งหมดสืบทอดมรดกขั้น 1 ที่สมบูรณ์

และในเมื่อวัสดุที่ใช้สร้างแตกต่างกัน ฉะนั้นอาวุธของพวกเขาก็ต้องแตกต่างกันอยู่แล้ว แต่ของที่ใช้สร้างทหารรักษากับทหารจอมเวทย์จะมีราคาแพงกว่า อาจเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์และสกิลของพวกเขา

สถานการณ์ข้างต้น

ทำให้ตัวแทนจากแต่ละทีมเริ่มคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้

ตอนนี้ทุกคนกำลังชั่งใจถึงข้อดีและข้อเสียของการสร้างกองทัพทหารในโลกวิญญาณ

จากนั้น ฮังอวี่ได้ประกาศแผนการกระจายอำนาจทางทหาร เขาตั้งใจที่จะจัดตั้งกองกำลังสี่หน่วยในเมืองหุบเขาเดียวดาย และแต่ละหน่วยจะสามารถสร้างทหารได้สูงสุด 500 นาย

หน่วยแรกนำทีมโดยจ้าวหมิง

หน่วยที่สองนำทีมโดยฉูเทียนหัว

หน่วยที่สามนำทีมโดยสำนักกระบี่วิญญาณ

หน่วยที่สี่นำทีมโดยเหล่าตัวแทนจากขุมกำลังประเทศต่างๆที่เข้าร่วมศึกนี้

จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว ทั้งสองคนได้รับหน้าที่เป็นรองขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดาย

สองหน่วยแรกเป็นกองกำลังของฮังอวี่ ดังนั้นเขามีสิทธิควบคุม  100%

หน่วยที่สามและสี่อีกครึ่งหนึ่งคือสิ่งที่ฮังอวี่สัญญาไว้ว่าจะแบ่งปันให้ทุกคน และสำหรับการแจกจ่ายนี้ ทุกคนพึงพอใจกับมัน

เช่นนั้นแล้วถ้ามีขุมกำลังอื่นเพิ่มเข้ามาในหุบเขาเดียวดายเล่า จะแบ่งปันให้พวกเขายังไง?

เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยาก!

ฮังอวี่สามารถเพิ่มขีดจำกัดของจำนวนทหารได้โดยการอัพเกรดดินแดนของเขา ซึ่งนั่นสามารถเพิ่มขีดจำกัดทหารได้สูงถึง 2000 นาย และมากพอที่จะแบ่งปันกับทุกคน

สรุป

ตอนนี้เรื่องที่ต้องทำโดยด่วน

นั่นคือการเร่งขยายดินแดน

ในเวลานี้ หวังเอ๋อและเสี่ยวไป๋เดินเข้ามาหาเขา ฮัสกี้แลบลิ้นเอ่ยปากออกมา “ฮ่ง เจ้านาย เชลยสองตนถูกพาตัวมาแล้ว ได้โปรดออกคำสั่งด้วย”

ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องการรับสมัครทหาร ไม่ก็กำลังทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของเมืองหุบเขาเดียวดาย ทำให้ตอนนี้เผลอมองข้ามเรื่องสำคัญไป

ยังเหลือมนุษย์จิ้งจอกที่ยังไม่ถูกกำจัด!

ยังมีอีกสองตัวที่ฮังอวี่ขังเอาไว้!

ตอนนี้เย่กู เย่โน่ยังอยู่ในสถานะปิดผนึก พวกมันถูกพาตัวเข้ามายังเมืองหุบเขาเดียวดาย

เมื่อมนุษย์จิ้งจอกทั้งสองรู้ว่าดินแดนของตนถูกชาวต่างถิ่นเข้ายึดครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันเห็นรูปปั้นมนุษย์บนแท่นบูชาขุนนาง ทันใดนั้นสีหน้าของพวกมันกลายเป็นน่าเกลียดถึงที่สุด สั่นระริกราวกับถูกแช่อยู่ในถังน้ำแข็ง

เห็นได้ชัดว่าเย่กู่ เย่โน่ไม่นึกฝัน

ว่าผู้นำของตนอย่างลูกันจะพ่ายแพ้

เมืองหุบเขาเดียวดายถูกยึดครองโดยชาวต่างถิ่นที่ไม่น่าจะแข็งแกร่ง!

ฉูเทียนหัว จ้าวหมิงถูกสั่งให้รับหน้าข้างนอก

ฮังอวี่มอบหมายให้ทั้งสองคุยรายละเอียดการสร้างดินแดนกับทุกคน

ในเวลาเดียวกันก็ปล่อยให้พวกเขาเป็นตัวแทนถูกสัมภาษณ์โดยนักข่าวเฉพาะกิจจากสมาคมโลกวิญญาณ

ฮังอวี่บอกเสี่ยวไป๋กับหวังเอ๋อให้พาเชลยเข้าไปในคฤหาสน์หิน

คฤหาสน์หินหลังนี้มีขนาดไม่เล็ก มันคือที่อยู่อาศัยของขุนนางและเหล่าระดับสูงประจำเมือง ไม่เพียงกว้างขวาง แต่ยังมีห้องทดลองสำหรับการกลั่นยาและเล่นแร่แปรธาตุ รวมไปถึงบ่อน้ำวิญญาณที่ตั้งอยู่ในลานบ้าน และสวนพืชวิญญาณถึงสองแห่ง

นอกจากนี้ยังมีห้องพักผ่อน

แต่ห้องพักผ่อนไม่ได้มีไว้สำหรับพักผ่อนเท่านั้น

มันได้รับการติดตั้งค่ายกลพิเศษเอาไว้ ทำให้เมื่ออยู่ข้างใน จะสามารถเพิ่มแต้มวิญญาณได้อย่างช้าๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับขุนนางเมือง

แม้เป็นสุนัข แต่เวลานี้หวังเอ๋อกลับเชิดหน้าชูคอราวพยัคฆ์ มันเอ่ยว่า “ฮ่ง เจ้าเชลยต่ำต้อยเห็นเจ้านายของเปิ่นหวังแล้วทำไมยังไม่ยอมคุกเข่าอีก!”

เย่กู่ เย่โน่รีบโค้งตัวแนบหน้าผากติดพื้นอย่างขลาดกลัว

มันคุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง

แม้ตอนนี้เสี่ยวไป๋จะปลดผนึกบางส่วนเอาไว้ชั่วคราว แต่พวกมันก็ยังไม่แสดงท่าทีว่าจะต่อต้านแม้แต่น้อย!

มนุษย์จิ้งจอกทั้งสองตระหนักดีถึงกฏอันโหดร้ายของโลกวิญญาณ ในฐานะผู้แพ้ พวกมันจะสูญเสียทุกอย่าง ไม่เว้นกระทั่งชีวิตหรือจิตวิญญาณ!

ฮังอวี่นั่งลงบนเก้าอี้หินแล้วกล่าวว่า “พวกแกคงจะรู้แล้วว่ากองโจร 18 มนุษย์จิ้งจอกตอนนี้ได้หายไปแล้ว 16 ตัว เหลือแค่ไก่อ่อนอย่างพวกแกสองตัวเท่านั้น ”

เย่กู่มีหรือจะกล้าอวดดีอีก “ขอท่านขุนนางโปรดไว้ชีวิตพวกเรา!”

เย่โน่ยอมศิโรราบอย่างว่าง่าย “พวกเราขอเป็นเผ่าพันธุ์รับใช้ของเมืองหุบเขาเดียวดาย ยินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่านขุนนางตลอดไป ยอมเชื่อฟังไม่กล้าขัดคำสั่งแม้เพียงครึ่งคำ!”

หากคำนวณตามอายุในโลกวิญญาณ

ตัวหนึ่งมีอายุ 5 ปี อีกหนึ่งอายุ 6 ปี

เผ่าพันธุ์ระดับสูงในโลกวิญญาณนั้นหายากมาก ยิ่งพวกที่ยังขาดประสบการณ์ทางสังคม หรือขาดประสบการณ์ในการวางกลอุบายยิ่งแล้วใหญ่

หากตอนนี้อยู่ในโลกมนุษย์ เกรงว่ามนุษย์จิ้งจอกทั้งสองตัวคงถูกขายให้กับเหมือง โดนส่งไปขุดถ่านหินไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ขาดประสบการณ์ทางสังคม แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกมันโง่

อย่างน้อยมนุษย์จิ้งจอกก็ยังมีสติปัญญา มีความสามารถในการคิดและตัดสินใจ ตอนนี้เมื่อลูกันกับพรรคพวกทั้ง 15 ตัวถูกฆ่าตาย และเมืองหุบเขาเดียวดายถูกชาวต่างเผ่ายึดครอง พวกมันก็ยอมศิโรราบทันที

เหตุใดฮังอวี่ถึงยังทิ้งพวกมันทั้งสองไว้?

เหตุใดจึงไม่ตวัดมีดเดียวสังหารเกลี้ยง?

นั่นเพราะพวกมันยังมีประโยชน์!

เย่กู่ เย่โน่ยังไม่อยากจิตวิญญาณแตกสลาย พวกมันยังไม่อยากตายอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นต่อให้ต้องสูญเสียอิสรภาพและศักดิ์ศรีไป ตราบใดที่ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ยังไงก็คุ้มค่า!

แน่นอน

สำหรับมนุษย์จิ้งจอกอย่างพวกมัน

สำหรับชาวพื้นเมืองที่อ่อนแอเช่นพวกมัน

โดยเนื้อแท้แล้วเสรีภาพและศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่หรูหราเกินเอื้อมฝัน!

ฮังอวี่กล่าวว่า “ฉันยอมไว้ชีวิตพวกแกก็ได้ แต่จะปล่อยให้อยู่ในเมืองหุบเขาเดียวดายในฐานะข้ารับใช้ แต่น่าจะรู้ใช่ไหมว่าฉันคงไม่ไว้ใจพวกเจ้าเล่ห์แบบพวกแกง่ายๆ”

มนุษย์จิ้งจอกทั้งสองกล่าว “ตราบที่ท่านขุนนางไว้ชีวิต พวกเรายินดีทำตามทุกอย่าง!”

ไม่มีการต่อรองใดๆ

จะเงื่อนไขไหนพวกมันก้มหน้ายอมรับทั้งสิ้น

ฮังอวี่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เสี่ยวไป๋ เอาตัวพวกมันไปขังไว้ในคุกใต้ดินของเมืองก่อน”

ฮังเสี่ยวไป๋ที่กำลังงุนงงเมื่อได้ยินคำสั่ง เธอก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงทันที “รับทราบ!”

เมืองหุบเขาเดียวดายเป็นเป็นเมืองที่มีองค์ประกอบครบครัน มีกระทั่งสถานที่อย่างเช่นคุก ซึ่งภายในคุกมีเอฟเฟกต์พิเศษเป็นของตัวเอง มันสามารถผนึกและสะกดพลังรบของมอนสเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี

ฮัสกี้กระดิกหางวิ่งเข้ามา “ฮ่ง เจ้านาย เจ้านายตั้งใจจะไว้ชีวิตมนุษย์จิ้งจอกสองตัวนี้จริงๆหรือ? เห็นๆกันอยู่ว่าเจ้านายมีราชาหมาป่าสุดหล่อเหลาและโดดเด่นคอยเคียงข้างอยู่แล้ว! ”

ฮังอวี่เขกหัวสุนัข “ไหนลองวิเคราะห์แล้วบอกซิ ว่าทำไมฉันต้องพยายามถึงขนาดนี้และยังเสี่ยงเก็บเชลยทั้งสองเอาไว้?”

หวังเอ๋อกล่าวด้วยความเจ็บปวด “ขอเจ้านายช่วยชี้แนะ!”

“นั่นเพราะการมีชาวพื้นเมืองเป็นข้ารับใช้มันดีต่อการพัฒนาดินแดนของพวกเรา”

“ตราบใดที่มนุษย์จิ้งจอกทั้งสองตัวนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหุบเขาเดียวดาย พวกมันจะสามารถรับสมัครทหารในเมืองได้ และทหารที่สร้างจะปรากฏในรูปแบบ มนุษย์จิ้งจอกระดับต่ำ ”

ด้วยสติปัญญาของหวังเอ๋อ

มันเอ่ยขึ้นทันที “ฮ่ง เปิ่นหวังเข้าใจแล้ว สิ่งที่เจ้านายต้องการไม่ใช่ตัวเย่กู่ เย่โน่ แต่คือสมุนทหารมนุษย์จิ้งจอก เพราะทหารที่สร้างจากพวกมันจะมีความสามารถโดยกำเนิดของพวกมันเช่นกัน”

“ถูกต้อง ในบรรดาทหารสายพันธุ์รองของพวกมนุษย์จิ้งจอกที่พวกเราเคยสู้มาก่อนหน้านี้ มี ‘มนุษย์จิ้งจอกนักสอดแนม’ รวมอยู่ด้วย เจ้าพวกนี้ถึงไม่แข็งแกร่งเท่าทหารราบเผ่ามนุษย์ แต่สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมีพรสวรรค์ในการลาดตระเวน ”

“ถ้าเมืองหุบเขาเดียวดายสามารถมีทีมมนุษย์จิ้งจอกนักสอดแนม ต่อไปเวลาเกิดสงคราม พวกมันสามารถช่วยลาดตระเวนได้ ซึ่งนี่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่เมืองหุบเขาเดียวดายได้เป็นอย่างมาก”

จู่ๆเจ้าหมาก็นึกขึ้นได้

เจ้านายไม่เคยทำสิ่งที่ไร้ความหมาย

ก่อนหน้านี้มันเคยสงสัยว่าทำไมเจ้านายถึงฆ่ามนุษย์จิ้งจอกระดับสูงหลายตัวในถ้ำรวมไปถึงโอนุ แต่กลับปล่อยให้เจ้าสองตัวนี้ทิ้งไว้?

เหตุผลที่ฮังอวี่เลือกเย่กู่ เย่โน่

หลักๆก็เพราะมนุษย์จิ้งจอกทั้งสองตัวนี้ยังไม่แก่เกินไป และพลังรบยังไม่มากเกินไป

ในบรรดา18 กองโจรมนุษย์จิ้งจอกแห่งเมืองหุบเขาเดียวดาย เดิมพวกมันอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม ดังนั้นเมื่อเทียบกับลูกันหรือโอนุที่ดื้อรั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ควบคุมได้ง่ายกว่า

แน่นอน

ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ต้องรู้ไว้

ถึงอย่างไรเมืองหุบเขาเดียวดายคือดินแดนของมนุษย์!

และไม่ว่าดินแดนไหนในโลกวิญญาณก็ล้วนมีสายพันธุ์หลักที่ปกครองสถานที่แห่งนั้นได้เพียงสายพันธุ์เดียวเท่านั้น!

ดังนั้นกองทหารหลักของดินแดนจึงต้องเป็นทหารเผ่าพันธุมนุษย์เท่านั้น

ชาวต่างถิ่นหรือต่างสายพันธุ์สามารถเข้าร่วมดินแดนในฐานะข้ารับใช้ได้และสร้างทหารของตัวเองได้ก็จริง แต่สุดท้ายยังมีข้อจำกัดมากมาย

ข้อจำกัดที่ว่าก็เช่น ระดับของทหารที่สร้างต้องไม่สูงกว่าเลเวลของขุนนาง

และอีกอย่างเช่น จำนวนทหารที่สร้างได้ของชาวต่างถิ่นมีจำกัด

หลักๆแล้วเมื่ออยู่ในสถานะชาวต่างถิ่นในดินแดนของคนอื่น ต่อให้ได้รับอนุญาตในการสร้างทหาร แต่ขนาดของกองทัพทหารต้องไม่เกิน 10% ของทั้งหมดเท่านั้น

กล่าวคือ

ในทุกๆดินแดน

จำนวนทหารที่ชาวต่างถิ่นสามารถสร้างได้คือไม่เกิน 10%!

เพราะหากมากเกินกว่านี้มันอาจส่งผลกระทบต่อการควบคุมดินแดนได้!

จริงอยู่ที่ฮังอวี่สามารถมอบหมายสิทธิ์นี้ให้แก่เสี่ยวไป๋ในการสร้างภูติมายา แต่เผ่าภูตินั้นจัดอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง ขณะที่ดินแดนขนาดเล็กเช่นเมืองหุบเขาเดียวดาย สามารถรับสมัครได้แค่ทหารสายพันธุ์รองระดับต่ำสุดเท่านั้น ดังนั้นมอบสิทธิ์นี้ให้แก่เย่กู่ เย่โน่จะคุ้มค่ากว่า

หวังเอ๋อเอ่ยถามอีกครั้ง “ฮ่ง เจ้านาย เปิ่นหวังยังมีข้อสงสัย”

ฮังอวี่เหลือบมองมัน “จะถามอะไรก็รีบๆพูดมา!”

“เจ้านายมีแผนจะแก้ปัญหาเรื่องความภักดีของมนุษย์จิ้งจอกยังไง?”

ที่เจ้าหมาถามก็มีเหตุผล

เพราะจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์จิ้งจอกทั้งสองหนีไประหว่างที่ฮังอวี่เผลอ?

ในความเป็นจริงแล้ว

ปัญหานี้แก้ไขได้ง่ายมาก

ฮังอวี่กล่าวว่า “เวลาคูลดาวน์ของนกหวีดทองแดงใกล้ครบแล้ว เพราะงั้นคราวนี้ ฉันว่าจะซื้อสัญญาอุปการะเพิ่มอีกซัก 2 ม้วน และให้เหล่าจ้าวกับเหล่าฉูทำสัญญากับพวกมัน แค่นี้ก็ไม่ต้องกังวล”

ปัญหาทั้งหมด

ฮังอวี่เตรียมวิธีแก้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

นอกเหนือจากสัญญาอุปการะ

ฮังอวี่ยังตั้งใจที่จะซื้อสัญญาสร้างองค์กรอีกด้วย นี่ก็เพื่อให้ตำแหน่งผู้นำของเขามั่นคง เนื่องจากผลผูกพันในสัญญา ขณะเดียวกันหลังจากทำสัญญาประเภทนี้แล้ว มันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์แก่สมาชิกในองค์กรเช่นกัน ช่วยสร้างความสะดวกต่อการเติบโตและพัฒนาทีมในอนาคต

นอกเหนือจากนี้

ยังมีของอีกหลายชิ้นที่ฮังอวี่ต้องการจะซื้อ

ดูท่าคงถึงเวลาเตรียมหินคริสตัลจำนวนมากอีกครั้ง!